5 เมษายน 2546 10:07 น.

@..เพิ่งรู้..

อัลมิตรา


...จากความคุ้นเคย ความผูกพันที่แสนดี อาจยังมีสิ่งหนึ่งในใจ 
...ไม่เคยรู้ตัว จนเมื่อเธอจากไปแสนไกล
...ก็เพิ่งเข้าใจ ว่ามันคืออะไร จนวันที่ต้องไกลห่าง
...หวาดกลัวเหลือเกิน เราห่างโดยไม่รู้ใจ
...ก็เริ่มจะเคว้งคว้าง ในสิ่งหนึ่งที่เหมือนหายไปไกล 
...เมื่อไหร่จะได้มาพบ

...เธอเองก็รู้ตัวว่าคิดอย่างไรกับฉัน 
...และเธอพยายามที่จะข่มอารมณ์ตัวเอง 
...แต่จนแล้วจนรอด ยากนัก เธออ่อนแอ อิดออด 
...บ่ายเบี่ยงตัวเองตลอดมา
...พยายามเท่าใด ก็เหมือนยิ่งจะพันลึกไปมากเท่านั้น

...ฉันซึ่งได้แต่เฝ้ามองเธอทรมาณใจ ฉันก็เริ่มที่จะรู้สึกว่า 
...ฉันเอง..ปวดใจไปด้วย 
...และแล้ววันนี้ ฉันก็เพิ่งจะค้นพบสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในใจ
...เช่นกัน ....เธอและฉันคิดอย่างเดียวกัน

...ความปวดใจนี้ได้แต่เฝ้ามอง ซึ่งก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเธอได้ 
...รวมทั้งหัวใจของฉันเองด้วย
...เพิ่งรู้... เธอคือสิ่งที่หายไป เธอเป็นยิ่งกว่าหัวใจ 
...ไม่อาจทนเมื่อไกลกัน
...เพิ่งรู้...เธอคือสิ่งที่หายไป รอคอยเธอด้วยหัวใจ 
...โปรดกลับมารับรู้ใจกัน
...เมื่อไหร่จะได้มาพบ อยากเพียงพบเธอ เพื่อบอกเธอให้รับฟัง 
...เพียงเพื่อที่จะบอกคำนั้นกับเธอ 

...เพิ่งรู้...
...So many words for the broken heart 
...It is hard to see in a crimson love 
...So hard to breathe walk with me, and maybe ...

***********************************************************

  
กับคำถามที่ใจเคยไต่ถาม
กลายเป็นความเร้นลับและสับสน
ใจของฉันกับใจใครบางคน
ไยต้องหม่นทุกทีที่ห่างกัน

ไม่ทันจะเตรียมใจเอาไว้ก่อน
เผลอมองย้อนกลับไปในความฝัน
ความรู้สึกลึกล้ำก่อสัมพันธ์
ผ่านคืนวันแสนหวานสานเยื่อใย

เป็นความรักที่ใจไม่รู้สึก
แต่ฝังลึกจนฉันนั้นหวั่นไหว
ณ วันนี้ที่เผอิญสายเกินไป
เมื่อต้องไกลเกินกว่ากลับมาเคียง

เพิ่งรู้ตัวตอนนี้ตอนที่ช้ำ
ต้องกลืนกล้ำรันทดหมดทางเลี่ยง
เห็นสายตาตัดพ้อจนพอเพียง
ยังบ่ายเบี่ยงพยายามหนีความจริง

อยากย้อนวันเวลาถ้าทำได้
เพื่อบอกให้เธอประจักษ์ว่ารักยิ่ง
กลับไปขอหัวใจไว้พักพิง
ไปแอบอิงไออุ่นหนุนตักเธอ 
				
4 เมษายน 2546 00:25 น.

๏ ๏ ๏ มหามนตรา .. ๏ ๏ ๏

อัลมิตรา



...ทวยเทพสถิตย์ถ้ำ.................สุรกานต์
โปรดเมตตาเป็นพยาน............เนื่องข้าฯ
เราซึ่งแม่ทัพหาญ....................นามหัส-  ดายุนอ
หวังกอบเกียรติเกริกหล้า..........ซึ่งไท้นครินทร์ ๚

...อรินทราชแกล้ว...................เกริกนาม
บังอาจบีฑาหยาม....................พ่อจ้าว
ชิงเศวตฉัตรราม....................ข่มราษฎร์
เกินข่มเคืองใจร้าว..................จี่งร้างแรมเมือง ๚

...ธาราวดิล้ำ............................เลอสวรรค์
องค์ยุวราชกัญญ์......................แน่งน้อย
พลีชีพเผชิญทัณฑ์..................เพียงเพื่อ-  เรานอ
โลหิตนาง ฯ หลั่งย้อย..............จากข้อมืองาม ๚

...หิวโหยโดยสติไร้..................สัมปชัญ-  ญะนา
คงชีพจากเลือดอัน..................เหือดเนื้อ
หลุดบ่วงมัจจุราชพลัน..............หากแม่  ดับเฮย
เสด็จสู่สวรรค์เยื้อ.....................สถิตย์เบื้องเมืองแมน ๚

...เราอาจยังชีพไว้....................ควรฤๅ
วอนเทพธรณีถือ.....................สัตย์ข้า ฯ
แหวนหนึ่งซึ่งควรครือ*............ดัชนีแม่
นพรัตนคุณหม้า*...................ดุจอ้างภักดิ์เสมอ ๚

...ตราบดินตราบฟ้าล่ม............มลายสูรย์ 
ปราศภพปราศธรณีบูร............โลกตั้ง 
จิตภักดิ์จิตเกื้อกูล....................เสมอมั่น 
อุบัติอุทิศรั้ง...........................มาตรใกล้ดวงสมร ๚

...ธำมรงค์จงเพริศแพร้ว...........ผ่านสมัย
ความรักจักอุปไมย..................ดั่งนั้น
ฝากเทพธรณีไผท...................เพ่งทิพย์ - ญาณเทอญ
เราจักคงหมายหมั้น.................หากย้อนปฏิสนธิ์ ๚

...นางใดไป่เทียบด้วย..............ธารา-  วดีเฮย
เราจักมั่นสิเหน่หา....................ห่อนร้าง
ทวยเทพทั่วโลกา.......................ฟังสัตย์  เราเทอญ
อุบัติจักปรารถน์อ้าง...................ชื่นด้วยเยาวมาลย์ ๚

...แผกภพผันโลกแล้ว...............จิตหวัง
หวนครอบครองแหวนดัง............ก่อนครั้น
จิตภักดิจักคงยัง-.......................เคียงคู่-  แม่นา
แหวนมุ่งสวมดัชนีนั้น...............เพริศแพร้วดังเดิม ๚

...อธิษฐานพานอื่นแม้ .................อรชร
ปราศจิตปฏิพัทธ์วอน.................แนบเนื้อ
พระแพงเพื่อนอัปสร..................ไป่เทียบ  อนงค์แม่
จิตมั่นปรารถน์โอบเอื้อ................แต่เจ้าธาราวดี ๚ะ๛ 


				
3 เมษายน 2546 08:54 น.

...แด่เธอผู้เดียวดาย...

อัลมิตรา


......สองบ่าคราพรั่งพร้อม...............สัมภา-  ระเฮย 
ถมทับกับชีวา...............................แบกไว้ 
ท่ามกลางแห่งโลกา........................คราอ่อน-  แรงนอ 
อีกโดดเดี่ยวยากไร้-.......................ปราศผู้เคียงคลอ ฯ 

......เธอคงหวังหนึ่งผู้....................ปลอบโยน-  แม่เอย 
เพียงเพื่อผ่อนพิโลล*.....................ทุกข์ร้อน 
ขมขื่นดื่นพึงโอน..........................สู่มิตร-  สหายนา 
เพียงโอษฐ์เปล่งเสียงซ้อน-............เรียกร้องสรรพนาม ฯ 

......กาลเมื่อจิตเหว่ว้า.....................กังวล 
กาลปัจจุบันดล-............................จิตช้ำ 
คลายหมองหม่นจินต์จล..................สงบนิ่ง  นาแม่ 
ปราศสิ่งสิงจิตย้ำ............................รุ่มร้อนนอนหนาว ฯ 

......คราเมื่อปรารถน์หนึ่งผู้...............ชิดเชย 
เหน็ดเหนื่อยแหนงหน่ายเผย............ผ่อนร้าย 
คืนค่ำพร่ำเพรียกเคย.......................จิตแนบ  อนงค์นา 
ยามเมื่อนุฏนาชคล้าย.......................นิ่มน้องนางวัง ฯ 

......เราคือบุรุษนั้น..........................นวลอนงค์  แม่เอย 
คราเมื่อจิตจำนงค์...........................เนื่องใกล้ 
ขับขานซึ่งนามตรง-........................เพรียกพี่  นาแม่ 
ยามย่ำอาจกล่อมให้.........................โศกร้างสลดเลือน ฯ 

......ผันวารกาลผ่านพ้น....................สบสมัย 
พฤกษ์พืชสลัดใบ............................ร่วงพื้น 
สรรพสิ่งดุจตกไป............................สู่บ่า 
เปรียบทุกข์ทบถมสะอื้น....................ดื่นซ้ำสุมทรวง ฯ 

......คราวเมื่อเจือจิตล้า-....................อ่อนแรง 
คนหนึ่งอาจจำแลง-.........................ฉุดยื้อ 
โอบกอดพลอดพจน์แสดง.................กานท์กล่อม 
มูลเหตุฉะนี้หื้อ*.............................ดุจให้คลายตรม ฯ 

......เพียงเหตุอาเภทร้าย...................เบียดเบียน-  แม่เอย 
นามชื่อวงษ์สกุลเพียร.......................เพรียกพ้อง 
หากหมองหม่นดำเนียร*..................นิจจ์เนื่อง  นวลแม่ 
อาจเอ่ยเผยนามก้อง........................กู่ฟ้าสนั่นภูมิ ฯ 

......ในยามความเหว่ว้า.....................สิงทรวง 
หาใช่อาชญาลวง.............................ลอบย้ำ 
ละขมลดตรมปวง-...........................ห่วงมัด-  จิตนา 
เราต่างยังมากพร้ำ*..........................พรั่งพร้อมกาลเสมอ ฯ 

......ปราศสรรพสิ่งพลั้ง-....................พลาดมหันต์  นาแม่ 
หากพี่จักรับขวัญ.............................ปลอบเจ้า 
เพียงกาลปรารถน์สมานฉันท์.............เสมือนชิด  ชมเฮย 
ยามโศกวิตกเร้า...............................เรียกย้ำนามเผือ ฯ 


....เมื่อยามที่คุณเหว่ว้าอ้างว้าง...โดดเดี่ยวเดียวดาย... 
....สับสน...กังวล...วิตก...ขอให้คุณนึกถึงเพลงนี้...
....และพร้อมกันนั้น...ความหมายที่สื่อสารมาเป็นบทโคลง... 
....อาจทำให้คุณสบายใจขึ้น... 
....และนี่...คุณคงเข้าใจว่าทำไม...จึงมอบเพลงนี้ให้คุณ...
....เพราะเมื่อคุณอ่านทุกถ้อยความ...คุณจะเข้าใจนะ... 
....เข้มแข็ง...แต่ขอให้อ่อนโยนนะคะ...				
1 เมษายน 2546 22:25 น.

ชวนต่อกลอน ..** ...เยื่อใย ...**

อัลมิตรา



(...แอบซบหมอนซ่อนสะอื้นในคืนเหงา 
ป่านนี้เขาเคียงใครอยู่ไหนหนอ 
กี่คืนแล้วกี่คืนเล่าหลงเฝ้ารอ
ใจมันท้อเกินทนแล้วคนดี 

เคยมาหามาเห็นกลับเร้นหาย 
หรือมนต์ขลังรักคลายจึงหน่ายหนี 
อยากทักท้วงทวงถามความปรานี .
เผื่อยังมีเยื่อใยในใจเธอ...)

ภาพความหลังครั้งก่อนอาวรณ์นัก
ดุจจมปลักวังวนจนใจเผลอ 
ผ่านวันเดือนเคลื่อนคล้อยคอยเพียงเธอ
จิตเพรียกเพ้อรำพึงติดตรึงใจ 

ช่างอ้างว้างเหว่ว้าอุราร่ำ  
ยังครวญคร่ำคำนึงถึงคราวใกล้ 
ครั้งเคลียคลอล้อเล่นเป็นสุขใจ
กลับร้างไกลหายหน้าอุราตรม 

สุดจะพร่ำรำพันผ่านบทร้อย-
พันหมื่นถ้อยทบความนิยามขม 
เพียงเศษเสี้ยวโศกเศร้าร้าวระทม
ดุจแรงลมเร่งเร้าให้หนาวทรวง 

น้ำตาหลั่งโรยรินถวิลแท้
ใจพ่ายแพ้พังทลายทุกข์ใหญ่หลวง 
เธอคงชื่นระรื่นอยู่กับคู่ควง 
ลืมถ้อยท่วงสนทนาคราเพรงกาล 

แม้นย้อนความยามก่อนจักวอนว่า
แสนชินชายิ่งนักช่างหักหาญ 
มาบั่นทอนย้อนคำย้ำทรมาน 
จิตนงคราญคงแกร่งเหือดแห้งเกิน

มีดดาบคมโค้งเคียวมาเกี่ยวเนื้อ
ทุกข์ยืดเยื้อเยียวยาบ้างยังผิวเผิน 
แต่พลัดพรากรักพลั้งถูกหมางเมิน
เจ็บเหลือเกินแสนเศร้าสุดหนาวทรวง ฯ 


............................................
............................................
.............................................
.............................................


กำหนดให้สองบทแรกตามนี้ค่ะ ให้ต่อบทถัดไป ไม่จำกัดจำนวนค่ะ
เชิญด้วยนะคะ ..เพื่อนๆ thaipoem ทุกท่าน				
1 เมษายน 2546 00:13 น.

@..รำพันไพร

อัลมิตรา





เสียงจักจั่นลั่นระงมรับลมร้อน
กรีดปีกอ้อนเอื้อนโอยบอกโหยหา
พ้อถึงใครคนหนึ่งซึ่งไกลตา
รู้ไหมว่าคนไพรอาลัยเธอ

เพียงสดับกับเสียงจำเรียงก้อง
ความหม่นหมองจู่จิตให้คิดเผลอ
กราวกังวานขานใจเหมิอนได้เจอ
แท้จริงเพ้อรำพันทุกวันวาร

ในลึกลับซับซ้อนกลางร้อนล่อง
จักจั่นร้องระงมไพรฤทัยซ่าน
เหมือนคมมีดกรีดยับดับดวงมาลย์
คะนึงคราญเคยคลอท้อหัวใจ

ปีกจักจั่นสั่นเสียงเพียงขยับ
ดุจเพลงขับครวญคล้องทำนองไห้
ร้อยระงมตรมตรอมอันห้อมไพร
ดั่งคอยใครคืนรักจักจั่นดง

ปีกเจ้าสั่นหมั่นสร้างพลังเสียง
เราสั่นเรียงกลอนภักดิ์สร้างรักหลง
เคยตรึงตราแต่ไหนในป่าพง
ยังพวงเขียนซ้ำระกำทรวง

โอ้เจ้าเอยเคยช้ำกระหน่ำหรือ
เอกฝีมือจึงร้องทำนองท่วง
เจ้าอ่อนล้าบ้างไหมกรีดใจทวง
คราเป็นห่วงคู่รักที่จากจร

เสียงสั่งพฤกษ์สนั่นไพรกระไรเอ๋ย
รินพังเพยรำพึงถึงสมร
ร่ายรำพันวรรณกรรมย้ำกาพย์กลอน
ยังอาวรณ์อ่อนไหวในกานดา

สำเนียงแผ่วใจเพลียละเหี่ยแล้ว
นานยังแน่ว ณ จิตขนิษฐา
จักจั่นร้องใจร่ำช้ำอุรา
บอกพี่ยาเดียวดายในไพรวัลย์ ฯ

  				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา