31 ตุลาคม 2547 23:22 น.

..๏ ..เพรียกฝันทะยานฟ้า.. ( ๒ )

อัลมิตรา


..๏  เจ้าปีกบางหวังบินตราบสิ้นฟ้า
งามสง่ายามโบกเหนือโลกใหญ่
แม้ลมแรงยังประคองสองปีกไกว
ด้วยแรงใจพร้อมท้าแม้ฟ้าดิน 

เจ้านอนตากเปลวแดดที่แผดร้อน
ความอดทนจึงผ่อนคลายร้อนสิ้น
เหมือนนอนอยู่ใต้คลื่นหมื่นเมฆินทร์ 
ที่องค์อินทร์เสกไว้ให้บังตัว 

เจ้าเจรียงเสียงเร้าเฝ้ารังไม้
รังที่ไร้หลังคากันฟ้ารั่ว
รังที่เป็นห้องนอนและห้องครัว
รังที่เหมือนเขตรั้วกันภัยพาน

เจ้าปีกบางเริ่มกระเถิบเขยิบขา
ในไม่ช้าเทียวรอบขอบรั้วบ้าน
รังเคยใหญ่ไยเล็กยามคืบคลาน
ยิ่งผ่านนานเนิ่นไปคล้ายเล็กลง 

เจ้าเริ่มมีไหมหนามาปกเนื้อ 
เริ่มขยับปีกเพื่อเกื้อแรงส่ง 
ด้วยพากเพียรไป่ท้อรอแรงยง 
เพื่อสู่พงผืนฟ้าชลาลัย 

จนถึงวันวัดใจไปสู่ฝัน
เจ้าหวาดหวั่นว่าจะผินบินรอดไหม
หากพ่ายแพ้ชีวันแค่บรรลัย
แม้นมีชัยได้ฟ้ามาห่มตัว 

สัญชาตญาณปลุกใจให้ลุกตื่น 
แล้วหยัดยืนสงบใจมองไปทั่ว
แม้นมาดมั่นแต่อกสั่นหวั่นระรัว
หากพ้นกลัวตัวก็พ้นจากก้นรัง

กระพือปีกแหงนหน้าสู่ฟ้าฝัน
อัศจรรย์ดั่งเวทมาเสกสั่ง
ปีกกระพือรุดไกลในพลัง
บินผ่านฝั่งเพรียกฝันทะยานฟ้า  ๚ะ๛				
27 ตุลาคม 2547 23:15 น.

..๏ ตัดไฟแต่ต้นลม

อัลมิตรา

 
..๏ สะเก็ดเศษเถ้าถ่าน...........เพียงใด
อาจบังเกิดเป็นไฟ.................เร่าร้อน
เผาผลาญสรรพสิ่งไว.............จนวอด-  วายแฮ
คราเมื่อลมพัดย้อน................ยากให้ดับลง ฯ

..๏ คุกคามลามรุกไหม้...........เป็นจุณ
ความเมตตาการุญ.................หมดสิ้น
คงมีแต่เฉียวฉุน....................โชติช่วง
ปวดแสบแปลบแดดิ้น.............หากใกล้เปลวเพลิง ฯ

..๏ พึงตัดไฟแต่ต้น-...............ลมแรง
จึงดับความกำแหง..................ฮึกห้าว
หากปล่อยอาจสำแดง..............อิทธิฤทธิ์
จักลุกลามกร้าวร้าว..................อย่าได้วางใจ ฯ

..๏ น้ำน้อยอาจแพ้พ่าย............อัคนี
ควรใคร่ครวญจงดี...................อย่าพลั้ง	
มวลสาเหตุอาจมี.....................สิ่งแอบ-  แฝงนา
ธรรมชาติฤๅจัดตั้ง...................ที่แท้เป็นไฉน  ? ฯ

..๏ สะเก็ดเศษถ่านเถ้า..............อาจสุมเข้าเป็นเปลวไฟ
เร่าร้อนรุนแรงไป.....................เผาผลาญให้วอดวายพลัน
สรรพสิ่งจักพินาศ.....................เพลิงเกรี้ยวกราดลุกโรมรัน
คราลมโหมพัดครัน..................อัคคีนั้นยากดับลง ฯ

..๏ คุกคามลามรุกไหม้..............เพียงอึดใจเป็นผุยผง
เมตตาปรานีคง-.......................เกินประสงค์ในอัคคี
มีแต่ความกราดเกรี้ยว...............อีกฉุนเฉียวอวดฤทธี
ปวดแสบแปลบทันที.................หากกายนี้อยู่ใกล้ไฟ ฯ

..๏ ตัดไฟแต่ต้นลม...................จักเหมาะสมในทันใด
กำแหงรุนแรงไป........................อย่าปล่อยให้จนลุกลาม
หากพลาดอาจตรอมตรม.............ไฟต้องลมโหมคุกคาม
กร้าวร้าวจนครั่นคร้าม.................รีบปราบปรามอย่างวางเฉย ฯ

..๏ น้ำน้อยอาจแพ้ไฟ.................อย่าวางใจจนเกินเลย
พลาดพลั้งยังเฉยเมย...................อาจลงเอยด้วยโศกา
สาเหตุเลศนัยมี..........................ใคร่ครวญทีอาจพบพา
อัคคีมีฤทธา...............................เป็นไฟป่าหรือวางเพลิง ๚ะ๛

				
27 ตุลาคม 2547 13:08 น.

..๏ ขบถความคิด

อัลมิตรา


..๏ ความขัดแย้งเกิดจากฐานของการคิด
ถูกหรือผิดถกกันได้ใช่ประหาร
ต่างชีวิตกำเนิดใครในสันดาน
อย่าเพิ่งพาลผู้อื่นถ่อยด้อยกว่าตน

เพราะไม่มีผู้รู้รอบทั่วขอบฟ้า
อย่าอหังการอวดตัวเก่งทำเบ่งขน
เดินคอเชิดแขนขากางกร่างเหลือทน
ช่างแปลกคนนี่หรือปราชญ์อนาถจริง ! 

ซุกกะลาแต่กล่าวเกริ่นเพลิดเพลินโอ่
 กูคนโก้  จะอยู่ไหนแสนใหญ่ยิ่ง
มิเจียมตัวมิเจียมใจใครท้วงติง
ทุกทุกสิ่งมันมืดบอดเสือกสอดรู้

จะเป็นเด็กที่มิสิ้นกลิ่นนมบูด
สักแต่พูดให้เขาหยามลามหนวกหู
ฤๅผู้ใหญ่อวดศักดาอัตตากู
น่าอดสูล้วนคนทรามยามหมิ่นกัน ๚ะ๛				
18 ตุลาคม 2547 14:10 น.

..๏ ใครสร้าง

อัลมิตรา



..๏ เพราะเหตุใดท้องฟ้าจึงปรากฏ
ราชรถสุริยาคราเคลื่อนเห็น
อีกโคมทองแสนงามยามคืนเพ็ญ
ดาริกาสกาวเด่นเป็นประกาย

ทั้งต้นไม้โยกไหวกิ่งใบแกว่ง
ภูเขาแกร่งสง่าองค์มั่นคงหมาย
คลื่นทะเลโถมกระหน่ำย้ำรอยทราย
หมอกเรียงรายลอยละลิ่วดุจปลิวลม

ช่างวิจิตรตระการตาคราเทียบคิด
ผู้ทรงฤทธิ์องค์ใดยิ่งใหญ่สม
เนรมิตรทุกสิ่งไว้ให้เราชม
ล้วนรื่นรมย์เหลือเกินจำเริญมอง

ฝากคำกลอนเกริ่นไว้ใครใคร่ตอบ
ปุจฉามอบแด่มิตรหวังจิตสนอง
หลักแห่งธรรมล้ำค่าน่าตรึกตรอง
สื่อความพ้องวิสัชนามาตอบนัย ๚ะ๛				
13 ตุลาคม 2547 17:01 น.

..๏ โศกนาฏกรรมรำลึก…๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖…

อัลมิตรา


๑.
..๏ เผด็จการอำนาจบ้า...............ครองไทย
หมายคุกคามตามใจ-.................ชั่วช้า
กำหนดกฎเกณฑ์ใด...................บังคับ  ฉะนั้นนอ
ยึดหลักพรรคพวกข้า..................เท่านั้นจึงเจริญ ฯ

๒.
..๏ มวลชนยืนหยัดสู้...................รัฐบาล
เสรีภาพอุดมการณ์......................เรียกร้อง
รวมจิตสมัครสมาน.....................เป็นหนึ่ง
ทวงสิทธิ์ดังกึกก้อง......................เพื่อได้อธิปไตย ฯ

๓.
..๏ ตีนเปล่ายังกล้าแกร่ง...............เดินตรง
ดวงจิตเปี่ยมทระนง.....................รับรู้
มีมือเปล่ามั่นคง...........................ประสานแน่น
ยืนหยัดหมายต่อสู้......................ไล่ล้างทุรชน ฯ

๔.
..๏ สดับเสียงดังกึกก้อง.................ปฐพี
มวลเผด็จการบัดสี.......................โอ่อ้าง
ถืออาวุธมากมี.............................หมายข่ม-  ขวัญเฮย
อำนาจรัฐมุ่งมล้าง.........................เหล่าผู้วีรชน ฯ

๕.
..๏  เอาเหวยมวลหน่วยกล้า...ทหารหาญ
จงจับมันประจาน.................ทั่วหน้า
ใครยังขัดขืนการ..................ครองรัฐ
อวดเก่งคิดขวางข้า................เร่งเข้าควบคุม  ฯ

๖.
..๏  การใดควรปิดกั้น...........มหาชน  ได้นอ
จงปิดหูตาคน.......................ใคร่รู้
หากใครก่อจลาจล..................เหตุวุ่น-  วายนา
ใครอาจหาญหมายสู้...............อย่าให้ลอยนวล   ฯ

๗.
..๏  เล็งปืนยิงกราดให้...........มันกลัว
จงเร่งมือมัดตัว-.....................ต่อต้าน
คนใดถูกหมายหัว..................ยิงดับ  เลยเวย
คิดปกครองชาวบ้าน...............เลี่ยงใช้เหตุผล  ฯ

๘.
..๏  เชือดไก่หมายให้เหล่า-.....ลิงกลัว
จงควบคุมกุมตัว-....................คัดค้าน
ใครเก่งเร่งกุดหัว....................มันก่อน
คิดเขย่าขวัญชาวบ้าน..............เช่นนี้ดีแล  ฯ

๙.
..๏ ปลายปืนเล็งร่างผู้-................วีรชน
หมายปลิดชีพจวบจน.................ด่าวดิ้น
ลูกปืนเยี่ยงห่าฝน.......................ยิงใส่
ภาพสลดปรากฏสิ้น....................ช่างไร้คุณธรรม ฯ

๑๐.
..๏ ไฟเผาเผาร่างไหม้................เป็นจุณ
ปืนจ่อจ่อหัวหมุน.......................เหยียบซ้ำ
มือมีดมีดแทงพรุน......................กรีดร่าง-  กายแฮ
ปากพร่ำพร่ำคำย้ำ......................เรียกร้องเสรี-  ภาพเอย ฯ

๑๑.
..๏ กี่ชนกี่ชีพสิ้น........................สาบสูญ
กี่จิตกี่ใจมูน...............................มอดไหม้
กี่คำกี่ความพูน...........................เพรียกแผ่ว
กี่ซากกี่ศพไร้-............................ร่ำร้องแลลืม  ฯ

๑๒.
..๏ มวลชนยังเรียกร้อง................อธิปไตย
กรรมสิทธิ์ความเป็นไท................อย่าสิ้น
สูญเสียเลือดหลั่งไหล...................สละชีพ
ล้มเจ็บฤๅดับดิ้น..........................เหตุนี้จดจำ ฯ

๑๓.
..๏ สดุดีการร่วมสร้าง...................วีรกรรม
ทวงสิทธิ์ความชอบธรรม..............เช่นนั้น
เหตุการณ์เก่ายังรำ-......................ลึกอยู่  เสมอนา
สรรพสิ่งมิอาจกั้น.........................พี่น้องวีรชน* ฯ

๑๔.
..๏ หากสยามหมายอยู่ยั้ง..............ยืนยง
เรายิ่งควรดำรง.............................ชาติไว้
ประชาธิปไตยจง..........................เจริญยิ่ง
อย่าปล่อยคนชั่วให้.......................กัดบ้านกลืนเมือง ๚ะ๛
				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
มาอีกรอบนะ พยายามจะเขียนกลอนที่นี่ แต่ยังใช้ไม่เป็น เห็นกลอนขุดบ่อล่อปลาแล้วคิดถึงอิม คิดถึงเรื่องเก่า ๆ จะสิบปีแล้วสินะที่เริ่มเขียนกลอนได้ เหมือนกลอนที่เคยอ่านหรือเขียนขึ้นใหม่นะ
คิดถึงจังอิม สบายดีหรือเปล่า