30 กันยายน 2549 10:36 น.

ยิ่งกว่า...คำพิพากษา

สุชาดา โมรา

งานเขียนเป็นงานสร้างสรรค์  คุณไม่มีอำนาจคัดลอก  ตัดสินใจแทน  หรือบงการชีวิตใคร				
19 กันยายน 2549 12:40 น.

ดุจประทีป

สุชาดา โมรา

งานเขียนเป็นงานสร้างสรรค์  คุณไม่มีอำนาจคัดลอก  ตัดสินใจแทน  หรือบงการชีวิตใคร				
17 กันยายน 2549 15:32 น.

อกหัก...เรื่องเล็กน่า...ศิลาณีจะปลอบใจเอง

สุชาดา โมรา

ความรักเราเปรียบโรงเรียนที่เรียนรู้
รักเราอยู่กลางใจในหนังสือ
เอื้อมืออ่าน...ไม่ละมือ
แหม...อื้อหือโจนโลดแล่นบนความจริง
การอำลาอาวรณ์ในวันนี้
เป็นเหตุที่เธอ...ต้องจากฉัน
ฉันห่วงหาท้อแท้ใจยามจากกัน
ฉันใคร่ฝันขอให้เธออย่าจากไป...


มีคนที่เป็นมากกว่าและเจ็บมากกว่าเธออีกนะ  ฉันจะเล่าให้ฟังว่าทำไมกลุ่มของแฟนเก่าของเพื่อนฉันถึงมาระรานฉัน  เพราะฉันปกป้องเพื่อนคนหนึ่งชื่อ  ดา  จนเอาแม่เป็นนิยายเรื่อง  ยิ่งกว่า...คำพิพากษา
ที่ต้องแต่เรื่องนี้เพราะเพื่อนคนนี้ต้องการที่จะบอกเล่าประสบการณ์ของตนเอง  บอดเล่าเรื่องราวของภัยผู้ชาย  และภัยของผู้หญิงด้วย
เรื่องมีอยู่ว่าดาเขารักกับนายสิบคนหนึ่ง  ตอนนั้นเขาเป็นนักเรียนนายสิบ  ซึ่งดาเพิ่งอกหักจากคนรักเก่าเพราะเขาเป็นเกย์  สุดท้ายก็มาคบกับผู้ชายคนนี้  ส่งให้เขาเรียน  ซื้อนั่นซื้อนี่ให้  หมดเป็นแสนเลยนะ  ไหนจะถอดของที่ตัวให้อีก  บ้าใช่ไหมล่ะ  ในยามที่รักเข้าตามันก็บอดด้วยกันทั้งนั้นแหละ  ฉันเข้าใจดีจึงเป็นศิลาณีให้ตลอด  ต่อมาใครเตือนก็ไม่เชื่อ  ดาก็เลยแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน ๆ และไม่ค่อยมาเรียน  เก็บตัวไม่พูดไม่จา  พอได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็จะดีใจแล้วก็โทรกลับทุกครั้งโดยที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยเสียงเงินแม้แต่นิดเดียว  มีแต่ได้กับได้  เมื่อผูกพันธ์กันมาก ๆ วันนึงก็เลยพลาดพลั้งไป  เมื่อพลาดไปแล้วเธอก็ทุ่มเทและให้ทั้งกายและใจ
จู่ ๆ วันนึงเสียงเพลงของลิเดียร์ก็ดังขึ้น  ดาก็เลยนั่งคิดพินิจพิเคราะห์ดูว่าทุกทีที่เขากลับอุดร  ผู้ชายคนนี้ไม่เคยโทรกลับ  ปิดเครื่องหนีบ้าง  หากเปิดเครื่องก็ตัดสายทิ้งบ้างอ้างนู่นอ้างนี่สารพัด  ในที่สุดก็โทรหาเพื่อนอย่างฉัน  ปรึกษาทั้งน้ำตาตีโพยตีพาย  แต่สิ่งที่ตีโพยตีพายนั้นกลับจริงทุกเรื่อง  มาจับได้ว่าเขามีเมียแล้วชื่อโม  จากนั้นเธอก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเลิกหรือเปล่า  แต่บังเอิญที่ดาเขาท้องและแท้งโดยไม่รู้ตัว  ฉันเป็นคนพาดาไปหาหมอในวันที่เธอมาเล่าให้ฟังหลังจากแท้งไปได้ 2 วัน  หมอบอกว่าเธอแท้งแล้ว  เธอเสียใจมาก  เมื่อมีผู้หญิงโทรมาระรานเธอครั้งแรก  เธอก็พูดตรง ๆ กับผู้ชายคนนี้  แล้วก็ได้ความกระจ่างว่าเขาไม่ได้มีโมคนเดียว  เขามีอีกหลายคน  แล้วรู้ไหมเธอขอให้เขาเลิกแต่เขาไม่เลิก  เขาบอกว่ารักเท่า ๆ กัน  ไอ้เฮงซวย...  ฉันก็เลยบอกว่าชีวิตของดายังดีกว่านายสิบกระจอก ๆ เสียอีก  พ่อแม่ก็มีหน้ามีตา  ตระกูลก็ใหญ่โต  แล้วทำไมต้องมาจมปลักกับเดนมนุษย์คนนึงด้วย  ในที่สุดดาก็ขอเลิกกับเขา  แต่เขาก็อ้อนวอนขอร้องเธอ  ในที่สุดก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม  แต่หลังจากคบกันต่ออีก 1 สัปดาห์เขาก็ทิ้งดาไป  ให้ตายสิ...ไอ้นี่มันวอนตายซะแล้ว  พอฉันบอกว่าเอาผิดมันได้  ดาก็ดันบ้าโทรไปบอกมันอีก  แล้วเป็นไงรู้ไหม  มันขอร้องว่าอย่ามาเอาเรื่องมันเลย  เพราะมันกลัวหมดอนาคต  ดาก็เชื่อจนกระทั่งวันนึงสั่งให้ฉันตามหาเพื่อนหลังจากผ่านมา 1 ปีเต็ม ๆ เพื่อนคนนี้คือโมเมียของมันนั่นแหละ  ทำให้เรื่องราวใหญ่โต  นังนุ่น  กิ่ง  อิ๋ว  และเพื่อน ๆ ของมันก็โทรมาระราน  ผลสุดท้ายฉันเองที่แลกซิมใช้และจวกพวกมันแบบผู้ดี ๆ แต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด  ณ  วันนี้พวกนั้นยังระรานดาอยู่เลย  น่าสงสารและน้ำเน่ามาก ๆ แต่จะทำไงได้ล่ะ...แถมไอ้เดนมนุษย์นั่นยังจะโทรมาด่าอีกนะ  บอกว่าไม่รู้จัก  ไม่เคยมีอะไรด้วย  บอกว่าไปท้องกับใครไม่รู้แล้วจะมาจับตัวเอง  ถุยไอ้ทุเรศ  มันบ้า  เลว  ไม่รู้จะด่าอะไรดีเลย  สารเลวที่สุดเลย  แถมเมีย ๆ ของมันยังจะระรานอีกนะ  เรื่องยิ่งกว่า...คำพิพากษา  จึงเป็นเรื่องจริงที่เขียนทุกวันมีเรื่องที่นังนั่นด่าทุกวัน  บังเอิญเสียงฉันเหมือนดา  มันเลยคิดว่าฉันเป็นดา  แล้วไงล่ะ  พอมันรู้ว่าไม่ใช่มันก็โทรเข้าเบอร์บ้านแล้วก็ไปด่าให้ย่าของดาฟัง  เขายิ่งเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย  แต่ดีนะที่เขาใช้สติและพิจารณาว่าหลานเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น  เขาจึงตัดสินใจจวกพวกมันเช่นกัน
แต่มันก็ไปตั้งหลักและโพสต์ด่าฉันแทนดาทุกเว็ปว่าฉันเสียซิงแล้ว  ขายตัวบ้าง  ไปทำแท้งบ้าง  อย่างนั้นอย่างนี้  วิจารณ์งานเขียนเสีย ๆ หาย ๆ ด่าระรานอย่างคนไร้การศึกษา  น่าไม่อายเลย  เนี่ยคบคนเลวแบบนี้ก็ต้องเป็นแบบนี้  มันก็สมกันดี  ให้มันเวียนกันอยู่ 5 สาว 1 ชายน่ะดีแล้ว  สงสัยโลกนี้จะหาผู้ชายไม่ได้ก็เลยทำตัวแบบนี้แหละ  มั่วกันไปสักวันคงเอดส์รับประทานเป็นแน่
 
เห็นไหมว่ามีคนหนักกว่าเธอเสียอีก  ตัดอกตัดใจซะ  คนเราล้มแล้วต้องลุกขึ้นสู้  หวังว่าคงเข้าใจนะ...  อย่าล้มแล้วให้คนมาเหยีบยย่ำเหมือนดา  จงสู้  ซึ่งตอนนี้ดาก็ลุกขึ้นสู้แล้วละ
เรามาเป็นกำลังใจให้นะ  ขอให้ผ่านพ้นวิบากกรรมนี้ไปให้ได้  นึกถึงพ่อแม่  นึกถึงคนที่เลี้ยงดูเรา  นึกถึงอนาคตของเรา  นึกถึงคนที่รักเราอีกหลาย ๆ คน  อย่าคิดสั้น  อย่าจมอยู่กับปัญหา  อย่าคิดว่าชีวิตเราไร้ค่า  คนทุกคนมีค่าทั้งนั้นเพียงแต่เรายิ้มแล้วสู้  ลุกให้ได้  ถึงแม้ต้องยิ้มด้วยน้ำตาก็เถอะนะ...สู้เขานะ  อย่าท้อแท้  ชนะอย่างผู้แพ้ดีกว่าแพ้อย่างผู้ชนะแล้วแสดงความเลวออกมาเหมือนกลุ่มนังดั้งแมบอุดรนั่น
อย่าวิ่งไล่ตามเขา  จงหันกลับมามองดูตัวเองและคนในบ้าน  จงมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเราเอง  อย่าแคร์ความรู้สึกของคนพันนั้น  จงชนะใจของตัวเองให้ได้  อย่ายอมแพ้นะ  อย่างน้อย ๆ เราก็เป็นศิลาณีให้ได้...
สู้เขา  สู้ ๆ สู้ตายค่ะ...!!!!! 



อย่าท้อต่อปัญหานะ...
มาเป็นกำลังใจให้แล้วละ  อย่าร้องนะผู้ที่อกหัก
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
ปัญหามีไว้แก้ไม่ใช่เอาไว้วิ่งหนีนะ


สวรรค์ไม่ได้ตาบอดเสมอไปหรอก  ถือว่าเป็นเวรกรรมที่เจอคนไม่ดี  ถือว่าเขาไม่ใช่เนื้อคู่ของเรา...นะคะ				
16 กันยายน 2549 12:32 น.

มหัศจรรย์วันวิวาห์

สุชาดา โมรา

งานเขียนเป็นงานสร้างสรรค์  คุณไม่มีอำนาจคัดลอก  ตัดสินใจแทน  หรือบงการชีวิตใคร

ดิฉันไม่เคยไปยุ่งกับคนของคุณ  และไม่เคยข้องแวะกับคุณ  ฉะนั้นจงอย่ามาถือวิสาสะจ้องมารังควาญดิฉัน  หากคุณไม่คิดจะแก้ไขปรับปรุงตนเองก็จงอย่ามาระรานกันเสียดีกว่า  และถ้าจะเป็นการดียิ่งคนที่เอ่ยปากว่าสูงส่งกว่าผู้อื่น  พูดจาเหยียบย่ำผู้อื่นอย่างคุณน่าจะรู้จักใช้คำว่า  "ขอโทษ" กับดิฉัน  แล้วดิฉันจึงจะยอมจบเรื่องดี ๆ ดีกว่าไหม? คุณผู้ดีแปดสาแหรก  ผู้ดีจริง ๆ เขาจะไม่วิ่งกัดคนอื่นเหมือนสิ่งมีชีวิตบางประเภทที่ใช้เฝ้าบ้าน  ผู้ดีจริง ๆ นอกจากได้รับการศึกษาดี  การอบรมสั่งสอนมาดีแล้วยังต้องประพฤติตนดี  วางตัวดี  ถูกกาละเทศะ  ผู้ดีจึงต้องมิใช่ผู้ดีแต่กำเนิด  หากแต่เป็นผู้ที่กระทำชอบด้วยดี  และมุ่งกระทำดี  มิมุ่งให้ร้ายผู้อื่นหรือทับถมผู้อื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่มิทราบมูลเหตุมาแต่อย่างใด  ผู้ที่ยึดถือยึดมั่นในตัวตนที่ไม่ใช่ของตนเองนั้นคือพวกที่กิเลสตัณหาเข้าครอบงำจิตใจ  ผู้ชายเขามิใคร่ใยดีตัวแต่กลับมาอันธพาลวางก้างใส่ผู้อื่น  ทั้ง ๆ ที่เขามิรู้เรื่องด้วย  ทั้ง ๆ ที่เขาลูกโตจน 3 ขวบแล้ว  ยังมาหาเรื่องเขาอีก  น่าอนาจใจ  รู้จักคำว่าขอโทษบ้างไหม  หรือเกิดมาไม่มีใครอบรมจริยธรรมในข้อนี้  คนประเภทนี้ถือได้ว่ามิใช่สัตว์ประเสริฐ  เพราะเป็นจำพวกสัก ๆ แต่ว่าคน  คนไม่ทั่วสักที  เหมือนการกวนขนมไม่เข้ากันฉันท์ใด  ก็เอนกฉันท์นั้น  ปุตุชนที่ดีพึงกระทำในเรื่องบัดสีนี่หรือ?  แน่ใจนะว่าเป็นผู้ที่สูงส่งกว่าผู้อื่น  มีฐานะและเกียรติยศเหนือผู้อื่น
ความเป็นแม่มิได้มาวัดที่ตรงนั้นหรอก  ชีวิตของคนต้องมีการทำผิดพลาดบ้างสักครั้ง  หากไม่มีผิดพลาดเลยย่อมไม่ใช่ชีวิต  แม่ของคุณก็ต้องมีเรื่องที่ทำผิดพลาดได้  คุณเองก็เช่นกัน  ลองถามใจดูว่าการจองล้างจองผลาญผู้อื่นมันดีแล้วหรือ?  การที่จ้องมาระรานผู้อื่นเป็นสิ่งประเสริฐที่บรรพบุรุษของคุณสอนมาดิฉันก็ขออนุโมทนาด้วยในความทราม  ต่ำอย่างหาที่เปรียบมิได้  แต่ถ้ากลับตัวกลับใจก็ทัน  ไม่มีอะไรสายเกินไป  พระเจ้ายังให้อภัย  แต่ถ้าไม่กลับตัว  สักวันหากคุณเป็นแม่คนก็ขอให้ชีวิตคุณทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือลูกสาวคุณ  หรือลูกชายคุณ  หากมีสามีก็ขอให้เขาเป็นคนที่ต่ำช้า  ดีมั๊ย  เวรกรรมมันมีจริงและมันเร็วติดจรวดซะด้วยสิ  ตัวคุณเองคงคิดว่าดิฉันอยู่กับคนที่คุณคิดว่าใช่  แสดงว่าตอนนี้คุณกำลังตกนรกในใจตนเองอยู่  เลิกคิดซะเถิด  สวรรค์อยู่ในอก  นรกอยู่ในใจ  คุณเองกำหนดมันขึ้นมาทั้งนั้น  หาใช่คนอื่นใดไม่  คุณเองที่จมกับความเจ็บช้ำ  จมกับคนที่เขาไม่ใคร่ใยดีในตัวเอง  กิเลสตัณหาเข้าครอบงำจิตใจทำให้กำหนดตัวตนของตัวเองไม่ได้ว่าอะไรถูก  อะไรควร  ฉันเป็นแม่คนก็จริง  ลูกของฉันไม่เคยน่าสงสารสักนิด  เขามีพร้อมทุกอย่างมิใช่อย่างที่คุณคิด  คุณไม่รู้จักฉันเลยสักนิด  แต่มาประเมินค่าคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักตัวตนของเขาเลย  หากคุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นคงมีคนอยากจะคบหาคุณมิใช่น้อย  และฉันไม่อยากต่อเถียงกับคนที่อ้างว่ามีการศึกษาแต่มีจิตใจต่ำช้าอย่างคุณ				
16 กันยายน 2549 10:58 น.

เรื่องเล่า...ไทย-เทศ

สุชาดา โมรา

คนขายมะกอก
นิทานเรื่องคนขายมะกอก  เป็นนิทานพื้นเมืองของชนเผ่าขมุ  ซึ่งเคยมีถิ่นฐานอยู่ในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยติดต่อกับลาวแต่ดั้งเดิม
Selling  an  Olive
	There  once  was  a  husband  and  wife.  They  were  so  poor  that  did  not  have  anything.  Wherever  they  went  they  did  not  get  anything.  If  they  begged  for  something  to  eat,  people  did  not  give  them  anything.  Whatever  they  did  it  came  to  nothing.
	One  day  the  husband  found  an  olive,  a  single  olive.  He  took  the  olive  in  his  hand  and  went,  on  and  on,  until  he  came  to  a  house.
	May  I  have  some  salt  he  asked
	What  are  you  going  to  do  with  it?
	I  will  just  eat  my  olive
Then  he  went  on  and  came  to  another  house.
	Excuse  me,  may  I  have  some  salt?
	What  are  you  going  to  do
	I  will  just  eat  my  olive
He  went  on  until  he  had  been  to  every  house,  and  he  got  some  salt  from  everybocy.
	When  he  weighed  his  salt,  he  had  got  one  kilo.
	ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง  ยากจนค้นแค้นแทบจะไม่มีอะไรจะกิน  ไม่ว่าเขาจะไปทางไหนก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเรื่องอาหารการกินแก่เขา  ไม่ว่าจะทำอย่างไร ๆ ก็ไม่มีจะกินอยู่ร่ำไป
	วันหนึ่งสามีเก็บมะกอกมาได้ผลหนึ่ง  เขาก็เดินถึงผลมะกอกไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้านหลังหนึ่ง
	ขอเกลือให้ผมหน่อยได้ไหม  เขาพูดกับเจ้าของบ้าน
	เอาไปทำอะไร
	ผมจะจิ้มมะกอกกิน
	แล้วเขาก็เดินไปจนถึงบ้านถัดไป
	ประทานโทษครับ  ขอเกลือผมบ้างได้ไหม
	จะใช้ทำอะไร
	กินกับมะกอกผลนี้ครับ
	เขาเดินไปเรื่อย ๆ แวะทุกบ้านที่ผ่านมา  จนกระทั่งเขามีเกลือทั้งหมดรวม 1 กิโลกรัม
	How  he  went  to  a  house,  were  they  had  hens.  One  of  the  hens  was  white.  He  took  the  salt  and  exchanged  it  for  the  hen.  Carrying  it  in  a  strap  he  went  on.
	Soon  he  came  to  a  house,  where  somebody  had  just  died.  Their  father  had  died  and  they  were  having  a  wake  for  him.  He  sat  down  with  them  and  said.  Hey,  you,  take  care!  Take  care  lest  your  father  eats  my  hen.  I  will  require  I  will  pick  a  quarrel  with  you  They  answered  :  Oh,  it  doesnt  matter,  he  is  dead.
	During  the  night  while  all  of  them  slept,  he  broke  the  neck  of  the  hen  and  pushed  it  into  the  mouth  of  the  dead  body.
	Whatever  they  wanted  to  give  him,  he  did  not  accept  it,  they  offered  to  give  him  a  water  buffalo  or  a  cow,  but  he  did  not  take  it.
	Indeed,  he  said, I  will  take  your  father.  Carrying  the  body  of  their  dead  father  with  a  strap  around  his  head  he  went  away.  He  went  on  and  on.
	ทีนี้เขาไปถึงบ้านอีกหลังหนึ่งที่เลี้ยงไก่  มีไก่ตัวสีขาวอยู่ตัวหนึ่ง  เขาจึงนำเกลือนั้นไปขอแลกกับไก่  และสะพายเดินต่อมา
	ไม่ช้าก็มาถึงบ้านหลังหนึ่ง  ที่นั่นมีคนในบ้านเพิ่งเสียชีวิต  ลูกเมียกำลังทำพิธีสวดส่ววิญญาณอยู่  เขาจึงขอเข้าไปร่วมงานด้วยและเอ่ยว่า  คุณ ๆ โปรดระวังหน่อยนะ  เดี๋ยวพ่อคุณกินไก่ของผมละก็  ผมจะจะมีเรื่องแน่  พวกนั้นจึงเอ่ยว่า  โอ๊ย  ไม่ต้องห่วงหรอก  พ่อแกตายแล้วนี่
	คืนนั้นขณะที่ทุกคนกำลังหลับ  เขาจึงจัดแจงหักคอไก่  จับยัดเข้าไปในปากของผู้ตาย
	เมื่อทุกคนรู้เรื่องก็พยายามจะชดเชยค่าเสียหายให้  แต่เขาไม่ยอมรับสิ่งใด ๆ เลย  ไม่ว่าจะเป็น  วัว  ควาย  แต่กลับบอกว่า
	เอายังงี้ละกัน  ผมจะเอาพ่อคุณนี่แหละ  แล้วเขาก็แบกศพแล้วเดินต่อไป
	He  then  heard  some  buffalo  and  cow  merchants  walking  in  the  distance.  Ring  ring  sounded  their  bells.  He  heard  the  bronze  bells  coming  closer,  ring  ring
	He  took  the  father  of  those  people  and  put  the  body  across  the  path.  Quickly  he  went  into  the  forest  to  break  some  fireword.  He  broke  firewood  and  when  they  arrived  he  shouted : Hey,  mind  that  you  dont  trample  on  my  father.  Father  has  got  a  fever,  and  I  am  still  collecting  firwood,    for  I  am  going  to  light  a  fire  for  him  to  warm  him.  That  is  what  he  said.  When  he  had  broken  the  firewood,  he  put  it  on  his  shoulder  and  came  out  of  the  forest.
	ตามทางเขาได้ยินเสียงพ่อค้าขายวัวควายเดินมาแต่ไกล  เสียงกระดิ่งวัวดังแว่วมากรุ๊งกริ๊งใกล้เข้ามาทุกที ๆ
	เขาจึงนำร่างที่เขาแบกมานั้นวางลงบนถนนและรีบหลบเข้าไปข้างทางทันที  ทำทีว่าตัดฟืน  พอพวกนั้นเดินมาใกล้  เขาก็ร้องส่งเสียงดังว่า  เฮ๊ย  ระวังหน่อยอย่าเดินทับพ่อฉันนะ  เขาไม่สบายเป็นไข้  นี่ฉันกำลังเก็บไม้มาทำฟืนสุมไฟให้เขาอุ่น  เขาบอกดังนั้น  เมื่อเขาได้ฟืนก็เดินออกมาข้างทาง
	When  the  merchants  arrived,  they  made  their  buffaloes  and  cows  stop.  The  man  came  out  and  lit  a  fire.  When  he  had  lit  the  fire,  he  walked  over  to  wake  up  the  dead  man  who  was  supposed  to  be  his  father.
	Hey,  father, father  get  up,  the  fire  is  burning  already!  The father  did  not  stir,  for  he  was  already  dead.  The  man  accused  the  merchants  :  You  let  your  buffaloes  and  your  cows  trample  on  my father!
	They  offered  to  give  him  anything,  offered  him  buffaloes  and  silver,  but  he  did  not  accept  anything.  In  the  end,  however  he  accepted  the  returned,  ring  ring  ring
	Somebody  asked  him.  Oh  were  have  you  got  them  from?  He  answered : Oh  I  just  went  to  sell  my  olive.
	And  here  the  story  ends.
	เมื่อพวกพ่อค้ามาถึงตรงนั้น  พวกเขาก็หยุดฝูงควายของเขา  นายคนนี้ก็เริ่มสุมไฟ  เมื่อไฟติดเรียบร้อยดีแล้ว  เขาจึงก้าวไปปลุกร่างที่เขาบอกว่าเป็นพ่อนั้นทันที
	พ่อ ๆ ตื่นเถอะ  ตื่นได้แล้ว  ผมจุดไฟให้แล้วนะ  ร่างของพ่อมิได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิด  ก็แหมมันเป็นศพอยู่แล้วนี่คะ  นายคนนี้จัดการหันไปกล่าวหาพ่อค้าทันทีว่า  พวกคุณแท้ ๆ น่ะสิ  ปล่อยให้สัตว์พวกนี้มาเหยียบย่ำพ่อของฉันได้
	พ่อค้าลานลนเสนอว่าจะชดเชยค่าเสียหายให้  เสนอควายก็แล้ว  เงินก็แล้ว  แต่นายคนนี้ก็ไม่พอใจ  อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็ยอมเอาวัวควายของพ่อค้าทั้งหมดฝูงใหญ่มา  แล้วเขาก็บ่ายหน้ากลับบ้าน  นำฝูงสัตว์กลับไปด้วย  โดยเดินนำหน้า  มีเสียงกรุ๊งกริ๊งตามมา
	ขณะนั้นมีคนเดินออกมาร้องถามว่า  ไปเอาฝูงสัตว์มาจากไหนน่ะ  เขาจึงตอบกลับไปว่า  ขายมะกอกได้มา


	เป็นอย่างไรคะกับนิทานเรื่องนี้  สนุกไหมคะแล้วคุณรู้ไหมคะว่านิทานเรื่องนี้สอนว่าอะไรอ๊ะ  อ๊ะ  อ๊ะ!!!!  ลองเก็บไปคิดเป็นการบ้านดูนะคะ  แล้วจะกลับมาให้คำตอบค่ะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา