22 กรกฎาคม 2546 13:08 น.

เพื่อนเก่า..

หมอกจาง

บนเตียงเล็กๆ ในบ้านอบอุ่นหลังหนึ่งที่มีแดดยามเย็นทอบางๆผ่านหน้าต่าง หญิงชราอายุราวๆ 70 นอนซมอยู่บนเตียง เธอรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเธอแล้ว แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ เธอพอใจกับชีวิตทั้งหมดที่เธอได้ผ่านมา เธอได้แต่งงาน มีครอบครัวที่อบอุ่น แม้จะไม่มีลูกก็ตาม มีเพื่อนที่ดี ผ่านชีวิตการงานที่ดี ถึงแม้วันนี้สามีของเธอจะตายไปได้ร่วมสิบปี แต่ในวันสุดท้ายของชีวิต เพื่อนที่เธอรักที่สุดก็มานั่งเคียงข้างเธออยู่ตรงนี้ มาส่งเธอ.. เหมือนๆทุกครั้งทุกคราว
หมอบอกว่าฉันคงอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้เช้าหรอก เธอเอ่ยบอกกับเขา เพื่อนชราที่รู้จักกับเธอมาแต่ครั้งยังเด็ก
ฉันรู้
เธอมาส่งฉันเหมือนทุกทีสินะ 
ใช่..ก็ฉันส่งเธอมาตลอดทั้งชีวิตนี่นา ขาดไปอย่างคงไม่ครบ ชายชราตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
ตอนเด็กๆบ้านเราอยู่ทางเดียวกัน เธอรำลึกความหลัง เรากลับบ้านด้วยกันทุกเย็น บ้านฉันอยู่เลยบ้านเธอไปมาก..
แต่ฉันก็ไปส่งเธอทุกวัน
ใช่..เธอทำอยู่อย่างนั้นตลอดชั้นประถมและมัธยมที่เราเรียนด้วยกัน จนเพื่อนๆล้อว่าเราเป็นแฟนกัน
สุดท้ายก็ต้องเลิกล้อกันไป เพื่อนชราของเธอต่อคำ
ตั้งแต่เธอคบกับแฟนคนแรกของเธอนั่นแหละ เธอเย้ายิ้มๆ 
แต่ฉันก็ไปส่งเธอทุกวันอยู่อย่างเดิม จนต้องเลิกกับแฟนไม่ใช่รึ เธอจำได้ว่าเธอบอกเขาอยู่บ่อยๆว่าไม่ต้องเดินมาส่งเธอแล้ว เดี๋ยวแฟนเขาจะโกรธเอา แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะมาส่งเธอ 
โกรธก็โกรธไป ฉันรู้จักเธอมาก่อนตั้งนาน ยังไงเธอก็ต้องมาก่อน นั่นเป็นคำพูดที่เธอจำได้ไม่ลืม แม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบหกสิบปีแล้วก็ตาม..

      เธอยังจำวันที่เขาต้องขึ้นรถไฟเพื่อไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ วันนั้นเธอไปส่งเขาที่สถานี ร้องไห้จะเป็นจะตาย เขาวุ่นกับการปลอบเธอจนไม่เป็นอันได้ร่ำลากับพ่อแม่ พอเธอสงบลงและขอตัวเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ พ่อแม่เขาไปเช็คเที่ยวรถไฟ เธอกลับมาพบเขานั่งร้องไห้คนเดียวกับกองกระเป๋า เงยหน้าขึ้นบอกกับเธอทั้งน้ำตา
กลับบ้านเองเดินดีๆนะ
และนั่นทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีกรอบ...

เธอจำได้ว่าวันที่เขาปิดภาคเรียนและกลับมาบ้าน เธอแนะนำเขาให้รู้จักกับแฟนหนุ่มของเธอ ตอนแรกทั้งสองเหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่หลังจากนั้นสองสามวัน มีคนมาบอกว่าแฟนเธอกับเพื่อนเธอต่อยกัน
มันนอกใจเธอ เขาบอกเรียบๆ.. แต่เธอไม่เชื่อ วันนั้นเธอเชื่อแฟนมากกว่าว่าเขาอิจฉาแฟนเธอจึงหาเรื่องชกต่อย เธอว่าเขาไปหลายคำ อาทิตย์นึงให้หลังเธอจึงรู้ว่าเขาเป็นคนถูก เมื่อเธอไปหาเขาที่บ้าน ก็เจอแต่พ่อของเขา
มันกลับไปแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว เห็นว่ามีธุระด่วน ไม่รู้อะไร เธอส่งจดหมายไปขอโทษ เขาบอกไม่เป็นไร..เขาไม่เคยโกรธเธอ..แค่น้อยใจเล็กๆ ในจดหมายลงท้ายด้วยคำๆเก่า
..กลับบ้านเองเดินดีๆนะ..
 เธอรู้ว่าในคำที่เหมือนสั้นๆนั้น เขาพูดอะไรออกมามากมายขนาดไหน..

เธอจำได้ถึงวันที่เธอบอกเขาว่าเธอจะแต่งงาน.. เขามองหน้าเธอ เธออ่านไม่ออกว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร ดีใจ? เสียใจ? และเมื่อเธอถามเขาตรงๆ เขาก็ตอบว่า
..เราใจหาย..
แต่ก่อนหน้านั้น ก็เขานี่แหละที่เป็นคนช่วยเธอเลือก ช่วยเธอดูว่าผู้ชายคนนี้นิสัยดี และรักเธอจริง 
เราผู้ชายด้วยกันเราดูออก 
ซี่งเขาก็ดูไม่ผิด สามีของเธอดีเหมือนอย่างที่เขาบอก วันแต่งงานเธอบอกเขาว่า
ความเป็นเพื่อนเรายังเหมือนเดิมนะ ไม่ต้องห่วง เขามองเธอนิ่งๆ พยักหน้าน้อยๆ ไม่ตอบคำ ถึงเวลารดน้ำสังข์ เขาอวยพรเธอมากมาย แต่พูดกับสามีเธอเพียงสั้นๆ
ฝากด้วยนะ..

เขาแต่งงานมีครอบครัวของเขา เธอก็มีครอบครัวของเธอ มีบางช่วงของชีวิตที่ห่างกันไป แต่ก็ไม่เคยลืมกัน เธอส่งการ์ดอวยพรวันเกิดให้เขาทุกๆปี ตอนนี้เขาน่าจะเก็บมันไว้ได้ 59 ใบแล้วหละ เพราะเธอนับของเธอแล้วมันได้ 58 ใบ น้อยกว่าอยู่ใบนึง เพราะเธอเกิดทีหลังเขา 5 เดือน.. บางที เธอรู้สึกสนิทกับเขามากกว่าคนรักของเธอเสียอีก หลายเรื่องที่เขารับรู้ แต่คนรักเธอไม่แม้แต่ระแคะระคาย และก็เช่นกันหลายความลับที่เขาระบาย ที่เขาฝากไว้ที่เธอ เธอก็รับและเก็บงำมันไว้ด้วยความเต็มใจ..
คิดอะไรอยู่ เขาเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
เรากำลังนึกแปลกใจ เธอเอ่ยด้วยท่าทีครุ่นคิด ทำไมเราถึงไม่เป็นคนรักกันนะ
เขานิ่งไปเหมือนกำลังคิดเช่นกัน  เราสนิทกันมากมั้ง
นั่นไม่น่าใช่เหตุผลนี่ เธอว่า
เธอถามยากไปนะ เขาตอบหลังจากนิ่งคิดอีกอยู่ครู่ใหญ่
ไม่ยากหรอก ลองคิดเล่นๆซิว่าทำไมเราถึงไม่รักกันนะ แววตาเธอมีแววขี้เล่นซุกซน เหมือนเด็กหญิงครั้งกระโน้น
อืมม..อันนี้ค่อยง่ายขึ้นมาหน่อย เธอมองหน้าเขา แปลกใจ เธอว่าเธอไม่ได้เปลี่ยนคำถามนี่นะ..
ฉันไม่รู้หรอก ว่าทำไมเราถึงไม่ได้เป็นคนรักกัน เขามองหน้าเธอ สายตาอ่อนโยน
แต่ถ้าเธอถามว่าทำไมเราถึงไม่รักกันน่ะ เขาเว้นช่วง
บางทีนะ ฉันว่าเราไม่ได้ไม่รักกันเสียหน่อย..
เธอหลับตาลง คำถามที่ถูกซ่อนไว้หลายสิบปี กลับตอบออกมาง่ายๆอย่างนี้เอง
นั่นสินะ เราไม่ได้ไม่รักกันเสียหน่อย เธอตอบทั้งๆที่หลับตา ตอนนี้เธอพร้อมที่จะไปจากโลกใบนี้อย่างมีความสุขแล้ว
ในความรู้สึกที่เริ่มพร่าและเลือน เธอสัมผัสได้ถึงมือเขาที่เอื้อมมากุมมือเธอไว้
กลับบ้านเองเดินดีๆนะ..
และนั่นคือคำสุดท้ายที่เธอได้ยิน				
7 กรกฎาคม 2546 09:12 น.

ห้าสหายผจญภัย ตอนที่2 .. สีของวาร์

หมอกจาง

วันนั้นเป็นวันแดดใส สายลมพัดแรงจิมมี่ร้องเพลงด้วยเสียงเด็กๆของเขาคลอไปกับเสียงกีตาร์ของบรอห์ม เจ้าขวานพยายามร้องคลอตามด้วยเสียงทุ้มๆต่ำๆของมัน แต่ก็มักที่จะไล่ตามเนื้อไม่ค่อยทันอยู่เสมอ ส่วนนานีกับวาร์เลือกที่จะฟังอย่างเงียบๆ วันนี้นานีนั่งอยู่บนหลังวาร์ สีของวาร์เลยกลายเป็นสีเดียวกับสีของนานี
เยี่ยมไปเลย นานีส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ยกขาหน้าทั้งสองขึ้นปรบ เมื่อโน้ตสุดท้ายของบรอห์มจบลง วาร์แหงนหน้าโห่ชมเชย เจ้าขวานได้ทีเลยเหน็บเข้าให้
นั่นนายหอนใช่ไหม วาร์ วาร์หันขวับมาทันที
เขาเรียกโห่
ฟังเหมือนหอนเลย
ก็ฟังดูดีกว่าเวลานายพยายามร้องเพลงละกัน ได้เรื่องเจ้าขวานโกรธหนวดกระดิกเลย (ถ้ามันมีนะ)
นี่.. ไม่มีคำพูดสักคำหลุดตามออกมาจากปากเจ้าขวาน และก็เช่นเดียวกันกับเจ้าวาร์ที่พยายามจะแหย่ซ้ำ
.
ทะเลาะกันอยู่ได้ น่ารำคาญ นั่นเป็นเสียงของนานี จิมมี่กับบรอห์มอมยิ้ม ทั้งสองรู้ว่าที่สองคนนั้นพูดไม่ได้เพราะนานีใช้พลังจิตบังคับไว้นั่นเอง
วันนี้พลังจิตของนานีใช้ได้ผลแฮะ จิมมี่หันไปพูดยิ้มๆกับบรอห์ม
ปล่อยทั้งสองคนนั่นได้แล้วหละนานี บรอห์มว่า อุดปากไว้อย่างนั้นอึดอัดตาย
       นานีหันไปมองเจ้าขวานกับวาร์ที่ทำหน้าปูเลี่ยนๆอยู่แล้วก็หัวเราะกิ๊ก..
คลายก็ได้ แต่ถ้าทะเลาะกันอีกจะอุดปากไว้ทั้งวันเลย
       ทั้งสองที่เพิ่งถูกคลายให้พูดได้ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น บางทีมันอาจกลัวที่จะต้องถูกอุดปากอีกรอบ.. ขบวนเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆไม่เร่งร้อน พักใหญ่ๆ จิมมี่ก็ร้องเอะอะขึ้น
นี่พวกเราดูอะไรข้างหน้านั่นสิ และเมื่อทุกคนหันไปดู ต่างก็ต้องอ้าปากค้าง..
       ฝุ่นทรายก้อนมหึมา ม้วนตลบเข้าหากลุ่มของห้าสหายอย่างรวดเร็ว ไม่น่าจะถูกพัดมาโดยลมเพราะมันมาคนละทิศกับทางลม ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร ฝุ่นทรายกลุ่มนั้นก็พรึ่บ ม้วนเข้าคลุมทั้งห้าสหายไว้จนหมดสิ้น..

..

แค้กๆๆ.. นั่นเป็นเสียงไอของจิมมี่ เขาลุกขึ้นจากกองฝุ่นทรายที่ทับหนาอยู่รอบตัวได้ก่อนคนอื่น จิมมี่ดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆก็จริง แต่ในสถานการณ์อย่างนี้เขามักจะเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นได้เสมอ ไม่มีใครรู้ว่าทำไม.. เจ้าขวานยังเหน็บอยู่ที่เอว แต่ท่าทางยังคงลืมตาไม่ขึ้นเพราะเม็ดทรายเข้าตา บรอห์มยักแย่ยักยันยืนขึ้นมาได้แล้ว มือข้างหนึ่งรัดนานีไว้แน่นกับอก เพราะพอพายุทรายพัดมาบรอห์มก็รีบคว้าตัวนานีไว้ก่อนด้วยกลัวว่านานีจะปลิวไปกับลม  ส่วนวาร์ล่ะ ทั้งหมดมองหาวาร์ แต่ไม่มีใครหาเจอ..
ฉันอยู่นี่ เสียงนั้นดังไม่ไกลจากบรอห์มนัก เล่นเอานานีที่กำลังขวัญอ่อนอยู่สะดุ้งโหยง เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นเจ้าม้าเปลี่ยนสีได้ลุกขึ้นมาสะบัดทรายออกจากเนื้อตัว ตอนนี้วาร์มันเปลี่ยนเป็นสีทรายไม่มีผิดเพี้ยน นั่นคือสาเหตุที่ใครก็ต่างมองหามันไม่เจอ
มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย วาร์เอ่ยถามขึ้น มันเห็นว่าเพื่อนๆยังอยู่กันครบมันก็โล่งใจ..
ฉันว่าเราทุกคนกำลังสงสัยเหมือนกันนั่นแหละจิมมี่ว่าดังนั้น ทางที่ดีเราควรหาใครสักคนที่ไม่ใช่พวกเราตอบปัญหานี้
       แล้วทั้งห้าสหายก็ไม่ต้องรอนานเมื่อเห็นร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากกองทรายที่ทับถมอยู่ทั่วบริเวณ ร่างนั้นเป็นร่างผู้ชาย อ้วน เตี้ย ใส่หมวกปีกกว้างเหมือนหมวกโจรสลัด ข้างพุงคาดไว้ด้วยดาบเล่มโต มีหนวดเฟิ้มอยู่รอบปาก แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดของชายผู้นี้คือตลอดร่างของเขาเป็นสีทรายทั้งสิ้น.. เหมือนสร้างขึ้นมาจากทราย
โจรสลัดทราย นานีหลุดปากอุทานออกมาด้วยความตกใจ คนอื่นต่างใจหายวาบกันทั้งสิ้น ทุกคนเคยได้ยินชื่อเสียงความโหดร้ายของโจรสลัดทรายกันมาแล้วทั้งนั้น จอมโจรผู้ไม่เคยปล่อยให้เหยื่อที่ตนจะปล้นรอดชีวิต จอมโจรที่ปล้นเพื่อทรัพย์หากแต่ฆ่าเพื่อความสนุก จอมโจรที่คนเดินทางต่างพากันกลัวหนักหนาในยามที่พายุทรายพัดมา จอมโจรที่ถูกเรียกกันขานกันมานานว่า..โจรสลัดทราย 
ใช่แล้ว แม่หนูน้อย โจรสลัดทรายพูดขึ้นพลางค้อมหัว เราคือโจรสลัดทรายคนนั้นเอง
เจ้าจะปล้นอะไรเราน่ะ เราไม่มีของมีค่าอะไรให้ปล้นหรอกนะ วาร์พูดปากคอสั่น มันไม่ใช่ม้าที่กล้าหาญเท่าไหร่นักหรอก..
หือ!! โจรสลัดทรายสะดุ้งนิดหนึ่งเห็นสีของวาร์เป็นสีทรายเหมือนตนเอง แต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้โดยเร็วจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น ยกเว้นจิมมี่นะ..
ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าม้าสีทราย เสียงนั้นฟังดูหยิ่งยโสเราจะปล้นในทุกๆอย่างที่เจ้ามี สิ่งใดที่มีค่าสำหรับเจ้า ก็มีค่าสำหรับเราเฉกเช่นกัน
เรามีแต่ของที่เจ้าเอาไปทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนะ จิมมี่พูดขึ้นเจ้าช่วงชิงมันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
เราช่วงชิงเพียงเพราะเราต้องการช่วงชิง เมื่อเราสามารถช่วงชิงจากเจ้ามาได้  เราก็มีความสุข และนั่นคือประโยชน์ที่เพียงพอแล้วหละ
ท่าจะไม่ฟังเหตุผลเลยแฮะ เจ้าขวานบ่น
เรามีห้าคน แต่เจ้ามีแค่หนึ่ง บางทีเจ้าอาจช่วงชิงได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่หวังก็ได้นะ บรอห์มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทุกคนเห็นพ้องด้วย ต่างขยับตัวในลักษณะที่พร้อมจะสู้ตาย..
เรามีแค่หนึ่งอย่างนั้นรึ เจ้าโจรสลัดหัวเราะฮิๆฮะๆบางทีเจ้าอาจพูดถูก แต่บางทีเจ้าอาจพูดผิดก็ได้
       ทันใดนั้นกองทรายรอบๆตัวของทั้งห้าสหายก็เริ่มเคลื่อนไหว ค่อยๆมีร่างโจรสลัดทรายนับร้อยผุดขึ้นมา บ้างหนุ่ม บ้างแก่ บ้างต่ำเตี้ย บ้างสูงโย่ง ทุกตัวต่างมีอาวุธครบมือทั้งสิ้น..
ขอร้องเรา วิงวอนเรา กราบกรานขอชีวิต เจ้าทำได้ทุกอย่างที่เจ้าอยากทำ เจ้าหัวหน้าโจรว่า แต่สิ่งที่เราทำจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เราต้องการทุกอย่างที่เจ้ามี แม้กระทั่งชีวิต มันยกมือขึ้นสูงและโบก 
ฆ่า!!
       ทุกร่างที่ก่อรูปขึ้นจากทรายถาโถมเข้าใส่ทั้งห้าสหายทันที จิมมี่ดึงเจ้าขวานขึ้นจากเอวฟาดฟันใส่พวกโจรสลัดอย่างไม่เลือก หลายร่างที่โดนฟันเข้าจังๆก็ร่วงหล่นกลายเป็นกองทรายเหมือนอย่างเดิม บรอห์มดีดกีตาร์ด้วยเสียงที่ประหลาดและรัวเร็ว ทำให้ร่างจากทรายที่ล้อมเข้ามาใกล้แตกกระจายออกเป็นเม็ดทรายไปทุกครั้ง นานีซึ่งวันนี้ใช้พลังจิต เพ่งสายตาใส่โจรทรายเหล่านั้น มีเสียงเพียะดังขึ้นมาเมื่อใด ก็จะมีร่างร่างหนึ่งแหลกลงเป็นทรายไปทุกที วาร์ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเตะและถีบ แต่โจรสลัดทรายเหล่านั้นมักจะมองข้ามมันเสมอด้วยนึกว่าเป็นพวกเดียวกัน จึงไม่มีโจรคนไหนทำร้ายเจ้าวาร์..
       ทั้งห้าสหายอาจเหนือกว่าด้วยฝีมือ แต่เหล่าโจรสลัดทรายเหนือกว่าที่จำนวน ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่รู้จักหมดสิ้น จิมมี่ฟันขวานจนแขนล้า เจ้าขวานก็รู้สึกชาไปทั้งตัวด้วยถูกับเม็ดทราย บรอห์มดีดกีตาร์จนปิ๊กกระเด็นหล่นหาย ต้องใช้นิ้วดีดแทน ซึ่งก็ทำให้เสียงเพลงช้าลงไปมาก นานีเพ่งพลังจิตจนมึนหัวและรู้สึกอ่อนล้าไปหมด ขณะวาร์ยังโดดถีบไปมาอย่างคึกคะนอง
ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ จิมมี่พูดพลางฟันขวานพลาง เจ้าขวานพูดไม่ได้เพราะมันจมอยู่ในร่างที่ก่อจากทรายร่างหนึ่ง
ทนหน่อยจิมมี่ ทางฉันก็แย่เหมือนกัน บรอห์มตะโกนบอก นิ้วยังรัวสายกีตาร์ไม่หยุด ตอนนี้ทั้งห้าสหายต่างกระจายอยู่ห่างๆกัน ต่างถูกล้อมรอบด้วยเหล่าโจรสลัดทราย การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อ ทรายก่อูปขึ้นมาเป็นโจรสลัดไม่หยุดหย่อน แต่ทั้งห้าสหายก็ยังอดทนต้านไว้อย่างเหนียวแน่น
จิมมี่ มารวมกันตรงนี้ดีกว่าจะได้ช่วยกันสู้ เสียงบรอห์มตะโกนบอก จิมมี่หันไปดู พบว่าบรอห์มหันไปอีกด้านหนึ่งที่ไม่ใช่ด้านที่เขายืนอยู่ เรียกคนๆหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเขายังกับแกะผิดแต่ร่างนั้นเป็นสีทราย.. ร่างนั้นเคลื่อนเข้าหาบรอห์มอย่างรวดเร็ว
นายยืนระวังหลังให้ฉันทีจิมมี่ เหมือนบรอห์มไม่ทันสังเกตสีที่ผิดเพี้ยนไปของร่างนั้น บางทีบรอห์มอาจคิดว่าจิมมี่คงเปื้อนทรายไปทั้งตัวก็ได้..
ระวังข้างหลังบรอห์ม จิมมี่ตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นร่างนั้นเงื้อขวานขึ้น ที่บริเวณด้านหลังเยื้องไปทางขวา ซึ่งเป็นจุดอับของเสียงเพลงของบรอห์ม..
 คว้าก เสียงผ้าขาด เลือดของบรอห์มไหลออกมาทันตา โชคยังดีที่บรอห์มเบี่ยงตัวหลบทันทีที่ได้ยินเสียงของจิมมี่ แต่บรอห์มก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ดี 
นั่นไม่ใช่ฉัน บรอห์ม มันปลอมตัว จิมมี่ตะโกนลั่น
       ทางด้านนานี ก็มีเสียงร้องลั่นมาเช่นกัน..
วาร์ นายมาถีบฉันทำไม
ฉันอยู่ตรงนี้นานี เกิดอะไรขึ้น วาร์ร้องมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
ทุกคนระวังตัวไว้มันใช้วิธีปลอมตัวเป็นพวกเรา บรอห์มรัวกีตาร์จัดการกับจิมมี่ร่างปลอม ปากก็ตะโกนบอกเพื่อนๆทุกคน..
       หลังจากทุกคนรู้ตัว ก็ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะแยกแยะว่าตัวไหนคือตัวปลอมและตัวไหนคือตัวจริง เพราะแม้จะปลอมได้เหมือนมากเพียงใด สีของตัวปลอมเหล่านั้นก็ยังเป็นสีทรายอยู่ดี แต่ปัญหาอยู่ตรงที่เจ้าวาร์นี่เอง..
วาร์ นายอยู่ตรงไหนน่ะ นานีถามดังๆอย่างร้อนใจ
ฉันอยู่นี่ ม้าสีทรายไม่ต่ำกว่าหกเจ็ดตัวรอบๆขานรับขึ้นมาพร้อมๆกัน
ท่าทางจะปัญหาใหญ่แล้วหละบรอห์ม เราทำร้ายม้าสีทรายไม่ได้เลยสักตัว จิมมี่พูดขึ้น
       ตอนนี้เหล่าโจรสลัดทรายไม่ปลอมเป็นคนอื่นแล้ว พวกมันเลือกที่จะซ่อนใบหน้าที่แท้จริงภายใตู้ปลักษณ์ของวาร์เพียงอย่างเดียว นานี บรอห์ม จิมมี่และเจ้าขวานตอนนี้มายืนรวมกันเป็นกลุ่ม ล้อมรอบด้วยม้าสีทรายที่คึกคะนองนับร้อยตัว..
นี่ฉันเองวาร์ไง อย่าทำอะไรฉัน พวกม้าเหล่านั้นพากันร้องเซ็งแซ่ ตอนนี้พวกของจิมมี่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว..
เอาไงดีบรอห์ม  จิมมี่ถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แทบสิ้นหวัง..
เท่าที่ฉันสังเกตดู ดูเหมือนว่าพวกนี้มันมีแค่ชีวิตเดียว หากแต่ปรากฏออกมาในหลายรูปร่างเท่านั้น
แล้วเราจะทำยังไงล่ะ บอกฉันที จิมมี่แกว่งขวานไปมาป้องกันตัวพลางถาม ตอนนี้ทุกคนทำได้เพียงแต่ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่มีใครอยากพลั้งมือทำร้ายเจ้าวาร์ ทั้งๆที่รู้ว่าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ทั้งหมดคงต้องถูกฆ่าในไม่ช้า..
จัดการกับตัวที่เป็นตัวจริงของมัน ตัวที่คอยบัญชาการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ตัวที่ตัวมันเองไม่เคยเปลี่ยนรูป
นายหมายถึงเจ้าโจรสลัดที่มีเคราที่เราเจอกันครั้งแรกเลยใช่ไหม?
ใช่ จิมมี่ ตัวนั้นแหละ ทุกคนต่างสังเกตได้เหมือนกันว่ามีแต่เจ้าสลัดเคราเฟิ้มคนนั้นที่ไม่เคยเปลี่ยนรูปไปเลย ตอนนี้มันยืนหัวเราะอยู่ที่ด้านหลังฝูงม้าทราย ไกลออกไป..
ลำพังฉันกับเจ้าขวานจัดการมันได้ จิมมี่พูดอย่างมั่นใจปัญหาคือเราจะเข้าถึงตัวมันได้อย่างไรเท่านั้นแหละ 
ฉันสามารถใช้พลังจิตทั้งหมดที่เหลืออยู่ ระเบิดม้าทรายทั้งหมดนี่เป็นผุยผงได้ แต่ถ้ามันก่อรูปกันขึ้นมาใหม่ ฉันก็จะไม่มีพลังเหลือแม้แต่จะโดดหลบแล้วหละ ตอนนี้นานีได้แต่ใช้พลังทำให้ม้าทรายเหล่านั้นหยุดการเคลื่อนไหวเท่านั้น ซึ่งเหล่าม้าทรายก็แก้โดยการสลายตัวเองลงเป็นทรายแล้วก่อตัวขึ้นมาใหม่.. สถานการณ์ตอนนี้คับขันและจวนเจียนเต็มที
ถ้างั้นเอาอย่างนี้ ฉันจะดีดกีตาร์เป็นกำแพงเสียงกั้นให้มันเข้ามาไม่ได้ นานี เธอรวบรวมพลังจิตเพื่อระเบิดม้าทรายเหล่านี้ให้หมด จิมมี่ หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของนายกับเจ้าขวานนะบรอห์มนัดแนะกับเพื่อน
แล้ววาร์ล่ะ จิมมี่ถาม ไม่มีคำตอบจากบรอห์ม มันไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้เหมือนกัน
วาร์นานีตะโกนเข้าไปในฝูงม้า ซึ่งก็มีเสียงขานรับออกมาอย่างพร้อมเพียง
นายช่วยเราคิดทีว่าจะทำอย่างไรเราจึงจะรู้ว่าเป็นนาย
       ตอนนี้เจ้าวาร์อยู่กลางฝูงม้าทราย มันทั้งเตะทั้งถีบเท่าที่ทำได้ ซึ่งไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรได้มากมายนัก แต่ก็ไม่มีม้าทรายตัวไหนทำร้ายมัน เพราะม้าทรายก็แยกไม่ออกเช่นกันว่าตัวไหนคือเจ้าวาร์ จริงๆแล้วพวกมันไม่ได้สนใจจะมองหาเจ้าวาร์เลยด้วยซ้ำ
วาร์คิดแล้วก็คิด มันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เห็นว่าเพื่อนๆย่ำแย่จวนเจียนเข้าไปทุกที เห็มม้าทรายเหล่านั้นถีบถูกจิมมี่ เห็นนานีถูกกระทืบลงที่หางจนร้องลั่น มันไม่รู้จะทำอย่างไร
ถ้าฉันเปลี่ยนสีเป็นสีอื่นที่แตกต่างวาร์คิดพวกจิมมี่ก็จะสามารถแยกแยะออกได้ เพราะม้าทรายไม่สามารถเปลี่ยนสีได้
แต่เราจะเปลี่ยนสีได้อย่างไรล่ะ รอบตัวเรามีแต่สีทรายเท่านั้น
ตอนนี้วาร์คิดถึงสีที่แท้จริงของมัน ถ้ามันสามารถกลับคืนสู่สีที่แท้จริงของมันได้ เพื่อนของมันก็จะพ้นอันตราย แต่มันไม่รู้วิธีนี่นา..
       ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือเมื่อมันกลับคืนสีที่แท้จริงแล้ว พวกโจรสลัดทรายก็จะรู้เช่นกัน ว่าตัวไหนที่ไม่ใช่พวกดียวกัน และถ้าม้าทรายเหล่านั้นเปลี่ยนร่าง ถือดาบเข้ากลุ้มรุมมัน มันจะไม่มีทางสู้ได้เลย บางทีอาจถึงตายได้ มันไม่ใช่นักสู้ที่เก่งกาจนักหรอก ที่มันเอาตัวรอดได้อยู่ถึงตอนนี้ก็เพราะสีที่กลมกลืนของมันนั่นเอง..
       วาร์สับสน มันไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรดี ทั้งความห่วงเพื่อน ทั้งความรักชีวิต ทำให้มันสับสน..
       มันมองเห็นวงล้อมม้าทรายที่บีบรัดเข้าไป เห็นบรอห์มโดนย่ำกลางหลังด้วยม้าที่หน้าเหมือนมันตัวนึง นานีกับจิมมี่ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่ากัน เพื่อนมันกำลังจะตาย..วาร์หลับตาลง น้ำตาคลอด้วยความกลัว มันตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

       ภาพที่เกิดขึ้นเป็นภาพที่ทั้งสี่สหายที่เหลือจะไม่มีวันลืม ม้าสีทรายหม่นๆตัวหนึ่ง ค่อยๆเจิดจ้าขึ้น เปลี่ยนสีไปร้อยพันอย่าง ฟ้า ม่วง ชมพู ส้ม แดง ดำ บางสีก็เป็นสีที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทุกคนจ้องที่วาร์เป็นตาเดียว รวมทั้งเหล่าโจรสลัดทรายก็เผลอหยุดการโจมตีลงเช่นกัน..
       หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ทุกคนได้เห็นม้าสีน้ำเงินตัวหนึ่ง น้ำเงินที่ดูลึกแต่ใส น้ำเงินที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน น้ำเงินที่สวยกว่าทุกสีน้ำเงินในโลก น้ำเงิน..ที่เป็นสีของวาร์
วาร์ ทั้งสี่สหายทุกคนร้องขึ้นมาอย่างยินดี และนั่นทำให้โจรสลัดทรายรู้ตัวเช่นกัน พวกหนึ่งขยับเข้าใส่สี่สหาย อีกพวกหนึ่งขยับเข้ากลุ้มรุมวาร์ม้าสีน้ำเงิน
เอาเลย นานี รวมพลังเร็วจิมมี่ร้อง
       บรอห์มดีดกีตาร์ต้านโจรสลัดไว้ จิมมี่ฟาดขวานไปมาด้ายท่าทีฮึกเหิมขึ้นทันตาเห็น แต่ในแววตาของบรอห์มดูกังวล ม้าสีน้ำเงินโดนฟันไปสองแผลแล้ว เลือดแดงเข้มไหลออกมาจากร่างตัดกับสีน้ำเงิน..
ได้หรือยังนานี
เกือบแล้ว
วาร์แย่แล้วนะ
เอาเลย นานีตะโกนเมื่อรวบรวมพลังเสร็จ ตาของนานีดูเหมือนโตขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ใหญ่จนดูเหมือนไม่มีใครจะหลบพ้นดวงตาคู่นั้นได้ เหมือนกับดวงตาคู่ที่มองลงมาจากฟ้าเบื้องบน..
ตูมมมม ร่างที่ทำจากทรายกระเด็ยหายไปคนละทิศละทาง จิมมี่พรวดเข้าถึงตัวเจ้าหัวหน้าโจรด้วยความรวดเร็ว เจ้าขวานทำหน้าที่ของมัน เพียงพริบตาหัวหน้าโจรก็ล้มลงก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ก่อร่างอื่นๆขึ้นใหม่ พายุทรายกรรโชกมาอีกครั้งอย่างกระชั้นสั้น..
ครืนน 
ระวังทุกคน บรอห์มตะโกน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พายุหยุดลงในเวลาอันรวดเร็ว ทรายทั้งหมดหายไป เหลือเพียงร่างบอบช้ำของทั้งห้าสหาย
..

วาร์ นายเจ็บมากไหม นานีถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นบาดแผลของวาร์
วาร์ นายกล้าหาญมาก จิมมี่เดินเข้ามาโอบรอบคอเพื่อนด้วยความชื่นชมและยกย่อง
กล้าที่ไหน จิมมี่ วาร์แย้งเสียงอ่อย ฉันกลัวจะตายว่าถ้าฉันเปลี่ยนสี ฉันต้องถูกฆ่าแน่ๆ
แต่นายก็ทำนี่ จิมมี่ยิ้มให้กำลังใจ
วาร์ คราวนี้เป็นบรอห์มฉันจะบอกอะไรให้นะ น้ำเสียงนั้นดูจริงจัง
นายเป็นม้าที่กล้าหาญที่สุดที่ฉันเคยเห็น
โธ่ บรอห์ม ฉันบอกแล้วว่าฉันกลัวจะตาย
ทั้งที่นายกลัวแทบตาย แต่นายยังทำสิ่งนั้นเพื่อพวกฉัน การที่นายตัดสินใจทำในสิ่งที่นายคิดว่าสมควรทำ ทั้งๆที่กลัวจนตัวสั่นน่ะ นั่นคือความกล้าหาญที่แท้จริงวาร์ ถ้านายทำมันโดยไม่มีความกลัวเลยอย่างมากนายก็เป็นได้แค่ม้าที่บ้าระห่ำเท่านั้น ความกล้าหาญที่แท้จริงคือการชนะความกลัวของนายนั่นเอง
       ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย วาร์ดูเขิน แต่ก็ดูมันภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน


วันนั้นนายหาสีนายเจอได้ยังไงน่ะวาร์ นานีถามขึ้นในวันหนึ่ง
ไม่รู้เหมือนกันแฮะ เหมือนมันมีอยู่แล้ว แล้วมีใครเอาไปซ่อนไว้ เหมือนฉันรู้อยู่แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ฉันพยายามทำเป็นไม่รู้ ประมาณนั้นน่ะ
แล้วใครที่เอาไปซ่อนไว้ล่ะ
วาร์นิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยตอบ
ฉันว่าฉันเองแหละ

       ขณะที่อีกด้านหนึ่งจิมมี่ก็คุยกับบรอห์ม เจ้าขวานหลับมาแล้วสามวันสามคืนหลังจากศึกครั้งนั้น มันเหนื่อยมาก
วาร์โชคดีมากนะที่หาสีของตัวเองเจอ มีใครต่อใครหลายคนที่ไม่อาจหาสีของตัวเองเจอ แม้จะใช้เวลาตลอดชีวิตของตนเอง บรอห์มบอก
หมายความว่ามีม้าเปลี่ยนสีได้อย่างวาร์อยู่มากมายในโลกอย่างนั้นรึ
ใช่ แต่บางครั้งนายมองไม่เห็นหรอกจิมมี่ พวกเขากลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมเกินไป พวกเขากลัวเกินไปที่จะแตกต่างจากสิ่งรอบตัว และนั่นทำให้เขาไม่ซื่อสัตย์กับสีที่แท้จริงของตัวเอง และเมื่อเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เขาเป็น เขาจะไม่มีวันหามันเจอ
.

       ห้าสหายยังคงผจญภัยกันต่อไป แต่เรามาพักเรื่องของเขาไว้แค่ตรงนี้ก่อนดีกว่า วันหน้าถ้ามีโอกาส เราค่อยมาพูดถึงพวกเขากันอีกที.

..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมอกจาง