24 กันยายน 2552 18:56 น.

อานิสงส์การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ

ลุงเอง

อานิสงส์การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ

หากพูดเรื่องการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกคนก็นึกถึงพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายที่อยู่ตามวัดวาอาราม หรือผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น จริงๆ แล้วการสวดมนต์ไหว้พระ ควรเป็นข้อปฏิบัติประจำของเหล่าชาวพุทธทั้งหลาย โดยเฉพาะการสวดมนต์ ไหว้พระในวันวันธรรมสวนะ หรือวันพระ หากเราพิจารณาความสำคัญของการสวดมนต์โดยเปรียบเทียบกับทุกศาสนา เราจะพบว่ามีปฏิบัติกันถ้วนหน้าทีเดียว ชาวคริสต์ต้องเข้าโบสถ์สวดมนต์

ทุก วันอาทิตย์ อิสลามิกชนก็จะมีการสวดมนต์ทุกวันสำคัญ และมีการละหมาดวันละ 6 เวลาทีเดียว เบื้องต้นน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่าการสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี แต่คำถามที่มักจะได้ยินเสมอว่าก็คือ ดีอย่างไร

หากเรามองย้อนไปใน อดีตตอนพวกเราๆ เป็นเด็ก จะพบว่าในรุ่นปู่ย่า ตายายของเรา แทบจะทุกคนที่จะไปวัดเพื่อสวดมนต์ ไหว้พระในวันพระเสมอ และยังมีการสวดมนต์ที่ค่อนข้างยาวทีเดียวก่อนนอนทุกวัน

หลายผู้อาจจะไปนั่งพนมมือด้วย หลายผู้ก็นอนฟังแล้วก็หลับไป หลายผู้อาจถูกปลูกฝั่งให้ปฏิบัติเอาเยี่ยงบ้าง

ก็ มีผมเคยถามท่านทั้งหลายในรุ่นนั้น ว่าสวดมนต์ ไหว้พระแล้วได้อะไร ก็มักจะได้คำตอบว่า “ มันดี ”ทำให้ชีวิตดี หรือชีวิตมีสิริมงคล หรือจะได้มีคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง หรือ อีกเหตุผลอีกหลายประการ ซึ่งฟังแล้วไม่เป็นรูปธรรม จับต้องไม่ได้ คือเข้าใจยากนั่นแหละ คนสมัยนี้ชอบใช้เหตุผลที่ค่อนข้างเป็นวิทยาศาสตร์เสียด้วย

ทำให้มรดกพุทธศาสนา ( สวดมนต์ ไหว้พระ) จึงไม่ได้รับการสืบทอดและเป็นที่นิยมกันในคนรุ่นปัจจุบัน

บวรธรรมสถาน เป็นอีกสำนักหนึ่งที่มุ่งเน้น สั่งสอนให้ลูกศิษย์สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา

ทุก วันพระและให้สวดมนต์ก่อนนอนโดยให้เป็นกิจปฏิบัติที่สำคัญลำดับต้นๆ เลยทีเดียว แม้ว่าการสวดนั้นจะสวดได้แบบปากเปล่าหรือจะต้องดูหนังสือสวดก็ตาม สำคัญอยู่ที่การสวดมนต์นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง มีสมาธิที่ดี นำจิตไปจับที่ตัวอักษรที่จะสวดออกมาอย่างจดจ่อ เปล่งเสียงให้ดังฟังชัดเจน โดยครูบาอาจารย์ได้อรรถาธิบายความถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ไว้ ดังนี้

1. อานิสงส์ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย
ผู้ ที่นิยมสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิสม่ำเสมอจะก่อให้เกิดผลดีต่อจิตยิ่ง จะมีความผ่องแผ้วสว่างบริสุทธิ์ จิตที่สว่างจะทำให้อารมณ์ผ่องใส ไม่โกรธง่าย ไม่เครียด แม้ถ้าจะต้องใช้ความคิดก็จะคิดแบบมีเหตุมีผล การที่จิตผ่องแผ้วถือเป็นโอสถทิพย์ที่สำคัญต่อร่างกายที่เดียว ส่งผลให้ร่างกายสร้างและหลั่งฮอร์โมนในร่างกายที่เป็นปกติ ทำให้ร่างกายสมดุล เมื่อร่ายกายสมดุลบุคคลนั้นจะอายุยืน คนที่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด จะอายุยืนยาวเช่นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นสรณะจะอายุยืนบางองค์ เกินร้อยปีก็มีหรือคนโบราณที่ชอบสวดมนต์ ไหว้พระจะอายุยืนยาวมากไม่มีต่ำกว่าแปดสิบปี ซึ่งต่างจากคนสมัยปัจจุบันที่แก่เร็ว อายุสั้น เฉลี่ยแล้วไม่เกินหกสิบห้า หรือ อย่างมากก็เจ็ดสิบปี การมีจิตที่ผ่องใส เสมือนหนึ่งมียาอายุวัฒนะขนานเอกไว้ในตัวเอง ลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์ท่านให้เรียกว่า “ การนำปัจจัยภายในมาสร้างอายุวัฒนะ”

2. อานิสงส์ให้เกิดจิตที่แกร่ง
หลัง การสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ จะทำให้จิตมีกำลัง เป็นการบำรุงจิต จิตที่มีกำลังจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย สติดี หนักแน่น การมีจิตเป็นสมาธิสติจะคงอยู่เสมอ จะก่อให้เกิดปัญญาตามมา ปัญญาหมายถึง ระบบการคิดที่มีสติคอยกำกับ การคิดจึงอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลไม่มีอารมณ์เข้ามาเจือปน ส่วนความคิดที่ขาดสติ เราเรียกว่า “อารมณ์” คนสมัยใหม่ที่ไม่นิยมนั่งสมาธิ ส่งผลให้สติไม่มั่นคง โกรธง่าย โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ไม่อดทนต่อแรงกดดันทั้งปวง มีอารมณ์แปรปรวนไม่สม่ำเสมอ เหตุเพราะจิตมีอ่อนกำลัง เราจึงพบว่าสถิติการฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้ จึงมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น รูปธรรมข้างต้นเหล่านี้คงจะพอแสดงให้เห็นถึงความต่างระหว่างจิตสองลักษณะคือ จิตแกร่งกับจิตอ่อน ได้เป็นอย่างดี ให้เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า การที่เราต้องรับประทานข้าวปลาอาหารเพราะอาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับ ชีวิต ฉันใดก็ฉันนั้น สมาธิก็จะเป็นอาหารที่สำคัญของจิต เช่นกัน

3. ได้อานิสงส์จากการได้โปรดดวงจิตวิญญาณ
ผู้ ที่สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิถึงขั้นเป็นผู้มีจิตใสสว่างนั้น เป็นที่โปรดปรานของพวกวิญญาณเร่ร่อนยิ่งนัก เพื่อปรารถนาจะขอส่วนบุญ ส่วนกุศลให้ตนได้ร่มเย็น หรือพ้นทุกข์ หรือแม้กระทั่งหลุดพ้นจากการถูกจองจำ โดยปกติบทสวดมนต์จะมีความขลังอยู่ในตัวเพราะ เป็นอักขระภาษาที่มีมนต์ขลัง บางบทเป็นพระคาถาที่มีอานุภาพสูง โดยเฉพาะบทพุทธบารมี บทพระคาถาชินบัญชร มีอานุภาพสูง ยิ่งผู้สวดมีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังแห่งเมตตา พลังแห่งอานุภาพจะแผ่กระจายปกคลุมไปไกล ด้วยอานุภาพของพลังจิตผู้สวดเอง เมื่อเสียงสวดและอักขระไปกระทบ หรือสัมผัสกับดวงจิตวิญญาณใด พลังเมตตาและพลานุภาพแห่งมนตรานี้จะกระตุ้นให้ดวงจิตวิญญาณเกิดความระลึกได้ เมื่อระลึกได้ก็จะสามารถดูดซับพลังบารมีทั้งปวงจากบทสวดอย่างเต็มที่ ดวงจิตที่มืดบอดก็จะสว่างผ่องใสขึ้นและหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการในที่สุด สภาพโดยธรรมชาติของวิญญาณทั้งหลายนั้น พวกเขาจะถูกจำกัด หรือถูกควบคุมพื้นที่เสมือนถูกจองจำ
ตีตรวน เหมือนนักโทษที่ติดอยู่ในคุก บางคนก็สำนึกได้เอง บางคนต้องได้รับการอบรมสั่งสอนก่อนจึงจะเกิดสำนึก เช่นกันดวงวิญญาณหลายดวงเกิดสำนึกในความดี ความชั่วที่ตนได้กระทำได้เอง เมื่อสำนึกได้ก็จะสามารถเปิดรับธรรมะได้เลยทันที การสำนึกได้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังที่คนโบราณได้สั่งสอนบอกต่อกันมาว่า ก่อนตายให้นึกถึงพระ ความหมายนี้ก็คือ ให้เกิดรู้สำนึกนั่นเอง แม้ถ้าคนเราสำนึกได้ในวินาทีสุดท้ายขณะใกล้จะตายก็ถือว่า มีโอกาสที่จะรับรู้สัมผัสธรรมได้ ( จิตเปิด) มีโอกาสหลุดพ้น(จากการจำกัดบริเวณ )ได้ และภาษาอักขระในบทสวดดวงจิตวิญญาณสามารถก็สามารถเข้าถึงได้ ให้ดวงจิตวิญญาณเข้าใจได้ ก่อให้เกิดความกระจ่างได้และยิ่งเมื่อเราแผ่เมตตาตามอีก เขาก็จะได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น ดวงจิตวิญญาณเหล่านั้นชุ่มเย็นเป็นสุขเสมือนเรานำน้ำที่เย็นชโลมรดให้กับผู้ ที่หิวกระหาย ลุ่มร้อนมานานปี จนสุดท้ายก็จะสามารถหลุดพ้นไปได้ การที่เราทำให้วิญญาณตกทุกข์ได้ยาก
ทุกข์ทรมาน ได้รับความสุข สว่างสดใส หรือ กระทั่งหลุดพ้นไปได้ นับว่าได้อานิสงส์มหาศาลทีเดียว สภาพความจริงในภพแห่งวิญญาณนั้น ถ้ามนุษย์มองเห็นก็จะพบว่ามีวิญญาณเร่ร่อน ( สัมภเวสี )จำนวนมากมายทีเดียว
มีทุกหนทุกแห่ง เช่น คนมีจิตสว่างบางคนไปนอนที่ไหนก็จะมีวิญญาณมาดึง มาปลุก มาทำให้ไม่สามารถนอนได้ ปรากฏการณ์เช่นนี้ให้ท่านเข้าใจเป็นเบื้องต้นว่า เขามาขอส่วนบุญ เขาเห็นจิตของท่านที่สว่าง แสดงว่าท่านเป็นมีบุญที่สามารถแผ่ให้กับเขาได้ อย่าตกใจ อย่ากลัวให้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี วิธีปฏิบัติก็คือ สวดมนต์ แผ่เมตตาให้เขาเสีย แล้วท่านจะนอนหลับฝันดี เขาจะเฝ้าดูแลท่านตลอดทั้งคืน บางที่อาจให้โชคลาภกับท่านเสียอีก สถานที่บางแห่งวิญญาณอยู่กันเหมือนตัวหนอน เหมือนฝูงแมลงวัน ยิ่งดวงวิญญาณอยู่กันมากมายเช่นนี้ผู้สวดมนต์ แผ่เมตตา ภาวนาสมาธิให้ ก็จะได้อานิสงส์มากเท่าทวีคูณ การสวดมนต์ที่แท้ก็คือ การแผ่เมตตานั่นเอง

การ ทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิบ่อยๆ เสมือนเราอยู่ในที่สูง อานิสงส์ที่เราสร้าง บุญกุศลที่เราทำจะเปรียบเสมือนเราเทน้ำให้ไหลลงสู่เบื้องล่าง ผู้อยู่เบื้องล่างที่หิว กระหายก็จะรอรับอย่างชุ่มเย็น มีความปีติยินดี

4. ได้อานิสงส์จากโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย
นอก จากดวงจิตวิญญาณแล้ว ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ปรารถนาจะได้รับพลังเมตตาบารมีจากการสวดมนต์ ไหว้พระและนั่งสมาธิเช่นกัน ซึ่งก็คือพวกสัตว์เล็ก สัตว์น้อย สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ พลังแห่งการแผ่เมตตาบารมีนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นพลังแห่งพุทธานุภาพ เป็นพลังฝ่ายบุญกุศล การสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิ และแผ่เมตตาบ่อยๆ จะทำให้จิตมีความแข็งแกร่ง พลังแห่งการแผ่เมตตาก็จะมีอานุภาพที่แรงครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางยิ่ง ขึ้น นั่นย่อมหมายถึงไปสู่สรรพสัตว์มากจำนวนยิ่งขึ้นตามเบื้องต้นสามารถพิสูจน์ ได้จริง ไม่ว่ามด ยุง แมลง ฯลฯ ล้วนต้องการ และแสวงหาพลานุภาพแห่งเมตตาอย่างหิวโหยจริง เช่นผู้ปฏิบัติธรรมบางคนพบว่ามีมดขึ้นมาเกาะบนกลดขณะที่ท่านกำลังที่ภาวนา อยู่จำนวนมาก หรือมียุงมากัดจำนวนมากขณะนั่งสมาธิ แต่เมื่อท่านกล่าวแผ่เมตตาให้แล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็จะจากไปของเขาเอง ไม่ทำร้าย ไม่รบกวนเราอีกเหตุเพราะพวกเขาได้รับแล้วนั่นเอง ลักษณะเช่นนี้จะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ครูบาอาจารย์ที่กล่าวไว้ว่า พวกมด ยุง แมลง นั้นพวกเราสามารถพูดกับเขาได้นั่นเอง เมื่อเราทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ได้ทุกข์หลุดพ้นจากทุกข์ ช่วยให้สรรพสัตว์ที่ได้สุข ให้ได้สุขยิ่งๆขึ้นไป เราก็ได้อานิสงส์แห่งการนี้ตอบคืน อานิสงส์เช่นนี้ เป็นอานิสงส์ที่ก่อให้เกิดบารมีที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว เราเรียกว่า “ อานิสงส์ทางทิพย์”

5. ได้อานิสงส์จากพรเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทุก ครั้งที่เราสวดมนต์ หลังจากสวดบทบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เราก็มักจะสวดบทชุมนุมอัญเชิญเทวดาเสมอ (สักเคฯ) เป็นการบอกกล่าวอัญเชิญเทวดาให้มาร่วมพิธีการสวดมนต์ เทวดาเทพ เทพารักษ์ทั้งหลายโปรดการฟังสวดมนต์มาก เพราะถือเป็นพิธีกรรมแห่งพุทธที่มีมนต์ขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังที่ได้เรียนไปแล้ว บทสวดทุกบทเป็นอักขระ มีพลังพุทธานุภาพสูง ใครได้ยินได้ฟังได้ซึมซับก็จะเกิดความสว่างไสว เกิดพลังบารมี มนุษย์ที่สวดมนต์ไหว้พระประจำเทวดา จึงเป็นที่โปรดปรานของเทวดา ไปที่ไหนมีเทวดาปกป้องคุ้มครอง
ให้โชคให้ลาภ ให้ความมั่งมีสีสุขคนโบราณจึงย้ำหนักหนาให้ลูกหลานสวดมนต์ก่อนนอน นี่คือความหมายที่แท้จริงของการสวดมนต์ก่อนนอน เทวดาก็ต้องการสร้างบารมีของตนให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไปเช่นกัน เมื่อเราสวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตา ทำให้เทวดาได้บารมีเพิ่ม ได้ความสว่างเพิ่ม เทวดาก็จะอำนวยอวยพรชัยมงคลให้กับเรา เป็นการตอบแทนคุณเรา หากเราสังเกตให้ดี เราจะพบว่า ทุกพิธีกรรมทางพุทธศาสนาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันจะต้องเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับเทวดาเสมอ ก่อนเริ่มพิธีกรรมจึงต้องมีการสวดบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมพิธีก่อนเสมอ พุทธองค์ทรงสำเร็จมรรคผลด้วยทวยเทพ เทวดาช่วยเหลือ ชี้แนะ ในทางกลับกันเทวดาก็พึ่งพาธรรมจากพุทธองค์ หรือพุทธสาวก เพื่อสร้างบารมี ชี้ทางสว่างเสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า องค์ทวยเทพเทวากับพุทธศาสนาจึงแยกกันไม่ออก เป็นของคู่กัน

6. สามารถแผ่เมตตาช่วยคนเจ็บป่วยได้
อานิสงส์ การแผ่เมตตานั้น นอกจากสรรพสัตว์และดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว มนุษย์ทั่วไปที่นอนเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานก็สามารถรับอานิสงส์ของการแผ่เมตตา ได้ โดยให้เรากล่าวว่า ดังนี้ “ อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ของข้าพเจ้าในวันนี้ ขอส่งให้ (ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย)” เพียงเท่านี้เองก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วยมหาศาล โดยเฉพาะผู้แผ่เมตตาเป็นผู้บุญบารมีมากยิ่งก่อให้เกิดผลเร็วขึ้น โดยมาตรฐานที่จะให้เกิดผลสมบูรณ์ ให้ทำติดต่อกัน 33 วัน สภาพร่างกายและอำนาจจิตของผู้ป่วยก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน แม้บางรายสังขารจะไม่ดีก็ตาม ความทุกข์ทรมานจะลดลงจิตจะดี คนเราเมื่อจิตดีก็มีความสุข อย่างไรก็ดีต้องทำความเข้าใจหลักของเวรกรรมแต่ละคนด้วย (ผู้ป่วย) ผู้ป่วยบางรายอาจจะยกเว้นไม่เป็นไปตามมาตรฐานนี้ อันเนื่องจากอยู่ในภาวะชดใช้กรรมของเขาเอง และอีกประการหนึ่งให้เข้าใจในเรื่องวิถีจิตของผู้ป่วยต้องเปิดด้วย ถ้าจิตปิดก็รับไม่ได้ แต่หากผู้ป่วยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้วก็จะยิ่งเกิดผลเร็วทันตาเห็น ใช้เวลาเพียง 16 ถึง 24 วันเท่านั้นก็เพียงพอ นั้นหมายถึงเขาเปิดประตูจิตไว้รออยู่แล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ความเป็นสายเลือดสายโลหิตระหว่างผู้แผ่อานิสงส์และผู้ป่วย ก็เป็นข้อยกเว้นพิเศษอีกเช่นกัน เพราะความเป็นสายเลือดการส่งอานิสงส์บุญกุศลจะยิ่งรวดเร็วที่สุด
เกิดอานุภาพแรงที่สุดเช่นกัน

ดัง กล่าวมาข้างต้น คงพอจะทำให้ทุกท่านเข้าใจ เรื่อง อานิสงส์ หรือ ประโยชน์ที่จะรับจากการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตลอดจนการแผ่เมตตาเป็นอย่างดีแล้ว อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้น

ความจริงแล้วมีอานิสงส์ที่จะได้รับทางอ้อม ทางลึกอีกมากมายกว่านี้นักแต่เป็น “ ปัจจัตตัง” ของแต่ละคนไป

การอ่านบรรยายข้างต้นเชื่อว่าสามารถทำให้ท่านเข้าใจได้แต่จะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านต้องปฏิบัติเอง

ธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีเครื่องมือชนิดใดสามารถมาวัดประสิทธิภาพ วัดความจริงได้
เป็นเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์ ต้องวัดผลด้วยการปฏิบัติเอง


“ สิบปากว่า สิบตาเห็น ไม่เท่าเราลงมือทำเอง”
เอวัง ... ด้วยประการฉะนี้				
22 กันยายน 2552 21:39 น.

23 กันยายน วันนี้ในอดีต

ลุงเอง

# ซิกมุนด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาชาวออสเตรียเสียชีวิต (23 กันยายน พ.ศ. 2482)

# วันเกิด จอห์น โคลเทรน นักเทเนอร์แซ็กโซโฟนแจ๊สผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกัน (23 กันยายน พ.ศ. 2469)

#  ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโกะ นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นเสียชีวิต (23 กันยายน พ.ศ. 2539)

# รัฐบาลไทยได้ตั้งหน่วย ยุวชนทหาร (23 กันยายน พ.ศ. 2479)

# มีการค้นพบ ดาวเนปจูน หรือ ดาวเกตุ (23 กันยายน พ.ศ. 2389)

เบื้องหลังและเบื้องหน้า-วิสา คัญทัพ กวีประชาชน ขณะกำลังกล่าวปราศรัย ขับขานบทกลอนเคียงข้างไพจิตร อักษรณรงค์ เพื่อนคู่ชีวิตที่มาขับขานบทเพลงปลุกพลังประชาชนเสื้อแดง บนเวทีสนามหลวงช่วงเช้าวันนี้ ทั้งคู่ยืนหยัดเคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยอย่างโดดเด่น

    สู้..สุดชีวิต..สุดจิตใจ




วันนี้แดง นัดแดง สำแดงสิทธิ์
เชิญมิ่งมิตร พวกพ้อง เดินคล้องแขน
แดงกระจายหลายจุดแม้สุดแดน
ก็จะแน่นเนื่องหนุนอบอุ่นใจ

มาแดงเดือด งดงาม สนามหลวง
ทั้งมาทวงอำนาจคืนใครยื่นให้
ชัดว่าคบกันปล้นมวลชนไป
ปล้นประชาธิปไตยไม่ให้มี

เราจะแดงโดยสันติและสงบ
โดยเคารพทั้งรักในศักดิ์ศรี
แดงแม้เลือดรินพร้อมก็ยอมพลี
สู้มาแล้วหลายปีพี่น้องไทย

สู้เพื่อไทย สู้เพื่อชาติ อย่างอาจหาญ
ประชาชนก่อการไม่หวั่นไหว
กระสุนลั่นเปรี้ยงปังขึ้นครั้งใด
ก็รู้ใช่ เผด็จการ สังหารคน

ก็รู้ใช่ ว่ายิ่งใกล้ ชัยชนะ
อธรรมพ่าย ธรรมะ ทุกแห่งหน
พลังแดงจักไม่ค้อมยอมจำนน
จักสู้จน สุดชีวิต สุดจิตใจ.				
20 กันยายน 2552 23:37 น.

21 กันยายน

ลุงเอง

วันที่ 21 กันยายน เป็นวันที่ 264 ของปี (วันที่ 265 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 101 วันในปีนั้น

เหตุการณ์

พ.ศ. 1211 (ค.ศ.668) - ราชวงศ์โกคูรยอที่ปกครองเกาหลีมานากว่า600ปีได้สิ้นสุดลงเพราะเสียเอราชแก่ชิลลา
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - การปฏิวัติฝรั่งเศส: สภาแห่งชาติฝรั่งเศสลงมติยกเลิกระบอบราชาธิปไตย สาธารณรัฐที่ 1 จึงถือกำเนิดขึ้น

พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการจัดตั้งกรมรักษาสัตว์น้ำขึ้น โดยสังกัดในกระทรวงเกษตราธิการ ซึ่งพัฒนามาเป็นกรมประมงในปัจจุบัน

พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - ฮอบบิท นวนิยายย้อนอดีตของ ลอร์ดออฟเดอะริงส์ โดย เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน วางจำหน่ายเป็นครั้งแรก ภายในเล่มบรรจุภาพวาดขาว-ดำที่วาดโดยโทลคีนอยู่หลายภาพ

พ.ศ. 2496 - ดาอุด เบอเรอเอะห์ ประกาศสถาปนารัฐอิสลามแห่งอินโดนีเซียขึ้นที่อาเจะห์และได้ต่อสู้กับฝ่ายสาธารณรัฐอินโดนีเซียจนถึง พ.ศ. 2505

พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในงานเฉลิมพระเกียรติเพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวาย "รางวัลหลุยส์ ปาสเตอร์" จากคณะกรรมาธิการหม่อนไหมระหว่างประเทศ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเทิดพระเกียรติคุณที่ทรงมีต่อวงการหม่อนไหมโลก

พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - หลังจาก 14 ปี ตั้งแต่เดินทางจากออกจากโลก ภารกิจของยานกาลิเลโอสิ้นสุดลง เมื่อยานถูกบังคับให้ทำลายตัวเองในบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี				
19 กันยายน 2552 17:01 น.

วันนี้ในอดีต/19 กันยายน

ลุงเอง

วันนี้ในอดีต/19 กันยายน

19 กันยายน: วันพิพิธภัณฑ์ไทย, วันเอกราชในเซนต์คิตส์และเนวิส (พ.ศ. 2526)

ทักษิณ ชินวัตร

    * พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1874) - พิธีเปิดมิวเซียมหลวง พิพิธภัณฑ์แห่งแรกของไทยซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นที่หอคองคอเดีย หรือศาลาสหทัยสมาคม ภายในพระบรมมหาราชวังชั้นนอก รัฐบาลกำหนดให้วันนี้เป็นวันพิพิธภัณฑ์ไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2538
    * พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) - สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของสตรี: สตรีในนิวซีแลนด์ได้รับสิทธิการออกเสียงลงคะแนนในการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก
    * พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - สกอตต์ ฟาห์ลแมน เสนอให้ใช้ อีโมติคอน ":-)" และ ":-(" เป็นคนแรก
    * พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - อุทกภัยครั้งใหญ่ พ.ศ. 2538 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานแนวพระราชดำริ เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม
    * พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ในภาพ) ซึ่งออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะเตรียมกล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก				
16 กันยายน 2552 10:17 น.

6 กันยายน วันนี้ในอดีต

ลุงเอง

#  วันโอโซน (Ozone Day) (16 กันยายน พ.ศ. 2530)

# จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหาร (16 กันยายน พ.ศ. 2500)

# รัชกาลที่ 6 พระราชทานที่ดินหวงห้ามที่สัตหีบให้ใช้เป็นฐานทัพเรือ (16 กันยายน พ.ศ. 2465)

# ซีอุย แซ่อึ้ง ถูกประหารชีวิตโดยการยิงเป้า (16 กันยายน พ.ศ. 2502)

# วันเกิด นายลี กวน ยิว นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ (16 กันยายน พ.ศ. 2466)


16 กันยายน 2465
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระ ราชทานที่ดินหวงห้ามที่สัตหีบให้ใช้เป็นฐานทัพเรือ ตามที่นายพลเรือเอก กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ได้ขอพระราชทาน และกองทัพเรือสร้างฐานทัพเรือที่สัตหีบ ตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ

16 กันยายน 2500
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อ ยึดอำนาจสำเร็จก็ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าทำเพื่อประเทศชาติมิใช่ทำเพื่อผล ประโยชน์ของตนเอง คณะรัฐประหารจึงได้แต่งตั้ง นายพจน์ สารสิน ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปที่บริสุทธิ์ยุติธรรม

16 กันยายน 2530
องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันนี้ของทุกปีเป็น "วันโอโซน" (Ozone Day) เป็นวันโอโซน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้แต่ละประเทศปฏิบัติต่ออนุสัญญาว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก  เพื่อช่วยกันลดใช้สาร CFC และสาร Halon ซึ่งเป็นตัวทำลายบรรยากาศโอโซนในชั้นบรรยากาศ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงเอง
Lovings  ลุงเอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงเอง