29 มิถุนายน 2551 08:54 น.

สะพานเทวดา

ลุงแทน

สะพานเทวดา
	
กว่า 1 เดือนที่ม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนชาวกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในเรื่องของการจราจร ที่มายึดถนนราชดำเนินตรงสะพานมัฆวานรังสรรค์ทำการประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งหลายครั้งที่มีการชุมนุม ชื่อของ “สะพานมัฆวานรังสรรค์” มักจะได้ยินเสมอ แต่หลายคนอาจยังไม่รู้จักความเป็นมา วันนี้ “กับแกล้มการเมือง” จะนำเรื่องราวเกี่ยวกับสะพานประวัติศาสตร์แห่งนี้มาบอกกล่าวกัน

“สะพานมัฆวานรังสรรค์” สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้าง “ถนนราชดำเนินนอก” ซึ่งเป็นถนนขนาดใหญ่ แบบที่เรียกว่า อเวนิว (Avenue) ของทวีปยุโรป “สะพานมัฆวานรังสรรค์”เป็นสะพานข้าม “คลองผดุงกรุงเกษม” ผู้ออกแบบคือ “คาร์โล อัลเลกรี” นายช่างชาวอิตาลี โดยใช้เวลาสร้าง 3 ปี มีลักษณะเป็นสะพานโครงสร้างคานเหล็กพื้นคอนกรีต ส่วนประดับคือรางสะพานที่เป็นเหล็กหล่อและดวงตรารูปช้างเอราวัณ ที่กลางสะพานมีเสาหินอ่อน มุมสะพานรองรับโคมไฟสำริด ผนังเชิงลาดสะพานประดับด้วยหินอ่อน สะพานนี้ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยงามสะพานหนึ่งในกรุงเทพฯ รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดเมื่อ พ.ศ. 2446 และพระราชทานนามว่า “สะพานมัฆวานรังสรรค์”

สำหรับสะพานที่สร้างข้ามคลองผดุงกรุงเกษมนั้นมีหลายสะพาน แต่ละสะพานมีชื่อเรียกคล้องจองกันคือ “สะพานเทเวศรนฤมิตร สะพานวิศสุกรรมนฤมาณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ สะพานเทวกรรมรังรักษ์ และ สะพานจตุรพักตร์รังสฤษดิ์” ซึ่งทั้งหมดแปลว่า “สะพานที่สร้างโดยเทวดา”.				
29 มิถุนายน 2551 08:39 น.

เมื่อโลกทั้งใบ มากับสายไฟฟ้า...

ลุงแทน

เมื่อโลกทั้งใบ มากับสายไฟฟ้า...

   ย้อนกลับไปราวสิบกว่าปีก่อน สมัยนั้น “อินเทอร์เน็ต” ยังเป็นคำที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยส่วนใหญ่นัก จะรู้กันในหมู่นิสิต นักศึกษา ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ยังจำได้ว่าจะส่งอีเมล กันที ก็ต้องใช้โปรแกรมที่มีส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานเป็นแบบจอพื้นสีดำ ตัวอักษรสีขาว สีเขียว ดูเวียนหัวไปหมด เมาส์นี่แทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
 
เผลอแป๊บเดียว สมัยนี้การใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และแพร่หลายไปทั่ว โปรแกรมก็มีหน้าตาสวยงาม น่าใช้งาน และมีความหลากหลายขึ้นมาก (ๆ)  ในส่วนของการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตก็พัฒนาจากโมเด็มความเร็วต่ำ (ไม่ถึง 56 Kbps) มาเป็นโมเด็มความเร็วสูงผ่านสายโทรศัพท์ ใยแก้วนำแสง หรือดาวเทียม ไปจนกระทั่งอินเทอร์เน็ตไร้สายหรือ Wi-Fi ที่คุ้นกันดีในปัจจุบัน
 
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว BPL (Broadband Over Powerlines) หรือ เทคโนโลยีในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสายไฟฟ้า ก็ถือได้ว่าเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าสนใจและเริ่มมีการใช้งานกันมากขึ้น ในปัจจุบัน
 
ในอาคารสำนักงานที่มีการต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตความเร็ว สูงกับโลกภายนอกอยู่แล้ว มีแนวโน้มว่าจะมีการนำ  BPL มาใช้งานกันมากขึ้น เนื่องจากว่าเพียงแค่ใช้ PLC (Power Line Communication) โมเด็มเสียบเข้ากับปลั๊กไฟฟ้าในอาคารหรือสถานที่ที่มีการวางระบบ BPL ก็จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ โดยเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถทำความเร็วได้ถึงในระดับกิกะบิตทีเดียว
 
แต่ ล่าสุดนักวิจัยจาก Pennsylvania State University ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะว่ากำลังทำการวิจัยการนำเอา LED (Light Emitting Diode) มาใช้งานร่วมกับระบบ BPL ที่จะทำให้แสงสว่างภายในบ้านของเรามาพร้อมกับข้อมูลมหาศาลจากโลกอิน เทอร์เน็ต
 
LED เป็นอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ จัดอยู่ในประเภทไดโอดที่สามารถเปล่งแสงได้ ทั้งแสงที่อยู่ในช่วงที่ตาเราสามารถมองเห็นและมองไม่เห็น ถูกใช้งานคล้ายหลอดไฟคือให้แสงสว่าง อย่างเช่นใน สัญญาณไฟจราจร หลอดไฟในนาฬิกาปลุก ในจอภาพบางชนิด โทรศัพท์มือถือ หลอดไฟ (ที่มีแนวโน้มว่าจะมาแทนที่หลอดไฟแบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน) ฯลฯ
 
ทั้ง นี้การนำเอา LED มาใช้งานร่วมกับระบบ BPL นั้น ให้คุณผู้อ่านลองนึกภาพ การใช้งานภายในห้องหรือสำนักงานที่มีการใช้งานระบบ BPL คือข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตจะถูกส่งผ่านมากับสายไฟฟ้า ผู้ใช้งานเพียงแต่มีโมเด็มหรือตัวแปลงสัญญาณ แล้วนำไปเสียบเข้ากับเต้าเสียบ ก็จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ผ่านทางคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับโมเด็มนั่นเอง
 
ตาม ปกติแล้ว LED ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเชื่อมต่อแบบไร้สายของโทรศัพท์มือถือหรือ คอมพิวเตอร์อยู่แล้ว ออกจะเป็นเทคโนโลยีที่เก่าไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะสมัยนี้มีทั้ง บลูทูธ ทั้ง Wi-Fi (ไว-ไฟ) ให้เลือกใช้กัน
 
แต่ จากการทดลอง นักวิจัยได้ทำการเชื่อมต่อหลอด LED ที่ให้แสงสว่างสีขาว (คล้ายหลอดนีออน) เข้ากับกับระบบ BPL แล้ว ข้อมูลที่มาจากสายไฟฟ้าจะกลายเป็นแสงสว่างที่มีความถี่เดียวและเฟสต่อเนื่อง กัน นั่นคือแสงสว่างที่เปล่งออกมาจากหลอด LED จะมาพร้อมกับข้อมูลมหาศาลด้วยความเร็วสูงผ่านทางระบบ BPL นั่นเอง
 
ผล การทดลองนักวิจัยทดลองใช้คอมพิวเตอร์รับข้อมูลจากแสงสว่างที่มีจากหลอด LED ภายในห้องทดลอง ได้ที่ความเร็วประมาณ 1 กิกะบิต ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงมากทีเดียว แต่ทั้งนี้ยังมีข้อจำกัดที่เกิดจากระดับความสว่าง บริเวณพื้นที่รับแสง ที่เป็นอุปสรรคสำหรับความเร็วในการส่งข้อมูลที่มากกว่านี้ ซึ่งจะต้องได้รับการปรับปรุงต่อไปในอนาคต
      
ทั้งนี้สิ่งที่น่า สนใจก็คือการใช้ LED ร่วมกับระบบ BPL จะมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้ระบบ Wi-Fi โดยเฉพาะในสถานที่ทำงาน เพราะว่าธรรมชาติของแสงไม่สามารถผ่านทะลุกำแพงได้เหมือนกับคลื่นไมโครเวฟ ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครแอบเจาะเข้ามาในระบบเราจากสถานที่ใกล้ เคียงนั่นเอง
      
รอกันอีกไม่นาน ไม่เกิน 4-5 ปีข้างหน้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงคงเป็นเพียงแค่  “การเปิดคอมพิวเตอร์ และ เปิดไฟ” เท่านั้น จริง...				
29 มิถุนายน 2551 08:36 น.

เมื่อน้ำ (ไม่ได้) กลิ้งบนใบบัว..

ลุงแทน

เมื่อน้ำ (ไม่ได้) กลิ้งบนใบบัว..

     ในสมัยยังเด็ก ๆ คุณผู้อ่านท่านใดที่มีบ้านอยู่ในต่างจังหวัดหรือนอกเมือง ที่ยังมีห้วย หนอง คลอง บึง คงเคยได้สังเกตปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่น่าฉงนของ “ใบบัว” หรือ “ใบบอน” นั่นคือเราจะสังเกตเห็นได้ว่าทั้งใบบัวและใบบอนจะไม่เปียกน้ำ ถ้าเราหยดน้ำลงไปเราจะเห็นว่ามันจะกลิ้งไปบนใบของพืชทั้งสองชนิดโดยที่ไม่ เปียกเลยแม้แต่น้อย
 
คนโบราณเค้าก็เลยมีคำพังเพยที่ใช้เปรียบเทียบ กับปรากฏการณ์ที่ว่านี้ว่า “น้ำกลิ้งบนใบบอน (บัว)” ซึ่งหมายถึงคนที่มีจิตใจโลเล กลับกลอก คบไม่ได้ เหมือนกับหยดน้ำที่กลิ้งไปมานั่นเอง
 
ในทางวิทยาศาสตร์นั้นเราเรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า Lotus Effect หรือ น้ำกลิ้งบนใบบัว ด้วยเหตุที่ว่าโครงสร้างพื้นผิวของใบบัวนั้นมีลักษณะคล้ายหนาม เล็ก ๆ จำนวนมากมายมหาศาลเรียงตัวอยู่บนใบบัวและยังมีปุ่มเล็ก ๆ ที่มีขนาดในระดับนาโนเมตรที่มีคุณสมบัติคล้าย   “ขี้ผึ้ง”เคลือบอยู่ภายนอก ซึ่งด้วยพื้นผิวสัมผัส (กับน้ำ) ที่น้อยมาก และแรงตึงผิวของน้ำทำให้น้ำไม่สามารถกระจายตัวบนใบบัวได้ จึงต้องกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างที่เราเห็นกัน
 
ปัจจุบันนี้มีการใช้นาโน เทคโน โลยีสังเคราะห์สารที่มีคุณสมบัติ “เกลียดน้ำ” เช่นเดียวกับใบบัวหรือใบบอน เพื่อใช้ในการเคลือบพื้นผิวของวัสดุต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น “สีทาบ้าน” ที่มีการผสมสารที่มีคุณสมบัติดังกล่าวลงไป เพื่อช่วยป้อง กันคราบสกปรก เพราะว่าน้ำที่กลิ้งไปกลิ้งมาโดยไม่เปียกพื้นผิวจะเป็นตัวช่วยในการนำพาสิ่ง สกปรกนั้นออกไปเองโดยไม่ต้องเปลืองแรงขัดในการทำความสะอาด
 
แต่ล่า สุดนักวิจัยจาก University of Twente ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้พัฒนาเทคนิควิธีการใหม่ในการสร้างโครงสร้างพื้นผิวของวัสดุอย่างเช่น “โพลีเมอร์” ให้มีโครงสร้างคล้ายกับพื้นผิวของใบบัว ซึ่งก็แน่นอนว่าโครงสร้างพื้นผิวลักษณะนี้จะทำให้โพลีเมอร์หรือพลาสติกเกิด ปรากฏ การณ์น้ำกลิ้งบนใบบัวได้เช่นเดียวกัน
 
นักวิจัยใช้เลเซอร์ที่ เรียกว่า femtosecond laser ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความถี่ในการปล่อยลำแสงสูงในระดับพันล้านล้านส่วนของ วินาที ยิงกราดลงไปบนพื้นผิวของโพลีเมอร์ในแนวเส้นตั้งฉากซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้พื้นผิวที่ได้มีลักษณะคล้ายพื้นผิวของใบบัว (ลองนึกภาพแผงไข่ไก่ นั่นแหละคล้ายกันเลย)
 
เมื่อมีโครงสร้างที่ เหมือนกัน ดังนั้นโพลีเมอร์ที่ได้จากการยิงพื้นผิวด้วยเลเซอร์ดังกล่าวก็จะมีคุณสมบัติ เหมือนกับใบบัวทุกประการ โดยไม่ต้องอาศัยวัสดุที่มีคุณสมบัติคล้ายขี้ผึ้งเคลือบลงไปอีกแต่อย่างใด พื้นผิวลักษณะนี้จึงเปื้อนคราบสิ่งสกปรกยาก ในขณะเดียวกัน สิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะถูกชะล้างออกไปได้ง่ายมาก ๆ เช่นเดียวกัน ลองนึกภาพดูว่าถ้าเราเอาวัสดุที่มีคุณสมบัติเช่นนี้มาทำแก้วน้ำหรือแก้วกาแฟ เราก็จะสามารถใช้แก้วเหล่านั้นซ้ำได้เลยโดยที่ไม่ต้องล้างเลยด้วยซ้ำ (ถ้าทำใจได้)  ประเภทที่ว่ากินแล้วไม่ล้างก็ไม่มีใครรู้!!!
 
อย่างไร ก็ดี การใช้เลเซอร์สร้างโครงสร้างลักษณะนี้บนผิวของโพลีเมอร์โดยตรงนั้น ยังมีต้นทุนที่สูงอยู่ แต่ถ้าสามารถพัฒนาเทคนิควิธีการ “หล่อขึ้น รูป” ได้สำเร็จก็จะช่วยลดต้นทุนลงได้มากจนสามารถผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม อันจะทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของวัสดุประเภท “เกลียดน้ำ” ในปัจจุบัน ที่ใช้นาโนเทคโนโลยีในการผลิต
 
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งสำหรับเทคนิควิธี การนี้ก็คือว่า พื้นผิวที่ได้จะมีผิวสัมผัสที่คล้ายกับกำมะหยี่ หรือผ้าไหม ซึ่งในทางการตลาดแล้ววัสดุที่ให้ความรู้สึกสัมผัสเช่นนี้จะสร้างความพึงพอใจ ให้กับ ผู้บริโภคได้มากกว่า นอกเหนือไปจากคุณสมบัติ “ไม่เปื้อน ไม่เปียกน้ำ” จะเรียกว่าเป็นผลพลอยได้ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ก็คงไม่ผิดนัก
 
อยาก รู้เหมือนกันว่า “น้ำกลิ้งบนใบบัว” กับ “น้ำกลิ้งบนหน้านักการเมือง” นี่มันจะเหมือนกันหรือเปล่า? กลัวว่ามันจะเหมือนกันจริง ๆ!!!.				
12 มิถุนายน 2551 08:25 น.

มหัศจรรย์ของความสามัคคี

ลุงแทน

หากเรามองไปรอบ ๆ ตัวของเราเอง เราจะพบกับสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเหล่านี้ล้วนมีมีจุดเริ่มต้นและวิถีการดำเนินชีวิต ที่เหมือนกัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ...

      เพราะว่าการเริ่มต้นของทุกสิ่งนั้นมักจะเริ่มต้นด้วยจุดเล็กเสมอๆ ลองนึกทบทวนถึงตัวเราเอง  ที่กว่าจะมาเป็นมนุษย์สร้างโลกให้มีความสวยงามนั้น  ต้องผ่านกระบวนการสืบพันธุ์  จนก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “การปฏิสนธิ” ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของรังไข่และตัวอสุจิโดยเริ่มจากเซลล์เล็กๆ หลอมรวมกันเป็นรังไข่พร้อมที่จะทำการปฏิสนธิกับตัวอสุจิ (ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ขยาย 100 เท่าส่องดู จึงจะสามารถมองเห็นถึงลักษณะทางกายภาพของตัวอสุจิได้)  ต่อมากลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตครั้งใหญ่ 
      แต่กว่ามนุษย์เจริญเติบโตต่อได้  ต้องอาศัยอุณหภูมิ และค่า  ph  ที่พอเหมาะจึงจะกลายเป็นเอ็มบริโอที่จะเจริญต่อไป  แต่ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วมนุษย์ที่ทรงคุณค่าไม่มีทางก่อกำเนิดขึ้นมาได้ เลย
     ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์เท่านั้น  ที่มีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ กลายเป็นสิ่งใหญ่ๆ  แม้แต่พืชที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตวงจรระบบนิเวศ  ก็ยังเริ่มต้นจากเมล็ดพืชเล็ก ๆ  สามารถกลายเป็นดอกไม้ ต้นไม้ที่ประดับโลกด้วยความสวยสดงดงาม กระนั้นก็ตามยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ  ไม่จะเป็น  ดิน  น้ำ  ลม  และความพร้อมของเมล็ดที่พร้อมจะก่อกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตยืนหยัดเพื่อโลก ซึ่งไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของพืช  ของสัตว์  ของมนุษย์  แต่เป็นของสรรพสิ่งบนโลก
    ดังนั้น พลังอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายมักจะเกิดจากการรวมตัวของสิ่งเล็กๆ  มดตัวเดียวไม่สามารถสร้างรังยิ่งใหญ่ได้ แต่ถ้ามีมดหลายตัวรวมกัน ก็จะสามารถสร้างรังได้ยิ่งใหญ่เท่าๆ กับที่อยู่อาศัยของคน  เสียงปรบมือเพียงเสียงเดียวไม่สามารถที่จะส่งเสียงดังได้ถึงกิโลเมตร  แต่ถ้าเป็นเสียงปรบมือหลายพันคนก็จะมีเสียงที่ดังถึงหลายพันเมตรฉันใด  มนุษย์ไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งสวยงามได้ด้วยตัวคนเดียวได้ฉันนั้น
    ศักยภาพของมนุษย์ เมื่อร่วมแรงร่วมใจกันย่อมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ สามารถสร้างโลกให้น่าอยู่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดจากการรวมตัวกัน นั่นก็คือมหัศจรรย์แห่งความสามัคคี มดแดงตัวเล็กมีความสามัคคีในการสร้างรัง แล้วมนุษย์อย่างเราที่ถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ  จะไม่สามัคคีกันเพื่อสรรค์สร้างโลกนี้ให้น่าอยู่บ้างเลยหรือ...?????				
4 มิถุนายน 2551 08:40 น.

อดีตคน ทรท.แฉ “นายใหญ่” เห็นเงินเป็นพระเจ้า! ?????

ลุงแทน

อดีตคน ทรท.แฉ “นายใหญ่” เห็นเงินเป็นพระเจ้า!   ?????

        วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.31 น.นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงาน กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า มีคนพูดถึงพันธมิตรฯ ว่า พูดอะไรก็ไร้สาระ พวกเราคนมีสาระที่สุด เชื่อว่า ใครก็ตามที่ฟังพันธมิตรฯพูด นั่นล่ะสาระสูงสุดแล้ว เราจะได้รู้ปัญหาที่แท้จริงของชาติ การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนทุกวันนี้ตื่นตัวขึ้นแล้ว ฟังข่าวสารข้อมูลก็เข้าใจ
       
       นายเทิดภูมิ กล่าวว่า บ้านเมืองตอนนี้กำลังจะเข้าสู่วิกฤต อย่างที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยพูดว่า ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า นั้นจริง เป็นแผนนายใหญ่หน้าเหลี่ยมที่วางอย่างเป็นขั้นตอน คือยึดทุน กุมปืน แล้วล้มเจ้า พี่น้องจะเห็นว่า เขายึดทุนยังไง ปตท.เขายึด รัฐวิสาหกิจก็เอามาแปรเข้าสู่ตลาดหุ้น
       
       นายเทิดภูมิ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีปัญหาที่คน โดยเฉพาะประเทศไทยง่ายต่อคนที่คิดคดทรยศแผ่นดิน ขายอะไรรวยที่สุด คือ ค้าอำนาจ นี่ล่ะนายใหญ่หน้าเหลี่ยมที่พยายามจะเอาอำนาจอยู่ในมือตัวเอง กุมทุกอย่างเพื่อจะให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่งขึ้นมาเป็นรัฐบาลมีอำนาจให้ได้ เขาจะได้ทำสิงที่ปรารถนา รัฐมนตรีตั้งมาก็มีเป้าหมายทุกคน ที่พูดว่าคนชั่วครองเมือง รมต.แต่ละคนลองไปดูประวัติความเป็นมาสิ อย่าง รมว.มหาดไทย รมว.สาธารณสุข รมว.ต่างประเทศ เป็นใครมาจากไหนศึกษาให้ดี เขาถึงว่าค้าอำนาจรัฐ เอาอำนาจรัฐเขาทำได้ทุกอย่าง แปรทุกอย่างเข้าหุ้นแล้วหุ้นก็เป็นของพวกเขาทั้งนัน การเมืองภาคประชาชนพี่น้องต้องติดตาม
       
       อดีตผู้นำแรงงาน กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น เขายังคบกับต่างประเทศ โดยเฉพาะกับสิงคโปร์และฮ่องกง ทักษิณติดต่อคนในสองประเทศนี้ เพื่อจะมาทำทุนใหญ่ที่เกาะกง อยากให้พี่น้องรู้ เขามีอำนาจรัฐ ขายที่รวยสุด คือ ขายชาติ เขาพระวิหาร เขมรอยากได้สุด เพราะเขาไม่มีภูเขา พยายามมาตลอด แต่ว่ามันอยู่ในเขตไทย เขาจะช่องเกาะกง 99 ปี เป็นแหล่งค้าขายมากมาย
       
       “ผมเป็นรุ่นแรกที่อยู่กับไทยรักไทย นายใหญ่เขาคิดว่าเงิน คือ แก้วสารพัดนึก ทุกสิ่งทุกอย่างคือ ความพยายาม มีอำนาจรัฐงัดวิชามาร บ้านเมืองวุ่นมาตลอดที่เขาเป็นนายกฯ เขาเอาอำนาจที่มีอยู่เพื่อประโยชน์ของเขา และครอบครัว ไม่ได้เพื่อประชาชน โดยเฉพาะคนอีสานหลงใหลในเงินที่เขาให้ไป เงินให้เพียงเล็กน้อย มันเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน” นายเทิดภูมิ ระบุ
       
       นายเทิดภูมิ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนต่อไป คือ ล้มปืน ที่เกิดรัฐประหารขึ้นมา เพราะทักษิณเตรียมไว้หมดเอาเตรียม 10 เข้าไปยึดไว้หมด คนเป็น ผบ.ทบ.ก็รุ่นเดียวกับเขา ถ้ายึดปืนได้ประเทศไทยก็หมดแล้ว จะมีอะไร เสาคานอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งที่สุด คือ กองทัพ ปืนนี่ล่ะ
       
       ทั้งนี้ นายเทิดภูมิ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เขาต้องเอาคนเก่งๆ มีฝืมือมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจบ้านเมือง ไม่ใช่เอาคนฝีมือแบบนี้มา มันไม่ได้หรอก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ใครๆ ก็อิจฉา อยากจะมาลงทุน ถ้าประเทศไทยเรามี ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น มันก็คนๆ เดียวมากุมอำนาจซื้อทุกอย่างเป็นของตัวเอง ใครขัดขวางเขาจัดการ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงแทน