14 พฤศจิกายน 2547 01:54 น.

มนต์รักข้าวคอยเคียว (The Spell of Harvest)

ลำน้ำน่าน

พอสิ้นสายสร้อยฝนพรมทุ่งท่า
ลมเหมันต์หลั่นฟ้ามาอีกหน
ห่มท้องทุ่งสีทองของคนจน
เจิมตำบลข้าวนาก่อนลารวง

ป่าวเพลงเกี่ยวโห่ร้องจึงก้องไป
สู่ทิวตึกศิวิไลซ์ในเมืองหลวง
บอกข่าวนาไม้ดอกออกพุ่มพวง
ว่าตะแบกหม่นม่วงจะร่วงลา

เรียกหนุ่มสาวชาวทุ่งมุ่งกลับถิ่น
สู่แผ่นดินเถียงนาน้อยคล้อยพรรษา
คืนมาเกี่ยวรวงทองของท้องนา
คืนมาสู่วิญญาญ์ชาวป่าพฤกษ์

สู่วิมานฟางข้าวเมื่อหนาวเยือน
ฟังพ่อแม่สอนเตือนจนเดือนดึก
ตราบน้ำค้างหยดยวงในห้วงนึก
ร่วมรำลึกเพลงเกี้ยวเกี่ยวอุรา

แหล่ะเมื่อคลายวังเวงบทเพลงไพร
ครวญหรีดหริ่งเรไรใกล้อุษา
กล่อมอรุณเสียงโนรีสาลิกา
ยามฝั่งฟ้าแสงทองเรืองรองรับ

แม่ดอกกระถินริมรั้วทั่วท้องทุ่ง
บานจรุงอีกคราวเกล็ดหนาวจับ
ไกลออกไปโพ้นคุ้งรุ่งระยับ
ปวงไก่ป่าแซ่ศัพท์เสียงลับลอย

ข้าวอ่อนโยนโอนช่อพ้อหมอกหนาว
ระบัดโศกทิ้งเศร้าร้าวร่วงผล็อย
โน้มรวงรอคล้องเกี่ยวคมเคียวคอย
จากมือน้อยสาวบ้านนามิช้านาน

หน้าเกี่ยวข้าวอกหนุ่มก็รุ่มร้อน
เมื่อกระโดนแดงดอนซ้อนสีหวาน
บานสาดทุ่งหนุ่มคอยรอยกันดาร
กลัวโรยลาญลิ่วลับไปกับลม

ดอกโสนรอแย้มแต้มมนต์รัก
พยานภักดิ์สองใจได้สุขสม
เพลงสงฟางกลางนายังน่าชม
เคียวลับคมเหน็บฝาสัญญาไว้

ท้องทุ่งเหลืองอร่ามแล้วแก้วกานดา
เสียงนกร้องเตือนว่าอย่าหวั่นไหว
น้ำในคลองลงตลิ่งนิ่งรำไร
กลัวน้ำใจเหือดแห้งแล้งหน้านาง

ข้าวรอยุ้งของน้องก็อ้อนโหย
กลัวร่วงโรยไร้ใครเกี่ยวใส่ฉาง
จะเรี่ยรายหล่นดินสิ้นหนทาง
หากไร้คู่เคียงข้างช่วยงานนา

ช่อรวงทองเหลืองสุกทุกท้องทุ่ง
เถิดหมายมุ่งคืนถิ่นทิ้งยศฐา
พี่ลับเคียวรอรับกับน้ำตา
รอสาวนาคืนมาเกี้ยวเกี่ยวรวงโอนฯ

-----------------------------
มนต์เสน่ห์แห่งบ้านนานั้นงดงามเป็นอมตะ
ฤดูเก็บเกี่ยวก่อตำนานรักระหว่างสาวหนุ่มบ้านนา
เมื่อเพลงเกี่ยวข้าวดังขึ้น  บทเพลงแห่งท้องทุ่งก็เริ่มบรรเลง
หลังจากที่จากบ้านนาหลังฤดูปักดำเสร็จ ข้าวก็แตกกอรอรวง
จนกระทั่งบัดนี้ ข้าวในนาเหลืองสุกอร่ามทาบทาไปทั้งทุ่งแล้ว
หนุ่มสาวชาวนาที่ทิ้งถิ่นไปทำมาหากินในเมืองหลวง
ก็ได้เวลากลับมาจับเคียวเกี่ยวรวงโอน ความรักในฤดูนี้ก็งอกงาม
ด้วยหนุ่มสาวมีโอกาสใกล้ชิดกันในงานนา

ผู้คนมากมายที่กินข้าวเลี้ยงชีวิตอยุ่ทุกเมื่อเชื่อวันในโลกนี้
น่าเสียดายที่บางคนไม่มีโอกาสซาบซึ้งกับความงดงามเบื้องหลังเมล็ดข้าว
ตำนานความลำบาก การเสียสละ ตำนานแห่งกระดูกสันหลังของชาติ
และที่สำคัญตำนานแห่งความรักอมตะท่ามกลางความยากไร้
แต่ทว่างดงามงามและงอกเงยขึ้นด้วยความสามัญและความรักเที่ยงแท้
เฉกเช่นนวนิยายอมตะ อย่าง *ขวัญเรียม* หรือ *มนต์รักลูกทุ่ง*
ที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างไม่มีวันตายไปกับกระแสวัฒนา

หากกำลังท้อใจ ลองใช้เวลาว่างออกไปมองท้องทุ่ง มองวิถีชีวิตชนบท
ออกไปมองธรรมชาติรายรอบตัวที่หนีออกไปจากกรงกรุง
บางที่เราอาจจะพบทางออกและคำตอบบางอย่างให้กับชีวิต
พบความสุขในมิติใหม่ที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง
มิติที่เรียบง่าย สามัญ และงดงามตามธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง
แล้วโน้มความสุขที่ได้นั้นมาเป็นกำลังใจในยามที่ท้อแท้
ด้วยคิดว่า โลกนี้ยังมีธรรมชาติที่มีค่าคู่ควรแก่การดำรงอยู่
เยี่ยงผู้ให้และผู้รับ เป็นความรักที่บริสุทธิ์และยั่งยืนนิรันดร์

				
5 พฤศจิกายน 2547 00:47 น.

เบิกรุ่งพิกุลระบายหล้า (Virtue of Dawning Flower)

ลำน้ำน่าน

โคลงสี่สุภาพ
       (๑) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ..............รวีอรุณ
พุทธุปบาทกาลบุญ............................เบิกฟ้า
พุทธศาสนิกละมุน.............................พุทธชาด สยามนอ
พุทธบุตรโชติชวาลหล้า......................สว่างเพี้ยงพันแสงฯ

      (๒) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง.........พะไลทราย
พันพร่างธรรมทองพราย.....................พิจิตรฟ้า
กลีบหล่นร่วงโรยวาย..........................วัฏจักร
เบิกรุ่งบุญระบายหล้า.........................โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ

กาพย์ยานี ๑๑

อ่อนหวานแลอ่อนไหว
บานละไมในริ้วลม
ดอกไม้ไว้แย้มชม
กลิ่นชื่นสมมิสิ้นไป

ขจรร่อนขจาย
ร่วงลานทรายพรายบ่วงใบ
พรมเนินเพิ่งกวาดใหม่
หอมลมไล้ใกล้โบสถ์พุทธ

พิกุลบุญราศี
แทนความดีพลีพิสุทธิ์
ร่วงลงลานวิมุตติ
แทนสายหยุดหยุดสายลา

ดอกไม้สมุนไพร
โบราณไขแต่ใดมา
ปลูกไว้ในวัดวา
เกสรห้าเครื่องยาไทย

เหลืองนวลชวนให้หอม
ภู่ผึ้งตอมห่อนกรายไหน
เขียวแซมแย้มเรือนใบ
ดอกดวงใจก็แย้มตาม

มาลัยดอกพิกุล
ร้อยพวงบุญกรุ่นทุกยาม
คนเฒ่าเล่าลือนาม
ร้อยแสนงามพุทธบูชา

ดอกไม้คล้ายรูปจักร
ร่วงลงตักรักบ่ลา
ดอกตูมเต่งแตกตา
มินานช้าจักหล่นพราย

ผลิบานตระการต้น
ดอกอำพนบ่วางวาย
เหี่ยวแห้งแล้งเรือนกาย
หอมบ่หน่ายสนิทนาน

หอมธรรมแสนล้ำเลิศ
หอมประเสริฐเทิดผสาน
หอมกลิ่นอภิญญาณ
หอมนิพพานเคล้าพิกุล

พรรษาล่วงลาเลย
ดอกไม้เอยยังเกื้อหนุน
คล้องร้อยสร้อยบ่วงบุญ
คล้องค่าคุณไว้ด้วยกัน

ร่มไม้ในลานวัด
สงบสงัดมิแปรผัน
ระหงในวงศ์วรรณ
พิกุลพรรณพุทธผกา

-----------------------------
เมื่อลมฝนล่องไล้สวนรุกขชาติในวัดป่า
ดอกพิกุลต่างก็โปรยดอกลงแต่งแต้มลานทรายกวาดใหม่
กลิ่มหอมดอกพิกุลนั้น หอมร่ำ อบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ
แลเสียงขลุ่ยแว่วหวานดังมาในสายลมเมื่ออรุณเบิกฟ้า

ในมโนคติเนิ่นนานของข้าพเจ้านั้น 
ดอกพิกุลคือดอกไม้แห่งพุทธศาสนา
คนเฒ่าคนแก่โบราณมักใช้เวลาบั้นปลายชีวิตอยู่กับวัด
กวาดลานทรายและร้อยดอกพิกุลเพื่อเป็นมาลัยพุทธบูชา
ภาพหญิงชรานุ่งซิ่นนั่งเก็บดอกพิกุลในวัดป่าแห่งหนึ่ง
ยังคงงดงามตราตรึงอยู่ในความรู้สึก

ดอกไม้หอมที่แพทย์แผนโบราณไทยเราในสารบบ
เป็นเกสรทั้งห้า ได้แก่ ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี 
ดอกบุนนาค และ ดอกบัวหลวง

ห้วงพรรษาจะเวียนมาแล้ว ลองหาเวลาเดินไปตามวัดป่าต่างๆ
โชคดีเจอดอกพิกุล แล้วเราจะพบว่า ดอกพิกุลนั้น
กำลังบานพรายแต่งต้นงดงามอยู่ท่ามกลางวงล้อม
แห่งพุทธธรรมทั้งปวง

--------------------------------------------------------
ภาพดอกพิกุลบนใบสักทอง 
ถ่ายโดย ม.ล.ปรมาภรณ์ เทวกุล
สถานที่ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน


				
4 พฤศจิกายน 2547 01:33 น.

รุ่งอรุณแห่งสันโดษ (The Dawning Freedom)

ลำน้ำน่าน

ลมเหมันต์มาเยือนเหมือนปีกลาย
จุดมุ่งหมายอีกไกลไปไม่ถึง
เพียงเพ้อฝันรำไรในคำนึง
พอลึกซึ้งซาบซ่านสนานใจ

อรุณแล้วอีกคราวในหนาวนั่น
เสียงผู้ใดรำพันถึงฝันใหม่
จากโพ้นทุ่งรุ่งรางกลางพฤกษ์ไพร
แผ่วมาไกลสันโดษลับโบสถ์บรรพ์

ว่าเหมันต์รวงข้าวที่พราวทุ่ง
รอจรุงประภัสสรตอนแสงสรรค์
รอน้ำค้างกลางหาวมาพราวพรรณ
รอฉายภาพเกษมสันติ์วันหนาวนา

ฉายความงามริ้วรวงให้ช่วงโชติ
เมื่อสันโดษผลิแย้มแต้มอุษา
รับมิ่งมนตร์อุ่นอรุณเมื่อหมุนมา
ส่องมรรคานาข้าวของชาวพุทธ

เผยสามัญเงียบงามตามทุ่งถิ่น
หลังสู้ดินสู่ฟ้านาวิสุทธิ์
สืบศรัทธาก้าวสู่ผู้วิมุตติ
ผู้โชนจุดธรรมาอารยชน

หยดน้ำค้างร่วงเผาะเพราะทำนอง
เสียงแซ่ซ้องโกกิลาทุกนาหน
วิเวกไหวสันโดษในโสตตน
กล่อมมณฑลบ้านนาอยู่ช้านาน

วิหคเช้าชาวไพรไม่ทิ้งถิ่น
ไปหากินพลัดหลงดงสังขาร
ไปจมโลกย์โศกเศร้าเป็นเต่าทาน
ไปห่างไกลนฤพานย่านคบคา

ตื่นมาเถิดแก้วตาหน้าหนาวแล้ว
แสงจันทร์นวลจวนแคล้วจากเวหา
เมื่อแสงเงินแสงทองส่องผืนนา
คือสัญญาบรรพบุรุษรุดจับงาน

แม่หุงข้าวหอมใหม่ไว้ใส่บาตร
เด็ดบุปผชาติบัวบุษย์พุทธศานต์
พ่อเตรียมคราดคันไถใต้เพิงลาน
ท้ายหมู่บ้านตะโพนโยนเสียงมา

ตื่นแตกพรูวิหคเริ่มผกผิน
ต่างโผบินสู่พงดงตาลหนา
พระสงฆ์พุทธออกเดินเพลินภาวนา
คือสามัญธรรมดาแห่งชีวิต

ตระหนักถึงง่ายงามของความว่าง
โน้มหนทางไตรลักษณ์พิทักษ์จิต
สรรพสิ่งแนวทางต่างนิมิต
ธรรมชาติแท้ลิขิตความสมดุล

ลมเหมันต์มาเยือนเหมือนปีกลาย
จุดมุ่งหมายแท้สุขทุกโลกหมุน
สถิตทุ่งสถิตข้าวคราวอรุณ
เนื้อนาบุญค่าอุโฆษสันโดษชน

------------------------
ชีวิตที่แตกโตขึ้นท่ามกลางความงดงาม
และความสันโดษแห่งธรรมชาตินั้น เป็นวิถีที่น่าเสน่หา 
และน่าประภัสสรอยู่ไม่น้อย... เราปฏิเสธไม่ได้ว่า
บรรพบุรุษของมนุษย์แห่งเรานั้นเป็นเกษตรกรผู้สันโดษ
เป็นชาวนาอารยชนผู้สืบสายวัฒนธรรม ทุ่งข้าว ประเพณีดีงาม

ถึงแม้เราจะก้าวไปสู่ความวัฒนาของโลกเทคโนโลยี่สักเพียงไหน
เราก็หนีความเป็นธรรมชาติไปไม่พ้น เราปฏิเสธไม่ได้ที่จะมองภาพอันวิลาสีนี
แห่งท้องทุ่งข้าว รวงเรียวระบัดงามท่ามกลางสายหมอก ภาพป่าเขาลำเนาไพร
เราหนีไม่พ้นกฎธรรมชาติ.... 

ความสันโดษและพอใจในสิ่งที่ตนมี  ใช้ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางกระแสวัฒนา
น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับยุคโลกาภิวัฒน์อันเร่าร้อน  รู้เท่าทันความเจริญ 
ในขณะเดียวกัน ก็โน้มความสันโดษ เข้ามาประคองชีวิต 
เฉกเช่นเราดื่มน้ำหวาน น้ำมธุรส มายมายฉันท์ใด สุดท้ายเราก็ต้องดื่มน้ำจืด 
อันบริสุทธิ์ปิดท้ายฉันท์นั้น นี้คือกฎแห่งธรรมชาติ

ลมหนาวเริ่มแล้ว  หวังให้ทุกดวงใจได้โน้มวาระของรุ่งอรุณแห่งเหมันต์นี้
พิจารณาเวลาที่ผ่านมา ความทุกข์ ความสุข และความทะยานอยากตามกระแส
บางที่เราอาจพบทางเดินใหม่ที่ สงบ และสันโดษ งดงามอยู่ท่ามกลางความวัฒนา
เป็นพุทธศาสนิกชนที่เรียบง่ายตามเจตนารมย์แห่งองค์สัมมาฯ

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน