16 กรกฎาคม 2551 17:50 น.

สายรุ้งที่ห่างไกล ...

สายลมหนาว & หิมะขาว



เหม่อมองท้องฟ้าช่างแสนอ้างว้าง
ทั้งที่ฝนพัดจางแต่ใจกลับหวั่นไหว
โค้งรุ้งงามทอดหางอยู่แห่งใด
เป็นไปได้มั้ย...นำความปรารถนาชั้นหวนคืน




กลืนกินยาพิษเรียกว่ารัก
เพิ่งได้ประจักษ์แต่กลับร้างห่างเหิน
ข่มตาหลับทั้งน้ำตาทุกค่ำคืน
ถอนสะอื้นนึกถึงยิ้มเธอในวานวัน




เวลาอาจเป็นยาถอนพิษชนิดหนึ่ง
แต่ความคิดถึงกลับติดตรึงราวภาพฝัน
ยังสะดุ้งตื่นเรียกเธอทุกคืนวัน
ในความฝันชั้นยังไร้เธอเดินเคียง



หัวใจชั้นแขวนไว้บนท้องฟ้า
ไม่รู้เลยว่าเธออยุ่แห่งหนไหน
สายรุ้งเจ้าเอ๋ยฝากผ่านข้อความทั้งดวงใจ
สิ่งที่ชั้นทำได้เพียงกระซิบบอกรักเธอ



หิมะขาว


.

..................................................................................................

เหม่อมองสายรุ้งฟ้าที่ปลายฟ้า
ยามเธออ่อนล้าฉันยังคงอยู่เสมอ
บางทีบางครั้งเธออาจไม่ได้พบเจอ
แต่ยังคงทอดยาวเสมอโอบกอดให้เธออุ่นใจ

เหตุใดเล่าเรียกรักว่ายาพิษ
มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเธอรู้ไหม
หากไม่มีรักเธอจะไม่รู้คุณค่าของหัวใจ
ว่ามีความสุขมากมายเพียงใดได้รักกัน

เวลาอาจทำให้เรารู้จักตัวเองมากกว่าเดิม
มีสิ่งที่เพิ่มเติมแทนที่สิ่งที่ขาดหาย
แล้วเธอจะรู้ว่าความรักฉันไม่มีวันตาย
ชีวิตจะมีความหมายเมื่อได้รักใครสักคน

ได้ยินแล้วนะเสียงกระซิบว่ารัก
ฉันก็ยังเป็นคนรักที่เธออยู่ตรงนี้
จะเป็นสายรุ้งทอดยาวโอบกอดเธอคนดี
ไม่ทิ้งเธอไว้อย่างนี้ให้เธอเหงาใจ



..........สายลมหนาว...........				
4 กรกฎาคม 2551 16:39 น.

เสียงหัวใจวันไร้เธอ ...

สายลมหนาว & หิมะขาว



ฉันนอนอยู่บนเตียงเงียบเหงา	
จมอยู่กับเงาในวันที่ใจรานไหว
เมื่อวันนี้เธอนั้นห่างแสนห่างไกล
ทำได้เพียงแค่กระซิบเรียกชื่อเธอ

หมื่นแสนล้านคำชั้นพร่ำเรียก
น้ำตาเปียกหมอนนอนหนาวร้าวสะอื้น
คืนเหงาอ้างว้างใจตรมขมขื่น
คว้างเคว้งคืนกลืนน้ำตาวันไร้เธอ

เธออยู่ที่ไหนหัวใจฉันเรียกหา
ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรในวันเหงา
อยู่กับเงาภาพทรงจำอันแสนเศร้า
ลมพัดแผ่วเบาก็หนาวร้าวจับใจ

กอดตัวเองในคืนว่างเปล่า
เช็ดน้ำตาใต้แสงดาววันร้าวไหว
ไม่สงสารคนรักเธอแล้วหรือไร
รอเมื่อไหร่จะถึงวันเธอหวนคืน

ในความเลือนรางใจคว้างเคว้ง
ได้ยินเสียงบรรเลงเพลงรักเงียบเหงา
หลับตาลงเหลือเพียงลมหายใจแผ่วเบา
เหลือเพียงเงาเธอกับฉันวันเดียวดาย




หิมะขาว




.
ต้องอยู่ต่อไปอย่างไง.... 
 ในเมื่อชีวิตวันนี้ไม่มีเธอ
หัวใจฉันตายไปตั้งแต่วันที่ได้เจอ
เธอเดินจับมือกับใคร........

ยิ่งเดินยิ่งเคว้ง
หัวใจฉันมีแต่บทเพลงเศร้า 
แค่สายลมที่พัดผ่านมาเบา ๆ
หัวใจฉันเหงา...บอบช้ำและทรมาน

เธออยู่ที่ไหน.......
ยังมีฉันไหม.....ในหัวใจ
ยิ่งเอื้อมมือ ยิ่งไขว่คว้าเท่าไหร่...
แต่ไม่เคยได้อะไรคืนมา

เรียกชื่อเธอ.ซ้ำๆ เป็นหมื่นหน
หัวใจหมองหม่น...จนแทบเดินไม่ไหว
เช็ดน้ำตาตัวเองนั่งฟังเสียงหัวใจ...
ที่คล้ายจะหยุดเคลื่อนไหว พร้อมๆกับความรักของเธอ

สายลมหนาว..........				
4 กรกฎาคม 2551 11:50 น.

*+* ความทรงจำ ใต้เงาสีดำ *+*

สายลมหนาว & หิมะขาว


ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำตัวหนึ่ง
โดยไม่เคยมีใครเอื้อมไปถึง เอื้อมไปหา
โลกของฉันสร้างขึ้นเพื่อผูกพันกับนิทานนํ้าตา
กั้นตัวเองห่างจากฟ้า ห่างองศาจากดวงตะวัน

ไม่มีใครรู้จักตัวจริงของคนคนนี้
ที่มองเห็นก็แค่เปลือกย้อมสี หุ้มความไหวหวั่น
ฉันก่อภาพลวง เพื่อตักตวงความเข้มแข็งแค่พอผ่านวัน
แต่ยิ่งทำฝืนรั้น ก็ยิ่งอ่อนแอไหวสั่น ไปทุกที

เส้นทางที่ฉันเดิน คือ ส่วนเกินของความฝัน
สวมได้เพียงรองเท้าเปื้อนฝุ่นดวงจันทร์ ที่ไร้สี
เดินจับมือไปกับความเหงาไร้ชื่อ ดวงตาไร้บทกวี
ค่อยๆ เดินลงแม่นํ้าที่ดื่มดํ่าดีกรี ความเหว่ว้า

ฉันจมลงในความขื่นของคืนคํ่า
หายตัวไปในความทรงจำ ใต้เงาสีดำตรงสุดขอบฟ้า
ไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ใจว่าเส้นทางใดที่หลงทางมา
ไม่รู้ว่าถนนข้างหน้า จะนำพาฉันไปที่ใด

ฉันฝัน ฉันหวั่น ฉันรอ ฉันขอคำตอบ
แต่กำแพงรอบข้างยังคงตีกรอบ ขีดขอบอย่างร้างไร้
หลุมพรางตรงนี้มันมืดและหนาว ฉันเหงาและร้างใจ
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้หนามและร้องไห้ และค่อยๆ ตายไปเพียงลำพัง


พี่หนึ่ง............

....................................................................................................

ฉันยืนอยู่เงียบเหงาในความเงียบงัน			
เอื้อมคว้าหาความฝันที่ฉันมองไม่เห็น
โลกที่ตีกรอบช่างอ้างว้างและหนาวเย็น			
มองเห็นแค่เพียงเงาฝันเลือนรางและมืดมน

อยากให้ใครสักคนมองเห็นคนตรงนี้			
ลอกเปลือกย้อมสีกั้นความหวั่นไหว
ภาพลวงความเข้มแข็งที่สร้างเป็นข้ออ้างให้หัวใจ		
ทั้งที่น้ำตาอาบไหลท่วมข้างในอยู่เรื่อยมา

เส้นทางที่ก้าว คือ ความอ้างว้างของชีวิต		
จมฝุ่นมืดมิด ใจเงียบเหงา
ความขมขื่นติดตามใจเหมือนเงา			
ค่อย ๆ ก้าวลงทางจมน้ำตา

จมในความขื่นขมของคนเหงา			
แค่ลมพัดแผ่วเบาก็ร้าวไหว
ไม่รู้เลย  ไม่รู้ต้องทำอย่างไรกับหัวใจ			
เหมือนมันไม่มีหนทางให้ก้าวเดิน

ฉันฝัน ฉันเหงา จมอยู่ในความอ้างว้าง			
มองถนนหนทางใจหวั่นไหว
เหม่อมองฟ้ายิ้มทั้งน้ำตาแต่ยังก้าวต่อไป
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ย้ำหัวใจให้เข้มแข็งอย่าอ่อนแอ	

หิมะขาว.....................


............................................................................................

ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้สีเหงาเปื้อนฝุ่น
ในความคุ้นเคยของความทรงจำอ่อนล้า
สร้างกำแพงรอบด้วยความเหน็บหนาวของน้ำตา
แขวนไว้บนฟากฟ้าถูกความมืดมิดปกคลุมหัวใจ

จะมีไหมสักคน....ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหัวใจฉัน
ปล่อยให้ภาพลวงแห่งแสงตะวันทำให้หัวใจหวั่นไหว
คงไม่มีอีกแล้วคนที่ชื่อว่า.....คนดีของหัวใจ
มีเพียงหัวใจเป็นใบ้พูดจากับความเหงาและรอยน้ำตาลำพัง.......

เส้นทางที่ฉันก้าว คือ ส่วนเกินในโลกความเป็นจริง
หัวใจโดนทิ้ง....ในห้องเปื้อนความทรงจำ....กักขัง
เอื้อมมือไขว่คว้าเธอมาโอบกอดสุดท้ายก็มีเพียงฉันลำพัง
คว้าได้เพียงความรักที่ผุพัง..ทลายลงไปด้วยรอยน้ำตา

    จมลงอยู่กลางความมืดมิดของค่ำคืน
หัวใจดวงชื้นยังคงหยิบยื่นความเหว่ว้า
ตรงหลุมพรางที่ความเหงาในเงาของเวลา
เก้าอี้แห่งน้ำตายังทิ่มแทงลึกลงบนหัวใจ


ฉันรอ ฉันฝัน ฉันหวัง ฉันหาคำตอบ
ตีกรอบกำแพงที่เธอไม่เคยมองเห็นค่านั้นไว้
คำว่ารักที่ไร้เหตุผล กับความคิดถึงเธอสุดหัวใจ
ยังไม่เคยเปลี่ยนไป ถึงแม้จะทรมานแค่ไหนก็ตาม


สายลมหนาว.....................

				
4 กรกฎาคม 2551 09:27 น.

*-* เรือใบไผ่ *+*

สายลมหนาว & หิมะขาว


.....สายลมโชย....โรยตัว....แรงลมอ่อน
ใบไผ่ร่อน....อ่อนแรง....ต้านลมไหว
ลอยลงคว้าง....ลัดเลี้ยว....ดั่งสายใจ
สุดหยั่งได้.......กล้ำกลืน...มิฝืนทน

.......ใบไผ่ร่วง....หล่นลง....ลู่สู่พื้น
ลงสู่ผืน....แผ่นดิน....ฝ่าลมฝน
ลอยลัดเลาะ....เลี้ยวไป....ในสายชล
เหมือนใจคน....ที่ไหลวน....ไม่ยั่งยืน

.........ใจของเธอ....ก็เปรียบ....ดั่งใบไม้
ที่อ่อนไหว....ต่อคารม...มิอาจฝืน
ความรักฉัน....ดั่งสายน้ำ....ไม่หวนคืน
แอบสะอื่น....กลั้นน้ำตา....อยู่คนเดียว.........


สายลมหนาว..................

..............................................................................................




ใบไผ่พลิ้วปลิวหล่นบนลำธาร
คล้ายเรือน้อยลอยผ่านแม่น้ำใส
ที่พลิ้วลงคงไม่น้อยกว่าร้อยใบ
การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ก็ดำเนิน

กระแสเชี่ยวลดเลี้ยวพัดลัดเลาะหิน
เหนือธารรินนาวาไผ่ได้เหาะเหิน
ลมแรงพัดบ้างปลิวห่างต่างทางเดิน
ท่องเที่ยวเพลินจนลืมหลังฝั่งไม่มี

ที่นับร้อยก็เหลือน้อยไม่เกินสิบ
ใบที่อยู่เป็นคู่ชิดก็ห่างหนี
น้ำยิ่งเชี่ยวยิ่งพัดพาห่างทุกที
จะยังมีกี่ใบที่ลอยร่วมทาง

ยิ่งไปไกลธารก็ไหลออกทะเล
ต่างใบไหลให้หักเหเหมือนหมองหมาง
ใบไผ่เอยเจ้าไม่เหลือเพื่อนร่วมทาง
ฟ้าก็ห่างน้ำก็เย็นเป็นอย่างไร

ได้แค่หวังให้น้ำซัดพัดชะตา
พาใบไผ่ไปเสาะหาทางสดใส
รู้ว่าฝั่งนั้นเกินหวังยังแสนไกล
ขอแค่พบไผ่อีกใบ... ไหลร่วมทาง

พายุทราย..............

............................................................................................


ลอยละล่องละล่องลอยตามชลใส
เรือไบไผ่ระรินธารเคลื่อนผ่านไหว 
ละล่องลอยกระแสธารผ่านพาไกล
เพียงพริบลับหายห่างตา

เจ้าเรือใบไผ่ ...
เจ้าจะลอยละล่องไปแห่งหนไหน
เจ้าเคลื่อนคราตามธารจวบจนเมื่อไหร่
ยามล้าหรือเจ้าจึงหยุดลง

เปรียบใจดุจใบไม้นาวา
เคลื่อนคราชนกระแสพาฉงน
จะหยุดได้เมื่อไหร่หนอใจตน
จวบจนจมกระแสชนจึงตรมใจ


หิมะขาว..................................



				
1 กรกฎาคม 2551 10:02 น.

ระบำเงาจันทร์

สายลมหนาว & หิมะขาว


เจ้าหิ่งห้อยน้อย
ละล่องลอยโลดเต้นเล่นยอดหญ้า
ดาราพริบพราวสกาวตา
ม่านฟ้าพร่างพรายระเริงใจ

เจ้าแจ่มจันทร์ทอดทอแสงอ่อน
หยอกล้อเย้ายามทิวหญ้าไหว
หิ่งห้อยน้อยระเริงรื่นระบำไพร
ปีกใสโฉบพลิ้วใต้เงาจันทร์

เงาราตรีมืดมิด
เริงจิตระรื่นใจใต้เงาฝัน
อรุณมาพลันล่ำลาโบกมือพลัน
จบระบำใต้เงาจันทร์กลางพงไพร

หิมะขาว.........

หิ่งห้อยน้อยหลงแสงเงาจันทรา
เริงร่าระบำประชันแข่งแสงดาว
โลดเล่นหยอกเย้ากลางสายลมหนาว
พร่างพราวระยิบระยับโอบดวงจันทร์

หลบปีกโฉบลงบินว่อนกลางเงาน้ำ
ตอกย้ำแสงน้อยด้อยค่าหลบมุมฝัน
มิอาจเทียบเทียมกับแสงเงาจันทร์
เด็ดปีกสิ้นจบลงกลางเงาเธอ.........

สายลมหนาว..............
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสายลมหนาว & หิมะขาว
Lovings  สายลมหนาว & หิมะขาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสายลมหนาว & หิมะขาว
Lovings  สายลมหนาว & หิมะขาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสายลมหนาว & หิมะขาว
Lovings  สายลมหนาว & หิมะขาว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสายลมหนาว & หิมะขาว