30 เมษายน 2553 09:52 น.

ขอสดุดีแด่ชนชั้นผู้ใช้แรงงานทุกท่าน (อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

สุรศรี

ใครกัน ณ กลางแดด............ขณะแผดระยิบยับ
ทำงานคณานับ...........................บ่มิย่นระย่องาน
       มือไม้สิด้านดำ....................เพราะกระทำสิหยาบกร้าน
หนักเบามิเกียจคร้าน.................บ่มิบ่นรึยลยิน
      ใครกันนะปลูกข้าว..............ระดะขาวให้เรากิน
เลี้ยงคน ณ แผ่นดิน...................มนะช่างประเสริฐงาม
      ใครหนอนะก่อสร้าง.............และสล้าง ณ อาราม
เมืองใหญ่ ณ เขตคาม...............ระดะตึก สิ อาคาร
      ใครใครและใครใคร...........บ่มิได้จะเอ่ยขาน
สร้างชาติวิลาสงาน....................สดุดีมิเว้นวาย
       มีเขาสิมีชาติ......................ผิวะขาดจะวุ่นวาย
สรรเสริญมนัสหมาย................ศิระให้เจริญขวัญ
       อยู่ดีและมีสุข....................นิระทุกข์เจริญพลัน
ค่าแรงสิเทียมทัน.....................มนะเลิศประเสริฐศรี
       มีเรี่ยวพลังแกร่ง...............พละแรงสิเกิดมี
โรคาพยาธี..............................ภยะร้ายปลาตเอย......
 ..................................................................................
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑  มีฉันทลักษณ์คล้ายกาพย์ยานี ๑๑  ครับ  ผิดกันที่ครุ- ลหุเท่านั้นใช้แต่งบรรยายเรื่องราว  บทชื่นชมสรรเสริญ หรือโศกเศร้าคร่ำครวญ  ผมได้นำเสนอเป็นตัวอย่างพอคร่าว  ๆ  เพื่อให้เหมาะกับวันแรงงานพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกท่านครับ  ถ้าขาดท่านเหล่านั้นบ้านเมืองเราคงเดือดร้อนวุ่นวาย  ขอให้ท่านเหล่านั้นจงมีความสุขมาก ๆ ในวันแรงงานแห่งชาติครับ
          ด้วยใจคารวะ
              สุรศรี				
28 เมษายน 2553 07:59 น.

บนเส้นทาง.....(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)

สุรศรี

บนเส้นทาง.........
๐     รถเมล์คันใหญ่............	แล่นไวตามทาง
        ทุ่งนาป่าร้าง................ถิ่นด้าวแดนดง
        ผู้คนเต็มคัน................ต่างกันก็คง
        จุดหมายจะลง............ของแต่ละคน
๐     อากาศก็ร้อน..............เป็นตอนกลางวัน
       ทั้งฝุ่นพิษควัน............วุ่นวายสับสน
       จอดแต่ละที...............หน้านี้มัวหม่น
       วินเวียนเสียจน..........แทบจะอาเจียน
๐     คนรถเปิดเพลง..........บรรเลงขับกล่อม
       จำใจต้องยอม............แม้จะวินเวียน
       เพลงเพื่อชีวิต............น่าสะอิดเอียน
       ตาลายคลื่นเหียน.......เพราะอากาสร้อน....
    ....................
......เสียงรถไฟกับเสียงใจที่สั่นตามเสียง   คนเต็มคันเต็มตู้รถไฟรวมทั้งเขา
     แสวงหาอยากไป  ไป  ไป  ให้ถึง  เผชิญโชค ผจญภัย  ตามคันรถไฟไปส่ง...
     ...................................................จาก  แสวงหา  ของพงษ์สิทธิ์   คัมภีร์
๐    รถแล่นเร็วไว..........เร้าใจดนตรี
      ผูคนยังมี..............อยู่ไม่ขาดตอน
       ข้าวของรุงรัง............เก็บตังค์ไว้ก่อน
       บริการแน่นอน......สุดประทับใจ.....
     ..........................
.......เป็นแค่หนอนไร้ค่า  ที่หลงลืมตาเกิดมาท่ามกลางดอกไม้  ร่างกายผอมบาง
     ดมกลิ่นหอมเย้ายวน  หลากสีชี้ชวนให้หลง  รักไม่ลาร้าง  หลงรักเจ้าช่อดอกไม้ทั้งใจ      ต่อให้หิวก็ฝืนก็ทนจะยอมไม่กลืนไม่กินดอกใบ  ให้เจ้าดอกไม้ระคาย........
      .................................................จาก  หนอนผีสื้อ    ของ หนูมิเตอร์
๐     แสงแดดรำไร........ลอดไม้ใบบัง
       ส่องแสงมายัง........หน้าต่างบานใส
       อากาศเย็นลง.........ก็คงชื่นใจ
       ไม่ร้อนต่อไป.........ฟังเพลงเบาเบา
       ........................
........จากมานานคิดถึงจังเลย...หอมเจ้าเอยละอองท้องถิ่น  อยากกลับไปแนบซบไอดิน    บ้านรำพึงคิดถึงเสมอ   อัสดงอาทิตย์กล่าวลา  คืบคลานมายังคิดถึงเธอ  คืนเหน็บหนาวค่ำแล้วซิเออ  บ้านรำพึงคิดถึงไม่สร่าง..............     
     ................................... จาก  คิดถึงบ้าน  ของ   พงษ์เทพ  กระโดนชำนาญ
๐    รถแล่นต่อไป.............หัวใจชื่นบาน
      รับส่งโดยสาร.............ฟังเพลงเศร้าเศร้า
      เรื่อยเรื่อยเรียงเรียง......สำเนียงจากเรา
      เพลงหวานเหงาเหงา.....คอยบริการ
    ........................
.......รักคนที่มีแฟนแล้วมันผิดตรงไหน  สิทธิของหัวใจรักใครก็แล้วแต่ฉัน   แค่พันผูกทางใจ  จะเดือดร้อนใครเท่าไรกัน  ต่อให้ทุกข์ทนต่อให้ทรมาน  ฉันก็ยอม......
จาก.  รักคนมีแฟน  ของเอเชีย
๐    อากาศเย็นดี.............รถรี่แล่นฉิว
      สายลมแผ่วพลิ้ว.......ริ่วริ่วสราญ
     แดดอ่อนแลเห็น........ยามเย็นเบิกบาน
      แขกผู้โดยสาร..........ฟังพลงต่อไป
     ....................
 .......คนบางคนบ่ได้เกิดมาเพื่อเฮา    เขาเลยอยู่ไปของเขา   เขาเลยบ่มักเฮาจ้อย       คนงามจั่งน้อง  เทียบกันแล้วห่างอ้ายสุดสอย น้องทำงานสูงแถมงามจนย้อย .......... หลับตาฝันอ้ายจั่งได้กอด  ยามคิดฮอดได้แต่เหลัยวมอง ไร้วาสนาได้เป็นเจ้าของดาวนั่น....
.....................................................จาก   ดาวมีไว้เบิ่ง  ของไหมไทย  ใจตะวัน
 ๐      และแล้วจุดหมาย............สุดปลายเส้นทาง
         ที่เราก็ต่าง.......................ต้องห่างกันไกล
         เก็บข้าวขนของ...............เดินย่องจากไป
         เหลือรอยทิ้งไว้...............เพียงเบาะว่างเปล่า
..........ขุนเขาไม่อาจขวางสายทางเที่ยงธรรมได้  ความหวังยังพริ้งพราย  เก่าตายมีใหม่เสริม  ชีวิตที่ผ่านพบ  มีลบย่อมมีเพิ่ม  ขอเพียงให้เหมือนเดิม   กำลังใจ.....
...................................................จาก   กำลังใจ  ของคาราวาน

๐     ชีวิตก็เป็น.......................เฉกเช่นเดินทาง
        ที่เราก็ต่าง......................ร่วมสร้างทางเรา
        อาจเดินร่วมกัน............. บางวันกับเขา
       แต่สุดท้ายเข้า..................ก็ต้องจากัน
๐    ชีวิตก็เป็น.......................เฉกเช่นบทเพลง
      ขับขานบรรเลง...............ครื้นเครงสุขสันต์
      เพลงเศร้าเลงหวาน.........ไม่นานเพลงมัน
      ช้าเร็วใหมนั่น.................จังหวะทำนอง
๐    ชีวิตหลากหลาย.............มากมายรสชาติ
      ใช่เรื่องประหลาด...........ที่เราเกี่ยวข้อง
      วิชชุมมาลา.....................เพื่อนน่าจะลอง
       หัดเขียนให้คล่อง..........ฉันท์นี้ง่ายดาย....ฯ
...................
..........บนถนนหนทางซุปเปอร์ไฮเวย์  หนุ่มพเนจร  ท่องไปตามฝัน  ฝันของเจ้าสุดเลิศล้ำลาวัลย์  ฝันเจ้าฝัน  ว่าโลกสุดเมลืองมลัง  
          โอ้ยามนี้รวีแดงแสงโรยรา  สกุณาเจ้าบินตัดฟ้าสู่รัง  บินไปเถิดเจ้านกน้อยผู้น่าชัง ตราบชีพยังชีวิตเจ้าก็ต้องบิน      
         บิน  บิน  บินไป  บินไป  บินไป  เหมือนใจหนี  เสียงดนตรีบรรเลงเหมืนใจดิ้น   แม้จะเจ็บปวดช้ำน้ำตาริน   ปีกยังบินตายังจ้องมองทาง..............
จาก  หนุ่มพเนจร  ของ พงษ์สิทธิ์  คัมภีร์
........................................................................................................................
         
วิชชุมมาลาฉันท์  ๘   หมายถึงฉันที่ต้องเปล่งเสียงยาวเหมือนอัสนีบาตของพระอินทร์ครับ  ๑  บทมีแปดวรรค วรรคละ  ๔  คำ  เป็นฉันท์ที่ไม่บังคบครุ-ลหุ  ใช้แต่งบรรยายความหมายต่าง  ๆ  ครับ   คล้ายกลอนสี่ครับ แต่กลอนสี่มีแค่ ๒ บาทครับ 
ที่ผมนำมาแต่งบรรยายการเดินทางสลับกับบทเพลง ก็เพื่ออยากให้ผ่อนคลายบ้าง  บทกวีกับบทเพลง  เข้ากันได้ดี ไม่มีปัญาแต่ประการใดครับ    สุดท้ายขอขอบคุณ  บทเพลงที่มาช่วยขับขาน  เพิ่มสีสันและรสชาติครับ				
27 เมษายน 2553 09:33 น.

ขิงก็รา......(อิทิสังฉันท์ 20)

สุรศรี

๐   อ้าสยาม ณ ยามระอุฉะนี้............ ประดุจศึกระทึกจะมี
ณ   กลางเมือง
      ๐   แปลกและแยกจะแบ่งจะแดงจะเหลือง.........จะขุ่นจะโกรธจะโทษจะเคือง
อะไรใคร
      ๐   ถึงจะแดงรึเหลืองก็เขานะใคร.......... ประท้วงก็เพื่ออธิปไตย  
ประชากัน
      ๐   รัฐบาลก็มีทหารอนันต์..........จะบุกสลายก็ตายมหันต์  
ก็ตามที
      ๐   ที่จะยุบสภารึลาซะที.............  ผิว่าจะร้อง ณ ปฐพี
รึยอมฟัง
      ๐   ต่างก็เร่งระดมประชาพลัง........ ยุป่าวประกาศระแวดระวัง
ภยันตราย
      ๐   แม้ประวัติศาสตร์สยามสลาย....... ละเลงชะเลือดจะวอดมลาย
สิช่างมัน
      ๐   แต่ละฝ่ายมิยอมสมานฉันท์...........จะเจรจาก็ดึงก็ดัน   
 สิแง่งอน
      ๐  ไม่ละทิฐิจะผันจะผ่อน......จะทบจะทวนจะลดจะหย่อน
รึตกลง
      ๐   ควรจะเอื้อนจะเอ่ยเฉลยประสงค์.....จะเกิดประโยชน์และโทษก็คง
มิเกิดมี
      ๐   คงจะทำฤทัยรึปลงซะที.....อะไรจะเกิดก็เกิดกลี- 
ยุคสยามเอย....ฯ  
............................................

อีทิสังฉันท์ ๒๐ ฉันท์มีลีลางดงามประดุจฉันท์ที่ได้พรรณนามาแล้ว บ้างก็เรียก 
"อีทิสฉันท์"  เป็นฉันท์ที่ใช้แต่งแสดงอารมณ์ที่ไม่สมหวัง  โกรธประชดประชันเสียดสี  น้อยเนื้อต่ำใจอะไรประมาณนั้นครับ มีจังหวะที่สลับกันหนักเบาครับ 
 ขอนำเสนอสำหรับบรรยากาศที่  อึมครึมเช่นนี้  คงไม่ว่ากันครับ
              ด้วยรัก
              สุรศรี				
23 เมษายน 2553 11:12 น.

แด่เธอ.....เจ้าทอฝัน

สุรศรี

จากเด็กหญิงบ้านนาในป่าร้าง
จากดอกไม้ข้างทางตามสร้างฝัน
จากบ้านโน้นมาเมืองนี้ผ่านปีวัน
เธอวาดมันในใจไม่เคยเว้น
          จากทุ่งนามาสู่เมืองที่เรืองรุ่ง
ด้วยใจมุ่งวาดฝันอันงามเด่น
ฉันต้องมีฉันต้องได้ฉันต้องเป็น
ไม่ไหวเอนแม้ลมแรงแสงแดดร้อน
          ถึงยากไร้เงินทองของมีค่า
แต่ใช่ว่าจะสิ้นแรงแม้โรยอ่อน
ยังมีดินให้ปั้นดวงดารากร
มิอาทรมีเวิ้งฟ้าให้วาดรุ้ง
         ถึงจะไร้วิชาศึกษาน้อย
แต่ก็ค่อยเรียนไปด้วยใจมุ่ง
ต้องสำเร็จให้ได้หมายผดุง
คอยจรุงรักษาเป็นยาใจ
          เธอวาดฝันเขียนฝันด้วยชอล์กขาว
เป็นเรื่องราวความฝันอันสวยใส
ปั้นก้อนดินเป็นดวงดาวพราววิไล
ให้ยิ่งใหญ่ดังฝันห่อนเว้นวาย
         ร้อยดาราเป็นมาลัยคล้องใจเจ้า
ร้อยกวียามเหงาเคล้าเดือนฉาย
ร้อยสายรุ้งทอรักถักประกาย
ด้วยใจหมายเป็นของขวัญ.....กำนัลเธอ...ฯ
.....................................
  ขอเป็นกำลังใจ ทุกแรงใจให้กับคนที่ใฝ่ฝันจะเป็นแม่พิมพ์ของชาติครับ				
23 เมษายน 2553 10:35 น.

อีเมล์ถึงนางฟ้า ... คำสัญญาหลังสงกรานต์

สุรศรี

รถผ้าป่าแล่นเข้า.............จอดเซาอยู่เดิ่นวัด
อ้ายฟ้าวลงจากเฮือน...............โดดคันไดไปหาน้อง
ภาพอ้ายเห็นนางฟ้า.................ยางลงมาจากรถใหญ่
ดีใจหลายเห็นหน้าเจ้า.............อ้ายเลยเข้าแล่นไปหา
ซาใจอยากไปกอด...................หอมแก้มนางเบิ่งจักเทื่อ
แต่กะอายเฮ็ดบ่ได้...................ย่านไทบ้านเพิ่นสิหยัน
น้องจกเอาของฝาก.................เสื้อสีลายออกให้พี่
ดีใจหลายแท้แท้.....................นางฟ้าเจ้าห่วงหลาย
อ้ายบ่มีหยังให้........................ตอบแทนดอกเนื้ออุ่น
แก้มจู่นพู่นอย่าเคียด...............นางฟ้าอย่าว่าหยัง
อ้ายเอาใจต่อตั้ง.......................คิดนำอยู่หน่ำหน่ำ
ตั้งแต่ปีใหม่พุ้น......................คอยให้เจ้าต่าวมา
ได้เงินหลายอยู่บ่หล่า.............เหลือฮอดเฮือนหลายอยู่บ่
ให้พ่อให้แม่ไว้......................ยามใซ้เทื่อจำเป็น
เฮ็ดงานหนักอยู่บ่น้อง...........เฮ็ดโอนำเขาอยู่ไป่
อ้ายเป็นห่วงเจ้าแท้แท้..........ย้านเจ็บไข้บ่อยู่ดี
บ่อยากให้ไปดอก..................เมืองกรุงหลอกแต่หมู่
เฮาเฮ็ดกินอยู่บ้าน................ไผบ่ค้านบ่อึดกิน
อ้ายเป็นห่วงพ่แม่น้อง.............ยามเจ้าไกลไผสิเบิ่ง
เฒ่าแก่หลายกะด้อ.................เฮียงข้างกะบ่มี
อ้ายว่าเอาจั่งซี้.......................ปีสิมาให้เนื้ออุ่น
กลับคืนมาอยู่บ้าน.................เฮ็ดนาให้พ่อแม่เฮา
อ้ายสิไปขอเจ้า......................เอาเงินคำไปขอแต่ง
เงินใบแดงอ้ายนี่พร้อม.........ยอมเอาเจ้าเข้าฮ่วมเฮียง
จ้างเครื่องเสียงหมอลำซิ่ง.......เอามางันให้มันม่วน
จัดขบวนแห่ฟ้อน..................อวยพรให้ได้สู่ขวัญ
ของหวานคาวบ่ให้ขาด..........ลาบงัวเทิงคั่วไก่
ก้อยขมขมต้มแซบแซบ.........คันนางหล่าบ่ว่าหยัง
อ้ายสิคอยอยู่ยั้ง....................ตอบเมล์มาฟ้าวฟ้าวแหน่
อย่าหัวใจอ้าย......................คอยท่าแต่พะนาง.....น้องเอย.........

อธิบายศัพท์
เดิ่นวัด........ลานวัด
หัวคันได....กระได   บันได
ซาใจ..........ถ้าเป็นดั่งใจคิด  ใจต้องการ
แก้มจู่นพู่น.....แก้มใส ๆ ขาว ๆ
เคียด.....ขุ่นเคือง โกรธ
พุ้น.....โพ้น  โน้น
ต่าวมา...กลับมา
เทื่อ.......บางที
เฮ็ด.......ทำ  ทำงาน
โอ.......ทำงานโอเวอร์ไทม์  งานนอกเวลา
เฮียง.....เคียงข้าง
ฮ่วมเฮียง......ขอเป็นคู่เคียง
งัน..........คบงัน  ฉลอง
ม่วน......สนุกสนาน
คั่วไก่.....แกงคั่วไก่
เทิง.........ทั้ง 
พ้อม......พร้อมทั้ง...
กะด้อ....มาก   เกินไป
บ่ว่าหยัง....ไม่ว่าอะไร
นางหล่า  น้องหล่า  เนื้ออุ่น.....คำเรียกผู้หญิงที่เป็นที่รัก
....................
สงกรานต์บ้านเรายังเป็นมนต์เสน่ห์ของทุกคนครับ   อยากสืบสานให้เป็นตำนานแห่งท้องทุ่ง ที่เป็นกลิ่นอายของความเป็นคนไทยในชนบทครับ
               ด้วยรัก
                สุรศรี				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุรศรี