31 ตุลาคม 2548 13:13 น.

อดีต..คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

..สายลมทะเล..

ผมเชื่อว่าทุกคนมีอดีต และก็เชื่อว่าอดีตของผมก็ไม่ได้ขมขื่นน้อยไปกว่าใครๆ แต่อย่าให้ผมต้องเล่าถึงอดีตของผมเลย เพราะมันคงยาวและน่าเบื่อมาก...เปล่า ผมไม่ได้รู้สึกเลวร้ายที่จะพูดถึงมันหรอกนะ แต่ผมอยากเก็บมันไว้กับความรู้สึกข้างในเพียงลำพัง ...อย่างน้อย ผมก็ยังภูมิใจได้บ้าง ว่าผมไม่ได้มีข้ออ้างให้กับอดีตเหล่านั้น และไม่ได้ปรุงแต่งให้มันดูสวยงามไปกว่าที่มันเป็น

ด้วยมโนสุจริต ผมต้องยอมรับว่าได้พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย แต่นั่นละครับ หากกระทั่งตัวเองยังไม่ยอมอภัยให้กับตัวแล้ว เห็นทีชีวิตนี้คงจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ไม่รู้จบสิ้น... อย่างไรก็ตาม อภัยให้กับตัวเองนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ลงโทษตัวเองนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ระหว่างการลงอาญาที่หนักหน่วง ผมก็ได้แต่หนี หนีไปจากความยุ่งยากทุกๆ เรื่อง  มันคงไม่ใช่ทางออก...แต่มันเป็นทางเลือกที่ง่าย...และผมเลือกความง่าย...เพราะผมเป็นผู้ชายง่ายๆ ง่ายที่มาจาก มักง่าย และใจง่าย นั่นแหล่ะ

เวลาว่าง ความรู้สึกว่าว่าง เป็นสิ่งที่ผมกลัวอยู่เสมอ	 จึงไม่แปลกอะไรที่ผมจะหาอะไรมาสุมตัวเองเล่น หมกตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ ...ห่างไกลจากผู้คน หนีไปจากสังคม นึกอยู่เหมือนกันว่าจะเก็บลูกหมาข้างถนนมาเลี้ยงเป็นเพื่อนสักตัว แต่คิดไปคิดมา...อย่าดีกว่า แค่ชีวิตตัวเองยังดูแลไม่ได้ กับอีกชีวิตหนึ่งจะดูแลได้หรือ ผมเลยยังอยู่กับความทุกข์ที่ทับถม และยังคงออกไปแสวงหา แสวงหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตแตกต่างไปจากเดิม...แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ให้มากที่สุด และมากพอที่ผมจะสนุกกับมันจนลืมความทุกข์ที่กัดกร่อนอยู่ข้างในได้ชั่วขณะ

ระหว่างการเดินทางที่ไกลออกไปทุกวัน  ชีวิตถึงได้ค้นพบอะไรอีกหลายอย่าง ความทุกข์ที่เคยกัดกินใจจนแหว่งวิ่นเหมือนหนูแทะ เหมือนได้ยาดีรักษาจนอาการทุเลาเบาบาง ..ก็ในเมื่อความตายยังมาไม่ถึง ทำไมผมไม่เดินและทำให้มันดีขึ้นๆ ทุกวันเล่า

ผมยิ้มให้กับตัวเอง.. ผมจะเดินให้ดี


เตี้ยเป็นชายหนุ่มตัวเล็ก รูปร่างสันทัด หน้าตาดีแบบอีสาน  เวลาไม่เมาแล้วเรียบร้อยนุ่มนิ่ม ขี้อาย ไม่เคยมีปากมีเสียงกับใครเขา เป็นชายหนุ่มที่หากเหล้าไม่เข้าไปในเลือดแล้ว น่ารักจนน่าหยิก เราสองคนสนิทกันในวงเหล้าเด็กอีสาน เตี้ยชอบกินเหล้าส่วนผมนั้นชอบกินกับ ทุกๆ คืนวันศุกร์ที่อยู่โรงเรียน เราจึงมักนั่งเฝ้าขวดกลมๆ กับขันใส่โซดาน้ำ กลัวมันหายอยู่บ่อยๆ 

เรื่องราวในวงเหล้าทุกครั้งก็ไม่พ้น นินทานายทหาร บ่นรุ่นพี่ สุดท้ายก็สรรเสริญเยินยอกันเอง เรื่องเหล่านี้วนเวียนมาทุกครั้งเหมือนเพิ่งคุยกันครั้งแรก  พอยิ่งดึกยิ่งเมา..นอกจากลิ้นไก่แต่ละคนจะหดสั้นลงแล้ว ความจำยังพลอยสั้น วนเอาเรื่องเดิมๆ แต่หัวค่ำและห้านาทีก่อนมาพูดซ้ำอยู่บ่อยๆ วงเหล้าจึงเลิกยากและไม่เคยหมดเรื่องคุย  

ถ้าไม่หลับคาวง..อย่าหวังเลยว่าจะได้ลุกไปนอน 

ผมไม่ใช่เด็กอีสานหรอกครับ ด้วยจมูกโด่งๆ หน้าตาคมคาย ผิวสีน้ำผึ้งอย่างผม ดูปร๊าดก็รู้ว่าลูกครึ่งไทยอเมริกันบรามัน ไม่ก็ไทยเยอรมันเชฟเฟิร์ส แต่ด้วยบุญคุณที่ผมเคยรักษาชีวิตหัวหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือท่านท้าวคำนูน  ในคดีเชอร์ล็อคนูนถล่มวังค้างคาว ที่ดันสวมวิญญาณนักสืบพิสูจน์คดีทหารขี้แตก ขี้ตกหกเรี่ยราดเปื้อนประตูและทางเดินเป็นระยะทางเกือบยี่สิบเมตร แล้วท่านท้าวกล่าวหาพาดพิงจำเลยเขาทรายแกแล็กซี่ นักมวยขวาตายซ้ายสลบแบบหลักฐานไม่แน่นพยานไม่ชัวร์ จนเกือบถูกกระทืบตายคาเตียง เหตุการณ์คราวนั้นทำให้ผมได้รับเชิญเข้าสมาคมคนมีกรามอย่างช่วยไม่ได้ 

หลังจบนายเรืออากาศ ผมเข้าไปเรียนบินผลัดหนึ่ง ส่วนเตี้ยตามเข้าไปเรียนเป็นผลัดสอง ทุกวันหลังกินข้าวเย็น เตี้ยจะแวะมาใช้บริการโทรศัพท์นาทีละบาทที่ห้องผม ..ใช่แล้วครับ ผมแอบเปิดบริการมือถือตั้งโต๊ะหาทุนการศึกษาปริญญาเอกให้เด็กๆ ในสังกัด  เตี้ยเองก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของผม 

ปริญญาบัตรของเด็กสาวสองสามคนจึงเป็นทุนของเตี้ยโดยแท้  ผมยังนึกขอบคุณแทนพวกเธออยู่ถึงวันนี้

ว่าก็ว่าเถอะ เด็กอีสานนี่จริงใสและใสซื่อ  ..เตี้ยเองก็เหมือนกัน ทุกวันที่คุยโทรศัพท์เหมือนอัดเทป เรียกว่าส่งมาให้ผมพูดแทนก็ไม่ผิดเพี้ยนตกหล่น ร้องไห้น้ำตาซึม พร่ำแต่พูดว่าบินไม่ได้ๆ โดนไล่ออกแน่  ครบครึ่งชั่วโมงก็ปาดน้ำตาเดินซึมเป็นผ้าอนามัยออกจากห้องผมไป

แล้วเป็นไงล่ะ พ่อคุณไปบินไอพ่นอยู่โคราชโน่น.. ปล่อยให้เพื่อนๆ กูบินได้ กูบินดี เดินคอตกออกจากโรงเรียนไป  มันน่าหมั่นไส้จริงๆ

วันนึงผมแวะไปนอนบ้านโยธา ซึ่งเจ้าบ้านทำใจยกให้เป็นบ้านสาธารณะตั้งแต่เริ่มทำงานปีแรก เนื่องจากใครไม่มีที่ไปก็จะมาสุมหัวนอนกันที่บ้านนี้แหล่ะ ไม่ต้องพูดถึงความเกรงใจ คำนี้เพื่อนกันมันไม่มีอยู่แล้ว บางคืนยี่สิบชีวิตจึงนอนกองกันหน้าทีวีแบบไม่ยี่หระบ้านใกล้เรือนเคียงและสายตาชาวบ้าน ชื่อเสียงของบ้านโยธานั้นแฟนพวกเราทุกคนในยุคนั้นรู้จักกันดี และถ้าเป็นตัวจริงเสียงจริง อย่างน้อยต้องเคยไปสิงสถิตกันครั้งสองครั้ง 

ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ ใกล้หลับอยู่ห้องชั้นบนคนเดียว โดยมีกว่าเจ็ดชีวิตนอนหลับคาหนังสือและคอมพิวเตอร์อยู่ห้องข้างล่าง เงาดำเตี้ยๆ คุ้นตาคลอเคลียกันมากับเงาบางสูงโปร่ง  เจ้าตัวเปิดประตูเข้ามาในห้อง และชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างผมนอนอยู่ ค่อยๆ เดินด้วยปลายเท้าแผ่วเบาแบบที่คนเมาพอจะทำได้ ชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ นาทีนั้นผมตื่นแล้ว และหรี่ตาดูอยู่

ทันทีที่เห็นว่าเป็นผม เจ้าตัวอึ้งเหมือนตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจ หรือกลัวผม พลอย แต่เดาว่าน่าจะเป็นประการแรก เพราะตอนนั้นผมยังเป็นคนดีที่ยังไม่เสีย

ผมยิ้มในความมืด หยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้ข้างตัวลุกออกจากห้องไป  เสียงอ้อมแอ้มขอบคุณของคนเมาเบาพอได้ยินขณะสวนกัน ..ผมยิ้มอีกครั้ง แอบหวังลึกๆ ว่า..อย่าล็อคห้องนะโว้ย

น่าเสียดาย.. มันล็อคห้อง และประตูไม่มีรู
คืนนั้น ผมจึงหลับไปด้วยความแค้น
..เตี้ยนะเตี้ย

ตอนเช้า..เตี้ยกับสาวน้อยหายวับไปก่อนทุกคนตื่น ผมเดินมาชงกาแฟกินแก้หงุดหงิด อมรมย์แต่เมื่อคืนยังค้างคาอยู่ในใจ พอไอ้นงโผล่หัวออกมา ผมจึงบ่นให้ฟัง  ไอ้นงหัวเราะหึหึ 

ใช่ผู้หญิงที่ไหนเล่า ไอ้เตี้ยมันเมา ห้ามก็ไม่ฟัง ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะต่อ
ผมอึ้งไปพักนึง นึกเสียดาย..เออแฮะ ผู้ชายก็น่าลอง				
31 ตุลาคม 2548 13:09 น.

เทคนิคการรวบรัด

..สายลมทะเล..

ตามหลักจิตวิทยา คนที่อยู่ในห้องที่มีอากาศเย็น จะตัดสินใจเร็วขึ้น หากรวมกับการถูกชี้นำให้ตัดสินใจด้วยแล้ว รายไหนก็รายนั้น  ใจแข็ง ก็จะ ใจง่าย ขึ้นมาทีเดียว

ผมเองเวลาบอกรักสาวๆ ก็ต้องเลือกวันที่หล่อนใส่เสื้อผ้าบางเบาน้อยชิ้น  ล่อลวงไปอยู่ในที่เย็นๆ เช่นบนรถไฟฟ้า หรือในโรงงานน้ำแข็ง  รอให้เธอหนาวตัวสั่นเป็นลูกหมา แล้วค่อยบอกรักหล่อน  ด้วยอารามตกใจคุณเธอก็จะคิดไปเองว่า  ที่ใจสั่นเป็นองค์ลงนั้น เพราะพรหมลิขิตอิทธิฤทธิ์ของคำ รัก จากปากผม  แล้วเรื่องยากก็จะง่ายในบัดดล

ได้ผลไม่ได้ผลดูกันเอาเอง  สามสิบกว่าแล้วก็ยังไม่มีใครเอา

อาร์ทนักบินหนุ่มรูปหล่อซึ่งไปช่วยราชการอยู่การบินไทย (ตามโครงการกองทัพอากาศไทยบินไกลทั่วโลก)  ได้ชื่อว่าเป็นคนเคารพเมียมาก  อาร์ทมักบอกพวกเราอยู่เสมอๆ ว่า เคารพกับกลัวนั้นต่างกัน..มันต่างกันจริงๆ..จริงๆ นะ
อาร์ทบอกพวกเราอย่างนั้น
ตอนไม่เมา พวกเราก็เชื่ออาร์ท

วันหนึ่งหลังเตะบอลเสร็จ เพื่อนๆ ชวนกันไปกินข้าวต้ม  กินกันไปกินกันมาเกิดติดลม  นาฬิกาบนข้อมืออาร์ทเกิดเสียขึ้นมาดื้อๆ  สามทุ่มตามกฎบ้านจึงกลายเป็นตีสาม

ระเบียบบริหารกิจการภายในบ้านระบุไว้ว่า 
เกินสามทุ่ม นอนพื้น รุ่งเช้าให้เขียนรายงานชี้แจง
เกินห้าทุ่ม ขึ้นค่าเลี้ยงดูภรรยา กักบริเวณหนึ่งเดือน
และหลังเที่ยงคืน ขังสองอาทิตย์ พักกิจกรรมบนเตียงสี่สิบห้าวัน
เนื่องจากอาร์ทเคารพภรรยา ประกอบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมาย พูดง่ายๆ ก็คือผู้พิพากษาของอาร์ทสวยมาก  อาร์ทจึงไม่เคยผ่าเคอร์ฟิวกลับหลังเที่ยงคืน  ..คืนนี้ อาร์ทจึงกลับบ้านด้วยใจหวิวๆ

ทันทีที่เปิดประตูห้องนอน อากาศในห้องเย็นฉ่ำผิดปกติ  เจี๊ยบแต่งตัวเหมือนเพนกวิน ใส่เสื้อโค้ทสองชั้น สวมถุงเท้าใส่ถุงมือ มีผ้าพันคอพร้อมหมวกปิดหูครบชุด

อาร์ทอดีตหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลและจบโท MBA มาหมาดๆ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นพวกไม่รักดีทางการเรียน ต่างจากผม ที่ดียุ่บดียั่บเต็มใบทรานสคริปท์  รู้ทันทีว่าภรรยางัดกลยุทธการคาดคั้นแบบรวบรัดมาสอบสวนเขาแน่

อาร์ทหยุดนิ่งทบทวนทฤษฏีอยู่แวบเดียว ก่อนตัดสินใจใช้เทคนิคการรวบรัดชี้นำการตัดสินใจทันที

เจี๊ยบจ๋า เอาเป็นว่าคืนนี้อาร์ทนอนพื้น  พรุ่งนี้จะเขียนรายงานชี้แจง ขึ้นค่าเลี้ยงดูเจี๊ยบ เสาร์อาทิตย์อาร์ทจะไม่ออกไปไหน  ขออย่างเดียว..เรื่องสุดท้ายให้เหมือนเดิม  ส่วนกิจกรรมของคืนนี้ อาร์ทขอทบต้นไปรวมกับพรุ่งนี้จ๊ะ

ผมไม่รู้ว่าเจี๊ยบตอบว่าไง  รู้แต่ว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ อาร์ทเพิ่งได้ลูกชาย				
25 ตุลาคม 2548 20:51 น.

พูดคุย : ภาพที่คุ้นเคย

..สายลมทะเล..

ดวงผมนี่ไม่ทราบเป็นยังไงครับ ถูกโฉลกกับการโยกย้ายและช่วยราชการอยู่เรื่อย ตอนอยู่เมืองไทยไปขโมยไก่บ้านเมียผู้การ ถูกเด้งเข้ากรุงเทพมานั่งรับผิดชอบเรื่องข่าวเทคโนโลยีทางด้านการทหาร ผ่านไปได้เดือนนึงงานกำลังจะรุ่ง สาวโต๊ะตรงข้ามเริ่มสบตา สถานการณ์ของปลากัดกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วเชียว ผู้ใหญ่ก็สั่งย้ายยี่สิบสี่ชั่วโมงให้ไปช่วยราชการข่าวประเทศรอบบ้านเสียชิบ 

อุตส่าห์วิ่งโร่ไปหาน้องนายทหารคนสนิทเจ้ากรม ขอให้ช่วยบอกเจ้านายอย่าย้ายพี่ น้องมันดันบอกว่า เดือนหน้าแผนกนั้นจะได้นายทหารหญิงเพิ่งจบมหาวิทยาลัยเข้ามาสองคนนะพี่ ข่าวว่าสวยด้วย ถ้าพี่ไม่เอา เดี๋ยวพี่มาเป็น ทส.แทนผม แล้วผมย้ายไปแทนพี่เอง 

อ้อยถึงปากช้าง..ไม่เอาก็โง่ซิครับ
เอ่อ คิดดูอีกที พี่ว่า..ทหารถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคัญบัญชาเสียแล้ว มันก็เหมือนไม่ใช่ทหารนะน้อง ผมแลบลิ้นแผล่บ แล้วก็หันหลังจากมา

ไม่รู้เลยว่าเจ้าน้องรักแอบยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ข้างหลัง

หนึ่งเดือนกับการรอคอย..แล้ววันรายงานตัวของน้องใหม่ก็มาถึง ผมตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสอง ฉีดน้ำหอมหมดไปสามขวด กะว่างานนี้ถ้าเธอไม่หลงเสน่ห์เพราะกลิ่น เธอก็คงรับรู้ว่าผมรวยขนาดซื้อน้ำหอมมาอาบได้ 

แรกพบหน้า ใจผมหายวาบ ความฝันที่นอนรอมาสามสิบวันตกไปถึงตาตุ่ม แม้ไม่ส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าคงซีดเป็นไก่อหิวาต์.. ไม่รู้ชาติที่แล้วผมทำกรรมอะไรไว้นักหนา ช่างสวยได้ไม่รู้ลืม..ใบหน้านั้นหลับตาลงอย่างไรก็ไม่หาย
สวยแบบที่ผมต้องเปิดไฟนอนอยู่สองอาทิตย์

คนอะไรสวยไม่เกรงใจพระ

ไปทำงานตาโบ๋เพราะนอนไม่หลับได้เกือบเดือน ผมก็ทนไม่ไหว ขืนปล่อยไว้แบบนี้เฉาตายแน่ และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงหนีมาไกลถึงแอฟริกา

อารัมพบทมาตั้งนาน ก็แค่จะบอกว่าตอนนี้ผมซึ่งทำงานให้กับชุดปฏิบัติการปลดอาวุธมาได้สองเดือน โดนย้ายไปช่วยราชการแผนกฝึกศึกษา ทำหน้าที่สอนผู้สังเกตการณ์ทางทหารใหม่ครับ ฟังดูเหมือนน่ายินดี ต่อไปนี้ชีวิตไม่ต้องไปเสี่ยงกับมัชจุราชที่ไหนใช่ไหมครับ แต่ผมนะหนักใจ..ใครๆ ก็รู้ว่าผมนะเด็กเกือบที่สุดในภารกิจ ยศก็ต่ำสุด เรียงตามอายุผู้สังเกตการณ์สองร้อยกว่าคน..ผมก็คนที่สองจากท้ายแถวล่ะครับ (เป็นการบอกว่าผมยังหนุ่มเป็นนัยๆ ..อะไรนะ หน้าแก่เหรอ เดี๋ยวเถอะ) 

ภาษาพูดก็กระท่อนกระแท่น ภาษาเขียนคงไม่ต้องพูดถึง ผมเลยปวดหัวจนไข้ขึ้นมาอาทิตย์นึงแล้ว กินยาไปครึ่งกระปุก อาการก็ยังทรงๆ ทรุดๆ กำลังสงสัยว่าเป็นมาลาเรียหรือเปล่า เพราะช่วงนี้กำลังฮิตติดชาร์ท ทหารไทยเองก็โคม่าส่งขึ้นเครื่องบินไปรักษาที่เคนย่าคนนึงเมื่อเช้า อุตส่าห์แวะไปหาหมอ บอกหมอว่าผมไม่ได้กินยาป้องกัน ไม่ได้กางมุ้งนอนครับหมอ หมอยังมองแบบเหยียดๆ เหมือนจะบอกว่า ถึงเอ็งจะไม่กินยา นอนแก้ผ้าไม่กางมุ้ง หนังหนาๆ ขนาดเข็มทำหมันควายยังแทงไม่เข้าแบบเอ็ง ยุงที่ไหนจะเจาะเอาเลือดชั่วไปได้ว่ะ แล้วหมอก็ไล่ผมกลับบ้าน 

เมื่อหมอบอกว่าผมไม่ป่วย วันนี้ผมเลยลงเล่นฟุตซอลนัดเปิดสนามให้กับทีมไทยดี ซึ่งโคจรมาเจอกับทีมไทยเลว เอ้ยไทยซีครับ มีกันสี่ทีม ไทยเอถึงไทยดี ไทยชั่วไทยเลวไทยระยำนั้นไม่มีครับ ..คนไทยดีและน่ารักจะตาย

ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมได้ลง งานนี้บังคับต้องมีนายทหารลงเล่นหนึ่งคน คนนึงอยู่ต่างจังหวัด คนนึงปวดฟัน คนนึงเพิ่งผ่าซีสต์ อีกคนเมาคอพับอยู่ข้างสนาม มองซ้ายมองขวานายทหารห้าคนเหลือเราคนเดียวนี่หว่า เสียงลูกน้องยุ ลงๆ ไปเถอะผู้กอง กำลังขาดตัวขำๆ อยู่พอดี

ตัวขำๆ เลยลงไปป่วน ไล่เตะฝั่งตรงข้ามร่วงไปนอนกองเสียสองคน ลูกมาโดนตีนสามครั้ง เข้าไปสามประตู ..ขำกันทั้งสนาม ยิงประตูไหนไม่ยิง ดันยิงเข้าประตูตัวเอง แฮททริคเสียด้วย 
จบเกมส์ด้วยสกอร์สามศูนย์..งานนี้เหมาคนเดียว 
ขำกันไปอีกนาน

ออกจากสนาม ผมเดินเข้าห้อง ถอดเสื้อนอนยาวจะเป็นลมเสียให้ได้ หายใจระทวยอยู่เกือบชั่วโมง ในความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย ไม่นึกว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาเกือบเจ็ดกิโลตอนกลับไปพักเมืองไทยจะเล่นเอาสาหัสปานนี้ ตอนนั้นสติผมเหมือนจะขาด ผมเชื่อว่านักกีฬาที่ตายในสนามคงเริ่มต้นด้วยอาการแบบเดียวกับผม 

กำลังจะตายอยู่เพลินๆ ก็ดันนึกถึงลูกในท้องของเมียน้อยคนที่สามขึ้นมา งานนี้ก็เลยกร่อย แข็งใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ จะถูกหลักไม่ถูกหลักผมไม่รู้ แต่ผมร้อนอยู่ข้างในจนแทบคลั่ง แดดตอนบ่ายสามอาจทำให้ผมเจอกับภาวะฮีทสโตร๊คผมคิด การลดอุณหภูมิเร่งด่วนจึงพุ่งปรี๊ดเข้าหัวสมอง แก้ผ้าตัวขาวโดดเข้าใต้ฝักบัว อาบน้ำจนตัวเย็นแล้วก็ขับรถกลับบ้าน

ที่บ้านไฟดับ และไม่มีใครอยู่ 
เอาข้าวและกับที่แช่ไว้ในตู้เย็นตั้งแต่เมื่อวานมานั่งเปิดไฟฉายกิน เย็นชืดเพราะไม่มีไฟฟ้าให้อุ่น อย่าถามหาเตาแก๊สนะครับ คนรวยอย่างผมไม่รู้จัก..ที่บ้านมีแต่เตาไฟฟ้าไฮโซ ขอโทษ 

อาบน้ำด้วยไฟฉาย บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ 
ก่อนออกจากห้องน้ำ เอาไฟฉายส่องใต้คางดูในกระจก
บรื้อส์...ภาพน้องใหม่ที่แผนกกลับผุดขึ้นมาอีกครา
ผู้หญิงอะไรสวยเปลืองไฟไม่เกรงใจพระ

ผมกระชับไฟฉายแน่น เดินหาถ่านสำรองที่เก็บไว้

คืนนี้..ผมจะเปิดไฟฉายนอน				
24 ตุลาคม 2548 13:11 น.

บทความ : วันวัน..ทหารทำอะไร

..สายลมทะเล..

สงครามก็ไม่มี แล้ววันวันทหารทำอะไร  ..นั่งถอนหายใจให้หมดวัน เช้าชามเย็นชาม กินเงินภาษีประชาชน เข้างานสิบโมงเช้าก้าวเท้าออกสามโมงเย็น แล้วรอรับเงินสิ้นเดือนหรือ..

ผมได้ยินคำถามประเภทนี้บ่อยๆ  ได้แต่ยิ้มให้กำลังใจคนถูกถาม  เอาใจช่วยให้สามารถหาคำอธิบายง่ายๆ ให้เขาเข้าใจ  ..มานั่งนึกๆ ดู การอธิบายเหตุผลบางเรื่อง  โดยเฉพาะเรื่องที่อธิบายให้กับตัวเอง..ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ยิ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้  ยิ่งหาคนเข้าใจยากเต็มที

พลังอำนาจของชาติมีหลักๆ อยู่สี่ห้าประการ  ที่ทำให้ชาติดำรงสภาพของความเป็นชาติอยู่ได้  พลังอำนาจเหล่านั้นก็เช่น พลังอำนาจทางทหาร พลังอำนาจทางการเมือง พลังอำนาจทางเศรษฐกิจ และพลังอำนาจทางสังคม  หากพลังอำนาจด้านใดด้านหนึ่งเสื่อมถอยหรือล่มสลายลง  ย่อมส่งผลกระทบต่อพลังอำนาจด้านอื่น รวมถึงความเป็นชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นักการทหารคนหนึ่งเคยพูดไว้ตอนยังไม่ตายว่า (ถ้าพูดตอนตายไปแล้วนี่ ผมจะเป็นคนแรกที่ออกวิ่ง) ..ชาติอาจสูญเสียพลังอำนาจอื่นๆ ได้ทุกด้าน  เราอาจอ่อนแอลง เราอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสภาพ แต่เราจะยังคงอยู่..และชาติยังคงเป็นชาติ  ..พลังอำนาจหนึ่งเดียวที่จะยอมให้เสียไปไม่ได้  คือพลังอำนาจทางทหาร ..วันใดที่เราต้องรบ วันใดที่เราต้องทำสงคราม เราต้องชนะ ..ความพ่ายแพ้หมายถึงสิ้นชาติ..พลังอำนาจทุกด้านล่มสลายและเปลี่ยนมือไปเป็นของคนอื่น  ชีวิตประชาชนทุกชีวิตขึ้นกับทิศทางที่ผู้ชนะขีดให้  ตราบใดที่เขาแสวงประโยชน์ในสิ่งที่เขาต้องการจนพอใจแล้ว  เขาอาจคืนชาติให้คุณ..ชาติที่ไม่มีวันเหมือนเดิม..และมันจะถูกจารึกไว้ในความสงสัยของลูกหลานสืบไปจนวันสิ้นโลก       

..ในช่วงเวลานั้น บรรพบุรุษของเรามัวทำอะไรอยู่หนอ  วันนี้เราถึงต้องพูด ต้องเรียนหนังสือกันด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่  ต้องใช้เงินที่คนในรูปหน้าตาเหมือนผู้นำชาติอื่น  ต้องกินซีเรียลและขนมปังแทน..เอ แทนอะไรนะ ที่เป็นเม็ดๆ สีเหลืองๆ ในพิพิธภัณฑ์นะ อ๋อ ใช่ๆ เขาเรียกข้าว  ต้องกินนมแทนน้ำเพราะนมนำเข้าจากประเทศเขา  และห้ามเลี้ยงวัวไปขายแข่ง  ให้เลี้ยงไก่เลี้ยงหมูได้ เพราะมันขี้โรคตายง่ายและสกปรก..แต่ราคาขึ้นกับเขากำหนด กุ้งไก่ปูปลาขายใครก็ได้ แต่ต้องหลังจากเหลือขายแบบลดแลกแจกแถมกับเขาแล้ว  แล้วก็อย่าซ่ากับเขาเชียว เดี๋ยวพ่อคุณแกล้งปิดบริษัทไม่จ่ายน้ำ ไม่จ่ายไฟ ไม่ขายของ ไม่ทำกิจการทุกประเภท.. คนจะตกงาน และอดตายเป็นล้านนะทำเล่นไป 

อีกทั้งไม่ต้องห่วงเรื่องบริหารประเทศ  นักการเมืองนักวิชาการที่จะดูแลบริหารจัดการ  เขาจัดสรรและชี้นำไว้พร้อมสรรพ พร้อมสนองนโยบายประเทศ แบบชี้นกเป็นหมาชี้ปลาเป็นกระต่าย..ไม่หือไม่อือ รับรอง

สังคมวัฒนธรรมคนป่าที่เขาตราหน้าให้บรรพบุรุษ  เขาจะยกเลิกสิ้น  ไม่มีสงกรานต์รดน้ำให้เปลืองประปา ไม่มีระบบกษัตริย์เพราะบารมีขององค์กษัตริย์อาจสร้างคลื่นมหาชนยากต่อการควบคุม  ไม่มีงานบุญบั้งไฟงานบุญเดือนสิบที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านและสังคมแน่นแฟ้น  ต่อไปอยู่กันแบบครอบครัวเล็กๆ บ้านใครบ้านมัน  คุณกลับบ้านนอกก็ไม่ต้องหิ้วไตปลามาฝาก  บ้านผมแกงเหลืองผมก็จะไม่แบ่งคุณ  (นี่ผมแค่ยกตัวอย่าง จริงๆ แล้วผมไม่รู้จักทั้งไตปลาและแกงเหลือง ที่บ้านจำความได้ แม่ก็ให้กินแต่ปลากะพงผัดฉ่า พล่ากุ้งฮ่องเต้ และยำทะเลรวมมิตร อาหารประเภทนั้นมีแต่เพื่อนเด็กบ้านนอกเขากินกัน)  

ชาติที่ไม่มีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง..ยังจะเป็นชาติอยู่หรือ
ชาติที่คอยเก็บเงินส่งส่วยให้ชาติให้ประเทศอื่น..ยังเป็นชาติอยู่อีกหรือ
ชาติที่จะดำเนินนโยบายอย่างโน้น อยากจะทำอย่างนี้ ต้องหันรีหันขวางขอคำแนะนำชาติอื่น..ชาตินั้นคนในชาติยังหลงเหลือ..ซึ่งความเป็นเจ้าของอยู่หรือ..

ผมเดินตะลุยอยู่ในป่าแอฟริกา เจอผู้คนมากหน้าหลายตาจากนานาประเทศทั่วโลก  ภาษาอังกฤษผมกระพร่องกระแพร่ง  ภาษาฝรั่งเศสผมไม่เป็น... หลายคนมองผมด้วยความรู้สึกเหยียดหยาม  ประเทศคุณล้าหลังถึงขนาดนายทหารยังไม่มีการศึกษาเลยเหรอ..    รู้ไหม หัวหน้าทีมผมพูดแทนผมว่าไง.. ประเทศไทยไม่ได้ใช้ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกต ประเทศเขาเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่เคยถูกปกครองโดยประเทศเจ้าอาณานิคมใด... 

เพื่อนๆ ชาวเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกาเงียบกริบ  ไม่มีประเทศใดในพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยถูกปกครองด้วยชาติอื่น..  ผมยิ้มให้หัวหน้าทีม  และรู้ดีว่าทุกคำที่หัวหน้าทีมพูด มันเสียดแทงใจไม่น้อย..เพราะชาติของเขาก็เป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น

เพราะเราไม่เคยแพ้  เพราะเราไม่เคยลำบาก.. ถึงไม่รู้ว่ามันควรหวงแหนแค่ไหน  คนไม่เคยสิ้นชาติ ไหนเลยรู้สึกถึงความไม่มีชาติ..  คุณรู้จักคนมอญไหม  กลุ่มคนเล็กๆ ที่เคยยิ่งใหญ่ในลุ่มน้ำอิรวดี  ..ที่ตอนนี้ไม่มีกระทั่งแผ่นดินจะอยู่  แม้พวกเขาจะเหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่เขาก็รักสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น  เขายังคงฝันว่าสักวันจะมีประเทศ มีแผ่นดินเป็นของตัวเอง  ..และแม้ชาตินี้ไม่ได้เห็น เขาก็ยังหวังว่าลูกหลานจะได้เห็น..เขาไม่เคยท้อถอย และเขายังคงสอนสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น..เอ็งจงอย่าลืมความเป็นมอญ.. พ่อแม่เอ็งเกิดมาเป็นมอญ ใช้ชีวิตอย่างมอญ และจะตายอย่างมอญ ..ถึงวันนี้ไม่มีชาติไม่มีแผ่นดินมอญ แต่เอ็งจะต้องมีชาติ มีแผ่นดินสักวัน..

ผมไม่เคยสงสัยว่าผมจะตายเพื่อชาติได้ไหม.. ถ้าจะสงสัยก็เห็นจะเป็นว่า ..ต้องเกิดมาตายเพื่อชาติอีกกี่รอบถึงจะแทนคุณบรรพบุรุษ แทนคุณชาติได้หมด.. แม้วันนี้ผมจะไม่ได้ทำหน้าที่โดยตรงของทหารคือออกรบ..  แต่ผมก็ยังทำตัวเองให้พร้อมเสมอสำหรับสิ่งใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน แน่นอน ทุกๆ วันทหารเช่นผมต้องพยายามทำหน้าที่อื่นนอกเหนือจากการเตรียมกำลังเพื่อการรบ  

ทุกวันนี้เราไม่ได้ทำงานแลกข้าว ไม่ได้ทำงานแลกเงินเดือน ..ที่เราทำเพราะสำนึกรู้อยู่เสมอ  ว่าถ้าไม่มีประชาชนก็ไม่มีเรา..หน้าที่เราคือปกป้องและรักษาอำนาจของประชาชนไว้.. ประชาชน ผู้ซึ่งส่งเสียพวกเราเรียน ..ให้ข้าวให้น้ำให้เราได้กินทุกๆ เดือนไปจนถึงวันตาย  ตายเสร็จยังโอนสิทธิ์เลี้ยงดูนั้นไปยังเมียและลูกต่อ.. ไหนยังดูแลเรา ดูแลพ่อแม่ ดูแลภรรยาและลูกยามพวกเราเจ็บป่วย..กระทั่งส่งเสียให้ลูกเราได้เรียนอย่างน้อยก็ถึงระดับมัธยม  ...ประชาชนให้เราขนาดนี้..หากไม่รู้สึกว่าควรทดแทนแล้ว ยังจะรู้สึกเป็นอย่างอื่นได้หรือ

ภารกิจของทหารนอกเหนือไปจากการสงคราม..เคยได้ยินไหมครับ  นั่นล่ะ คือสิ่งที่ทหารเขาทำๆ กันในเวลาแบบนี้  

ทหารอย่างเราก็ไม่ต้องการสงคราม  ..สงครามไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็นำมาแต่ความสูญเสีย..  นักการทหารที่เก่ง  สำหรับผมแล้วไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการรบ  แต่คือผู้ที่ยุติความขัดแย้งได้ก่อนที่มันจะกลายไปสู่สภาพที่ต้องทำสงครามกัน.. แต่จะทำอย่างนั้นได้  ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของอำนาจ ความขัดแย้ง ผลประโยชน์ การแบ่งปัน และการประนีประนอมอย่างถ่องแท้เสียก่อน.. นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมทหารยุคนี้ตบเท้าเข้าสถานศึกษาและเดินเข้าสู่สังคมกันมากขึ้น  การออกไปดูโลกภายนอก ไปเรียนไปศึกษานั่นก็เป็นการมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ทหารที่ดีอย่างหนึ่ง

โครงการพระราชดำริ  จะมีสักกี่คนรู้ว่ามีเป็นร้อยเป็นพันโครงการ  ..พระองค์ท่านไม่เคยหยุดคิด..  แล้วรู้กันไหมว่าเฟืองเล็กๆ ที่คอยหมุนให้โครงการดำเนินไปได้นั่นก็คือทหาร..บนยอดเขาที่ยากลำบาก องค์กรเอกชน นักศึกษาเข้าไม่ถึง และไม่ได้มีผลประโยชน์หรือความสวยงามใดให้น่าถวิลหา ทหารไปทุกแห่ง  เปลี่ยนทุ่งฝิ่นเป็นป่ายาง ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น  สอนชาวเขา สอนชนกลุ่มน้อยให้ดำรงชีพได้โดยไม่ทำลายสมดุลธรรมชาติ  และไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศทั้งพรมแดนเราและพรมแดนข้างเคียง  พูดคุยกันไม่เข้าใจก็สร้างโรงเรียนสอนตั้งแต่เด็กยันคนแก่  เป็นทั้งทหาร เป็นทั้งเกษตรหมู่บ้าน เป็นทั้งครู  และเป็นได้ทุกๆ อย่าง  ขอแค่ให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติ

ฝนตกน้ำท่วม..ทหารต้องเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปถึงพื้นที่  บรรเทาทุกข์ที่ท่วมท้น  
ฝนแล้งน้ำน้อย..ทหารร่วมกับกระทรวงเกษตรก็ขึ้นทำฝนหลวง  ปัดเป่ารอยยิ้มที่เหือดแห้งให้กลับมาอีกหน  
ไฟไหม้ป่าหมด..พ้นจากฤดูรณณรงค์จะมีใครถ้าไม่ใช่ทหาร ที่ยังคงก้มหน้าก้มตาปลูกกันต่อไม่คิดหยุด  
ทำทาง สร้างถนน ต่อสะพานตามตะเข็บชายแดนในพื้นที่เสี่ยงๆ ที่ไม่มีใครอยากไปทำ ก็ทหารที่แหล่ะที่บดอัดเกรด สร้างมันขึ้นมา 
ประชาชนตกอยู่ในวิกฤตความมั่นคงในประเทศอื่น..ก็ไม่ใช่ทหารหรือ ที่ฝ่าเข้าไปช่วยทันทีเพียงข้ามวัน 

ภารกิจอย่างนี้ เราเรียกมันว่า..ภารกิจของทหารนอกเหนือไปจากการสงคราม..

แล้วคุณยังสงสัยอีกไหมว่า ทำไมทหารไม่เรียนแค่วิชาทางทหารอย่างเดียว  แล้วค่อยจ้างผู้เชี่ยวชาญหรือนักศึกษาเฉพาะทางอื่นๆ มาทำงานให้กับหน่วยทหาร..  แทนที่จะศึกษาศาสตร์ทางด้านโยธา ไฟฟ้า อิเลคทรอนิกส์ วัสดุอุตสาหกรรม และการบริหาร ศึกษาแค่ศาสตร์แห่งการฆ่าอย่างเดียวไม่ดีกว่าเหรอ..เลือกไปเลยว่าจะเป็นไก่หรือจะเป็นนก..เป็นไก่ก็จงขันให้เพราะ..เป็นนกก็จงบินให้ดี..ไม่เห็นต้องเป็นเป็ด..ทำได้ทุกอย่าง แต่เอาดีไม่ได้เลยนี่

สักวันหนึ่งเมื่อบริษัทที่ตกเป็นของต่างชาติทั้งสิ้นแล้วนั้น อยากแทรกแซงประเทศเล็กๆ ของเรา  เขาแกล้งตัดเงินเดือน ไม่ให้โบนัส แล้วก็ปลดพนักงาน  วินัยของคนในชาติมากพอที่จะมองข้ามผลประโยชน์ส่วนตัวและก้มหน้ากัดฟันไม่หยุดงานไม่สไตรค์  แบกรับความทุกข์เพียงลำพังได้ไหม  ..ห้าบริษัทสิบบริษัทอาจไม่เป็นไร  แต่หากเป็นหลักร้อยหลักพันเล่า

..และเมื่อเวลานั้นมาถึง  ทหารความรู้น้อยๆ เหล่านี้จะถูกจัดเข้าไปทำหน้าที่แทนเพื่อพิทักษ์ชาติไว้ก่อนล่มสลาย..  สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และอาจไม่เกิดขึ้น..  ซึ่งทหารทุกคนก็ภาวนาอย่างนั้น  

ผมเป็นนักบิน ..รับเงินเดือนมากกว่าเพื่อนๆ  ..เสียงจึงอาจอ้อมแอ้ม พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ.. แต่ถ้าต้องไปตายเพื่อชาติเพื่อประชาชน.. ขอเถอะ ให้ผมไปอยู่แถวหน้าด้วยคน.. 
ผมอยากดัง				
17 ตุลาคม 2548 14:51 น.

พูดคุย : มีได้มีเสีย

..สายลมทะเล..

ช่วงนี้มีแต่คนถาม ว่าเมื่อไหร่ผมจะแต่งงาน  ผมได้แต่ยิ้ม นึกสงสัยอยู่ในใจ เอ๊ะ! แล้วคุณมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยล่ะครับ ถึงอยากจะรู้กันนักนี่ เดี๋ยวผมแต่งก็บอกเองแหล่ะ
ยิ่งถ้าคนถามเป็นผู้ชาย ในใบหน้ายิ้มๆ ผมก็จะครางแฮ่งๆ ใส่
แต่ถ้าคนถามเป็นผู้หญิง นอกจากผมจะสงสัยว่าเธอจะอยากรู้ไปทำไม ผมยังอยากถามต่อว่า
เอ่อ แล้วน้องอยากมีส่วน ได้เสีย กับพี่ด้วยเหรอ
แต่มักไม่ทันได้ถามหรอกครับ เพราะเสียงครางแฮ่งๆ จากคนข้างๆ ทำให้ยั้งไว้ทัน
ฝากไว้ก่อนเถอะ.. เผลอเมื่อไหร่เป็น ได้เสีย

ตั้งแต่เล็กจนโตเท่าที่จำได้ ผมเขียนหนังสือมาเป็นร้อยเล่ม
เล่มที่จำได้ไม่มีลืมนั้น ผมเขียนเมื่อตอนอายุประมาณสี่ขวบ.. ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อก็เชื่อซ่ะ
จำได้ หลังเขียนหนังสือเล่มนั้นผมโดนพ่อตีไปหลายที
เขียนที่ไหนไม่เขียน ไปเขียนตรงหน้ากลางหนังสือ นวลนาง ของพ่อ
แล้วตรงไหนรู้ไหมครับ
ก็ตรงนั้นแหล่ะ

ผมไม่รู้ว่าพ่อตีผมทำไม ตอนผมเขียนลง รุไบยาต หนังสือเล่มรักของพ่อ พ่อเห็นก็แค่ยิ้มๆ บ่นนิดหน่อย ไม่เห็นจะโกรธแบบนี้
และหลังจากโดนตีไปหลายที ผมจึงรู้ว่า
หนังสือที่อยู่ใต้เตียงนั้น..เขียนไม่ได้
โดยเฉพาะข้อความซื่อๆ กำกับตรงพื้นที่สำคัญ ..
รักแม่

ตอนผมเรียนปอหก ผมเคยได้สิบคะแนนเต็มในการเขียนเรียงความครั้งนึง
ผมภูมิใจกับเรียงความ ไก่ของผม มาก มันเป็นเรียงความที่เขียนจากเรื่องจริงของไก่ที่บ้าน 
ในวันต่อสู้กับ หมาหยอกไก่ พวกมันรวมพลังต่อสู้รักษาชีวิตลูกเจี๊ยบจนตายเกือบหมดเล้า 
ตอนที่ผมไปถึง เหลือแม่ไก่แค่ตัวเดียวกางปีกโอบบังลูกเจี๊ยบเล็กๆ อีกห้าตัว 
หกชีวิตที่รอด นั่นเพราะผมกลับไปทันไล่ขว้างเจ้าหมาชั่วด้วยก้อนหินและเพลิงแค้น
วันนั้นผมร้องไห้ ..ร้องไห้แบบไม่อายไก่..ร้องไห้ปิ่มๆ ใจจะขาด 
ความรู้สึกเวลานั้น..เหมือนหญ้ากำลังหมดไปจากโลก
อะไรนะ มันเกี่ยวกันตรงไหนนะเหรอ
อืม จริงด้วยซิ ผมเลิกกินหญ้าตั้งแต่เข้ากรุงเทพมาตั้งนานแล้วนี่
ผมเป็นคน..ผมเป็นคน..ผมบอกตัวเอง
ไม่เชื่อเหรอ ไม่เชื่อก็เชื่อซ่ะ

ตอนที่ผมเห็นตัวเลขสิบคะแนน ผมเดินน้ำตาไหลไปหาคุณครู
คุณครูบอกผมว่า
นี่เป็นเรียงความชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา และเธอเป็นประธานนักเรียน ครูจึงอยากให้เธอได้คะแนนเต็มสักครั้ง
น้ำตาที่ไหลพอซึมๆ จึงแตกทะลักเป็นสาย
รางวัลซีไรท์ที่ได้..เหมือนโกงเขามา

หลังจบปอหกไปเรียนมัธยมจนจบมาทำงาน ผมไม่เคยได้คะแนนเต็มสิบในการเขียนเรียงความอีกเลย
ไม่ใช่ซิ ไม่เคยได้เกินเจ็ดคะแนนด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ได้สมุดคืน จะมีปากกาแดงเขียนตัวโตๆ ว่า
อ่านไม่ออก
ผมได้แต่นึกสงสัย ครูเรียนจบมาได้ยังไง ภาษาไทยยังอ่านไม่ออก
แต่พอนึกถึง ซีไรท์สิบคะแนน ผมจึงยิ้มได้
ที่แท้ครูก็เป็นประธานนักเรียนเหมือนผม

บนบรรทัดฐานทางสังคม
ความถูกต้องมักยืนอยู่ข้างเดียวกับความรู้สึก ถึงไม่แนบชิดสนิทใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจนโหยหา
อย่ามัวถามหาความยุติธรรมที่ตรงเผง เพราะทั้งชีวิต..อาจไม่มีโอกาสได้เจอเลย
ถ้าความยุติธรรมไม่ลำเอียงจนโหดร้าย สักวันมันคงเอียงมาทางเราบ้าง
และถ้าถึงวันนั้น..จงรับมันเข้ามาอย่างมีสติ
เพราะความยุติธรรมแบบเอียงๆ ที่มาช้า.. เมื่อมาแล้ว มักมาแบบถล่มทลายเสมอ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ..สายลมทะเล..
Lovings  ..สายลมทะเล.. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึง..สายลมทะเล..