16 มกราคม 2554 22:18 น.

* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน ขอโทษค่ะ * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ



* * * พี่เลี้ยง * * *
จริง ๆ แล้วจะบอกว่าหนูหิ่ง ฯ จำได้ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก  เพราะขณะนั้นยังเด็กเกินไป  ส่วนใหญ่ก็ฟังคนอื่นเล่าอีกทีค่ะ

ที่หมู่บ้านของหนูหิ่ง ฯ มีสำนักงานการเกษตร  ที่เกษตรจะปลูกกาแฟ สตอบอรี่  ปลูกท้อ  มะม่วง ผลไม้หลายอย่าง และดอกกุหลาบ

แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของเกษตรมาคอยส่งเสริมให้ชาวเขาหันมาปลูกกาแฟนแทนการทำไร่เลื่อนลอย  

ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่เกษตรจะเป็นผู้ชายแล้วก็โสด  เพราะคนที่มีครอบครัวคงไม่มีใครยอมห่างจากเมืองกรุงไปอยู่ป่าอยู่ดอยแสนไกลขนาดนั้น  

ไฟฟ้า น้ำประปาก็ไม่มี  ต้องไปตักที่บ่อน้ำประจำหมู่บ้านมาใว้ใช้งาน  ต้องไปพบปะชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ที่พูดรู้เรื่องบ้าง  ไม่รู้เรื่องบ้าง  

สิ่งที่มีเพื่อการบรรเทิง  ก็จะเป็นวิทยุ เทป กีตาร์ แล้วก็เมาท์ออแกน  เพื่อคลายความเหงา  และฆ่าเวลาไปด้วยในตัว

หลังจากที่หนูหิ่ง ฯ ลืมตาออกมาดูโลกได้ 3 เดือน  พี่ ๆ ที่เกษตร  ก็มีของเล่นใหม่  เป็นตุ๊กตาตัวกลม ๆ กินได้ อึได้ ร้องไห้ได้ 

ทุก ๆ เช้าพี่ ๆ ที่เกษตรเขาจะผลัดกันมาอุ้มหนูหิ่ง ฯ ไปเล่นที่สำนักงานเกษตร  
ผลัดกันชงนมให้กินเมื่อหนูหิ่ง ฯ ร้องให้

เคี้ยวข้าวป้อนให้เมื่อหนูหิ่ง ฯ พอกินได้  ล้างอึ เช็ดฉี่ให้  แล้วก็อาบน้ำปะแป้งให้เสร็จสรรพ  ตอนเย็นก็อุ้มกลับมาส่งให้แม่

แม่จึงบอกหนูหิ่ง ฯ เสมอว่า  หนูหิ่ง ฯ เป็นลูกคนข้างบ้าน  เพราะแม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงเลย  มีแต่คนเอาไปเลี้ยงให้

จนกระทั่งโต  ก็ยังมีคนอื่นช่วยเลี้ยงอยู่ดี  ^__^  คือจะไปโตตามบ้านเพื่อน  ไปอาศัยข้าวเพื่อนกิน  ไปอ้อนพ่อ - แม่ของเพื่อน

จนเพื่อนมันเขม่นก็หลายที  ^__^

เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา  หนูหิ่ง ฯ จึงขอให้แม่พาไปตามหาพี่ ๆ ที่เคยเลี้ยงหนูหิ่ง ฯ ตอน
เด็ก ๆ แม่ก็พาไปหา  ปรากฎว่าเจออยู่คนเดียว

ส่วนคนอื่น ๆ แม่ไม่รู้ว่าเขาย้ายไปอยู่กันที่ไหน  เพราะเวลาก็ผ่านไปสามสิบกว่าปีแล้ว  บางคนเกษียณอายุราชการไปแล้ว

บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว  คนที่เจอชื่อพี่ยงยุทธ ตอนนี้พี่เขาเกษียณแล้ว  อาศัยอยู่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

หนูหิ่ง ฯ จำไม่ได้เลย  แต่พี่เขาจำหนูหิ่ง ฯ ได้  แปลกใจจัง  เห็นบอกว่าหนูหิ่ง ฯ หน้าไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่  ^__^

หนูหิ่ง ฯ ซื้อกระเช้าไปกราบขอบคุณ  แล้วก็ใส่ซองให้นิดหน่อย  แล้วก็ดีใจมากที่หาพี่เขาเจอ

ถ้ามีโอกาสจะพยายามหาคนอื่น ๆ ที่เหลือ  แต่แม่จะจำได้แต่ชื่อเล่นบ้าง  ชื่อจริงบ้าง  นามสกุลจำไม่ได้  ก็เลยหายากหน่อยค่ะ

ขอโทษนะคะพี่เลี้ยงจำเป็นทั้งหลาย  

ปล. หากใครเคยทำงานอยู่เกษตรแม่โถ  ต.บ่อสลี  อ.ฮอด  จ.เชียงใหม่  แล้วเคยเลี้ยงเด็กหญิงตัวกลม ๆ ตาดำ ๆ 

     กรุณาติดต่อกลับมาด้วยนะคะ  


* * * ครูเด็กเล็ก * * *

จริง ๆ แล้วที่หมู่บ้านหนูหิ่ง ฯ ไม่มีชั้นเด็กเล็ก  ไม่มีอนุบาล  มีก็ประถม 1 - ประถม 4  ถ้าจะต่อก็ต้องไปต่อหมู่บ้านอื่น

สถานที่ตั้งของโรงเรียนก็อยู่ห่างจากบ้านหนูหิ่ง ฯ ไปเกือบ 3 กิโลเมตร  ทุก ๆ เช้าเด็ก ๆ ก็จะพากันเดินไปโรงเรียนพร้อมห่อข้าว

หนูหิ่ง ฯ เริ่มไปโรงเรียนตอนประมาณ 4 ขวบ  เดินไม่ไหวก็พี่ชายแบกบ้าง อุ้มบ้าง พี่ชายชอบบ่นว่าหนูหิ่ง ฯ ขึ้เกียจเดิน

จะร้องโยเยให้แบก  ก็จำต้องเปลี่ยนกันแบกใส่หลังเดินไปโรงเรียน  ^__^  นิสัยดีตั้งแต่เด็ก ๆ เนาะ

ทางไปโรงเรียนจะผ่านโค้ง ๆ หนึ่ง  แล้วตรงนั้นจะมีต้นไม้ใหญ่มาก  เด็ก ๆ ก็จะถูกขู่ว่าให้ระวังผีนะ

ดังนั้นพอจะผ่านโค้งต้นไม้ใหญ่นี้  ก็จะปาดอุ้งเท้า  แล้วเอามาป้ายที่ศรีษะ  ผีจะได้ไม่เห็น  ^__^  คนดอยเขามีวิธีหลอกผีด้วยนะคะ

บางทีก็จะแกล้งวิ่งทิ้งกัน  ทำเสียงหลอกกันก็มี  เด็ก ๆ ที่หมู่บ้านนี้ก็เลยมีนิสัยชิบแกล้ง  *__~  นิสัยดีกันทั้งหมู่บ้านเลย

อาจารย์ที่สอนชื่ออาจารย์ธนูศักดิ์  โรงเรียนนี้มี 4 ชั้น นักเรียนมีน้อย ทั้งโรงเรียนมีครูสอนอยู่คนเดียว  

ถึงตอนนี้หนูหิ่ง ฯ ก็นึกไม่ออกว่าครูสอนได้ยังไง ?

จำได้ว่าหนูหิ่ง ฯ ซนมาก  โดดหน้าต่างเล่นก็มี  ปีนต้นฝรั่งจนตกลงมาก็มี  ครูดุก็ไม่
เคยกลัวสักกะที  ก็มันไม่มีอะไรให้เล่นนินา.... เนาะ  

บางครั้งหนูหิ่ง ฯ เป็นไข้  ไม่สบาย เลือดกำเดาไหล  ก็ต้องไปโรงเรียน  ต้องไป
นอนที่เก้าอี้เรียน  จนพี่ ๆ เขาต้องยืนเรียน

เพราะว่าอยู่บ้านก็ไม่มีใครดูแล  คนโตทุกคนต้องไปทำไร่ทำสวนเลี้ยงสัตว์  เด็ก ๆ 
จึงถูกยัดเยียดให้พี่ ๆ ที่เรียนอยู่และครูเป็นผู้ดูแลแทน


* * * ครูประถม * * *

พอเรียนหนูหิ่ง ฯ เข้าเรียนชั้นประถมโรงเรียนก็ย้ายมาอยู่ใกล้บ้านหน่อยประมาณ 1 กม.  ดีจัง ไม่ต้องเดินไกล

ครูก็เริ่มมีหลายคน  ครูคนแรกชื่อครูสมศักดิ์  ครูเลาสือ  ครูบุญยิ่ง  ครูมยุรี  ครูต้อย

เด็ก ๆ บนดอยก็มีกีฬาดอย ๆ ให้เล่น  เช่น

เดินต่อขา :  ก็จะตัดไม้ไผ่มา 2 ลำเล็ก ๆ พอเหมาะมือ  ลำต้นแข็งแรงความยาวเท่าตัว หรือยาวกว่า เลาะกิ่งออก 

     เหลือไว้กิ่งตรงโคนกิ่งเดียวลำไผ่ด้านที่เลยกิ่ง  ให้เหลือความยาวประมาณครึ่ง
ไม้บรรทัด  แล้วก็ตัดกิ่งให้พอเท้าเหยียบ 

     วิธีเล่น  :  ก็ให้จับลำไผ่แน่น ๆ ทิ่มไผ่ด้านที่มีกิ่งลงดิน  แล้วก็ใช้ความสามารถพิเศษขึ้นเหยียบ  ทีละข้าง  แล้วก็เดิน

     ข้อสังเกตุ   :  ยิ่งทำสูงเท่าไหร่  เวลาเดินก็จะไกลเท่านั้น  แต่การทรงตัวจะลำบากนิดหนึ่งค่ะ  สนุกดีนะคะ

ควบกะลา  :  ก็จะนำกะลามะพร้าวด้านที่มีรูมา 2 กะลา  แล้วก็ใช้เชือกยาวประมาณเมตรเศษ ๆ ผูกกะลาไว้ด้านละข้าง

     วิธีเล่น  :  จับเชือกด้านกึ่งกลางของทั้ง 2 กะลา  แล้วก็ขึ้นไปเหยียบกะลาโดยใช้นิ้วคีบไว้  คล้ายกับใส่รองเท้า  แล้วก็เดิน

     ข้อสังเกตุ  :  ต้องเลือกกะลาดี ๆ เวลาเดินระวังกะลาแตก  และอาจเกิดเสียงดังหนวกหู  และก็เจ็บนิ้วชี้ - โป้งได้

การเล่นทั้ง 2 อย่างนี้ปรกติจะเล่นหลาย ๆ คน  แล้วก็แข่งกันเดินว่าไครจะเดินถึงปลายทางก่อนกัน  โดยเท้าไม่ลงพื้น

จริง ๆ แล้วการละเล่นก็มีหลายอย่าง  เช่น หมากเก็บ  ไม้เก็บ  ตี่จับ  เตย  หลบบอล  โดดเชือก  โดดสูง ฯลฯ

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ใช้วัสดุที่หาได้และทำเองง่าย ๆ ค่ะ

ถึงแม้โรงเรียนหนูหิ่ง ฯ จะเป็นโรงเรียนบนดอย  นักเรียนไม่เยอะ  ก็ยังคงมีหมอไปฉีดยาวัคซีนให้เด็ก ๆ 

แต่หนูหิ่ง ฯ จะหนีตลอด  เพราะกลัวเข็มฉีดยา  วิธีการหลบ

1.  ก็ไม่อยาก  ปีนหน้าต่าง  แล้วไปซ่อนในห้องน้ำแค่นี้ก็ไม่มีใครหาเจอแล้ว  พอหมอไป  ไอ้หนูหิ่ง ฯ ก็ออกมา

2.  เข้าป่าไปเลย  เพราะรอบโรงเรียนเป็นป่า  ไปหลบในนั้น  ก็ไม่มีใครหาเจออีกเหมือนกัน

3.  หนีให้ไกลหน่อยก็ไปเก็บผักจิ้มน้ำพริกหรืองมหอยในนาล่างโรงเรียน  เย็น ๆ ก็ทำเนียนกลับบ้าน

4.  หรือไม่ก็ไปเก็บผลไม้ป่ากินฆ่าเวลา  เย็น ๆ ก็ค่อยกลับบ้าน
ห
นูหิ่ง ฯ ใช้ทุกวิธี  ก็เลยไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย  จนกระทั่งถึงการปลูกฝี  ทีนี้ครู & หมอไปดักรออยู่หน้าบ้าน

ห้า ๆ ๆ พอตกเย็นหนูหิ่ง ฯ เดินกลับบ้านก็เลยถูกจับปลูกฝี  ดังนั้นที่ไหล่ก็จะมีรอยแผลเป็นอยู่รอยเดียว

ในขณะที่คนอื่นมี 2 - 3 รอย  ตอนเด็ก ๆ ภูมิใจมากที่หนีครูกะหมอได้  แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทำไม่ดีเลย  *__~

ขอโทษค่ะครู  ขอโทษค่ะหมอ


ด้วยความที่เด็กนักเรียนมีน้อย  เวลาเล่นอะไรก็ต้องเล่นด้วยกัน  เด็กผู้ชายจะชอบเล่นกว่าง  เล่นโยนเหรียญที่ทำมาจากฝาน้ำอัดลม

เล่นดีดหนังยาง  ยิงนก  ตกปลา  เด็กผู้หญิงอย่างหนูหิ่ง ฯ ก็เล่นกะเขาได้ทุกอย่าง  
สนุกดี  บางทีก็ถูกเด็กผู้ชายแกล้งเอา

ที่ทนไม่ได้ก็คือ  เด็กผู้ชายชอบเปิดกระโปรง  อยู่ ๆ ก็วิ่งมาเปิดกระโปรง  แล้วก็วิ่งหนีไป  หัวเราะไป

ยิ่งถ้าเห็นใส่กางเกงในสีอะไรจะเอามาแซวเป็นอาทิตย์  เด็กผู้หญิงก็เลยต้องขนขวายหากางเกงขาสั้นมาใส่

มีอยู่ครั้งหนึ่ง  หนูหิ่ง ฯ อารมย์ไม่ดี  แล้วเพื่อนผู้ชายก็มาเปิดกระโปรง  หนูหิ่ง ฯ ก็วิ่งไล่จนทัน

เสร็จแล้วก็ตูมเข้าให้  ปรากฎว่าเลือดกำเดาออก  งื้อ ! ไม่ได้ตั้งใจให้เลือดตกยางออกนะ  แต่มันโมโหนิ  ก็เลยชกแรงไปหน่อย

ขอโทษนะเย๊ะนะ


แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็เข้าเมืองเชียงใหม่เพื่อเรียนมัธยมต้นที่วัฒโนทัยพายัพ  ซึ่งเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด

หนูหิ่ง ฯ เลือกเรียนสายพาณิชย์  เพราะคิดว่าจบมาแล้วหางานง่ายกว่า  ถ้าเรียนสายวิทย์ต้องต่อ ป.ตรี  ไม่มีตังค์  

สมัยนั้นเขาจะให้เลือกเรียนสายวิทย์  หรือพาณิชตั้งแต่ตอน มอ 2 เพื่อที่จะเตรียมให้เด็กสามารถไปเรียนต่อได้ดีขึ้น

ซึ่งก็จริง  เพราะหนูหิ่ง ฯ ได้เรียนพิมพ์ดีดและบัญชีตอน มอ 3  หลังจากจบแล้วหนูหิ่ง ฯ บินไปเรียนต่อ ปวช.ที่กทม.

ทำให้หนูหิ่ง ฯ ได้เปรียบคนอื่น  เพราะพิมพ์ดีดก็เป็นแล้ว  บัญชีก็เรียนมาบ้างแล้ว  หนูหิ่ง ฯ จึงมีรายได้จากเพื่อน ๆ เยอะ

เพราะรับจ้างพิมพ์ดีด  รับจ้างทำรายงาน  รับจ้างทำบัญชี  แฮ่....  นู๋จลลลลลล  ต้องหาเงินเรียนวิธีนี้แหละ

ขอโทษนะเพื่อน  ที่หนูหิ่ง ฯ หากินกับเพื่อนนะ


จบ ปวช.แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็ได้งานทำแถวหนองแขม  ทำอยู่ 8 ปี 

เพี่อนสมัยเรียน มอต้น  เหลืออยู่คนเดียว

ชื่อเพชร  ตอนนี้อยู่เท็กซัส  กำลังจะมีสามีเป็นของตัวเองเร็ว ๆ นี้  เฮ่อ ! อิจฉาชะมัด  ^___^

เพื่อนสมัยเรียน ปวช.  ก็เหลืออยู่คนเดียว ชื่อตุ่น  ตอนนี้อยู่แถวทุ่งครุ

สาเหตุที่เพื่อนเลิกคบ  ให้ไปดูที่ท้ายกระทู้นี้ค่ะ


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story11493.html
   * * * หนูหิ่ง ฯ ตอน คนขับรถกลับจม. เจียงใหม่ * * *				
16 มกราคม 2554 06:02 น.

* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน สองพี่น้องควงแขนกันเข้าโรงบาล * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


หนูหิ่ง ฯ มีเรื่องเครียด จนเป็นโรคเครียด นั่งก็เครียด นอนก็เครียด ขับรถก็เครียด

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว้า.... เมื่อประมาณต้นปี 53 ที่ผ่านมา  พี่สาวคนโตของหนูหิ่ง ฯ คนที่เป็นมะเร็งเต้านม

ไปตรวจสุขภาพหลังตัดเต้านมขวาทิ้งไปทุก ๆ 3 เดือน  ปลายปี 53 ผ่านไปแค่ปีกับแปดเดือน

แพทย์แจ้งว่า.... ตอนนี้มะเร็งลามไปที่ปอด  ตับ  และกระดูกแล้ว

พวกเราทั้งหมดก็พากันอึ้ง อึ้ง แล้วก็อึ้ง  คิดไม่ถึงว่าจะลามเร็วขนาดนี้  

แต่ก็ไม่อยากจะโทษใคร  เพราะโรคก็ลามไปแล้ว  เวลาผ่านไปแล้ว  แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

หนูหิ่ง ฯ ถ่ายประวัติจากโรงบาลที่เชียงใหม่  ไปปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางที่กทม.หลายโรงบาล

แพทย์ทุกท่านก็บอกตรงกันว่าอยู่ได้แค่ 1 ปีสูงสุดไม่เกิน 2 ปี

พอจะออกจากโรงพยาบาล  หนูหิ่ง ฯ ก็เริ่มออกอาการเอ๋อเหรอ  หารถไม่เจอ

เดินตั้งแต่ชั้น 4 ไปชั้น 10  แล้วก็ชั้น 10 ไปชั้น 4  จนเหมื่อย  ก็ยังหารถไม่เจอ

คิดว่ารถหาย  จะลงไปแจ้งยามที่ชั้น 1  ปรากฎว่าเจอรถจอดอยู่ที่ชั้น 1.... กรรม !


หลังจากนั้นก็นอนไม่ค่อยหลับ  กินไม่ค่อยลง  น้ำหนักลดรูปร่างสวยกะทันหัน

แล้วก็เริ่มขับรถหลงทางบ้าง  ฝ่าไฟแดงบ้าง  สุดท้ายตอนที่คิดว่าไม่ไหวแล้วคือ....


เวลาประมาณทุ่มเศษ ๆ หนูหิ่ง ฯ ขับรถไปโรบินสัน จันท์  กำลังเลี้ยวรถเข้าช่องจอด

ดูแล้วว่าว่าง  ไม่มีรถ  ก็เลยเลี้ยวเข้าไป  แล้วก็โครม  คนพร้อมมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปเกือบ 2 วา

ดีที่หัวไม่ฟาดพื้น  หนูหิ่ง ฯ ก็ตกใจ  จอดรถ  แล้วก็ลงไปฉุดพี่เขาขึ้นมา  บอกเขาว่าไม่ต้องกลัวนะ

รถหนูหิ่ง ฯ มีประกันชั้น 1  เจ็บตรงไหนหรือเปล่า  หนูหิ่ง ฯ พาไปโรงบาลนะ  พี่เขาก็ไม่ตอบ

แต่เดินไปดึงรถขึ้น  หนูหิ่ง ฯ ก็ช่วย  รถเสียประกันหนูหิ่ง ฯ ก็ซ่อมให้นะ  ไม่เป็นไรนะคะ

พี่เขาก็ไม่พูดอีก  แต่ก็สตาร์ทรถ  แล้วก็ขับรถไปเฉยเลย ~ _~  หนูหิ่ง ฯ ก็งง ๆ อะไรเนี่ย !

แล้วก็มีพี่ผู้ชายเดินมาดู  ถามหนูหิ่ง ฯ ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า  หนูหิ่ง ฯ ก็บอกว่าไม่เป็นไร

แต่พี่เขาเจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้  ถามก็ไม่ตอบ  จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่พูด  แล้วก็ขับรถไปเฉยเลย

หนูหิ่ง ฯ ก็งง ๆ อยู่นี่ล่ะค่ะ  ขอบคุณที่มาดูนะคะ  ^___^


หนูหิ่ง ฯ ก็เลยบอกให้พี่สาวส่งพี่เขยมาช่วยขับรถโดยด่วน  เพราะหนูแย่แล้ว

จากนั้นไม่ถึงเดือน  เกิดเรื่องให้ต้องได้กลับเจียงใหม่อีกครั้ง  ซึ่งก็ดีเหมือนกันนะ

ช่วงนั้นน่าจะเป็นประมาณเดือนกันยา  รถหนูหิ่ง ฯ ถูกชนท้ายที่มอเตอร์เวย์บางนา - ตราด

ก็เลยต้องเข้าศูนย์  ก็เลยตัดสินใจกลับไปเจียงใหม่  เพราะไม่มีรถไปทำงาน

พอดีพี่สาวคนโตที่เป็นมะเร็งอยากไปถือศึล - ปฏิบัติธรรมที่วัด 7 วัน  หนูหิ่ง ฯ ก็เลยไปเป็นเพื่อน

หลังจากนั้นก็เริ่มรักษาตัว  ให้คีโม  ให้เฮอเซฟติน  ให้มอร์ฟีน  ฉายแสง ฯลฯ

พอรถเสร็จหนูหิ่ง ฯ ก็เริ่มไปทำงานคนเดียวอีกครั้ง  


หลังจากนั้นพี่สาวก็เข้า ๆ ออก ๆ โรงบาลเรื่อย ๆ จนจะขอซื้อห้องโรงบาลสักห้องแล้ว

ถึงกลางเดือนธันวา  ก็ได้รับข่าวร้ายว่า  ตับโตและกระดูกพรุนแล้ว  แขน - ขา เริ่มบวม

หนูหิ่ง ฯ ก็เลยกลับเชียงใหม่อีกครั้ง  ประกอบกับหนูหิ่ง ฯ ถ่ายเป็นเลือดก็เลยถือโอกาสไปตรวจด้วย

วันที่ 22 หมอให้แอดมิท  หนูหิ่ง ฯ เคยผ่าทอลซินแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 42  ตอนนั้นถูกวางยาสลบ

แต่คราวนี้วิสัญญีแพทย์บอกว่าจะบล็อกหลัง  หนูหิ่ง ฯ เคยได้ยินคนถูกบล็อกหลังเพื่อคลอดลูกบางคน

บ่นว่าไม่ดี  จะปวดหลังไปตลอด  จะนั่น จะนี่  หนูหิ่ง ฯ ก็กลัวอยู่เหมือนกัน  แต่ก็ทำเป็นไม่กลัว


เช้าวันที่ 23 น้ำเกลือที่ให้ยังไม่หมด  พยาบาลก็มาเปลี่ยนชุดห้องผ่าตัดให้ 9.00 น.เข้าห้องผ่าตัด

พี่คนที่มาเข็นรถนอนให้เป็นผู้ชาย  ก็คุยทักทายสนุกสนานร่าเริงดี

พอไปถึงห้องเตรียมการผ่าตัด  พยาบาลก็ไล่พี่คนเข็นออกไป  เพราะต้องแก้ผ้าหนูหิ่ง ฯ 

หนูหิ่ง ฯ ก็เลยถามว่าต้องเปลีอยหนูหิ่ง ฯ หรือ ?  พี่เขาก็บอกว่าใช่  แฮ่....  ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ 

เลิกอายชั่วคราว  ลุกขึ้นนั่งจะแก้ผ้า  พี่พยาบาลรีบดันตัวลงบอกว่าเดี๋ยว ๆ ๆ นอนแก้ก็ได้เดี๋ยวจะโป้

หนูหิ่ง ฯ บอกว่าไม่เป็นไรหรอก  อายก็ไม่หายสิ  พี่พยาบาลก็บอกว่าไม่ใช่อย่างงั้นหรอก

พี่กลัวพี่คนเข็นรถจะนอนไม่หลับ  นั่น ! เป็นงั้นไป


เสร็จแล้วก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด  วิสัญญีแพทย์หญิงบอกให้นอนคู้ตัวเป็นกุ้งเลย  แล้วก็ฉีดยาเข้ากระดูกสันหลัง

เอ.... ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด  มือนิ่มจัง ^__^

ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ชาตั้งแต่เอวลงไป  หมอใหญ่ก็เริ่มผ่า ๆ ๆ ๆ หนูหิ่ง ฯ ก็รู้สึกตัวนะ  แต่ไม่เจ็บเลย

ผ่าเสร็จ  เย็บเสร็จแล้วก็ไปห้องพักฟื้น  ห้องพักฟื้นหนาวมาก  หนูหิ่ง ฯ ขอผ้าห่มไฟฟ้า พยาบาลก็น่ารักมาก

ให้มา 2 ผืนเล็ก ๆ คนอื่นเขาพัก 2 ชั่วโมง  แต่หนูหิ่ง ฯ พัก 3 ชั่วโมงเพราะยังไม่หายชา

พี่พยาบาลประจำห้องผ่าตัดก็มาบอกว่า  คุณหมอส่งชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ไปตรวจนะ
ประมาณ 1 อาทิตย์จะรู้ผล  หนูหิ่ง ฯ ก็นึกในใจ  ว่าผลคงไม่ดีเท่าไหร่  เพราะคนใน
ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็ง

แต่ก็คิดต่อไปอีกว่า.... เอาน่า.... ไหน ๆ จะป่วยทั้งทีก็เป็นโรคนี้แหละ  เพื่อนเยอะดี

ระดับนี้แล้ว  เป็นโรคกระจอก ๆ ได้ยังไง  โรคนี้เขาฮิทออกจะตาย  เป็นเสียหน่อยจะได้ทันสมัย  ฮิ ๆ ๆ ๆ 


พอหายชาพี่คนเข็นก็เข็นขึ้นห้อง 809  อยู่ตรงข้ามห้องพี่สาวที่รักษาตัวอยู่ห้อง 810

เมื่อขาหายชา  หนูหิ่ง ฯ ก็ลุกเดิน ๆ ๆ ๆ แล้วก็ไปนอนเฝ้าพี่สาวที่ห้อง 810  

ฮี่ ๆ ๆ ๆ พยาบาลหลายคนบ่นว้า....  ทำคนไข้หาย  หาคนไข้ไม่เจอ ^__^

คนไข้ผ่าตัดห้องอื่น  พอผ่าตัดเสร็จพยาบาลต้องขอให้เดิน

ส่วนคนไข้คนนี้  พอผ่าตัดเสร็จพยาบาลต้องบอกให้นอน  เป็นไง  เหนื่อยไหมคะพี่พยาบาล  ^___^


แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็ทำเรื่องออกโรงบาลวันที่ 24 เย็น  แต่ก็ยังนอนเฝ้าพี่สาวที่ห้อง 810

ข่าวร้ายอีกครั้ง  มะเร็งลามไปที่สมองของพี่สาวแล้ว ~_~

หนูหิ่ง ฯ ก็เลยตัดสินใจไปตัดผมสั้น  หลังจากที่ไว้ผมยาวมาเกือบตลอดชีวิต

เพราะหลายสาเหตุ  หลัก ๆ ก็คือ  อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอยากเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง  

พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ชอบผมสั้นด้วย  บอกว่าน่ารักดี  ไม่รกรุงรังเหมือนรังนก

หนูหิ่ง ฯ ก็เลยเดินไปเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว  ซึ่งอยู่หลังโรงบาลนี่เอง

ไปบอกช่างว่าจะซอยผมสั้น  เอาสั้นจู๋เลยนะ  ช่างก็มองหน้าตาปริบ ๆ 

แล้วก็บอกว่า  ตัดบ็อบละกันนะ  เทนิด ๆ ประมาณไหล่  ไม่ต้องสั้นมากหรอก

เพราะเดี๋ยวจะรับไม่ได้  นั่น ! ช่างรู้ใจอีกต่างหาก  หนูหิ่ง ฯ ก็เลยได้ทรงผมใหม่เป็นของตัวเอง

แล้วหนูหิ่ง ฯ รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงขอหมอตรวจใหม่  ก็เลยถูกจับเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้งวันที่ 29


เหตุการณ์เหมือนเดิม  พี่คนเข็นรถคนเดิม  ห้องผ่าตัดห้องเดิม  พยาบาลชุดเดิม

ต้องเปลือยเหมือนเดิม  คราวนี้หนูหิ่ง ฯ แซวพี่คนขับรถว่า  พี่จะอยู่ดูก็ได้นะคะ

แต่หนูกลัวว่าเมื่อพี่ออกเวรไปจะนอนไม่หลับ  กระสับกระส่าย  ใจไม่ดี  ต้องเสียเวลาไปเรียกขวัญคืน  ฮี่ ๆ ๆ ๆ

แล้ววิสัญญีแพทย์ก็มาแต่คราวนี้เป็นผู้ชาย  ไม่ใช้วิธีบล็อกหลัง  แต่ใช้วิธีฉีดยาชา  เจ็บกว่าบล็อกหลังนิ๊ดนึง

วิสัญญีแพทย์คนนี้น่ารักดี  ชวนคุยตลอด  ก็เลยไม่เครียด  

หมอใหญ่ก็ผ่าไป  หนูหิ่ง ฯ กะวิสัญญีแพทย์ก็คุยกันไป  หัวเราะไป  เป็นที่สนุกสนาน

คุยกันถึงเรื่องไปเที่ยวจีน  กุ้ยหลิน  ลี่เจียง  กำแพงเมืองจีน ฯลฯ  

พอหมอผ่าตัดเสร็จ  ก็รู้สึกว่าเร็วจัง  กำลังคุยติดพันสนุก ๆ อยู่เลย  (วิสัญญีแพทย์คนนี้หล่อด้วยหละ  ^__^ )

แล้วก็ไปพักที่ห้องพักฟื้นเหมือนเดิม  ขอผ้าห่มไฟฟ้าได้มา 2 ผืนเหมือนเดิม

คราวนี้พักสองชั่วโมงครึ่ง  แล้วก็ถูกเข็นไปที่ห้องเดิม 809  พี่สาวก็ยังอยู่ 810 เหมือนเดิม

แม่มานอนเฝ้าตั้งแต่วันที่ 28  จำได้ว่าก่อนเข้าห้องผ่าตัดได้ยินแม่คุยกะหมอว่า.... ให้ผ่าใส้เผื่อมาสัก 2 - 3 เมตร

ถ้าหนูหิ่ง ฯ ออกโรงบาลแล้วจะทำตือฮวนให้กิน  นั่น ! เอากะแม่หนูหิ่ง ฯ สิ  *__~

จากนั้นพี่สาวหนูหิ่ง ฯ ขอออกโรงบาลวันที่ 30  ทุกคนก็เลยกลับบ้านกันหมด  ส่วน

หนูหิ่ง ฯ ก็นอนโรงบาลคนเดียว

และก็ขอหมอออกโรงบาลวันที่ 31  สาเหตุก็เพราะว้า.... หนูจะไม่ป่วยข้ามปี  ^___^



หารูปตอนอยู่โรงบาลไม่เจอ  เดี๋ยวจะไปขอเซฟที่พี่พยาบาล  ^__^				
16 มกราคม 2554 00:24 น.

* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน คนขับรถ.... * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


บ่ายวันศุกร์ที่ 14 ม.ค. 54  หนูหิ่ง ฯ ต้องกลับเชียงใหม่  แต่ไม่อยากขับรถเอง
ก็เลยโทร.หาคนขับรถที่เคยใช้บริการอยู่

หนูหิ่ง ฯ " สวัสดีเจ้าพี่โจ  เสาร์นี้ว่างไหม  ไปส่งหนูหิ่ง ฯ ที่เจียงใหม่หน่อยได้ป่ะคะ ? "

พี่โจ  " หวัดไม่ดีหรอกหนูหิ่ง ฯ เสาร์นี้ไม่ว่าง  บอกแล้วให้จองคิวล่วงหน้าสักอาทิตย์ ^__^ "

หนูหิ่ง ฯ " นั่น ! พวกคิวยาว  อย่าให้รู้นะว่าไปหลีสาวจะฟ้องพี่สะไภ้  หนูหิ่ง ฯ หู - ตา ไวนะจะบอกให้ "

พี่โจ  " ไอ้....  ไม่ต้องเอาพี่สะไภ้แกมาอ้างเลย  ยังไงก็ไม่ว่าเฟ้ย ! "

หนูหิ่ง ฯ " ก็ได้ ๆ ๆ ๆ อย่าให้รู้แล้วกันนะ  แต่ถ้ามีค่าปิดปากก็โอเคน่ะ  ^__^  "

หนูหิ่ง ฯ  " งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ  เดี๋ยวจะตามล่าหาเหยื่อรายต่อไป  ^__^  สวัสดีค่ะ "
    
 ~ รายแรกผ่านไป  ไม่ได้เรื่อง  คิดถึงรายที่สอง  แต่เอ.... บอกเขาไปแล้วว่าจะไม่รับสาย  จะไม่โทรหา  จะลาตลอดกาล
     ก็เลยไม่โทร....  เศร้าวุ้ย ~

    ~ อ้อ.... มีไอ้คิงอยู่สุพรรณ  แวะบึงฉวากแล้วก็ให้ไอ้คิงไปส่งดีก่า ~

หนูหิ่ง ฯ  " ห้าโหล ห้าโหลคิง นี่หนูหิ่ง ฯ นะ  เสาร์นี้ว่างป่ะ  ไปส่งเจียงใหม่หน่อยดิ "

คิง  "  สองโหลยี่สิบสี่นะหนูหิ่ง ฯ  เอาเท่าไหร่ ? บอกมาก่อน "

หนูหิ่ง ฯ  " ครึ่งโหลพอ  เหลืออีกวันจะได้พักผ่อนบ้าง  คิงนี่กวนเหมือนเดิมนะ ตกลงเจอกันวันเสาร์นะ "

คิง  " ถนัดมัดมือชกอีกแล้วนะ  แล้วเจ้าชายแกไปไหนหมดฟะ  ต้องมาอาศัยกระเทียมอย่าคืง  แล้วตอนนี้อยู่ไหน มาถึงสุพรรณก่อนแปดโมงนะ  ไม่งั้นไม่รอ "

หนูหิ่ง ฯ " หายไปหมดแล้ว  เดี๋ยวจะไปประกาศหาใหม่ที่บ้านกลอน  เป็นอันว่าโอเค  แปลว่าไม่ตกลง  ไปถึงก่อนเก้าโมงนะ "

แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็ไปประกาศ....ด่วน  ที่บ้านไทยกลอน  ไอ้คิงได้อ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้  ถ้าได้อ่านมันคงขำน่าดู

ตี 4 วันเสาร์  หนูหิ่ง ฯ และพี่สาว ตาลีตาเหลือกตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแต่เช้า  กลัวกะเวลาไม่ถูกอ่ะ

พอตี 5 หนูหิ่ง ฯ ก็บินไปสุพรรณ  พี่สาวก็บินไปชลบุรี  เพราะแม่เขาจะทำบุญบ้านวันอาทิตย์

หนูหิ่ง ฯ ให้ GPS นำทาง  ออกแต่เช้ารถก็ยังเยอะนะ  สงสัยจะไปเที่ยวเชียงใหม่กัน  ^__^

ก็ออกสายเอเซีย  แล้วก็ไปเลี้ยวเข้าอ่างทอง  ออก อ.แสวงหา  แล้วก็ไปเข้าสุพรรณ

เห็นพระออกบิณฑบาตร  แต่พระทางนี้จะมีรถเข็นไว้ใส่ข้าวของด้วย  ดีจัง  ไม่ต้องพึ่งเด็กวัด

หนูหิ่ง ฯ ก็เลยจอดใส่บาตร  เพราะในรถมีขนมเค้กลุมพลีเจ้าอร่อย  และขนมอันบัน   นมถั่วเหลืองหลายแพ็ก  และน้ำเปล่าขวดใหญ่

ท่านก็เปิดบาตรให้  แต่หนูหิ่ง ฯ ไม่มีข้าว  ก็เลยใส่แต่ของเท่าที่มี  รับพรเสร็จแล้วปลื้มใจ  เดี๋ยวจะไปกรวดน้ำที่บ้านไอ้คิง ^__^

ถึงบ้านไอ้คิง 07.30 น.  อะฮ่า  มาก่อนเวลา  มันเบี้ยวไม่ได้แล้ว  ^___^

ไอ้คิงยังไม่ได้อาบน้ำ  แต่มันกินข้าวไปแล้ว  เวร....  ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย  ก็เลยต้องเข็นมันไปอาบน้ำ 

หนูหิ่ง ฯ ก็เลยหยิบขวดน้ำขวดใหญ่ในรถ  ไปกรวดน้ำใต้ต้นไม้

หนูหิ่ง ฯ มือขวาแตะที่พื้นดินใต้ต้นไม้  มือซ้ายถือขวดน้ำ  

     " อิทังเมโหตุสุขิตาโหตุญาตโญ  ข้าพเจ้านางสาวหิ่งห้อยน้อยใจ ขออนุญาตพระแม่ธรณีกรวดน้ำอุทิศผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในวันนี้

     ขอให้ผลบุญนี้ส่งถึงคุณบิดา - มารดา ครูบา - อาจารย์ ญาติ - พี่น้อง - ลูกหลาน เทวดา - อินทร์ - พรหม - ยม - เปรต 

     ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทุกภพชาติของข้าพเจ้า และพิเศษถึงพี่สาวของข้าพเจ้า  ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้รับผลบุญในครั้งนี้

     หากได้รับผลบุญนี้แล้วขอให้ทุกท่านมีความสุ่ข  และอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้า  ขอให้ข้าพเจ้าและพี่สาวมีความสุข  ปราศจากโรคภัยทั้งหลายที่มาเบียดเบียน

     สาธุ "

หลังจากคิงอาบน้ำเสร็จก็แวะถ่ายรูปที่บึงฉวากก่อน  ได้เมล็ดพันธุ์ผักไปฝากน้าชาย 7 อย่าง  แล้วก็ออกเดินทาง  

ไอ้คิงมันกวนประสาทไปสุดทางแหละ  แต่ก็โอเคน่ะ  เพราะหนูหิ่ง ฯ ก็ใช่ย่อย

แวะเยี่ยมและแต๊ะเอียล่วงให้กับพ่อ - แม่ ของพี่วิรัตน์ - พี่มิตร และหลานที่หัวเขา  

น้องถุงแป้งและน้องแพนที่ตาก  เหลือเงินกลับถึงเจียงใหม่ 20 บาทพอดี  ^___^

จริง ๆ แล้วหนูหิ่ง ฯ ไม่ค่อยมีเพื่อนนะ  สงสัยอยู่ว่าทำไม  คิดไปคิดมา  ก็นึกได้ว่า  สมัยที่เรียนมอต้น และปวช.  หนูหิ่ง ฯ พูดกับเพื่อนเสมอว่า

     " พ่อ - แม่เพื่อน  ก็เหมือน พ่อ - แม่ของเรา  เราก็รักและเคารพเหมือนกัน "    

     " บ้านเพื่อน  ก็เหมือน  บ้านเรา  เราไปอยู่กินอาศัยได้เหมือนกัน "

     " เสื้อผ้าเพื่อน  ก็เหมือน  เสื้อผ้าเรา  เราขออาศัยใส่ได้เหมือนกัน "

     " อีกหน่อย  ลูกและหลานเพื่อน  ก็เหมือน  ลูกและหลานเรา  เราจะรักและเอ็นดูเหมือนกัน "

     " สุดท้ายนี่สำคัญ   สามีเพื่อน  ก็ (ไม่) เหมือน  สามีเรา  เราก็จะขออาศัยใช้งานเหมือนกัน "  ในวงเล็บพูดในใจนะ

สุดท้าย  พอเพื่อนแต่งงานไป  ก็เลยไม่มีใครคบหนูหิ่ง ฯ เลย  

ไม่งั้นป่านนี้หนูหิ่ง ฯ มีลูกเป็นร้อย  สามีเป็นโหลแล้ว  คิก ๆ ๆ ๆ ^____^


ส่วนไอ้คิง  ยังคบอยู่  เพราะมันเป็นกระเทียม  ^__^

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อยน้อยใจ
Lovings  หิ่งห้อยน้อยใจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อยน้อยใจ
Lovings  หิ่งห้อยน้อยใจ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อยน้อยใจ
Lovings  หิ่งห้อยน้อยใจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหิ่งห้อยน้อยใจ