26 พฤศจิกายน 2551 21:11 น.

เรื่องย่อ

สะพั่งสะท้านไมภพ

เมื่อคือวาน ผมสะพั่ง สะท้านไมภพ นอนดูหนังตาแป๋วกับเมีย พอเห็นตอนแรกของละครผมก็เดาทันที  ว่า พอเอาลูกของตนไปให้คนอื่นเลี้ยง โตขึ้นมาก็จะถูกลูกแท้ของตนเองดูถูก ตรงกันข้ามกับลูกตัวจริงที่ลักเปลี่ยนเขามาก็จะกลายเป็นโดนทารุณ แต่กตัญญูต่อมารดาที่เลี้ยง ในที่สุดรู้ความจริง ฯ
  พอมาวันนี้ ละครอีกเรื่องหนึ่ง พระเอกดุ ทำเป็นไม่รัก พออยู่ต่อมารัก นางเอกก็หนี พระเอกตามหาหลายเดือน พอเจอ นางเอกงอน พระเอกป่วย นางเอกต้องมาดูแล ตื่นมาพบว่ารักกัน จบ
  พอมาอีกวันหนึ่งละครอีกเรื่องหนึ่ง ผมก็หันไปถามภรรยาผมว่า อยากฟังเรื่องย่ออีกไหม
  จบ				
23 พฤศจิกายน 2551 08:59 น.

respect

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมมองดูผู้ใหญ่หลายท่านที่ได้กระทำการใดๆทั้งทางวาจา ทางกาย และทางแววตา แต่บทบาททั้งหลายแม้บางท่านได้คิดใคร่ครวญดูแล้ว แต่ก็ยังตกเป็นการวิพากษ์ ตามมุมมองต่างๆ
   เมื่อก่อนคิดว่า หากภายใจจิตใจที่จริงแท้กล้าเปิดเผยอย่างจริงใจในเรื่องที่เป็นสาธารณะประโยชน์จริงๆแล้วจะสามารถไปรอด แต่เรื่องจริงๆก็คือไปไม่รอด
   ในท่ามกลางการต่อสู้ ผมสะพั่ง สะท้านไมภพ เป็นระดับหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ที่มีโอกาสได้เติบโตมาจากระบบการเมืองครอบครัวที่ล้มเหลวอย่างถล่มทลายเมื่อปี ๕๑ แต่อย่างไรก็ตามการกำหนดนโยบายรัฐ ก็ต้องเป็นไปตามยุทธศาสตร์สำคัญ และมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนก็ต้องมีจุดมุ่งหมายแอบแฝงอย่างลับมิดชิด
   นักการเมืองที่สามารถจะยึดครองจังหวัดหนึ่ง แผ่บารมีอย่างปกคลุม ทำให้ข้าราชการหรือนักธุรกิจการค้าต้องเข้ามาสวามิภักดิ์ สามารถสั่งข้าราชการระดับสูงระดับปลัดกระทรวงให้โยกย้ายคนของนักการเมืองนั้นไปในที่ต่างๆได้ตามประสงค์
  ข้าราชการที่ดักดานกับการทำงานและไม่สนใจเรื่องอื่นใดนอกจากหน้าที่ของตน ก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานที่กระทำอย่างทุ่มสุดตัว แต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงข้าม
  ผมทราบดีแก่ใจ ว่าเช้าชามเย็นชาม มันเป็นเพียงยุทธวิธีเอาตัวรอดของข้าราชการผู้กินเงินเดือนหรือจากภาษีของประชาชนก็แค่นั้น
  ในวงการเชิดหน้าชูตาอย่างหรูเริดอลังการ์ ประดับด้วยรอยยิ้ม เกียรติ และเครื่องแต่งกายแปลกๆพิสดารรวมไปถึงเครื่องประดับพิเศษ เป็นคล้ายหัวโขนตัวพระ ตัวพระรอง ที่ทำให้ผู้ที่ยังมีความต้องการในเรื่องลาภยศสรรเสริญต้องศิโรราบให้ และยกย่องให้ความเคารพนับถืออย่างสูง
   แต่ทว่าการปฏิบัติราชการที่ต้องใช้ความรู้ ทักษะในสาขาอาชีพ และสติปัญญาคิดแก้ไขปัญหา มันไม่มีในระดับสูงเนื่องจากที่มาของการไต่เต้าหรือไต่ตามเต้าก็ตามมันไม่ใช่ จึงทำให้ปัญหาทั้งมวลของรัฐ ไม่จบและเปิดแผลกว้างออกไป
   จากการล่มสลายในปี ๕๑ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างขนานใหญ่ ในเมื่อเราได้รู้จักกับระบอบประชาธิปไตยแล้ว และเชื่อมั่นว่าระบอบนี้เป็นระบอบที่ดีในการใช้ปกครอง เราจึงเริ่มต้นใหม่
   ผมได้ให้ข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ซีแปดทั้งหมดเออลี่ลีไทน์ออกไป
   และเริ่มต้นด้วยการให้ข้าราชการระดับรากหญ้าเลือกนายของเขา
   และนายของเขาในระดับล่างก็เลือกนายระดับบนสูงขึ้น
   ในระบบนี้เราเชื่อมั่นว่า คนที่เติบโตมาด้วยการทำงานจะเป็นผู้นำที่ดีที่สุด
   ในเมื่อเรามั่นใจในความดีของคนๆหนึ่งแล้ว เราก็ไม่ต้องมีระบบตรวจสอบใดๆทั้งสิ้น แต่ทว่าเราดูผลงาน จากการแถลงผลงาน และสิ่งที่ตอบรับกับประชาชน
   ในคืนหนึ่ง ผมกลับจากงานใหญ่ของรัฐ และเดินทางกลับบ้าน โดยที่ไม่มีรถนำขบวนหรือการรักษาความปลอดภัยพิเศษใด สี่แยกไฟแดง
   รถปิคอัพคันหนึ่งแล่นมาใกล้ๆ คนในรถทางด้านกระบะท้าย ที่นั่งอยู่เต็มฉับพลันก็สาดกระสุนเข้าใส่รถคันที่ผมนั่ง
   เสียงปืน เสียงคมกระสุนแหวกอากาศ เศษกระจก เสียงร้อง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ผมย่อมเป็นจุดศูนย์กลางหรือเป้าหมายของพวกมันที่ระดมยิง
   ผมรู้สึกได้เลยว่าหน้าของผมและร่างกายของผมมันมีหัวกระสุนตุงอยู่เต็ม
   ในห้วงความคิดคำนึงครั้งสุดท้ายนั้น
    ผมรู้สึกไม่เจ็บเลย และรู้สึกยินดีที่จะได้พักผ่อน
    แม้ว่าคนจะตายแต่หัวใจแห่งความถูกต้องยังคงอยู่และจะเกิดขึ้นมาอีกนับร้อยและจะสู้กับความชั่วร้ายที่ปกปิดซ่อนเร้นต่อไปอย่างทรนง
   ไม่เจ็บเลยด้วยซ้ำ
    ผมยิ้มครั้งสุดท้าย				
22 พฤศจิกายน 2551 20:06 น.

ในค่ำคืนพรุ่ง

สะพั่งสะท้านไมภพ

สะพั่ง สะท้านไมภพ ออกไปนอกบ้านและงัดบุหรี่ที่ภรรยาห้ามสูบขึ้นมาสูบ อากาศตอนหัวค่ำมันเย็นนิดๆ ผมยืนพิงกำแพง อัดควันเบาๆ เข้าปอด และมองดูท้องฟ้า ดาวตกอีกแล้วหลายดวงเสียด้วย แสงของดาวบ้างก็เป็นสีแดง บ้างก็เป็นสีเหลือง
   ผมรู้สึกผะอืดผะอม ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้ ยากยิ่งกว่าโจทย์เลข และไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง เนื่องจากไม่มีคนเฉลย
   พ่อแม่สอนให้เราเป็นคนดี ครูบาอาจารย์สอนให้เราฉลาด
   จากเศรษฐกิจของครอบครัว ที่กระทบกระเทือนมาจากคลื่นความเปลี่ยนแปลงของโลก สาดซัดกระหน่ำซ้ำเติมทุกครอบครัว เห็นและโดนกับตนเอง เลยไม่รู้จะช่วยกันอย่างไรก็ต้องช่วยตัวเองก่อน และครูผู้ซึ่งชอบรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะก่อนเข้าแม้จะอ้างว่าเอาไปทำประโยชน์แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่คิดง่ายๆสำหรับเด็กเล็กและจะบานปลายยิ่งต่อผู้ใหญ่ในอนาคตและก็มาถึงแล้วในวันพรุ่งนี้
   ในบริบทอย่างนี้ น้ำตา อาจจะช่วยได้ อย่างน้อยก็จะช่วยปลอบประโลมหัวใจนักสู้ กำลังใจ และเรี่ยวแรงให้พอมีขึ้นมาได้บ้างอีกนิด
   วันพรุ่งกำลังคืบคลานออกไปอย่างรวดเร็วทีละวินาที ทีละวินาที
   เมื่อวานวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าตนเองจะต้องตายในวันพรุ่ง หรือบาดเจ็บสาหัสพิการในวันพรุ่ง หรือต้องสูญเสียอย่างหนึ่งอย่างใดไป
   ผม สะพั่ง สะท้านไมภพ ยืนนิ่งแผ่เมตตาให้กับทุกชีวิตที่จะต้องปลิดปลง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ล้วนแล้วแต่ต้องการให้เป็นไปที่ตนคิด ที่ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตนเองถูก แต่อีกฝ่ายหนึ่งผิด 
   เมื่อต่างคนต่างถูกแล้วก็ยากยิ่งที่จะออกความเห็น 
 
   ในคืนวันพรุ่ง ในห้องหับอาบอบนวด ผมนอนแก้ผ้าในอ่างจากุชชี่ ให้หมอนวดแผนปัจจุบันอาบน้ำให้ และดื่มสุราผสมโซดาบางๆ และมองดูสรีระของหมอที่กำลังทำหน้าที่ และเมื่อจบคอร์ส
    หมอนวดก็เปิดทีวีดูการถ่ายทอดภาพข่าวสดๆ และพูดให้ผมฟังว่า แม้เมื่อวานวันนี้ก็รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องเกิดขึ้น ต้องมีตาย แต่ด้วยความที่เป็นนักสู้ เลือดเข้มข้น ก็ต้องออกไปตามฝ่ายของตน ให้กำลังใจฝ่ายของตน แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดในวันพรุ่ง
   ผมดูทีวีไปน้ำตาไหลไปและก็จิบเหล้าไปฟังหมอนวดเป็นผู้ประกาศข่าวเนคนิวส์ ถึงอาจจะมากกว่าเนคนิวส์   
   น้ำตาผมรินไหล
   ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก จนกระทั่งเผลอครางเป็นบางครั้ง
   น้องหมอ บอกว่า อาจจะเป็นเพราะความไม่ใส่ใจในระบอบประชาธิปไตยแบบนี้ที่ไม่เคยมีสอนในตำรา แต่อาจมีห้ามไว้ในหนังสือชื่อหน้าที่พลเมือง
   ผมเริ่มตาลายและฟังอะไรไม่ชัด ก็ได้แต่อือออไปตามเรื่อง
   พอใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์ น้องหมอถามว่า ผมอยู่ฝ่ายไหน
   ฝ่ายไหน
   และเน้นถามอีกว่า..อยู่ฝ่ายไหน
   ในค่ำคืนพรุ่ง ตอนนั้น มันคิดไม่ออกจริงๆ				
20 พฤศจิกายน 2551 20:00 น.

นัดเดียวสาม

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผม สะพั่ง สะท้านไมภพ ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก หลายๆคืนแล้ว เพราะเจ้าแอร์ที่ห้องนอนผม มันสตาร์ทดังๆเดาว่าเพื่อมันจะเดินเครื่องทำความเย็นข้างนอกและส่งความเย็นเข้ามาข้างใน 
   พอสตาร์ทได้ที่แล้วประมาณสามสี่ครั้งแล้วมันก็เงียบไป และไม่สามารถจะเดาได้เลยว่าเมื่อใดจะเริ่มต้นส่งเสียงดังลั่นอีก ผมไม่รู้จักมันเลย พอๆกับเรื่องแผ่นดินไหว
  คราวที่แล้วให้ตาช่างประจำหมู่บ้าน ซึ่งผมเรียกเขาว่า น้าโจ น้าโจแกหนุ่มกว่าผม ตอนที่กินเหล้าด้วยกันเรียกไอ้น้องโจ คราวที่แล้วแกมาล้างแอร์ให้และแกก็ดูคอมเพรสเซอร์ให้ และเสนอให้เปลี่ยนในราคาสามพันบาท
   ผมนั่งคิดในใจว่ามั่นใจได้แค่ไหนที่เมื่อซ่อมแล้วจะไม่ส่งเสียงลั่นหมู่บ้านอีก แต่ความคิดอ่านแก้ไขปัญหา มันก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัย swot ด้วย ดังนั้นจึงรอไว้ก่อน
   พอเมียผมกลับมาถึงบ้านก็ได้พูดถึงค่าไฟฟ้าที่เดือนนี้แพงขึ้นเยอะกว่าเดิมร้อยละ 33.33 ซึ่งผมก็ได้ชี้แจงด้วยความเคารพไปว่า อาจเป็นเพราะชิ้นส่วนในโถส้วมชำรุด ซึ่งผมได้ไปซื้อและมาซ่อมด้วยตนเองแล้ว ประมาณสามครั้งสามเที่ยวหลายชั่วโมงจึงทำให้น้ำไม่ไหลนอง ปัมพ์น้ำไม่ปัมพ์น้ำทั้งคืนซึ่งทำให้ไม่เปลืองไฟ
   และผมก็เลยหารือกับเมียสุดที่รักของผมว่า เรื่องแอร์จะเอาอย่างไรดี หนึ่งช่างโจบอกว่าสามพัน แต่ผมไม่มั่นใจว่าซ่อมแล้วเสียงจะเบาขึ้นไหม สองซื้อใหม่เลยแล้วเอาเครื่องเก่าไปเทริน ภรรยามองผมตาปริบ แต่ผมก็บอกว่าแต่ต้องรอไปก่อนเนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีตังค์
   ที่ผ่านมา ผมและเมียก็นอนเปิดแอร์ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าไหนๆก็เปิดไม่แม้แต่หน้าหนาว แต่มาวันนี้ผมเสนอแนะเมียให้เปิดหน้าต่างนอน มันคงจะเป็นบรรยากาศที่แปลกผิดกลิ่นอย่างดีทีเดียว ซึ่งผมได้ใช้แม่น้ำลูกยอกอไผ่ มาชี้แจงเมียผมดังนี้
   ประโยชน์ของการไม่เปิดแอร์นอนและเปิดหน้าต่างนอนมีดังนี้
   หนึ่ง ประหยัดค่าไฟฟ้า จะทำให้ประหยัดงบประมาณของเมียผมได้
   สอง ลองนอนกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติบ้าง
   และข้อสาม เอาไว้เปิดแอร์แกล้งชาวบ้านข้างเคียง เวลาที่ข้างบ้านทั้งทางซ้ายทางขวาสร้างปัญหากวนใจบ้านของเรา เราจะเอาแอร์ตัวนี้เปิดสู้กันเพื่อเป็นการต่อรองทางด้านการเมือง
   เมียผมมองผมชี้แจงอย่างยืดยาว แล้วก็หัวเราะพร้อมกับพยักหน้า				
18 พฤศจิกายน 2551 19:56 น.

หมูอบน้ำผึ้ง ไหม้เล็กน้อย

สะพั่งสะท้านไมภพ

สะพั่ง สะท้านไมภพ วันนี้ใส่กางเกงยีนสีซีดรุ่นหลุดตูดตัวเดิม และใส่เสื้อแขนยาวโทนดำมียี่ห้อแพงระยับ และเนื่องจากกางเกงมักชอบจะหลุดจึงต้องรัดเข็มขัดทั้งที่เอว และที่การจ่ายตัง เสียบมือถือสองเครื่องหนึ่งเพื่อการค้า และอีกหนึ่งเพื่องานหลัก สะพั่งคว้ากุญแจรถมาสด้ามาในวันนี้ สะพั่งถอนหายใจต้องออกไปข้างนอกอีกแล้ว 
   เสียงเครื่องยนตร์รถมาสด้าสามสองสามจีแอลเอ็กวซ์ของสะพั่งดังกระหึ่ม เสียงล้อดังเอี๊ยดอ๊าดก่อนจะออกไป คงเหลือไว้แต่ควันขาวขโมงโฉงเฉง ในระดับความเร็วดั่งใจปรารถนา วันนี้นอกจากจะต้องไปส่งพัสดุไปรษณีย์แล้วยังจะต้องไปซื้อหาโปรแกรมจับภาพวีดีโอที่เซียร์รังสิตอีก
   ระหว่างทางตำรวจโบกมือเรียก สะพั่งใจหายวูบหมดเลย แต่ก็ชำเลืองมองเข็มความเร็วแล้วไม่เกิน ๙๐กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงค่อยยังชั่วหน่อย และก็นึกถึงเมื่อก่อนที่ขับรถเร็วแค่ ๑๔๐ โดนตำรวจโบก ตั้งแต่วันนั้นยังจำได้ไม่เคยขับเร็วอย่างงั้นอีกเลย
   ที่เซียร์สะพั่ง มองดูเจ้าของร้าน นำเงินของผมหนึ่งร้อยห้าสิบบาท ไปโบกที่แผ่นโปรแกรม และเกมส์ ที่เป็นสินค้าของเขา ในยามนี้ แม้แต่คนที่ขายของไฮเทคยังเอาเงินมาโบก แล้วพึมพัมว่าขอให้ขายดี 
   ผมคิดว่า บางทีหากเราถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พอจะพึ่งได้ล้วนต้องเอามาใช้ให้หมด
   เมื่อวันนั้นมาถึงวันที่ความเครียดได้ย่างกรายเข้ามาทักทาย กู๊ดมอนิ่ง ผม สะพั่ง สะท้านไมภพ แม้จะใจถึงแต่เรื่องนี้ก็เครียดอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าดันทะลึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า เครียดเรื่องเงิน ดังนั้นก็ต้องทำงานมากขึ้น ดังนั้นในวันนั้นจึงโพสพระขายเพิ่มอีกหลายรายการจนกระทั่งเหนื่อย และลืมไปซึ่งความเครียดเรื่องเงิน ผลที่ได้รับ ก็ได้เงินเข้ามามากขึ้น หายกลัว ดีใจ และหายเครียดไปได้อีกหลายวัน
   ผมนึกอยากจะไปที่ไร้สาระมากๆเท่าที่จะคิดออก แต่แล้วก็หัวเราะให้กับตนเอง เครียดแล้วยังจะไปใช้เงินอีก นี่เองตัวนี้เองที่ทำร้ายตัวเอง สะพั่งนึกได้ว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยนึกถึงครอบครัวให้ลึกซึ้งเลย อยากจะทำอะไรก็ทำ โดยไม่คิดว่าทุกสิ่งที่เราทำลงไปมันจะมีผลกระทบต่อครอบครัวแบบไหน
   ณ วันนี้ผม ระลึกได้แล้ว และตั้งใจว่าจะทำในสิ่งที่ดีๆให้แก่คนในครอบครัวเป็นหลัก แต่ทว่าในความบีบบังคับของธรรมชาติใครสักกี่คนที่จะฝืนได้อย่างมั่นคง
   ได้โปรแกรมมาแล้วแต่เมื่อลองใช้ดูก็ปรากฏว่าเป็นโปรแกรมที่ไม่ได้เรื่องหรือตรงประเด็นนัก ก็เอาเป็นว่าเสียตังค์แบบเสียดายตังค์
   ผม เป็นอย่างงี้เสมอ เมื่อความต้องการมันเกิดขึ้นในสมองเมื่อใด ผมจะต้องไปหามันมาทันที แต่อย่างว่าละครับ ถ้าไม่ไปหามันมาให้ได้ ก็จะเครียดอีก 
   เมื่อมาถึงบ้าน ปรากฏว่าลืมซื้อกับข้าว แต่ผมคิดไม่เป็นไร ยังพอมีอะไรที่จะทำกับข้าวกินมื๊อเย็นได้
   ในที่สุดเมื่อตกลงใจจะทำหมูอบน้ำผึ้ง ก็จัดการเตรียมการไว้จนเรียบร้อยแล้ว และเมื่อได้ที่ก็เริ่มทำการปรุง เพลินไปหน่อยหมูที่อยู่ข้างใต้มันไหม้ ใครจะมองเห็นใช่ไหมครับ แต่ทว่าขณะที่มองไม่เห็น แต่กลิ่นที่ไหม้ได้เข้ามาในจมูกจึงต้องรีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง
   ผมมองที่เนื้อหมูบนกระทะ เอมันสุกหรือยัง
   ในขณะนั้นเอง การชั่งใจได้เกิดขึ้นว่า จะสุกก่อน หรือ ไหม้ดี
   หากเป็นในขณะขับรถเราต้องปล่อยคันเร่งเป็นอันดับแรกก่อนที่จะคิดเหยียบเบรค เช่นเดียวกัน ในแบบนี้ก็ต้องปิดไฟก่อน
   สะพั่งเทหมูในกระทะใส่จาน บางส่วนไม่สุก ดังนั้นจึงเอาไปอบเตาไมโครเวฟ 
   ปัญหาย่อมเกิดมาเรื่อยๆ เหมือนในชีวิตจริง ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า คนที่รวยจริงๆจะมีสักกี่คนในประเทศ หรือมีแต่แบบผม คือก็แค่มีทางเอาเงินมาใช้ และจะมีบ้างไหมที่คนจะไม่มีปัญหาอีกเลย
   ผมมองดูลูกเมียกินกับข้าวที่ผมทำ คนก็โทรมาสั่งเช่าพระ ดูเหมือนว่าวันนี้จะดีขึ้นแล้ว 
   หากวันนี้เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งแล้ว ก็ไม่ต้องไปนึกหาวันดีในอดีตอีกต่อไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ