4 กุมภาพันธ์ 2549 02:32 น.

ลำนำพืชผลตระการ (Everlasting Penteousness)

ลำน้ำน่าน

เขียวดอกจอกลอยลายพรายผิวน้ำ
หากไต่ถามถึงจุดหมายใช่ยิ่งใหญ่
ดุษณีกฎอาสัญแห่งวันวัย
อยู่ภายใต้เงาอาทิตยมณฑล

เขียวเลื่อมเขียวใบตองคล้องร่องกล้า
งามบุหงาดอกแคเคล้าสายฝน
โอนอ่อนตำลึงไพรเกี่ยวใจคน
ผักพืชผลสารพันนั้นแสนงาม

เดียวดายพุ่มกระถินกลิ่นชนบท
น้อมประณตสายลมทุ่งสยาม
ดอกโสนแย้มคอยคู่อยู่ทุกยาม
รอดอกขจรหอมข้ามความยากจน

สวยสายบัวบังใบกลางหนองบึง
งามลึกซึ้งพระเณรทุกแห่งหน
กระชอมดอกเหลืองไพลในตำบล
อวลระคนหอมข้าวใหม่มะลิลา

หอมกระเทียมยามเทียมเกวียนเมื่อรุ่งราง
กรุ่นควันไฟลอยพร่างกลางพรรษา
หอมศีลงามน้ำปรุงอุบาสิกา
อบผวยผ้าซิ่นฝ้ายลายน้ำไหล

ถั่วฝักยาวรู้ชีพนี้มิยืนยาว
เหน็บหนาวผิงเตาถ่านข้าวหุงใหม่
รุ่งอรุณแล้วสว่างมาสว่างไป
กระทงตองเขียวไสวมีโรยรา

ยอดผักบุ้งมุ่งทอดสู่ธาราธรรม
ระงมงำลำนำท้องทุ่งคุ้งภูผา
ปลีดอกกล้วยสลายหวีมรณา
ต่างปุจฉาธรรมชาติบนแผ่นดิน

พรวนพรายมะเขือพวงพรรลาย
มิมุ่งหมายยศศักดิ์รักท้องถิ่น
ไหววิญญาณช่อสล้างร้างมลทิน
กรุ่นกลิ่นดอกไม้ละเอียดอุ่นไอ

ยอดสะเดาใครเขาว่าขี้ข้าผัก
ดูน่ารักหนักหนาหาใช่ไม่
ขิงก็ราข่าก็แรงแก่งแย่งสิ่งใด
ต่างมุ่งไปสุดทิศจิตกาธาน

พลิกแปรโลกผืนหล้าอรัญญิกาลัย
อายตนะไหนฤาศรัทธากว่าเขียวขาน
เครียวกิ่งใบกสิกรรมอันตระการ
อภิบาลกษัตริย์เจ้าอัมรินทร์

สิ้นพืชผลธัญญาหารวิมานข้าว
บางลำเนาเหน็บหนาวธัญศิลป์
หมดหนทางปัญญาทำมาหากิน
ขอดขุดแผ่นดินขายทุนนิยมระยำ

เร่งรำลึกคุณแผ่นดินพันธุ์ไม้เลื้อย
ก่อนเน่าเปื่อยอสุภซากจมดินถลำ
อิ่มข้าวปลาแก่นผักเขียวทุกเคี้ยวคำ
เริงลำนำมนต์อาตมันสุวรรณภูมิ

--------------------------------
ท่ามกลางวิมานกสิกรรมเขียวไสวแห่งตำบลชนบทนั้น
บัดนี้การกสิกรรมในพระราชดำริแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทิพยทฤษฏี  บิดาแห่งการเกษตรแบบทฤษฏีใหม่ นำน้ำตาแห่งปิติมาสู่
พืชผักงอกงาม พลิ้วไสวอยู่ในตำบลชนบท เรียบง่าย สันโดษ 
หากทว่าน่าภาคภูมิ.

ด้วยศรัทธาและมุ่งเห็นประโยชน์แห่งการเกษตรแต่ปางบรรพ์
พระเจ้าอยู่หัวแห่งสยามจึงได้ทุ่มเทพระวรกายพัฒนาการเกษตรยั่งยืน
ทรงประทานฝนหลวงที่เสมือนฝนเดือนหกที่โปรยรดไร่นาเกษตรกร
ให้บรรดาพืชผักใหญ่น้อยได้ผลิดอกออกผล ผลิคุณค่าให้แผ่นดิน
ให้ฝรั่งมังค่าอิจฉาตาลุกเป็นไฟ บังอาจเอาเงินงามมาล่อ 
บ้างยอมเป็นเขยชาวนาแม้มิใช่เพราะรัก

ชาวสยามสมัยนี้ถือว่ามีโชค มีข้าวกิน มีที่ดินมีผืนนามีแผ่นดินเกษตร
ถึงยากจนอย่างไรก็พอเลี้ยงชีพได้ มิหวังให้กระแสทุนนิยมย่ำยีระยำ

พ่อบอกว่า  การเกษตรกรรมคืออาหารแห่งอารยะ 
เป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงอารยะธรรมมนุษย์...
แล้วเหตุใดเล่า ชาวไทยทุกวันนี้จึงหนีรากเหง้าแห่งอารยะธรรมตัวเอง

นึกไปแล้วก็น่าเสียดายที่ไทยเราสูญเสียจิตวิญญาณดีงามแห่งสุวรรณภูมิ
ให้กับกระแสทุนนิยมนิรันดร์กาล.


				
19 มกราคม 2549 00:11 น.

สุขใจในพรหมโลก (Emptiness in the Endless Land)

ลำน้ำน่าน

กระพุ่มมือเก็บกองบุญบารมี
อสงไขยโกฎิปีชาติหลากหลาย
นิรมิตปัญญาญาณไว้มากมาย
มุ่งหมายปรารถนานฤทุกข์

ปริศนาพระพรหมเหนือสวรรค์
ราตรีนั้นดื่มด่ำฌานสงบสุข
เสาะหานานแสนนานนิรยุค
บุกบากบั่นบนกระแสนิรพาณ

พรหมปาริสัชชาครรไลหงส์
อัสดงดานกิเลสเสถียรสถาน
อุบัติเอกอารมณ์ปฐมฌาน
สู่รุ่งลานเลื่อมลัภย์ประภัสสร

แสงประณีตทอทิพย์เหนือทับเมฆ
งามวิเวกอิ่มเอิบกว่าภูมิก่อน
รุ่งเรืองกว่าแสงรพีนิรันดร
โพ้นนวลจรแจ่มจันทร์นิรันดร์กาล

กลมเกลี้ยงสรีระพระพรหมกาย
วนวายรอยต่อทิพยสัณฐาน
เกศเกล้าเปล่งประภาชฎาธาร
วิมานสมาบัติจักสว่างไสว

พุทธันดรนานนับหลายกัปกัลป์
รอคืนวันพุทธประทีปอุบัติใหม่
พุทธุปบาทกาลนานเพียงใด
จักมุ่งไปสู่รุ่งแจ้งแห่งภาวนา

ปุโรหิตาภพภูมิใดจักไปเกิด
ล้ำเลิศเหนือเสวยสวรรค์นักหนา
วิมานทิพย์สุกปลั่งกว่าเทวดา
ปรารถนามหาพรหมพระนภจร

ดอกรังร่วงกิเลสร้างปล่อยวางวาย
สละกายสู่ปริตตาภาบรรจถรณ์
อัปปมาณาภาทิพยกชกร
ประภัสสรรัศมีสมาบัติบรรพ์

รัตนากรจักล้างภพสักหมื่นห่า
เวหัปผลาพรหมภูมิฤาอาสัญ
ทั้งสามโลกเพลิงไฟบรรลัยกัลป์
สายวายุเบี่ยงหันยุคันธร

พาจิตไปอุบัติอสัญญีสัตตา
สละวางสัญญาเจตสิกสอน
วิราคภาวนาทิพยพรหมพร
ข้ามสีทันดรมุ่งแดนโสดาบัน

ท่ามวิมานบุปผชาติห้อมล้อม
หอมทิพย์สุคนธรสอาถรรพ์
ไม่รู้โรยไม่รู้ร่วงไม่รู้วัน
อุปมารูปพรรณดั่งเปลวทอง

ปรารถนานั้นสูงส่งแสนนักหนา
สุทธาวาสภูมิพรหมทั้งผอง
ตามอริยบุรุษพุทธครรลอง
ครอบครองฌานแก่กล้าอนาคามี

ภาวนาตราบดวงจิตนิมิตใหม่
ทะยานไปจากรูปพรหมวิถี
ปล่อยวางอริยคุณงามความดี
โพ้นปัญญินทรีย์ปรินิพพาน

นิรันดร์ใจรุ่งแจ้งอยู่เบื้องหน้า
ไขว่คว้าแดนนิรทุกข์ไพศาล
ปรารถนาอรูปพรหมอยู่ชั่วกาล
อริยญานชั้นใหนสุขใจจริง

จากอากาสานัญจายตนภพ
สงบละเอียดอ่อนไร้รูปสิง
อิ่มเอิบเพียงจิตนิรมิตอิง
มิไหวติงท่ามสว่างพรหมสถาน

เหนือพรหมาณฑ์ปฏิเวธภาวนา
พรหมาเทียมเอกวิเศษวิศาล
เหนือเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
พระนิพพานแย้มประตูอยู่นั่นแล้ว

------------------------------
แรม ๔ ค่ำเดือน ๒ พระจันทร์เคียวเกี่ยวดาวฟ้าอยู่พราวพราย
บทเพลงบรรเลงพระนิพพาน กำลังกล่อมดวงจิตเงียบงาม ณ ยามราตรีนี้
ข้าพเจ้าหยิบหนังสือในดวงใจขึ้นมาอ่าน หนังสือพรรณนาถึงปฏิปทา
และความอัศจรรย์ของการภาวนาให้เข้าถึงอริยมรรคในทางพุทธศาสนา
ตอนหนึ่งรจนาเรื่องพระพรหมผู้วิเศษ ที่มีปรากฎในคำภีร์พระไตรปิฏก
แปลกที่ดวงจิตรู้สึกสงบงามอย่างล้ำลึก  ทะยานไปสู่ดินแดนพรหมโลก
ดินแดนแห่งความสุขประณีต อันยากยิ่งที่ปุถุชนอย่างเราๆ จักก้าวไปถึง
พรหมโลกทั้ง ๒๐ ชั้นมีอรรถาวรรณาอธิบายไว้ลึกล้ำ...
อัศจรรย์วิเศษที่มีในพุทธศาสนาแห่งพระประทีปแก้วเท่านั้น
สมถกรรมฐาน คือหนทางแห่งนิรทุกข์...

นานๆ ครั้งได้รจนางานธรรมะล้ำลึก พอเป็นแรงให้ฝ่าข้ามปราการนที
และกระแสสังคมอันเชี่ยวกรากอย่างทุกวันนี้นะครับ

----------------------------------------------------
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
๑๘ มกราคม ๒๕๔๙



				
6 มกราคม 2549 08:58 น.

เสียงกระซิบจากที่ราบลุ่ม (Whispering of Water Grass Palace)

ลำน้ำน่าน

เสียงกระซิบจากที่ราบลุ่มน้ำ
เปล่งเพลงความสารัตถะยิ่งใหญ่
แผ่วผสานเสียงครวญลมหายใจ
ใบบงกชวิมานหญ้าป่ารกชัฏ

ลอยเรือพายล่องขนานลานวารี
ปราศนาการแสงสีสงบสงัด
ละเอียดอณูต่ำต้อยทยอยพลัด
อาณัติกฎธรรมชาติซาบซึ้ง

โพ้นโพยมพยับแดดพรายทะเล
วิหคเห่แมลงภู่ผึ้งหึ่งหึ่ง
ไหววิเศษพรูระงมลมพัดตึง
ดาวดึงส์ดั่งสภาวะนั้นสุนทรีย์

พรวนแพงพวยพันปลายสายบัวเปลือย
ทอดเลื้อยโอนอาจเอื้อมสุรีย์ศรี
ตั้งหน้าคว้าไขว่หลายโกฏิปี
จมนทีเชี่ยวกรากกราบกราน

แผ่วเบาสาหร่ายร้อยพรายคลื่น
ดกดื่นสายพันธุ์อัศจรรย์ไพศาล
ตกต่ำเต่าตมมิดจิตกาธาน
ภพบ้านภูมิไหนในโลกรื่นรมย์

งามตฤณชาติชงโลงพักอาศัย
หลบรากใยระลอกน้ำถาถม
มิปรารถนาหญ้าเน่าโสมม
จ่อมจมดงโคลนชัฏช้าชั่วกัลป์

เพรียบพกาปีกขาวพร้อยคอยสิ่งใด
มิบินไปเยี่ยมทิพย์ธาราสวรรค์
มัจฉาชาติเวียนว่ายวิลาวัลย์
เหนือโลกันตร์บึงวัฏฏะทรมาน

พรรลายกบกุ้งหอยปูปลา
ฝืนฝ่าสายสังคมน่าสงสาร
มืดบอดอุกฤษฏ์นิพพิทาญาณ
ขรมขานหลงเสน่ห์ผสมพันธุ์

ผุดจากน้ำหนาวเหน็บแสนเบื่อหน่าย
โคลนใต้ตายต้องตมอาถรรพ์
หมายมุ่งลุ่มน้ำใดในไกวัล
เสียงกระสันกระซิบจากแดนไกล

สุคนธชาติหอมบัวหลวงเกสรผสม
ระงมเสียงดุเหว่าทองหวานไหว
เสียงกระซิบจากแว่นแคว้นแดนใด
งามไซร้กว่าเสียงธรรมชาติไป่มี

เหนือหูกระจิบกระจ้อยปูปลา
คือค่าทิพยโศรตรวิถี
ล่องเรือวิปโยคแม้นโชคดี
สดับถ้อยวาทีธรรมะตระการ

เสียงกระซิบจากที่ราบลุ่มน้ำ
ฤาจักงามชั่วกัลปาวสาน
แว่วผสมเสียงครางครวญทรมาน
ยาวนานท่ามดงชัฏช้าสังสารวัฏ

------------------------------
ข้าพเจ้าเปิดศักราชใหม่ด้วยการไปเยือนดินแดนลุ่มน้ำ
ดินแดนแห่งดงหญ้า ป่ารกชัฏ ที่แผ่อาณาจักรไปทั่วบริเวณ
เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้น้ำนานาพันธุ์ 
บัวหลายชนิด 

ท่ามกลางเรือหาปลาลำเล็กที่ล่องไปในดงป่าชัฏช้านั้น
ปรากฏเสียงบรรเลงเพลงวิมานลุ่มน้ำระงมงาม กบเขียดน้อย
นกน้ำเดียวดาย  เป็นบรรยากาศที่รื่นรมย์ สะกดวิญญาณศิลปิน
อย่างเราๆ ท่านๆ ให้หลงเสน่ห์

หมู่สาหร่ายกระจิดริ๊ด เริงระบำคลื่นน้ำรื่นรมย์ 
ในเบื้องลึกแลเห็นโคลนต่ำต้อยนอนสงบนิ่ง 
รอวันมัจฉาชาติว่ายวนให้ฟุ้งกระจายบดบังทัศนียภาพอันล้ำลึก

ข้าพเจ้าคิดว่าองค์ประกอบทั้งปวงแห่งดินแดนลุ่มน้ำ
มีความหมายในเชิงกว้าง ลุ่มลึกไปถึงสัจธรรมแห่งธรรมชาติ 
ชวนให้มองลึกซึ้งไปในวิถีแห่งการเวียนว่าย
วิถีแห่งการพึ่งพิงระหว่างชีวิตกับชีวิต 
มองลึกไปถึงวิถีแห่งการเกิดดับ เป็นต้น

หากมีโอกาสลองหาเวลาว่างสักครั้งในชีวิต
ไปล่องเรือเหนือดินแดนลุ่มน้ำ  สัมผัสรอยยิ้มของชาวประมง
ยากจนแต่น้ำใจดี มองภาพไกลๆ ฝูงวัวควายสันโดษ  
สัมผัสความหมายอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยู่ในวิถีธรรมชาติดูบ้าง
บางครั้งเราอาจค้นพบคติชีวิตบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ 
และน่าน้อมนำมาครวญใคร่ อาจเป็นวิถีที่นำไปสู่ความปล่อยวาง 
เรียบงาย และงดงามท่ามกลางความทุกข์ทน

------------------------------
สุขสันต์ปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๔๙
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
				
29 ธันวาคม 2548 01:07 น.

ลมหายใจของแผ่นดิน (Breath of the Land)

ลำน้ำน่าน

ไหวลมใจแผ่นดินภูระโลก
ไกวดอกโศกสู่เหวบาดาลสถาน
งามดอกไม้ปาริชาตช่อตระการ
เบ่งบานประดับภูมิเบื้องบรรพต

แว่วเสียงทองการเวกมาครวญหา
จากป่าหิมพานต์หวานหยาดหยด
โผผกเทียมเวหาสราชรถ
ทศทิศโพยมยานไปลับตา

ไหวลมใจงามแผ่นดินชมพูนที
สายวารีบ่าเซาะเพิงภูผา
งามเงื่อนเงาอรัญเถาวัลย์วนา
ปรารถนาสนองนับชั่วกัปกัลป์

โค้งเคียวทองข้าวรวงรุกขชาติ
บรรเลงพาทย์โรยลมหอมมากล่อมขวัญ
ปวงพฤษภกงเกวียนกล้าสารพัน
อภิวันเทพีข้าวคุ้มดินแดน

ประหนึ่งสายชีวามหาอุปรากร
มหิธรเจ้าของธาตุอากาศแสนย์
ปรุงฟากฟ้าสุธารสมิขาดแคลน
แว่นแคว้นสุวรรณภูมิสุนทรีย์

เสนอสนองวิญญาญสมานสมัย
จักไม่ไปแม้พรหมโลกวิเศษศรี
แตกดับเกิดกลายหลายพันปี
ผลิพลีแด่มนุษย์ทุกยุคไป

โรยละอองสายน้ำค้างกลางหาว
คืออัสสุชลหมู่ดาวยิ่งใหญ่
วิปโยคกระจิดกระจ้อยน้อยใจ
รำไพพรายพระจันทร์วันเพ็ญ

สะอึกสะอื้นยังเหม่อมองโลกธาตุ
ลานสะอาดดอกหญ้าดาราเห็น
หนึ่งแววตาชรายากอยู่ลำเค็ญ
จักฉายแสงพอเป็นทิพย์ส่องทาง

กลั้นลมใจรวดร้าวดาวอมโศก
อับโชคแสงส่องคุ้งเมื่อรุ่งสาง
ปรุงธาตุแผ่นดินเช้าค่ำอำพราง
แล้วปล่อยวางชีพจรสอนวิมุตติ

หมู่ปลากระซิกกระซี้สายน้ำไหล
เสรีภาพอันใดใหญ่เท่ามหาสมุทร
เกลียวสาหร่ายกิเลสร้อยคอยมนุษย์
หลงดำผุดเริงวัฏฏะทัศนาจร

กาลโยคเวลาคล้อยมิคอยเกิด
เถิดตอบแทนผืนดินถิ่นบรรจถรณ์
อันสิ่งใดในโลกนี้มิถาวร
สองพันปีมลายรอนอันตรธาน

หลากหลายธรรมชาติแก่นชีวิต
เหลือสถิตนิดน้อยคอยลูกหลาน
เสพลาภใดหนอมนุษย์สุดประมาณ
แม้นิพพานอัปยศหมดทางไป

ใกล้สิ้นโลกปางบรรพ์นิรันดร์แล้ว
ฤาจักปลดบ่วงแร้วนรกสมัย
อวสานสายธาราฟากฟ้าครรไล
อนาถใจชีพแผ่นดินมาสิ้นบุญ

------------------------------------
หลายศตวรรษแล้วที่ทรัพยากรแผ่นดินผืนนี้ได้หล่อเลี้ยงมนุษย์
ทั้งจตุรธาตุที่แตกดับแล้วก็เกิดใหม่นับประมาณค่าบ่มิได้
จากบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่า จวบจนปัจจุสมัย...

ข่าวคราวการอันตรธานไปแห่งทรัพยากรทางธรรมชาตินั้น
ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน อาทิ ป่าไม้ และแหล่งน้ำจืด
ที่นับวันจะส่งผลกระทบทางด้านนิเวศวิทยา ชีวิตและผู้คน
ฝนแล้ง น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ฝนกรด อากาศเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือผลพวงของการเสพประโยชน์จากธรรมชาติ
ที่ขาดความสมดุลของมนุษย์ทั้งหลายนั้นเอง

ถึงเวลาหรือยังที่เราจะหันกลับมาชุบชีวิตธรรมชาติแหล่งสุดท้าย
ก่อนอำลาโลกนี้อย่างนิรันดร์  ปลูกต้นไม้ตอบแทนผืนแผ่นดินเนาว์
ศักราชใหม่เราหวังว่าจะร่ำรวยและมีเงินทองมากมาย 
แต่จะมีใครสักกี่คนที่หวังจะได้ป่าไม้ แม่น้ำใส อากาศบริสุทธิ์
เพิ่มมากขึ้น  คิดแล้วก็ได้แต่เศร้าเมื่อลมใจแห่งแผ่นดินกำลังขาดรอน

รอเพียงวันธรรมชาติลงโทษอีกครากระนั่นหรือ???

-----------------------------------------------------
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๘

				
23 ตุลาคม 2548 23:08 น.

วิมานข้าวเปลือก (Rice Field Palace)

ลำน้ำน่าน

งามเดือนทองศุกร์สกาวเช้าวันพระ
อายตนะหนาวเหมันต์อันอ่อนไหว
ผกายดาวประจำเมืองรองเรืองไป
ลอยครรไลละเมอเสียงโกกิลา

งามฤดูรอยเกวียนอย่าเปลี่ยนแปร
สวยกระแสสายนทีปรารถนา
ข่าวคนไกลฝากลมเหนือเจือล่องมา
สะอื้นกล่อมนนตราข้าวนาปี

อุษาโยคย่ำรุ่งเพลตะโพน
ทยอยโยนยั่งยืนอยู่ฤดูวิถี
อณูหนาวมนตร์รวงทองรองรุจี
เสรีอารยธรรมธัญมณฑล

รวงราวเลื่อมรงทองผองยวงเมฆ
ฤาปัจเจกสวรรค์แสร้งเวหาสหน
เลื่อนวิมานเทวดาจาตุรนต์
ระนาบทุ่งตำบลทิพย์ตระการ

รวงเครียวรวงโอบรวงห่วงอาทร
ใบเครียวใบบรรจถรณ์โอนอ่อนหวาน
ระวางคูนพวงระหงทรงบาดาล
ปานป่านผ้าทิพย์ไหมฝ้ายสยายใย

จ้าวปิ่นแก้ว...ข้าวนาสวนสบเดือนสาม
อุโฆษนามรวงพันธุ์บรรพสมัย
สลายรวงอำลาลานนาไป
โพสพไซร้เหน็บหนาวโศกเศร้าตาม

ดอกมะลิรวงขจรหอมอ้อนทุ่ง
มาเจิมยุ้งทิพย์แผ่นดินถิ่นสยาม
ทุ่งกุลาหย่าร้องไห้ท่วมนาทาม
อุทกข้ามสุวรรณภูมิธาตุธาตรี

เนรมิตความเป็นไทอสงไขยฤดู
เกิดดับอยู่เอกราชชาติศักดิ์ศรี
อิ่มพระคุณเมล็ดข้าวอิ่มความดี
อิ่มเมตตาบารมีเจ้าแผ่นดิน

งามข้าวกล้าสายวสันต์วันวัยเยาว์
ตื่นจากเขลาขุนชีวิตตราบโผผิน
หุงข้าวใหม่หวานน้ำข้าวดื่มกิน
ลิ้มทรัพย์สินภูมิปัญญาบรรพชน

ฤดีครวญฤดูคราวหนาวเหมันต์
เหลืองอำพันรวงข้าวสุกทุกแห่งหน
แต่งทิวทับวิมานทองผองคนจน
อวลระคนสุนทรียภาพตราบกาลกัลป์

เพรงบุญคุณ..ข้าวแดงแกงร้อนรอด
ไม่วายวอดขายนาน้อยอาถรรพ์
กลิ่นข้าวเก่าค้างปีไม่มีวัน
กลายสายพันธุ์เนรคุณดวงชีวา

สิ้นเดือนทองสะท้อนแอกคืนแปดค่ำ
หนาวลำนำวิมานข้าวหนาวหนักหนา
หนาวลมใจรินรินร้าวทาสชาวนา
ให้อับค่ามนุษย์ไหนไม่ซาบซึ้ง

-----------------------------------------------
วันนี้วันว่าง ข้าพเจ้านอนดูเฆมที่เคลื่อนคล้อยมาจากสารทิศ
โอบอุ้มเมฆฝนหนักอึ้ง เพื่อมาโปรยลงในแผ่นดินสุวรรณภูมิ

ข้าพเจ้าหยิบหนังสือเล่มงามนาม ข้าวของพ่อ 
หนังสืองามที่รจนาเพื่อเทอดทูนพระเจ้าหัวอยู่  
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก
พลีพระปณิธานเพื่อพัฒนาการกสิกรรม 
อันเป็นภูมิปัญญาทองของสยาม และกล่าวถึงพระคุณของ ข้าว 
แห่งสยาม ข้าพเจ้าน้ำตาไหลเมื่ออ่านจบ

สายวสันต์สั่งลาฟ้าแล้ว เหลือเพียงฝนไล่ท้องข้าวที่ปราดมาบางขณะ
ทำให้จิตประหวัดไปถึงทุ่งข้าวแห่งความฝัน ที่ไปฝากฝันฝากดวงใจไว้
เมื่อยามต้นวสันต์  ที่ขณะนี้นั้นกำลังจะสุกเหลืองระยับไปทั้งทุ่ง
วัวควายจะได้ลิงโลดใจ ที่ท้องทุ่งกลับมาเป็นของพวกเขาอีกครั้ง
หลังจากที่อุดอู้อยู่ในคอก กินหญ้าเกี่ยว มานานหลายเดือน


ลมหนาวเริ่มโรยตัวลงอาบท้องทุ่งที่ราบสูงแล้ว
จิตวิญญาณชาวนาอย่างข้าพเจ้าก็บรรเจิด ด้วยสีสันแห่งฤดูกาล
ทำให้ความสุขสงบ เรียบง่ายเกิดขึ้นในดวงใจอยู่เสมอๆ 

ท้องทุ่งรวงทองสีเหลืองระยับจักกลับมาเยือนแผ่นดินถิ่นนี้
ริ้วลมหนาวนำหมอกมาโรยไว้เหนือท้องทุ่ง
วิมานข้าวเปลือกในจินตนาการก็กลับคืนสู่หมู่บ้าน
มะม่วงพุ่มหนาจะแตกช่อสีขาวหม่นขึ้นคลุมต้น
อารยธรรมอันดีงามแห่งแผ่นดินจะกลับมาหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณผู้คน
ไม่มีความสุขไหนจะงดงามไปกว่านี้อีกแล้ว

*พ่อบอกว่า เป็นคนไทยไม่ควรลืมพระคุณข้าว 
และอย่าให้เหมือนกับคำเปรียบเปรยคนโบราณที่ว่า 
ไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อน  ข้าพเจ้าอ่านแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้ง*

-----------------------------------------
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
แด่รวงข้าวทุกๆ รวง


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน