19 ตุลาคม 2547 14:12 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 5

เก่งกาจ

ตอนที่ 5
	เดี๋ยวก็รู้ แต่ว่าตอนนี้หลับตาก่อนได้ไหม
	หลับตาทำไมหญิงสาวเสียงสูงนิดหนึ่ง ไม่ยอมทำตา มองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
	ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก หลับตาสิชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มรอให้หญิงสาวทำตาม หญิงสาวได้แต่ทำตามอย่างเสียไม่ได้ จินเซเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็พาหญิงสาวเดินไปที่หนึ่ง 
		เยียร์ร่าห์รู้สึกตนเองอยู่บนหญ้าที่ที่หนึ่ง ในใจก็ลุ้นระทึกว่าเขาจะพาไปที่แห่งใด ไม่นานเขาก็พาเธอมาหยุดอยู่ที่หนึ่ง
	อย่าพึ่งลืมตานะ ชายหนุ่มร้องขึ้นเมื่อเห็นเธอจะลืมตา พร้อมรีบบอกว่า
	ฉันอยากให้เธอมาเล่นเกมส์กับฉันนะ
	เล่นอะไรของเธอ จินเซหญิงสาวบ่นออกมา แต่ชายหนุ่มไม่สนใจกลับพูดว่า
	ฉันจะไปยืนอยู่ที่หนึ่ง แล้วให้เธอมาหาฉันให้ได้ทั้งที่ยังหลับตาชายหนุ่มบอกกติกา
	แล้วฉันจะเดินไปหาเธอถูกได้อย่างไรหญิงสาวโอดครวญ แต่ก็ยอมเล่น 
		ชายหนุ่มรีบกระซิบบอกเธอที่ข้างหูว่า
	ก็เดินไปตามเสียงหัวใจของเธอบอกสิ หัวใจของเธออยากบอกอะไรฉันก็เดินไปตามนั้นหญิงสาวรู้สึกขนลุกเมื่อชายหนุ่มมากระซิบใกล้ หู เขารู้หรือว่าเธอรู้สึกอย่างไร 
 เธอไม่อยากเล่นเลย จึงบอกเขาไป
	ฉันไม่เล่นได้ไหม
	ไม่ได้ ถ้าเธอไม่ยอมเล่น ฉันก็ไม่ยอมไปส่งเธอที่บ้านชายหนุ่มมัดมือชก หญิงสาวได้แต่จำยอมอย่างเสียมิได้ นี่เราต้องเดินไปตามทางนั้นจริง ๆนะหรือ 
		จินเซไม่รอฟังคำตอบวิ่งไปรอหญิงสาวที่ปลายทาง หญิงสาวเริ่มเดิน รู้สึกว่าข้าง ทางจะมีไม้กั้นสูงประมาณข้อเท้าของเธอ หากเดินไปอีกนิดต้องสะดุดล้มแน่
 เธอต้องเดินตรงไป ตรงไปเรื่อย  คำคำนั้น ถ้าไม้สลักเป็นคำ เธอจะรู้ทันทีว่าเธอควรเลี่ยงไปทางไหน เธอเดินขึ้นไปตามไม้ แล้วเดินลงมาอีกครั้ง ไม่นานเธอก็เลี้ยวซ้าย
	 	คำนั้นต้องเป็นคำนั้นเป็นแน่ สามคำนั้นใช่ไหม จากนั้นเธอก็เริ่มเดินวนเป็นรูปวงกลมรอบหนึ่ง ตัวนี้ยิ่งแน่ใจมากขึ้นหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าเขารู้ความในใจ
และแล้วเธอก็เดินมาถึงตัวสุดท้ายเธอเดินไปเป็นรูปครึ่งวงกลมยาว ๆ อย่าง ช้า ๆก็คลำทางไปเรื่อย รู้สึกมีมือใครคนหนึ่งจับไว้ เธอรู้ดีว่ามือนี้เป็นของใคร เป็นคนที่เธอพึ่งสารภาพบางคำไปกับเขา
		เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า  ๆด้วยหัวใจที่หวั่นไหว รู้สึกว่ามันเต้นแปลก เธอหายใจขาดเป็นห้วง ๆรู้สึกเลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง นี่ใช่ไหมคืออาการของคนที่กำลังรักใครสักคน
จินเซจะเป็นอย่างเธอบ้างไหม เขาหลอกให้เธอพูดแล้วเขาละจะยอมพูดสามคำนั้นกับเธอหรือเปล่า
		ทันที่ที่เธอลืมตา เธอก็เห็นเขายิ้มมาให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นแปลกไปกว่าทุกวันตรงที่ มันเป็นรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี ในหัวใจ
	ดีจังเลย เธอเดินมาฉันโดยไม่สะดุดล้มสักนิดเขากล่าวพร้อมมือทั้งสองข้างที่ยังกุมมือเธอไว้อย่างไม่ยอมให้จากไปไหน
		ชายหนุ่มอยากบอกหญิงสาวบ้างหากแต่ไม่ต้องการพูดแต่อยากให้เธอรู้สึกและสัมผัสได้ว่าใจเขารู้สึกเช่นไร
		เขานำมือของเธอที่อยู่ในการกุมของเขาแล้วนำมาทาบที่หน้าอก พร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า
	เธอได้ยินที่มันบอกใช่ไหม
		หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้าช้า ๆ จากนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีไฟสว่างมาจากทางเบื้องหลัง
		เมื่อหันไปก็พบคำคำนั้นที่เธอพึ่งเดินผ่านมา มันมีข้อความว่า
	I LOVE YOUหญิงสาวหันกลับมายิ้มให้เขาอีกครั้งพลางโผกอดเขาด้วยหัวใจที่สุขล้นอย่างบอกไม่ถูก
		ทั้งสองไม่พูดอะไรเลย แต่สัมผัสที่ทั้งสอดโอบกอดกัน ก็รับรู้ถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันได้โดยไม่ต้องพูดสักคำ
		

		ทางด้านชิเน่เธอก็ไปพบแพทย์ตามที่นัดไว้ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลไปเธอก็รู้ว่าโลกทั้งโลกเหมือนมาถล่มทลายอยู่หน้าเธอ 
	มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือคะหญิงสาวผงะ ทำอะไรไม่ถูกกับชะตาชีวิตที่เกิดขึ้น 
	มีทางรักษาใช่ไหมครับพ่อของชิเน่ถามอย่างกลัวคำตอบนัยน์ตามองไปที่คุณหมอเหมือนขอความหวัง
	หมอทำท่าหนักใจ และทำท่าคิดก่อนเหมือนหาคำพูดมาพูดให้ผู้ป่วยสบายใจ 
	แม้ผ่าตัดรักษา เปอร์เซนต์รอดไม่ถึงห้าสิบแพทย์หนุ่มผู้นั้น พูดช้า ๆแต่ชัดเจน ยังไม่ทันที่จะพูดต่อ แม่ของเธอตกใจเอามือปิดปากไว้ น้ำตาเริ่มไหลพยายามควบคุมสติอารมณ์
 ชิเน่รู้ดีว่าแม่ไม่อยากให้เธอตกใจ
  	ชิเน่น้ำตาไหลริน มันคงเป็นวันที่ร้ายที่สุดสำหรับเธอ เธอหลับตาเหมือนอยากจะให้เพียงความฝัน แต่ลืมตาขึ้นมันก็เป็นจริงจนเธอปฏิเสธไม่ได้
	ไม่.. ไม่มีทางเลยหรือครับคุณหมอพ่อของชิเน่เสียงสั่น พยายามหาทางช่วยชีวิตลูกสาวคนเดียวจนถึงที่สุด แม่เธอยังคงสะอื้นไห้ไม่เลิก เธอกอดลูกสาวไว้แน่น 
จะปลอบแต่หาคำพูดไม่ได้ชิเน่เองก็ได้แต่ตะลึง
	อย่างมากที่สุด ยื้อชีวิตหกเดือนยิ่งฟังคำหมอชิเน่ก็น้ำตาไหลริน ไม่พูดสักคำสมองอื้อทำอะไรไม่ถูก แม่เธอส่ายหน้ากับคำตอบที่หมอมีให้
	ไม่นะคะ คุณหมออย่าบอกว่าไม่มีทางช่วยลูกสาวฉัน คุณต้องหาทางช่วยลูกฉันสิคะ ได้โปรด ได้โปรดอย่าบอกดิฉันว่าหมดหวังแม่ของชิเน่สะอื้นไห้ ด้วยหัวใจแหลกสลายมือยังคงโอบกอดลูกสาวไว้แน่นที่ตอนนี้นิ่งไม่ยอมพูดสิ่งใด 
		ชิเน่นั่งคิดด้วยหัวใจที่แหลกสลาย นี่เราจะเหลือเวลาไม่นานแล้วหรือ ฉันจะไปจากโลกนี้ทั้งที่หกเดือนข้างหน้าจะไปตามฝันที่ตั้งไว้ ยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่ได้ทำเลย 
ทำไมเบื้องบนถึ งรีบพรากชีวิตของเธอไปละ เธอทำอะไรผิดกันนัก ทำไมถึงต้องพรากชีวิตของเธอไปจากคนที่เธอรัก
	หน้าที่ของหมอยังไง ก็ต้องหาทางช่วยเธอให้ถึงที่สุดหมอบอก หน้าก็เสียเช่นกันแต่เขาก็ได้แต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
		เมื่อถึงบ้านชิเน่เก็บตัวอยู่ในห้อง เธอเดินตรงไปยังถ้วยรางวัลทีเธอได้มาสามเดือนที่แล้วอย่างอาลัย มองมันแล้วยิ้มทั้งน้ำตา จากนั้นก็อุ้มมันไว้แล้วไปนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
	ชิเน่ไปนอนเสียเถิดดึกมากแล้วแม่พยามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เธอรู้ว่ามันสั่นเครือ เธอส่ายหน้า ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา แต่ก็ยังหันมาพูดกับแม่แล้วยิ้มว่า
	หนูยังไม่อยากนอนเลยคะ แม่ก็รู้ว่าหนูเหลือเวลาไม่มากเธอทำท่าจะพูดต่อแต่แม่ของเธอเอามือปิดปากไว้โดยเร็วไม่ฟังที่ลูก  ส่ายหน้าปฏิเสธความจริงแล้วพูดวา
	ไม่ชิเน่ อย่า..แม่ของชิเน่หยุดพูด พร้อมหายใจเข้า พยายามกลั้นไม่ให้สะอื้นไห้จนลูกเสียขวัญ
	อย่าพูดให้แม่ใจเสีย ชิเน่แม่ชิเน่เรียกชื่อลูกเสียงสะอื้นประโยคสุดท้าย
	ชิเน่ของแม่ต้องอยู่เต้นรำให้แม่ดูอีกนาน นานจนลูกห้องนี้ไม่รู้จะเก็บถ้วยรางวัลอของลูกไว้ที่ไหนแม่เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมลูบใบหน้าบุตรสาวอย่างรักใคร่ 
สงสารลูกจับใจ จากนั้นก็กอดเธอแน่นเหมือนหวงแหนของรัก ไม่อยากให้จากไปไหน   พยายามจะปลอบโยนบุตรสาวหากแต่ก็สะกดกลั้นความเศร้าโศกไม่ได้ จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น
	อย่าไปฟังที่คุณหมอเค้าพูด เรายังมี แม่ชิเน่หายใจเข้าด้วยแรงสะอื้น หากแต่ก็พยายามพูดประโยคต่อไปอย่างยากเย็น ยังมีความหวัง ยังมีหวัง
สิ้นประโยคแม่ชิเน่ก็สะอื้นไห้ออกมาอย่างปวดร้าวกับความจริงที่ต้องเผชิญ ความตายเป็นสิ่งที่ลูกของเธอไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ไม่สิพวกเธอยังมีหวัง แม้มันจะริบหรี่แต่เธอจะไม่หมดหวัง 
		แต่ชิเน่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ และเธอก็รู้ว่าแม่ก็รู้เช่นกันจึงสะอื้นไห้ออกมาอีกโดยควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
	คุณแม่คะอย่า อย่าร้องไห้สิคะชิเน่กล่าวพลางเอามือเบาบาง และนุ่มนวลของซับน้ำตาให้ผู้เป็นมารดา ที่ตอนนี้ไม่กล้าสบตาผู้เป็นบุตรสาวเพราะกลัวจะปล่อยโฮมาอีก
	คุณแม่คะ ไม่มีใครโกหกเราหรอกนะคะชิเน่พูดไปน้ำตาก็ไหลรินไป แต่แววตาที่มองผู้เป็นแม่พยายามปลอบโยนทั้งที่ตนเองก็เจ็บปวดกับความจริงที่ได้รับรู้
	เพราะงั้น เราอย่าโกหกตัวเองอีกเลยชิเน่กล่าวประโยคนั้นจบก็ยิ้มให้ผู้เป็นมารดา หากแต่นัยน์ตายังคงเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น หากแต่ก็พยายามพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงอันสดใสว่า
	เราหยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดคะคุณแม่ เวลาทุกนาทีของเราต่อจากนี้มันมีค่า ทำไมเราต้องไปเสียเวลาให้กับความโศกเศร้าเสียใจจากนั้นเธอก็เอามือลูบใบหน้าเพื่อเช็ดคราบน้ำตา
		 แม่เธอก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์หันมามองลูกสาวพลางยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็น
	คุณแม่ยังจำวันที่หนูประกวดได้ไหมคะชิเน่กล่าวกลับมารดา พร้อมหยิบถ้วยรางวัลของเธอขึ้นมองดูผู้เป็นมารดากับมันสลับกันไป
	ขณะที่หนูรับถ้วยรางวัล ในใจหนูรู้สึกขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้กำเนิดหนู เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือประโยคเล็กน้อยแต่พยายามควบคุม พร้อมยิ้มให้กับมารดาทั้งน้ำตา
แล้วกล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
	ได้มอบร่างกายให้กับหนู  เพื่อที่ได้ทำในสิ่งที่หนูรัก เพราะงั้นหนูไม่ต้องการพรวิเศษอันใดอีกแล้ว เพราะพรวิเศษที่สุดสำหรับชีวิตหนู คือการได้เป็นลูกของพ่อและแม่เธอกล่าวพร้อมยิ้มแม่ของเธอโผเข้ากอดเธอตัวสั่นเทาตามแรงสะอื้น ทั้งสองไม่รู้ว่านายแตซูผู้เป็นบิดาได้แต่ยืนดูอยู่อย่างไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวสะกดกลั้นความเสียใจไว้ไม่ได้นั่นเอง
		จากนั้นชิเน่ก็ผละจากผู้เป็นมารดา พร้อมมองไปที่มารดา ซึ่งยังคงมองไปที่มือทั้งสองไม่ยอมสบตาเธอ เช่นเคย
	คุณแม่คะ มองหน้าลูกสิคะหญิงสาวอ้อนวอนผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงสดใส แต่มันมีกังวานแห่งความเศร้าโศกยิ่งนัก
	ผู้เป็นมารดาค่อย ๆเงยหน้ามาสบตาผู้เป็นบุตรสาว ใบหน้าสั่นเทาไปที่จากแรงสะอื้นไห้ เธอไม่อาจกล่าวสิ่งใดกับผู้เป็นลูกได้เลยในขณะนี้
	คุณแม่รักหนูมากไหมคะชิเน่เอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงพยายามทำให้สดใส แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าทำไม่ได้
	ทำไมถึงถามอย่างนั้นละลูกเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนพูดประโยคต่อไปพร้อมกับพูดประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
	แม่รักลูก และลูกก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของแม่แม่ของชิเน่เอ่ยจบก็เอามือปิดปากตนเองเหมือนจะพยายามปิดบังความเศร้าหมองในจิตใจ บัดนี้เธอไม่อาจสะกดกลั้นความหวั่นใจใด ๆได้อีกแล้ว
	ยิ่งพอได้ยินเสียงอันอ่อนหวานเรียกเธอให้หันมามองหน้า ก็ยิ่งสะท้อนใจยิ่งนัก
	คุณแม่คะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอให้รู้ว่าหนูไม่ได้จากคุณแม่ไปไหนไกล หนูยังอยู่กับคุณแม่เสมอตรงนี้แล้วเธอก็ชี้ไปที่หัวใจของตน
	คุณแม่อย่าร้องไห้ให้นะคะ เพราะเราไม่ได้พรัดพรากจากกันไปไหน แม่ของเธอยิ่งได้ฟังก็ยิ่งสะอื้นไห้
	เมื่อใดที่คุณแม่คิดถึงหนู เพียงคุณแม่หลับตาลง ลูกก็จะมาอยู่ข้าง ๆคุณแม่เหมือนอย่างเคยเท่านั้นเองแม่ของชิเน่โผกอดชิเน่ด้วยใจที่หวาดหวั่น เพราะไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย
	

		วันต่อมาอาจารย์ก็นัดนักศึกษาคณะศิลปกรรมมาซ้อมเต้นรำที่ห้องเช่นเคย หากแต่ชิเน่ก็มิได้จับคู่กับเยียร์ร่าห์จนเพื่อนในกลุ่มอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเยียร์ร่าห์
	ชิเน่ไม่ยอมจับคู่เต้นรำกับเยียร์ร่าห์เหมือนเคย
	ชิเน่ ทำไมวันนี้เธอไม่เต้นคู่กับเยียร์ร่าห์หรือเพื่อนคนหนึ่งถาม ชิน่ายิ้มเอื่อย ๆให้เพื่อนคนนั้น พร้อมบอกเธอว่า 
	วันนี้ฉันอยากเปลี่ยนคู่บ้างนะแล้วเธอก็หันมามองเยียร์ร่าห์ที่มองเธอด้วยแววตาสังหรณ์ใจว่าเธอต้องรู้ความจริง เพื่อนหันมามองเธอเหมือนขอความเห็น
		ชิเน่หันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนมองเพื่อนคนนั้นเหมือนไม่สนใจคำพูดเธอว่าเธอจะตอบอย่างไร
		เยียร์ร่าห์เห็นอย่างนั้นจึงฝืนยิ้มแล้วบอกเพื่อนคนนั้นว่า 
	ก็แล้วแต่ชิเน่เถิดจากนั้นทั้งหมดก็เต้นรำตามคู่ของตนเอง โดยเยียร์ร่าห์ไปจับคู่กับคนอื่น  ตลอดเวลาที่ซ้อมเต้นเยียร์ร่าห์เฝ้ามองไปที่ชิเน่ แต่ชิเน่ไม่ได้หันมามองทางเธอ เธอรู้สึกว่าชิเน่เงียบไป 
ผิดกับปกติกว่าทุกวันที่เจอหน้ากันต้องทักทาย แล้วเล่าเรื่องต่าง ๆ แต่วันนี้มันผิดสังเกต หรือว่าชิเน่จะรู้ความจริงระหว่างเธอและจินเซ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นชิเน่ต้องแสดงความรู้สึกตั้งแต่เมื่อวานแล้วสิ
		เธอได้แต่ปลอบใจตนเองว่ามันคงไม่มีอะไร แต่ก็อดหวั่นใจ แล้วสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
		ด้านชิเน่พอเต้นไม่นานเธอก็รู้สึกตาลาย หายใจไม่ทั่วท้อง หน้าชา เธอรู้แต่ว่าเวลาของเธอเหลือไม่มากแต่ไม่คิดว่ามันจะแสดงอาการเร็วขนาดนี้ เธอได้แต่ฝืนเต้นไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอป่วย 
แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งยากเย็น และแล้วเธอก็ล้มลงไป 
		เธอเอามือกุมขมับเหมือนจะบรรเทาอาการปวดอันรุนแรงนั้น เพื่อน ๆเห็นดังนั้นก็ตกใจมาก โดยเฉพาะเยียร์ร่าห์เธอวิ่งมาทางชิเน่ 
	ชิเน่เธอเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเยียร์ร่าหถามพลางจะเอามือแตะหน้าผาก หากแต่ชิเน่ก็สะบัดมือเธอไปพร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่เหินห่างว่า
	ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเยียร์ร่าห์ผงะทันทีที่เพื่อนพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร อาจารย์ก็ให้พาชิเน่ไปที่ห้องพยาบาล เยียร์ร่าห์จะเข้าไปประคอง เธอก็ได้รับคำพูดเช่นเดิมจากชิเน่
	บอกว่าอย่ามายุ่งไงชิเน่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนขึ้นหากยังเหินห่างกับเธอเช่นเคย แต่ตอนนี้เยียร์ราห์ไม่ยอมเธอเข้าไปประคองเพื่อน พร้อมเสียงดังขึ้นอย่างจริงจังว่า
	เธอจะโกรธฉัน ก็ขอให้โกรธฉันหลังจากพาเธอไปห้องพยาบาลก่อนได้ไหมจากนั้นเยียร์ร่าห์ก็ไม่ฟังคำทัดทานเพื่อนยังคงพาไปที่ห้องพยาบาลโดยอาจารย์และเพื่อน 
ในตอนนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยชิเน่จนไม่ทันสังเกตว่าทั้งชิเน่และเยียร์ร่าห์มีเรื่องกัน
		ไม่นานเยียร์ร่าห์ก็พยุงพาชิเน่มาที่ห้องพยาบาล โดยทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ชิเน่เมินหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากเห็นหน้าเยียร์ร่าห์
		เยียร์ร่าห์เห็นเพื่อนของเธอหน้าซีดมากขึ้น เธอจึงหยิบยาดมแล้วส่งให้ชิเน่ ชิเน่มองมันแล้วมองมาที่เธออย่างเย็นชาเช่นเคยก่อนหยิบมันมา พร้อมกำไว้แน่น 
ก่อนที่จะโยนมันทิ้งไปแล้วหันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
		เยียร์ร่าห์เห็นดังนั้นเธอทั้งตกใจและแปลกใจที่เพื่อนทำอย่างนั้น
	ทำไมถึงโยนมันทิ้งละชิเน่เยียร์ร่าห์เอ่ยอย่างแผ่วเบาด้วยความเสียใจ
		ชิเน่ยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ที่เธอรู้ว่ามันเต็มไปด้วยความประชดประชัน
	คนโกหกหลอกลวงอย่างเธอ เป็นห่วงฉันด้วยหรือ				
19 ตุลาคม 2547 14:01 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 4(เป็นคุณคุณจะตัดสินใจอย่างเธอไหม วิจารณ์ได้นะ)

เก่งกาจ

ตอนที่ 4
		หลังจากทั้งคู่คุยกันพักหนึ่งก็แยกย้ายกันกลับ ทั้งสามกล่าวลาแล้วแยกไปอีกทาง โดยจินเซไปส่งชิเน่
เยียร์ร่าห์ยังไม่อยากกลับบ้านเธอจึงไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะที่ครั้งหนึ่งเธอไปเดินปล่อยอารมณ์วันที่เธอตัดสินใจสละสิทธิ์เต้นรำในวันนั้น
	แล้วเธอก็ทำไม่ได้อยู่ดี ทำไม่ได้ที่จะไม่ยอมเสียสละความสุขของตนเองเพื่อชิเน่ จะทำลงได้อย่างไรก็ชิเน่เป็นเพื่อนที่เธอรักที่สุด
	
		เธอนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะจนค่ำ แต่ไม่คิดจะลุกไปไหน เธอรู้อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ แต่ถาหากเขาอยู่กับเธอในตอนนี้ก็คงจะดี
	หลับตาสิ ถ้าลืมตาเธอก็คงเห็นเขา แต่เขาไปกับชิเน่นี่ พรวิเศษใด ๆก็คงไม่ส่งเขามาให้เธอในยามนี้ ยามที่เธอหดหู่ในการตัดสินใจของเธออีกครั้ง 
	นี่เธอเป็นเพื่อนที่ดีจริงหรือเปล่า ทำไมตัดสินใจทำเพื่อความสุขของเพื่อน ควรจะยินดี แต่ทำไมถึงมานั่งเศร้าที่นี่
		เธอหลับตาลงอย่างอยากลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นรวมทั้งเรื่องวันนั้น วันที่เธอสละสิทธิ์
		ถ้าฉันลืมตาฉันจะเจอเขาไหมน้า ในใจบัดนี้เต็มไปด้วยใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ฝนเริ่มจะโปรยลงมาแต่เยียร์ร่าห์ยังไม่อยากลืมตา 
	เพราะกลัวที่จะลืมมาแล้วไม่เจอใคร มันคงรู้สึกแย่ 
		สักครู่ได้ไหมรอให้เธอทำใจได้ก่อน ไม่นานนักหรอก
		เมื่อฝนเริ่มร่วงโรยลงมา เยียร์ร่าห์รู้สึกได้เมื่อมันร่วงลงมาสัมผัสใบหน้าเธอ แต่ไม่นานฝนก็เหมือนหยุดตก หรือว่า เธอลืมตาขึ้นอย่างยินดี แล้วเธอก็ได้พบกับคนที่เธอต้องการจริง ๆ
		แต่ในยามนี้เขาไม่ยิ้มให้เธอเช่นเคย สายตาบ่งบอกถึงความเสียใจ และน้อยใจเธอ แต่เขาก็ยังมาเคียงข้างเธอในยามนี้
	ทำไม เธอไม่อยากเป็นคู่เต้นรำของฉันหรือชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าทั้งแววตา หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา 
	ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีของชิเน่จริง ๆหรือเปล่า ทั้ง ๆที่ตัดสินใจไปแล้ว กลับมานั่งเสียใจอย่างนี้ มันหมายความว่ายังไงหญิงสาวกล่าวเสียงสั่นน้ำตาไหลริน
อยากให้เขาเข้าใจเธอเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าเขาไม่สำคัญ แต่เธอไม่สามารถทำให้ชิเน่เพื่อนรักเสียใจได้
	เธอเป็นเพื่อนที่แย่ที่สุดสำหรับฉันเสมอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉันเลย แม้ฉันจะยิ้มให้เธอ แต่หัวใจของฉันเจ็บปวด เธอก็ไม่เคยรู้เลยใช่ไหม
ชายหนุ่มกล่าวพลางมองไปที่เธอด้วยสายตาบ่งบอกความเจ็บปวดที่ออกมาจากหัวใจ
	น้ำตาหญิงสาวได้แต่ไหลริน พร้อมคำขอโทษที่มีให้เขาในหัวใจร้อยล้านคำ แต่เธอพูดมันไม่ออกมาแม้แต่คำเดียว ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันเนิ่นนานอยู่อย่างนั้นโดยไม่กล่าวสิ่งใด
		วันต่อมาชิเน่ต้องไปซ้อมกับจินเซ โดยมีเยียร์ร่าห์ตามไปเป็นเพื่อน ในขณะที่ชิเน่ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อ  ในขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ชิเน่ก็รู้สึกมีของเหลวไหลมาที่ปลายจมูกเธอเอามืบลูบมัน
 เมื่อเห็นว่าเป็นเลือดมือไม้เธอสั่น ไปหมด ด้วยความกลัว นี่เธอเป็นอะไรกัน เธอรีบเอาผ้าเช็ดหน้าอุดจมูกพลางเงยหน้าขึ้น อีกด้านจินเซพูดกับเยียร์ร่าห์ด้วยสีหน้าจริงจัง
	เย็นนี้ไปรอฉันที่สวนสาธารณะเค้าพูดพร้อมจะเดินไป ตอนนี้ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม 
	แต่หญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อชิเน่เดินเข้ามาเธอจึงขอตัวกลับก่อน ทันทีที่เธอจะเดินจากไป เพลงก็บรรเลงขึ้น 
เยียร์ร่าห์หันกลับมาเห็นจินเซกำลังเต้นกับชิเน่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนหญิงสาวคาดเดาอารมณ์เขาไม่ออก ผิดกับชิเน่ที่เต้นรำกับเขาอย่างมีความสุขโดยลืมเรื่องที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพเธอเสียสนิท 
เยียร์ร่าห์เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกเศร้าไม่ได้ที่คนที่อยู่ตรงนั้นควรจะเป็นเธอ ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ 
		แต่เธอไม่เห็นว่าจินเซมองตามเธออแวบหนึ่ง โดยชิเน่ไม่ทันสังเกต
		หลังจากฝึกซ้อมกันอยู่พักหนึ่ง  ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
		ม่นานจินเซก็ไปถึงที่นัดหมายระหว่างเขากับเยียร์ร่าห์ ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เขาวิ่งด้วยใจที่กลัวว่าหญิงสาวจะไม่มา แต่ในใจก็หวังไว้ว่าต้องมาตามที่เขาบังคับแกมขอร้อง 
เมื่อไปถึงที่เดิมแล้วเห็นเธอก็ยิ้มอย่างยินดี เยียร์ร่าห์ยิ้มให้เขา
	มีอะไรหรือ นัดฉันมาที่นี่หญิงสาวกล่าวตามที่ได้ตั้งใจไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงนัดมาที่นี่
	ฉันอยากมาซ้อมเต้นรำต่อกับเธอชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอเช่นเคย
	กับฉันหญิงสาวเสียงสูงนิดหนึ่งด้วยความแปลกใจ
	ไม่ละ เธอคู่กับชิเน่ เธอก็ไปซ้อมกับเขาสิหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆแต่ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนสีไปเลยทีเดียว
		เยียร์ร่าห์กล่าวจบพลางจะเดินผละไป ชายหนุ่มจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนครั้งที่เขานัดหล่อนมาที่นี่ว่า	
	ถ้าเธอไม่ตามใจฉัน ฉันก็จะไม่ตามใจเธออีกต่อไปหญิงสาวหันหน้าไปเผชิญกับเขาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ หลีกเลี่ยงข้อเสนอของเค้าไม่ได้ 
ชายหนุ่มยื่นมือมาให้หญิงสาวหยุดมองเขานิดหนึ่ง เธอก็จับมือนั้นไว้เหมือนรับข้อเสนอ 
		ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างยินดี
	ซ้อมกันที่นี่นะหรือหญิงสาวกล่าวพลางมองรอบ  ๆ กลัวคนมาเห็น
	ใช่สิชายหนุ่มยิ้มพร้อมเข้าใจความรู้สึกของเธอจึงรีบบอก
	มาเถอะ ไม่มีใครแอบดูหรอก ฉันรอเวลานี้มานานแล้วรู้ไหมชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอ เยียร์ร่าห์ยิ้มตอบ เธอก็รอเวลานี้มานานแล้วเหมือนกัน
		หลายวันต่อมาอาจารย์นัดให้นักศึกษาคณะศิลปกรรมมาซ้อมเต้น ซึ่งก็รวมทั้งเยียร์ร่าห์และชิเน่ ทั้งคู่จับคู่ซ้อมกัน ชิเน่ชวนเพื่อนคุยเช่นเคยในขณะที่ซ้อมเต้นรำ
		ในขณะที่กำลังเข้าเต้นท่าแบบดาว ทำสลับข้างกันนั้น
	ฉันว่า ฉันคงรักจินเซเข้าให้แล้วชิเน่กล่าวในระหว่างที่ซ้อม เยียร์ร่าห์ไม่คิดว่าเพื่อนจะชอบจินเซ เธอคิดว่าเพื่อนคงปลื้มในฐานะที่เขาเป็นนักเต้นรำที่เก่งคนหนึ่ง
	เหรอเธอยิ้มให้เพื่อน แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มแหย ๆเหลือเกิน หากแต่ชิเน่ไม่รู้
	เริ่มรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเธอพูดเหมือนหาเรื่องคุย แต่ชิเน่อ่านใจคนได้เธอจะรู้ว่าเยียร์ร่าห์อยากรู้จริง ๆ
		ชิเน่ส่ายหน้าแทนคำตอบ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อคิดถึงชายผู้นี้
	ความรู้สึกนี้มันก่อขึ้นเมื่อไรเราก็บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าพออยู่ในอ้อมกอดของเขาเวลาเต้นรำ ก็ไม่อยากให้เพลงจบ อย่างนี้เรียกว่าตกหลุมรักได้หรือเปล่าละชิเน่กล่าวเหมือนจะขอความคิดเห็น
 แต่ไม่จำเป็นเธอแน่ใจในความรู้สึกของเธอนานแล้ว เยียร์ร่าห์ทำอะไรไม่ถูก จนถึงจังหวะเปลี่ยนคู่เพื่อนอีกคนจึงเดินชนเธอ เพราะเธอไม่เดินทำให้คนอื่นต้องเสียจังหวะ
	เยียร์ร่าห์ทำไมไม่เดินต่อละดูเหมือนเยียร์ร่าห์จะไม่ได้ยิน ชิเน่จึงเข้าไปสะกิด
		เท่านั้นเธอจึงรู้สึกตัว เธอหันไปยิ้มให้ครูแบบแหย ๆ
	ไม่สบายหรือเปล่าอาจารย์หันมาพูดด้วยเสียงแข็ง ๆ แต่แววตาก็บอกว่าห่วง
	นิด นิดหน่อยค่ะเยียร์ร่าห์หันไปพูดกับอาจารย์แหย ๆ ครูได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็บอกเลิกการซ้อม เยียร์ร่าห์รู้ดีว่าอาจารย์เห็นว่าเธอคงซ้อมไม่ไหวจึงหยุดแค่นี้ก่อน
		หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว เยียร์ร่าห์กับชิเน่ก็ไปนั่งหาอะไรดื่มที่ร้านคอฟฟี่ช็อฟเช่นเคย
		เยียร์ร่าห์ยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดของเพื่อนเธอในชั่วโมงเรียน และไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจว่าชายผู้นั้นจะรู้สึกเช่นไรกับเพื่อนของเธอ
	จนไม่ได้ใส่ใจว่าตอนนี้เพื่อนเธอกำลังเรียกเพื่อที่จะคุยบางอย่าง 
	เยียร์ร่าห์ นี่..เธอเยียร์ร่าห์มารู้ตัวอีกทีเมื่อเพื่อนเอามือมาโบกไปมาเหมือนเรียกให้ตื่นจากภวังค์
	เป็นอะไรไป ฉันเห็นเธอเหม่อตั้งแต่ในห้องเรียนแล้วชิเน่พูดยิ้ม ๆไม่คิดสิ่งใดนอกจากเธอเห็นว่าอาการเหม่อลอยนี้คล้ายกับตอนที่เธอหลงรักจินเซ
		เธอจึงอดแซวไม่ได้
	หรือว่า ตอนนี้เธอกำลังตกหลุมรักใครหรือ ใช่ไหมชิเน่ยิ้มแบบแซว แวบแรกเยียร์ร่าห์ตกใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะอาจตกหลุมรักใคร 
	คนคนนั้นเธออยากจะปฏิเสธไม่ให้เป็นคนคนเดียวกับเพื่อน แต่พอรู้ตัวก็รีบปฏิเสธอย่างจริงจัง
	ไม่มี แล้วรีบเปลี่ยนน้ำเสียงให้เป็นปกติไม่ให้เพื่อนจับได้
	ยังหาที่ถูกใจอย่างเธอไม่ได้สักคน แล้วจะไปรักใครละ อย่าเหมารวมว่าคนเหม่อลอยทุกคนจะเป็นอย่างเธอสิเธอกล่าวล้อ ๆเพื่อนแบบไม่จริงจัง
	เหม่อลอยอย่างนี้ใคร ๆเค้าก็คิดว่าเราเหมือนคนบ้า นะ แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าการที่เรานั่งคิดถึงแต่คนที่เรารักด้วยความรู้สึกที่อยากจะเจอเค้าตลอดเวลามันมีความสุขแค่ไหน
ชิเน่กล่าวพลางทำหน้าเคลิ้มคิดถึงจินเซขึ้นมาอีกแล้ว เยียร์ร่าห์ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ถ้าจินเซชอบชิเน่จริง ๆ เธอจะเสียใจไหมนะ ถ้าเสียใจมันก็ต้องหมายถึงเราตกหลุมรักเขาเป็นแน่ 
	ฉันว่าฉันไปสั่งของกินเพิ่มดีกว่าเยียร์ร่าห์หาข้ออ้าง เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน เพราะกลัวจะแสดงความรู้สึกออกมาจนชิเน่จับได้
	เธอจะสั่งมาอีกหรือ นี่เราก็สั่งมามากแล้วนะชิเน่บอกเพื่อนพลางมองเพื่อนอย่างแปลกใจ ดูวันนี้เยียร์ร่าห์แปลกไป ดูเหม่อลอย แล้วก็ทำอะไรแปลก ๆ ยกตัวอย่างเช่นจะสั่งอาหารเพิ่มตอนนี้
	เหรอ เธอทำหน้าเหรอ จากนั้นก็หาคำพูดมาได้ไม่อิ่ม ต้องสั่งอีก เธอพูดพลางยิ้มแบบเหรอ ๆ ยังพยายามไปน้ำขุ่น ๆ เยียร์ร่าห์ไม่รอช้าเธอรีบลุกออกไป
		 ชิเน่จะร้องห้ามเพราะเห็นพนักงานกำลังยกเครื่องดื่มเดินมาทางเยียร์ร่าห์ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
	อุ๊ยเยียร์ร่าห์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พนักงานรีบขอโทษ เธอก็ขอโทษเขาเช่นกัน 
	ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวดิฉันจัดการล้างเองได้ ห้องน้ำอยู่ทางไหนคะเยียร์ร่าห์พูด ตอนนี้เธอหน้าเสียเต็มที่ พนักงานรีบบอกทาง ทันทีที่รู้ทางเธอก็ตรงไปที่ห้องน้ำหญิงทันที
 ชิเน่มองตามอย่างครุ่นคิดในอาการของเพื่อน ไม่นานก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเพื่อนดังขึ้น
	จินเซ เหรอชิเน่มองอย่างแปลกใจ เธอมองไปทางห้องน้ำอย่างชั่งใจว่าจะรับแทนให้ดีไหม และแล้วเธอก็ตัดสินใจรับแทนเยียร์ร่าห์
		ทันทีเธอกดปุ่มเพื่อรับสาย ยังไม่ทันที่เธอจะบอกว่าเยียร์ร่าห์ติดธุระไม่สะดวกรับสาย แต่ปลายสายก็ชิงรีบพูดก่อนอย่างร้อนรน
	เยียร์ร่าห์เหรอ วันนี้ฉันอาจไปช้านะ เธอรอฉันก่อนนะ แค่นี้นะ ฉันติดธุระว่าแล้วจินเซก็วางสายไปโดยไม่สนใจว่าคู่สนทนาจะพูดว่าอย่างไร
		ชิเน่เริ่มสงสัยว่าจินเซนัดเยียร์ร่าห์ทำอะไร  ดูท่าทั้งสองจะสนิทกันมาก จากการประเมินสถานการณ์รวมทั้งท่าทางของเยียร์ร่าห์ในวันนี้
เธอแทบไม่อยากจะเดาหรือว่าทั้งสองรักกัน แต่ทำไมเยียร์ร่าห์ถึงไม่บอกเธอ 
		ยังไม่ทันที่ชิเน่ได้คิดอะไรไปมาก เยียร์ร่าห์ก็เดินออกมาห้องน้ำแล้วตรงมาที่เธอ 
	เยียร์ร่าห์ เมื่อกี้จินเซเค้าโทรมาบอกว่าวันนี้เค้าจะไปช้า ให้เธอรอเค้าก่อนชิเน่บอกอย่างเรียบ ๆพลางยิ้มให้เพื่อน เยียร์ร่าห์ผงะเล็กน้อย ก่อนยิ้มให้เพื่อน
	เหรอ ขอบใจจ๊ะเธอกล่าวพลางรีบนั่ง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ในใจนึกกลัวชิเน่จะรู้เรื่องของเธอกับจินเซแอบซ้อมเต้นรำด้วยกัน แล้วก็อาจจะรู้ถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อจินเซ
	ท่าทางเธอสองคนดูสนิทกันนะชิเน่กล่าวก่อนหยิบโดนัทมาทาน เหมือนไม่ได้ตั้งใจรอฟังคำตอบ เยียร์ร่าห์จึงรู้ว่าชิเน่ยังไม่รู้เรื่องที่เธอกับเขาแอบซ้อมเต้นรำด้วยกัน แล้วเธอก็รีบอธิบาย
	ก็ฉันเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่ประถม มันก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีอะไรมาหรอก
		ชิเน่เห็นอย่างนั้นก็รีบยิ้มกลบเกลื่อนในใจ พร้อมพูดเล่นอย่างเหมือนไม่มีอะไร
	ทำไมต้องจริงจังด้วย ฉันพูดไปอย่างนั้นเองนะเยียร์ร่าห์รีบยิ้ม แต่ก็เจื่อน ๆ จนชิเน่เริ่มแน่ใจว่าที่เธอกลัวมันคงเป็นความจริง
	เหรอ 
	รีบกินสิ เดี๋ยวเธอต้องไปเจอเค้าไม่ใช่หรือชิเน่รีบพูดพลางส่งของกินให้เพื่อน แล้วทั้งสองก็ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนไม่มีอะไร เพียงกลบเกลื่อนความรู้สึกของกันและกัน
		หลังจากที่กินอาหารเสร็จทั้งสองก็เดินแยกกันที่หน้าร้านไปคนละทาง เยียร์ร่าห์เดินพร้อมครุ่นคิดเช่นเดียวกับชิเน่แล้วทั้งสองก็ตัดสินใจหันกลับมาเรียกชื่อของอีกฝ่าน
	เยียร์ร่าห์/ชิเน่ทั้งคู่ต่างเรียกชื่อพร้อมกัน
	เธอพูดก่อนซิชิเน่บอกพลางยิ้มให้เพื่อน
	เยียร์ร่าห์ตั้งใจจะพูดเรื่องที่เธอแอบซ้อมเต้นรำกับจินเซ แต่เธอก็เปลี่ยนใจพร้อมยิ้มให้เพื่อน
	ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่ากลับบ้านดี ๆ แล้วเธอละชิเน่
	ชิเน่ได้ยินอย่างนั้นก็ตัดสินใจไม่ถามเรื่องของจินเซและเยียร์ร่าห์แต่เธอพูดว่า
	ฉันก็เหมือนกันแล้วทั้งคู่ก็เดินจากไปคนละทางเหมือนไม่ได้บอกความรู้สึกของตนเอง
		หลังจากที่รอจินเซอยู่นาน เธอก็เห็นเขาขี่จักรยานมาทางเธอเมื่อมาถึงก็หยุดหอบ แต่สายตามองมาที่เธอไม่ว่างตา พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มให้เธอแบบนี้เป็นประจำ รอยยิ้มอันอบอุ่น
		หญิงสาวยิ้มตอบ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมขี่จักรยานมา เธอควรจะทำอย่างไรระหว่างเขา เธอและชิเน่ เธอไม่อยากตัดสินใจด้วยตนเองอีกแล้ว 
ให้มันเป็นไปตามพรหมลิขิตแล้วกัน เธอไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว ตอนนี้หัวใจของเธอถูกรัดด้วยความรักจนไม่อยากถูกถอนไป 
		ม่อยากจากใบหน้าที่มีรอยยิ้มอบอวลไปด้วยความอบอุ่น
	นึกว่าไม่รอแล้วชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอ  วันนี้แหละเขาต้องบอกบางอย่างกับเธอให้ได้
	เธอบอกให้ฉันรอ ฉันก็ต้องรอสิเยียร์ร่าห์ยิ้มให้เขา ในวันนี้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะ ดูมันไม่เป็นปกติ แต่มันก็มีความสุข และความกังวลอย่างประหลาด 
	วันนี้เราไม่ซ้อมเต้นรำได้ไหมเขาบอก ตอนนี้ยังอยู่บนรถจักรยาน
	ไม่ซ้อม แล้วนัดฉันมาทำไมเยียร์ร่าห์เอ่ยอย่างแปลกใจ ยังไม่ทันจะได้ซักอะไรมาก
เขาก็ลงจากรถมาดึงเธอขึ้นจักรยานไปเฉยไม่ฟังคำทัดทานเธอสักคำ
	เพราะมีอีกที่ ที่ฉันอยากพาเธอไปนะสิชายหนุ่มกล่าวพลางชวนให้เพื่อนสาวขึ้นมาบนที่พักเท้าแล้วให้ยืนอยู่อย่างนั้นเนื่องจากไม่มีที่ซ้อนท้าย
	เกาะแน่น ๆนะ จะไปแล้วนะ หนึ่ง สองนับสามเขาก็ออกรถไปทันที เยียร์ร่าห์กลัวจะตกจึงกอดเขาไว้แน่น ในใจก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับเขา ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตว่าชิเน่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
 เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพึ่งเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็วันนี้ ตอนนี้เธอเสียใจที่เพื่อนไม่ยอมบอกว่าชอบพอกับคนที่แอบชอบ อยากโกรธ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปโกรธเขาละ เธอไม่มีสิทธิ์บังคับให้เขารักเธอนี่
	นึกแล้วก็ได้แต่เสียใจที่เธอไปหลงรักคนที่ไม่เคยเหลียวแลตน เธอไม่มีสิทธิ์โกรธเขา แต่เพื่อนของเธอนี่สิทั้งที่รู้แก่ใจว่าเธอรักเขา แต่ไม่บอกความรู้สึกของตนเองสักคำมันหมายความว่ายังไง
		ฟ คิดแล้วชิเน่ก็โกรธเพื่อนเธอทันที
	หลังจากที่ขี่มาตั้งนาน 
	ใกล้ถึงหรือยังจินเซ ขี่มาตั้งนานแล้วนะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางมองทางรอบ ๆ เริ่มห่างไกลบ้านเธอไปทุกที
	ถึงแล้วชายหนุ่มตอบพลางหันมายิ้มให้หญิงสาว หญิงสาวลงจากรถจักรยาน พลางก้มทุบที่เขาที่ยืนเสียตั้งนาน พร้อมหันไปมองรอบ ๆ
	พาฉันมาที่ไหนกันนี่เธอมองไปรอบ ๆอย่างสนเท่ห์ แต่เพื่อนของเธอยังคงยิ้มแล้วเข้าจับมือเธอ 
แล้วพูดว่า
	เดี๋ยวก็รู้ แต่ว่าตอนนี้หลับตาก่อนได้ไหม
(ติดตามมาขนาดนี้แล้วก็ติดตามต่อไปนะ รับรองซึ้งและสนุก)				
19 ตุลาคม 2547 13:47 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 3

เก่งกาจ

ตอนที่3
	อย่าบอกเขา ได้โปรดอย่าบอกเขานะคะ
	ผมไม่บอกเขาแน่ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าคนหนึ่งที่เสียใจในการตัดสินใจของคุณก็คือผมชายหนุ่มพูดพลางมองหญิงสาวอย่างผิดหวัง 
จนหญิงสาวรู้สึกได้เธอรู้ดีว่าเขาหวังดีไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาช่วยให้เธอคลายความกังวลในวันคัดเลือกสิบคนในวันนั้น
	คุณคิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เสียใจที่สุดกับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่แลกกับความสำเร็จเพื่อนฉัน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น วันข้างหน้าฉันคิดอีกทีอาจจะเสียดายบ้าง
 แต่ฉันไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น แต่ประโยคหลังเต็มไปด้วยความหนักแน่น
	ชายหนุ่มหน้าเสียเมื่อเห็นหญิงสาวหลั่งน้ำตา แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลของเธอดี แต่ก็รู้ว่าที่เธอทำไปทั้งหมดเพราะความปรารถนาดีที่มีต่อเพื่อน และเขาก็ไม่เห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่อยากพูดให้หญิงสาวเสียใจ
	ผมขอโทษ ผมไม่ควรทำให้คุณเสียใจชายหนุ่มกล่าวพลางเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ายื่นให้หญิงสาว หญิงสาวรับไปพร้อมซับน้ำตาบนใบหน้า ถอนหายใจเบา ๆอย่างผ่อนคลาย
	คุณยังอยากเต้นรำอยู่หรือเปล่าชายหนุ่มถามหญิงสาวพลางมองหน้าหญิงสาวอยากรอฟังคำตอบ
	แน่นอน ฉันรักมันที่สุดหญิงสาวรีบตอบ จนชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขารีบกล่าวข้อเสนอบางอย่างทันที
	อีกหกเดือนข้างหน้าจะมีการประกวดเต้นรำคู่ชายหญิง ถ้ายังไง ผมอยากชวนให้คุณมาเป็นคู่ของผม คุณจะรังเกียจไหมชายหนุ่มกล่าวพลางมองหญิงสาวอย่างรอคำตอบ 
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างนึกชั่งใจ พลางพยักหน้าช้า ๆ เท่านั้นเองชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี
	ดีเลยอาทิตย์นี้มาเริ่มซ้อมด้วยกันชายหนุ่มกล่าวเสียงใสอย่างอยากให้หญิงสาวลืมเรื่องไม่ดีวันนี้ทั้งหมด
	เร็วขนาดนั้นเลยหรือคะหญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ เธอลืมเรื่องเศร้าใจนั้นไปชั่วขณะ
	ใช่สิยิ่งเราอยากประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เราต้องทุ่มเทมากขึ้นเท่านั้นชายหนุ่มกล่าวอย่างมาดมั่น จนหญิงสาวอดทึ่งในความจริงจังของเขา
	คุณอยากประสบความสำเร็จเร็ว ๆเพราะคุณมีใครบางคนที่อยากเต้นรำด้วยที่สุด ไม่ใช่หรือชายหนุ่มกล่าวจากความทรงจำที่อยู่ในวัยเด็กด้วยสีหน้าจริงจัง
	คุณรู้ได้อย่างไร ว่าฉันมีคนที่อยากเต้นรำด้วย นี่เราเคยรู้จักกันใช่ไหมคะหญิงสาวมองอย่างชายหนุ่มอย่างพิจารณาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มไม่หลบ 
ยังคงจ้องมองมาที่หญิงสาวอย่างรอจะให้เธอรู้ว่าเขาคือใคร
	จินเซ ใช่แล้วใช่เธอจริง ๆด้วยหญิงสาวมองเขาอย่างพิจารณาสักครู่แล้วก็นึกออกมาได้เลยร้องออกมาอย่างยินดี
	ไม่เจอกันตั้งนาน เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ ตอนนั้น เธอตัวเท่านี้อยู่เองหญิงสาวทำมือระดับเอว ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้เจอเพื่อนเก่าชายหนุ่มยิ้มออกมาและรีบพูดทันที
	แล้วฉันตอนนี้ สู้รุ่นพี่คนโปรดของเธอได้หรือเปล่าละชายหนุ่มกล่าวพลางมองหญิงสาวอย่างมีความหมายแต่หญิงสาวยังไม่รู้ตัวเช่นเคย	
	ยังบอกไม่ได้ ต้องดูฝีมือเธอก่อน หากฉันมั่นใจเมื่อไร ฉันจะบอกเธอนะหญิงสาวกล่าวพลางยิ้มให้ชายหนุ่ม เช่นเดียวกับเขา
	ที่มหาวิทยาลัยที่ห้องเรียนนาฏศิลป์ ในขณะที่ชิเน่และเยียร์ร่าห์กำลังจับคู่ซ้อมเต้นรำคู่ชายหญิงอยู่ ชิเน่เห็นเป็นโอกาสจึงขอร้องให้เพื่อนทำบางสิ่งให้
	เยียร์ร่าห์เย็นนี้ว่างไหมชิเน่ถามในขณะเข้าจังหวะหมุนตัว เยียร์ร่าห์แปลกใจที่เพื่อนถาม แต่ก็ตอบ
	ว่าง ทำไมหรือจากนั้นก็สังเกตเพื่อนยิ้มแปลก ๆ
	มีอะไรพิเศษหรือเปล่าเยียร์ร่าห์แซวเพื่อนแปลก ๆเมื่อเห็นท่าทางเพื่อนอย่างนั้น
	ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากให้ไปพบใครคนหนึ่งนะชิเน่กล่าวถึงใครคนนั้น พลางนึกถึงเขาอย่างรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด
	ใครกัน คงไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะเยียร์ร่าห์ยังคงแกล้งถามแต่ในใจก็นึกรู้เพราะเดาได้จากท่าทางเพื่อนสาว
	เขาเป็นลูกชายเพื่อนพ่อ เจอกันตอนวันประกวดอาทิตย์ที่แล้วชิเน่ยังกล่าวโดยไม่ทันสังเกตว่าเยียร์ร่าห์สีหน้าเปลี่ยนเมื่อนึกถึงการประกวดอาทิตย์ที่แล้ว
	อีกหกเดือน ฉันอยากเข้าประกวดเต้นรำคู่ เลยอยากชวนเค้ามาเป็นคู่หญิงสาวกล่าวโดยไม่สังเกตท่าทางของเพื่อน
	ทำไมถึงอยากประกวดคู่กับเค้าละ ผู้หญิงที่อยากเต้นรำกับผู้ชายคนหนึ่งคงรู้สึกไม่ธรรมดากับเขาแน่เยียร์ร่าห์รีบพูดเล่นกับเพื่อน และปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
	ชอบเค้าหรือหญิงสาวรีบถาม เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนแดงก็ไม่ต้องสงสัย
	เพื่อนสาวพยักหน้าเป็นเชิงตอบก่อนพูดว่า
	เขาน่าทึ่งมากเลยนะ ฉันชอบเขาตรงที่เขารักการเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจเหมือนฉัน และก็ทำมันได้ดีเลยละ คุณพ่อเค้าบอกว่าเค้าก็ชนะการประกวดปีนี้ด้วยหญิงสาวกล่าวอย่างชื่นชม
	เค้าเป็นตุ๊ดหรือเปล่าเยียร์ร่าห์อดชมไม่ได้
	บ้าสิ 
ไว้ใจได้หรือ เห็นหน้าตาดี ๆ แต่ที่ไหนแอบหนุ่มน้อยหน้าใสไว้ไม่ให้เรารู้หญิงสาวเอ็ดเพื่อน แต่ไม่ได้จริงจัง หากแต่ก็ขันไปกับความคิดของเพื่อน
	เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ชิเน่กล่าวเข้าเรื่องเธอเกรงว่าไปคนเดียวกลัวเขาจะปฏิเสธจึงอยากให้เยียร์ร่าห์ซึ่งเป็นนักเกลี้ยกล่อมไปช่วยเพื่อน เพราะเวลามีเรื่องเยียร์ร่าห์จะเป็นคนพูดจาเกลี้ยกล่อมทุกคนได้
	จะดีหรือ ฉันไม่รู้จักเค้านะหญิงสาวกล่าว อยากช่วยแต่กลัวเป็นการเสียมารยาทที่ไปก้าวก่ายการตัดสินใจกับคนที่ไม่รู้จัก
	ไม่ดียัง ไง เธอเป็นเพื่อนฉันนะ นะถือว่าช่วยฉันชิเน่กล่าวอ้อนวอนในขณะที่เต้นรำไปด้วย เยียร์ร่าห์คิดสักครู่ จากนั้นก็ตอบตกลง เธอก็จะประกวดงานนี้เหมือนกัน แต่เธอก็จะไม่ตัดสินใจอย่างนั้นอีกแล้ว
 เพราะอย่างน้อยชิเน่ก็ได้ภูมิใจกับความสำเร็จของเธอครั้งหนึ่งผิดกับเธอ เธออยากแสดงความสามารถหลังจากที่ทุ่มเทให้มันมานับปี จะไม่หลีกทางให้ใครอีกแล้ว
	หลังจากชั่วโมงเรียนเต้นรำ ทั้งชิเน่และเยียร์ร่าห์ก็เตรียมตัวที่จะตามนัดไว้กับจินเซหากแต่ว่าก็ชิเน่ก็ไม่สามารถไปได้ตามเวลานัดเนื่องจากเธอลืมของไว้ที่ห้องตอนเรียนเต้นรำ
	แย่แล้ว ฉันลืมของไว้ที่ห้องเรียน ทำไงดีชิเน่ร้องออกมาเมื่อนึกขึ้นมาได้ ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายในความขี้ลืมของตนเอง เธอมองหน้าเพื่อนเหมือนขอความเห็น
	เธอไปพบเข้าก่อนแล้วกันนะ ฉันจะกลับไปเอาของชิเน่บอกตามที่ตนตัดสินใจเตรียมจะวิ่งไปเอาของหากแต่เพื่อนก็รั้งเอาไว้ เยียร์ร่าห์ฉุดมือพลางทำหน้าเหรอ
	ฉันจะไปรู้ได้ไงละว่าใคร ยังไม่เคยเห็นหน้า
	ชิเน่ทำท่านึก จริงสิเพื่อนเธอยังไม่เคยเห็นหน้า จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วพูดกับเพื่อนว่า
	ไม่ยาก หรอก ตอนนี้เขากำลังสอนรุ่นน้องเต้นรำอยู่ เขาเป็นหัวหน้าชมรมนักเต้นรำของมหาลัย พอเธอไปถึงยิม ถามคนแถวนั้นเดี๋ยวเธอก็เจอเค้าเองแหละชิเน่รีบบอกเพื่อนพลางออกตัววิ่งไปที่ห้องเต้นรำที่เธอลืมของเอาไว้
	แต่ไม่วายหันกลับมาบอกเพื่อนว่าด้วยสีหน้าแจ่มใสว่า
	ฝากบอกเค้าด้วยว่าขอโทษที่ไปช้าจากนั้นชิเน่ก็วิ่งไป เยียร์ร่าห์ได้แต่ส่ายหน้าพลางคิดว่าเธอจะเจอคนที่ชิเน่ให้ไปพบได้อย่างไร แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่เดินไปที่ยิมแล้วหวังว่าจะได้เจอเขาคนนั้น
	ไม่นานนักเธอก็เดินไปถึงที่ยิม เธอเดินเข้าไปกำลังเห็นนักศึกษาสิบคนที่เธอคาดว่าเป็นคนในชมรม เธอเดินเข้าไปอย่างกล้า ๆกลัวไม่อยากรบกวนคนข้างใน
	ขอโทษนะคะ คือเธอกล่าวขอโทษเพื่อขัดจังหวะจะหาคนที่เธอต้องการพบ หากแต่ก็มีใครคนหนึ่งเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ใหญ่ที่สุดยืนหันหลังให้เธอเหมือนกำลังสอนรุ่นน้องที่กำลังหันหน้ามาทางเธอ
 ตะโกนดุเธอเสียงแข็งจนเธอตกใจไม่รู้จะทำอย่างไร
	การเต้นรำมันสำคัญกับคุณแค่ไหนกัน เห็นไหมว่าเพื่อนมารอคุณอยู่นานแล้วเค้าหันหน้ามา พร้อมเดินเข้าามาหาเธอด้วยสีหน้าขึงขัง แต่พอเดินเค้ามาใกล้ก็ยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่เธอจำได้เป็นอย่างดี 
เขาคือจินเซนั่นเอง
	แล้วเขาก็พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมเหมือนเดิม แต่ยังคงยิ้มให้เธอ เธอจึงตั้งหลักได้บ้าง
	ในเมื่อกล้ามาสาย ก็แสดงว่าเก่งแล้ว ชั่วโมงนี้ก็ช่วยสอนเพื่อนคุณกับผมแล้วกันหญิงสาวงงจนทำอะไรไม่ถูกเธอชี้หน้าตนเองประมาณว่าฉันหรือ 
ชายหนุ่มยิ้มแล้วกระซิบกับเธอเบา ๆ เหมือนให้เธอได้ยินเท่านั้น
	เถอะน่า นึกว่าซ้อมเตรียมพร้อมเพื่อแข่งขันแล้วกันเขาไม่รอคำตอบรีบฉุดเธอไปเต้นรำทันที โดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว เยียร์ร่าห์เต้นไปด้วยความประหม่า เธอไม่ค่อยถนัดเต้นคู่เท่าใดนัก
 แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่สนใจ ยังคงยิ้มให้เธอเช่นเคย
	เธอเป็นหัวหน้าชมรมนี้หรือ จินเซเยียร์ร่าห์ถามอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยังคงยิ้มไม่ตอบสิ่งใด เขาจับเธอหมุนตามจังหวะเพลง 
หญิงสาวได้แต่เต้นตามแต่ในใจยังอยากรู้คำตอบจนไม่มีสมาธิเหยียบเท้าชายหนุ่มไปหลายทีแต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่สนใจเอาเสียเลยยังคงตั้งหน้าตั้งตาเต้นต่อไป
	ขอโทษหญิงสาวกล่าวอีกแล้วหลังจากเหยียบเท้าชายหนุ่ม
	เธอขอโทษฉันเป็นรอบที่ร้อยแล้วนะ ตั้งใจหน่อยสิ มีอะไรไว้ค่อยคุยกันหลังเพลงนี้ได้ไหมชายหนุ่มกล่าวจบก็ถึงจังหวะหมุนหญิงสาวก็เต้นไปตามที่เขาบอก ตอนนี้เธอเริ่มเต้นดีขึ้น
	ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะเหยียบขาพี่จินเซของฉันจนจบเพลงซะอีกเด็กหญิงวัยสิบขวบคนหนึ่งกล่าวพลางมองไปที่เยียร์ร่าห์อย่างไม่ค่อยชอบหน้า แต่ก็ใส่ใจไม่นานเธอตั้งหน้าตั้งตามองไปที่จินเซอย่างหลงใหล
	แต่ฉันว่าจะให้ดี ก็เหยียบให้จนเต้นรำไม่ได้จะดีมากเด็กผู้ชายวัยเดียวกันลากเสียงยายพลางเหล่ไปทางเพื่อนหญิงที่หันมองอย่างขวางด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็ส่ายหน้าแบบลอยหน้าลอยตาไม่ยิหระสายตาของเพื่อนสาวที่มองเขมงมาทางเขา
	ไม่ชอบเขา ก็กลับไปสิ มายืนดูเขาทำไมเด็กหญิงคนนั้นแหวใส่
	ฉัน ..ฉันก็มาดูพี่ผู้หญิงคนนี้นะสิเด็กชายคนนั้นทำท่าคิด พลางพูดแก้เก้อไม่อยากให้เพื่อนรู้บางสิ่ง
	ฮะ..เต้นไม่เห็นจะเก่ง เต้นไปเหยียบเท้าพี่จินเซฉันไปเด็กหญิงพูดพลางมองเหล่ไปทางเยียร์ร่าห์ที่ยังเต้นอยู่แต่เธอก็เต้นดีแล้ว เริ่มเข้าจังหวะได้แล้วในขณะนี้
	แล้วอย่างพี่เธอเต้นดีนักละเด็กชายพูดอย่างหมันไส้ ส่งผลให้เด็กหญิงหันขวับมามองอย่างหาเรื่อง
	ไม่นานเพลงก็จบ ชายหนุ่มก็ทำความเคารพฝ่ายหญิง จากนั้นเขาก็บอกเลิกการสอนครั้งนี้ แล้วให้รุ่นน้องไปซ้อมเองพรุ่งนี้เขาจะมาทดสอบ
	พี่คะ พี่เต้นเก่งมากเลย พรุ่งนี้พี่จะมาเต้นอีกไหมคะเด็กหญิงกล่าวพลางยิ้มให้ ชายหนุ่มยิ้มกลับพลางเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู แต่ดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับเด็กชาย
	พี่ครับ  ผมอยากถามว่าชมรมนี้จะปิดเมื่อไรหรือครับ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะได้ไม่โดนดุเพราะแอบหนีแม่มาเด็กชายคนหนึ่งถามอย่างกวน ๆ 
หากแต่ชายหนุ่มกับยิ้มให้อย่างไม่ถือสา เหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆในความทรงจำในวัยเด็กของเขาเหลือเกิน
	อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้รออยู่หน้าโรงเรียนผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงดุบุตรสาวพลางก้มหัวขอโทษจินเซ จินเซก้มหัวพลางยิ้มให้
	นั่นนะสิ ครับคุณน้า บอกเค้าให้รอคุณน้าดี ๆ เชื่อกันซะที่ไหน เด็กชายกล่าว
	ใครใช้ให้ตามมาละเด็กหญิงแหวใส่
	ฮึ ถ้าแม่เธอไม่ขอ ฉันก็ไม่อยากตามเธอนักหรอกจากนั้นก็สะบัดหน้าใส่อย่างงอน ๆ
	ก็พอกันทั้งสองคนนั่นแหละ ไปกลับบ้านแม่ของเด็กหญิงกล่าวพลางพากลับบ้าน
	ทั้งสองมองพลางยิ้มไปที่เด็กชายเด็กหญิงทั้งคู่ รู้ดีว่าเหตุการณ์นี้ไม่ต่างอะไรจากพวกเขาในวัยเด็ก
	เธอเป็นหัวหน้าชมรมนี้หรือเยียร์ร่าห์ถามทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ จินเซพยักหน้ารับ
	งั้นเธอก็รู้จักชิเน่นะสิหญิงสาวเอ่ยถามพลางรอคำตอบ
	ใช่ เค้าเป็นคนนัดที่จะเจอฉันที่นี่จินเซกล่าวความจริงพลางมองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ ที่เห็นสีหน้าเปลี่ยนไป งั้นคนที่ชิเน่ต้องการเป็นคู่เต้นรำในงานประกวดก็คือจินเซเองหรือ 
	ชายหนุ่มทำท่าจะถามว่าเป็นอะไร แต่ชิเน่ก็เข้ามาพอดี พลางก้มหัวโทษเขาที่มาสาย จินเซจึงหันไปยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรโดยไม่ได้ถามเพื่อนสาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด 
จากนั้นทั้งสามก็ไปที่ร้านคอฟฟี่ชอฟในมหาวิทยาลัยทันที
	อะไรนะครับ จะให้ผมเป็นคู่เต้นรำในการประกวดอีกหกเดือนข้างหน้าหรือชายหนุ่มกล่าวอย่างตกใจเล็กน้อย จนชิเน่อดแปลกใจไม่ได้เธอจึงถามเขาทันที
	ทำไมหรือคะ คุณจินเซมีคู่เต้นรำอยู่แล้วหรือชิเน่กล่าวพลางมองหน้าเขาอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหันไปทางเยียร์ร่าห์ ไม่รู้จะพูดอย่างไร 
	แต่เขาก็ตัดสินใจพูดว่ามีคู่อยู่ก่อนแล้ว ทันใดนั้นเยียร์ร่าห์ก็ขัดขึ้น
	ถ้าเธอยังไม่มีคู่ก็ ช่วยเป็นคู่ให้เพื่อนฉันหน่อยละกันนะเยียร์ร่าห์กล่าวด้วยเสียงเรียบ แต่แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังจนจินเซผงะไปทำท่าจะพูดต่อ
ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนหรือชิเน่อดแปลกใจที่เพื่อนใช้สรรพนามเรียกแทนจินเซ
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมนะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางยิ้มให้ ชิเน่พยักหน้ารับจากนั้นเยียร์ร่าห์ก็ไม่ลืมพูดประเด็นที่ค้างไว้
ช่วยเพื่อนฉันหน่อยเถิดนะเยียร์ร่าห์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม เมื่อเห็นสายตาที่อ้อนวอนปนยัดเยียด
	จินเซได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับ 
	การพยักหน้าสร้งความยินดีให้กับชิเน่ แต่ก็สร้างความเสียใจให้เยียร์ร่าห์กับจินเซ จินเซได้แต่มองหน้าเยียร์ร่าห์ประมาณว่าทำไมเธอต้องเสียสละขนาดนี้ด้วย เยียร์ร่าห์ได้แต่หลบแววตา
 และมองไปทางชิเน่ที่ยิ้มให้อย่างยินดี				
19 ตุลาคม 2547 13:36 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 2

เก่งกาจ

ตอนที่ 2
	วันนี้เป็นวันแข่งขันเต้นรำ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อน ต่าง ๆมาร่วมใจเชียร์เยียร์ร่าห์และ ชิเน่ หากแต่วันนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเยียร์ร่าห์
	อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาลงแข่งขันแล้ว ทำไม เยียร์ร่าห์ยังไม่มาอีกละเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นกังวล 
	ชิเน่เองก็เป็นกังวลไม่แพ้กับเพื่อนของเธอในตอนนี้ แม้เธอต้องการชนะในการแข่งขันครั้งนี้มาก แต่เธอก็รู้ว่าเพื่อนเธอก็หวังเช่นกัน และรู้ถึงความตั้งใจของเพื่อนจากการฝึกซ้อม
	เวลาล่วงเลยไปเร็วยิ่งนัก ชิเน่ตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวลว่าเหตุใดเยียร์ร่าห์เพื่อนรักยังไม่มาเสียที อีกไม่ถึงห้านาที คณะกรรมการจะประกาศให้เธอลงสนาม 
แต่เธอไม่สามารถทำได้อย่างดีแน่ถ้าไม่เห็นเยียร์ร่าห์
	เยียร์ร่าห์ เธออยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาเสียทีชิเน่คิดถึงเพื่อนด้วยความร้อนรุ่ม แต่ไม่นานนัก โทรศัพท์ในกระเป๋าก็เสียงดังขึ้น เธอนึกรู้ทันทีว่าคงเป็นเยียร์ร่าห์ที่ติดต่อมาเป็นแน่
	ชิเน่หรือ ขอโทษนะ ฉันไปไม่ได้ แม่ฉันไม่สบายกะทันหันนะจ๊ะเยียร์ร่าห์กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อไม่ให้เพื่อนรักจับพิรุธได้ แต่ถ้าทุกคนมาอยู่ที่บ้านกับเธอจะพบว่าแม่ของเยียร์ร่าห์ไม่ได้เป็นอะไรเลย 
หากแต่ตอนนี้ไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัด
	งั้นหรือชิเน่อดเสียใจไปกับเพื่อนไม่ได้ แต่ลึก ๆเธอก็ดีใจที่จะลดคู่แข่งคนสำคัญไปได้ 
	ไม่นะ คิดอย่างนี้ได้อย่างไร นั่นคือเพื่อนของเธอ เธอคิดแต่เรื่องของตนเอง จนมารู้สึกตัวเมื่อเยียร์ร่าห์เรียกชื่อเธอ
	ตั้งใจทำให้ดีที่สุดเลยนะ ชิเน่  อย่ายอมแพ้ใครแม้แต่คนเดียว โชคดีนะจ๊ะเยียร์ร่าห์บอกเสียงใส และรีบวางโทรศัพท์ 
	ใครจะรู้ว่าหลังวางสายไปแล้ว เยียร์ร่าห์ก็ปล่อยโฮออกมาทันที ใครบ้างที่จะไม่เสียใจ เธอตั้งใจมาขนาดนี้เพื่อรอวันนี้ วันที่เธอเป็นผู้ชนะ 
	แต่ชัยชนะของเธอก็ไม่สำคัญเท่ากับมันเป็นของชิเน่ เพราะชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ชิเน่ทำในสิ่งที่รักได้ในชีวิต คิดอย่างนั้นเธอก็ซับน้ำตา และยิ้มกับตนเองและนึกให้กำลังใจให้เพื่อนที่กำลังแข่งขันอยู่ในสนาม
	ชิเน่ในตอนนี้ กำลังร่ายรำอยู่กลางเวที ด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก จะว่าไปแล้วเธอทำได้ดีกว่าวันที่คัดเลือกสิบคนสุดท้ายด้วยซ้ำ ทุกคนปรบมือให้เธอ อย่างชื่นชมในความสามารถ 
เธอยิ้มรับมันผ่านทางเสียงปรบมืออย่างยินดี 
	เมื่อเพลงจบ ชิเน่ทำความเคารพคนดูเช่นเคย เธอยิ้มที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และเธอก็ทำได้ตามที่ทุกอย่างหวังไว้
	ผิดกับเยียร์ร่าห์ที่ตอนนี้เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว เธอหยิบชุดที่เคยใส่ในวันคัดเลือกสิบคน ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพลางเอื้อมมือไปสัมผัสชุดนั้น จากนั้นก็ปล่อยโฮอย่างกลั้นไม่อยู่ 
	อีกสักพักคณะกรรมการก็ประกาศผู้เข้ารอบสามคน รวมถึงผู้ชนะเลิศ
	เอาละครับในที่สุดวินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง รายชื่อทั้งสามคนตอนนี้อยู่ในมือผมแล้วนะครับ ต่อไปผมจะประกาศรายชื่อรองชนะเลิศอันดับสอง พิธีกรหยุดกล่าวสักพักเพื่อแกะซองเอารายชื่อทั้งสามออกมา
 ทุกคนในสเตเดียมรอลุ้นด้วยความระทึก 
	ต่างคนก็เชียร์คนที่ตนตั้งใจมาเชียร์
	รองชนะเลิศอันดับสามคือ.ยุนยูจินครับทุกคนปรบมืออย่างยินดีผู้ที่โดนประกาศไปรับรางวัลอย่างยินดี ในคำตัดสิน
	ต่อไปผมจะประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศนะครับ ตื่นเต้นไหมครับพิธีกล่าวเหมือนแกล้งให้ผู้ชมตื่นเต้น ผู้ชมบางคนหันไปบ่นว่าเมื่อไหร่จะประกาศ 
	คนที่ระทึกที่สุดไม่แพ้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น คงจะเป็นชิเน่เพราะเธอหวังกับการแข่งขันนี้มาก
	ผมว่าเธอผู้นี้คงเป็นอย่างที่ใคร ๆหวังไว้ ผู้ชนะคือ ยางชิเน่ครับสิ้นเสียงประกาศ ผู้คนต่างเฮให้กับความสำเร็จของชิเน่ ชิเน่รู้สึกดีใจจนทำอะไรไม่ถูกน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอ่อล้นมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ 
เธอเดินไปรับรางวัลทั้งน้ำตาอย่างยินดี 
	ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ ในใจเธอรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนร่วมใจเชียร์หนึ่งในนั้นที่เธอลืมไม่ได้ก็คือ เยียร์ร่าห์ 
	ถ้าเยียร์ร่าห์อยู่ที่สเตเดียมนั้นก็จะรู้มีใครบางคนรอคอยชมฝีมือเธออย่างตั้งใจอยู่อีกคนหนึ่ง เขาตั้งใจมาดูเธอโดยเฉพาะในวันนี้ 
และแอบเทใจเชียร์ให้เธอชนะเลิศในวันนี้ แต่เมื่อไม่เห็นเธอ เขาก็กลับไปอย่างนึกเสียดายแทนเธอ พร้อมแปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้สละสิทธิ์ที่สำคัญในชีวิตครั้งนี้
	แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นหัวหน้าสมาคมนักกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยให้เขาอยู่ก่อนพร้อมจะแนะนำคนสำคัญให้เขาได้รู้จัก เขาจึงอยู่ตามคำขอของพ่อ จากนั้นไม่นานก็พ่อแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาทักทาย
	ทั้งคู่คือพ่อแม่ของชิเน่นั่นเอง
	ไม่ได้พบกันเสียนาน  ดูนายไม่เปลี่ยนไปเลยนะพ่อชิเน่ทักพ่อของจินเซด้วยความสนิทสนม พลางมองไปที่จินเซอย่างถามว่านี่ลูกนายใช่หรือไม่
	พ่อของจินเซเห็นดังนั้นจึงแนะนำบุตรชาย
	แกก็เหมือนกันแหละ ตอนสมัยหนุ่ม ๆ แกบ้ากีฬาเพาะกายเป็นที่สุดพ่อของจินเซพูดเหมือนจะแซวเป็นเหตุให้ผู้เป็นภรรยามองหน้าสามีอย่างนึกขัน 
ชิเน่รู้ดีว่าแม่คงแปลกใจที่เห็นพ่อเคร่งขรึมอย่างนั้นแต่รักกีฬาเพาะกายเป็นที่สุด
	จากนั้นพ่อของจินเซก็แนะนำจินเซให้ครอบครัวของชิเน่ได้รู้จัก
	นี่จินเซ ลูกชายฉัน จินเซไหว้ลุงเค้าเสียสิพ่อของจินเซกล่าวแนะนำพลางยิ้มให้เพื่อน
	จินเซรีบกล่าวสวัสดีพลางก้มหัวคำนับผู้ใหญ่ผู้เป็นเพื่อนบิดา
	พ่อของชิเน่ถามต่ออย่างอารมณ์ดีจนชิเน่สังเกตได้
	ลูกชายนาย ดูหน่วยก้านดีนะ  ท่าทางจะชอบเล่นกีฬาเพาะกายแน่เลยใช่ไหมละพ่อของชิเน่คุยกับพ่อของจินเซ พลางหันไปมองจินเซ
	ไม่ใช่หรอกครับจินเซตอบอย่างสุภาพ ต่อจากนั้นพ่อของจินเซก็พูดต่ออย่างอารมณ์ดีทันที
	หมอนี่ เค้าไม่ชอบเล่นกีฬาอย่างนั้นหรอก อย่างดีก็เล่นเพื่อสุขภาพ แต่ว่าลูกชายฉันรัก การเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจเลย
	เต้นรำอย่างนั้นหรือพ่อของชิเน่กล่าวอย่างแปลกใจ ชิเน่ก็แปลกใจเช่นกัน แต่ในความแปลกใจ ก็รู้สึกชอบที่มีคนสนใจในสิ่งที่เธอสนใจ
	ใช่ อย่าว่าคุยเลยนะ ลูกชายฉันก็เข้าประกวดครั้งนี้ด้วย เขาแข่งเมื่อสองวันที่แล้ว แล้วก็ชนะเลิศสมกับที่เขาตั้งใจซุ่มซ้อมมาพ่อของจินเซพูดอย่างภูมิใจ ทุกคนต่างรีบยินดีกับเขาด้วย
 จินเซขอบคุณอย่างสุภาพ ชิเน่ยิ้มให้จินเซอย่างเป็นมิตรในใจแอบชื่นชมจินเซอยู่มาก
	ได้ยินว่า คุณชอบการเต้นรำ ว่าง ๆ ดิฉันคงต้องขอคำแนะนำจากคุณชิเน่กล่าวพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
	ยินดีครับ จินเซก้มหน้าให้นิดหนึ่ง อย่างสุภาพพลางยิ้มให้เธอย่างเป็นมิตรโดยทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าผู้ใหญ่กำลังมองมาที่ทั้งคู่อย่างสนใจ  
	จังหวะนั้นโทรศัพท์ของชิเน่ก็ดังขึ้น เป็นสายของเยียร์ร่าห์เธอรับมันพร้อมบอกข่าวดีกับเพื่อน
	เยียร์ร่าห์จินเซได้ยินว่าเป็นเยียร์ร่าห์ก็นึกรู้ว่าเป็นเยียร์ร่าห์คนเดียวกับที่เขารู้จักเมื่อวันที่มาคัดเลือกสิบคน
	เขารอฟังการสนทนาของเยียร์ร่าห์กับชิเน่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจนึกเป็นห่วงเยียร์ร่าห์อย่างบอกไม่ถูก
	เธอชนะใช่ไหม่ชิเน่เยียร์ร่าห์พยายามดัดเสียงให้ปกติเพื่อไม่ให้เพื่อนรู้ว่าเธอผ่านการร้องไห้มา
	ดูเหมือนว่าชิเน่จะไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนของเธอเสียใจ เธอยังคงพูดไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
	ใช่จ๊ะ ฉันทำได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว
	ยินดีด้วยนะเยียร์ร่าห์กล่าว
	อือ วันนี้ฉันจะไปเยี่ยมแม่เธอนะ ท่านเป็นอย่างไรบ้างชิเน่ไม่ลืมเรื่องที่ทำให้เพื่อนเธอต้องสละสิทธิ์ครั้งสำคัญในชีวิต
	ไม่ต้องเยียร์ร่าห์รีบพูดอย่างลืมตัว คิดหาคำพูดสักครู่ แล้วก็หาเรื่องแก้ตัวได้
	เออ.. คุณหมอบอกว่า แม่ไม่เป็นไรมาก เลยให้กลับบ้านแต่ว่า ท่านต้องพักผ่อนมาก ๆ หมอไม่อยากให้ใครรบกวน เธออย่าเพิ่งมาเลยนะ ไว้ให้ท่านหายดี แล้วเธอค่อยมาเยี่ยมละกัน
เยียร์ร่าห์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้เพื่อนจับความผิดปกติ ได้ผลชิเน่แทบจับผิดไม่ได้เธอเชื่อสนิท
	งั้นหรือ ก็ได้ แต่ฝากบอกแม่เธอนะ ให้ท่านหายไว ๆนะจ๊ะชิเน่บอกเพื่อน ในใจก็อยากจะพูดแสดงความเสียใจกับเพื่อนที่ไม่ได้มาแข่งขันแต่ อีกใจก็ห้ามไม่ให้พูดเรื่องนี้จะดีกว่า 
แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่พูด
	เธอสบายดีใช่ไหมเยียร์ร่าห์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่พูดอย่างคนกล้า ๆกลัว ว่าควรพูดดีไหม
	ไม่เป็นไร ก็ดีละที่วันนี้ไม่ได้ไป ฉันไม่ได้ซ้อมเลยนะ มันคงรู้สึกแย่กว่านี้ ถ้าไปแข่งแล้วไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้เยียร์ร่าห์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส กลบเกลื่อนความเสียใจได้อย่างมิดชิด
 ได้ผลเช่นเคยชิเน่ก็ยังคิดว่าเพื่อนเธอคงเสียใจบ้าง แต่ทำใจได้แล้ว
	แล้วพบกันที่มหาลัยนะ เยียร์ร่าห์รีบกล่าว พยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่น เธอแทบจะกลั้นความรู้สึกไว้ไม่ไหวแล้ว ถ้าคุยกันนานกว่านี้ เพื่อนของเธอคงต้องรู้ความจริงแน่
	จ๊ะ สวัสดีชิเน่กล่าว แล้ววางสายไป เธอไม่ทันสังเกตว่าจินเซแอบฟังคำสนทนาของทั้งคู่อย่างสนใจ
แม่ของชิเน่เห็นดังนั้นก็ถาม ในขณะที่พ่อของจินเซกับพ่อของชิเน่ยังคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันเสียนาน 
	ใครโทรมาหรือชิเน่
	เยียร์ร่าห์ คะ เค้ามาโทรแสดงความยินดีชิเน่กล่าวพลางยิ้มให้ผู้เป็นแม่ แต่ก็ไม่สดใสนัก
	ผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็ถาม
	เพื่อนโทรมาแสดงความยินดีแล้วทำไม่ทำหน้าอย่างนั้นละลูก
	ก็มันน่าเสียดายนะคะ คุณแม่ เยียร์ร่าห์เค้าเตรียมพร้อมมาเพื่อการประกวดครั้งนี้ แต่เค้าต้องสละสิทธิ์ เพราะแม่เค้าต้องมาป่วยกะทันหัน เป็นใครก็ต้องเสียใจ แม้เค้าจะบอกว่าไม่เป็นไร 
หนูก็อดเห็นใจเค้าไม่ได้ชิเน่กล่าวอย่างใจจริง ความจริงเธออดคิดไม่ได้ว่า หากเยียร์ร่าห์มาในวันนี้ คนที่ได้รางวัลนี้อาจไม่ใช่เธอ แล้วเธอก็รู้สึกว่าการตัดสินครั้งนี้มันยุติธรรมสำหรับเธอกับเยียร์ร่าห์แล้วหรือ
 ถึงเธอจะอยากชนะแค่ไหน แต่มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ 
	ผู้เป็นแม่จับลูกอย่างปลอบ เธอเข้าใจดีว่าแม่ไม่อยากให้เธอคิดมาก
	จินเซได้ยินดังนั้นเขาได้แต่นึกเสียใจ และเสียดายแทนเธอ 
	 
	พอแยกกับครอบครัวของชิเน่ จินเซก็ขอแยกกับพ่อ อ้างว่าจะไปรับของที่ฝากที่ร้านขายของ พ่อเขาอาสาจะไปส่ง แต่เขาบอกอยากเดินไปเอง
	จังหวะเดียวกันนั้น เยียร์ร่าห์ไม่ต้องการอยู่คนเดียวจึงออกมาข้างนอกเพื่อเดินเล่น เธอเดินไปเรื่อย อย่างไร้ปลายทาง อยากเดินไปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดที่สวนสาธารณะที่ไม่ห่างจากสเตเดียมมากนัก
 เธอมองไปทางโดมของสเตเดียมที่เธอต้องไปแข่งขันวันนี้ ตอนนี้ เธอต้องอยู่ที่สเตเดียมไม่ใช่ที่นี่
	คิดอย่างนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที เธอเงยหน้ามองที่ท้องฟ้า เหมือนอยากให้ความเสียใจและความทรงจำที่แสนเศร้าไหลย้อนกลับไปให้ลึกที่สุดของหัวใจเหมือนไม่อยากจำเหตุการณ์วันนี้
	จินเซซึ่งขณะนี้ได้แยกทางกับเพื่อน ก็ได้เดินผ่านสวนสาธารณะเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ม้านั่ง เขาจำได้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเฝ้าดูว่าจะมาแข่งขันวันนี้ แต่ก็ไร้เงา 
	แวบแรกที่เห็นเธอเค้าดีใจ แต่ก็อดแปลกใจว่าตอนนี้แม่ของเธอป่วยไม่ใช่หรือ เธอไม่ไปดูแลแม่เธอหรือ แล้วเธอมานั่งทำอะไรที่นี่ ดูท่าจะไม่ดีด้วย 
	เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไป วินาทีนั้นที่เห็นหญิงสาวกำลังเงยหน้าและหลับตาอยู่ เหมือนมีมนต์สะกดตรึงให้เขาหยุดมองเธอ ความรู้สึกแปลกก่อประหลาดในใจ หากแต่มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมานานแล้ว 
แม้จะนาน เค้ายังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี 
	ภาพวันเวลาเก่าก่อขึ้นในความทรงจำของเขาอีกครั้ง
	นี่ กลับบ้านกันได้แล้ว ฉันรอเธอตั้งนานแล้วนะเยียร์ร่าห์เด็กชายคนหนึ่งพูดกับเด็กหญิงคนหนึ่งแต่ดูเหมือนเด็กหญิงจะไม่สนใจเพื่อนชาย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่หนึ่ง
	เธอกลับไปก่อนเถิดจินเซ วันนี้ ถ้าฉันยังไม่เห็นพี่ดองวาของฉันเต้นละก็ ฉันไม่กลับไปไหนทั้งนั้นเด็กหญิงกล่าวกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่จะได้เห็นพี่ชายที่เธอแอบชื่นชอบเต้น ยามนี้เธอไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
	ไปดูเจ้าหมอนั่นอีกแล้วหรือ ฉันเห็นเธอไปนั่งมองดูเค้าทุกวัน แต่ไม่เห็นเค้าชายตามองเธอสักครั้ง ถามจริงเถอะ ทำไมถึงได้สนใจคนที่เขาไม่ได้เหลียวแลเธอนักนะเด็กชายพูดอย่างหมันไส้เพื่อนสาว 
แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเด็กหญิงจ้อย  ๆ ไม่นานทั้งคู่ก็ไปถึงห้องซ้อมเต้นรำของโรงเรียนที่ขณะนี้มีชายหนุ่มหน้าตาคมคนหนึ่งกำลังเต้นด้วยท่าทางอ่อนช้อย เยียร์ร่าห์มองอย่างนึกหลงใหล
	เพราะเขาเต้นเก่งนะซิ ดูเค้าซิ จินเซ ผู้ชายอะไรเต้นได้อ่อนช้อยเหมือนผู้หญิงเด็กหญิงกล่าวพลางมองอย่างหลงใหล ไม่ใส่ใจเพื่อนชายที่กำลังมองรุ่นพี่และเพื่อนสาวอย่างหมันไส้
	คอยดูนะ จินเซ ฉันจะต้องเป็นนักเต้นรำหญิงที่เก่งที่สุด เมื่อวันนั้นมาถึงฉันจะเต้นรำกับพี่ดองวา จะทำให้พี่ดองวามองฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นหญิงสาวกล่าวเสียงใส แต่ในใจจริงจังอย่างที่พูด
นัยน์ตายังคงมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่กลางฟลอร์ไม่วางตา
	จินเซ ได้แต่น้อยใจ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางมองเพื่อนสาวด้วยสายตาเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก
	ฉันก็ยืนอยู่ข้าง ๆเธอ แต่ทำไม เธอไม่อยากเต้นกับฉันบ้างละ
	เธอนะหรือ แค่ร้องเพลงเธอก็บอกฉันว่าเกลียดจะตาย เพราะฉะนั้นเรื่องเต้นรำเธอก็คงต้องเกลียดมันเป็นที่สุดแน่เยียร์ร่าห์หันมาพูดทีเล่นทีจริง แล้วหันไปมองรุ่นพี่ของเธอต่อ
 ปล่อยให้เด็กชายที่ทำท่าจะพูดบางสิ่งแล้วคิดหยุดไป เหมือนไม่อยากแสดงความรู้สึกของตนไปมากกว่านี้ พลางมองไปที่รุ่นพี่อย่างครุ่นคิด
	ดังนั้นวันนี้จินเซจึงตัดสินใจมาเต้นรำ จะเพราะเหตุผลใดเขาก็ไม่อาจทราบได้ แต่เหตุผลสำคัญก็เพื่อผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาในขณะนี้ ผู้หญิงที่เขาหลงรักตั้งแต่เด็ก ๆ
	จินเซตื่นจากความทรงจำในอดีต สายตายังคงจับจ้องผู้หญิงที่กำลังเงยหน้าหลับตา เหมือนพยายามคลายความกังวลในจิตใจ ฟ้าเริ่มครึ้มเหมือนฝนจะตก แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ใส่ใจยังคงอยู่กับภวังค์ของตน
	ไม่นานฝนก็หลั่งลงมา ฝนเม็ดเล็ก ๆร่วงหล่นลงใบหน้าหญิงสาว แต่ก็เป็นเม็ดฝนที่ตกโปรย ๆชายหนุ่มเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปแล้วถอดเสื้อแจ็กเก็ตไปนั่งอยู่ข้าง
 พลางเอาเสื้อแจ๊กเก็ตคลุมขึ้นเหนือศีรษะของทั้งเขาและเธอเพื่อกันฝน ดูเหมือนเธอจะแปลกใจที่ตนเปียกฝน แล้วฝนก็หยุดตก จึงลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วก็ต้องแปลกใจ เธอหันไปมองข้าง ๆ
เห็นมือใครคนหนึ่งกำลังใช้เสื้อกันฝนให้เธอ  เธอจึงรีบหันไปมองอีกข้างก็เห็นเขากำลังมองมาที่เธอ แล้วก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร 
	ฝนกำลังตกอยู่ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็นั่งเป็นเพื่อนผมอยู่ที่ก่อนก็ได้นะครับชายหนุ่มพูดพลางยิ้มให้หญิงสาวเช่นเคย เป็นรอยยิ้มที่หญิงสาวยังจำได้ดี
	จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก แม้ฝนจะไม่มีท่าว่าจะหยุดตก แต่ทั้งสองก็รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดในยามนี้ หญิงสาวนั่งคิด ทำไมหนอในยามที่เธอรู้สึกกังวลใจ หรือเสียใจที่สุด
 เค้าจะต้องมาอยู่ข้าง ๆเธอเสมอ หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธ์จะส่งเขามาให้เธอ

	ดูท่าฝนจะไม่ยอมหยุดตก คุณ เมื่อยไหมคะหญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มหลังจากสักพักที่นั่งหลบฝนอยู่กับเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางยิ้มให้เธอ เธอเห็นดังนั้นจึงยิ้มตอบกลับไป
	ได้ข่าวว่าแม่คุณไม่สบายไม่ใช่หรือครับ แล้ว ทำไม่คุณถึงอยู่ที่นี่ละครับ ชายหนุ่มกล่าวเหมือนนึกขึ้นมาได้เป็นเหตุให้สีหน้าของคู่สนทนาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
 หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากตอบ แล้วพูดขึ้นว่า
	คุณทราบ แล้วทราบได้อย่างไรคะหญิงสาวถามเสียงอ่อยลง จนชายหนุ่มสังเกตความผิดปกตินั้นได้
	ไม่ต้องสนหรอกครับว่าผมทราบได้อย่างไร ผมเพียงอยากทราบเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ลงแข่งขันวันนี้ แม่ของคุณชายหนุ่มทำท่าชั่งใจ ก่อนตัดสินใจพูดต่อ
	ไม่ได้ป่วยอย่างที่คุณบอก ใคร ๆใช่ไหมครับชายหนุ่มกล่าวเป็นเหตุให้หญิงสาวหันมามองหน้าอย่างตกใจที่เขารู้ เธอไม่อยากให้ใครทราบความจริง จึงตัดสินใจลุกออกไป 
	ในยามนี้ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงลุกตามไปอย่างอยากฟังคำตอบ

	ทำไมละครับ ทำไมคุณต้องโกหกทุกคน คุณมีเหตุผลอะไรชายหนุ่มเร้าหาคำตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวไม่หันมาตอบ จึงคว้ามือหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวหันมามองหน้าเขา
	เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ ขอโทษนะคะกรุณาปล่อยมือฉันด้วยหญิงสาวพูดเสียงอ่อน อย่างนึกอ้อนวอนชายหนุ่มว่าอย่าได้ถามเธออีกเลย
	ชายหนุ่มเหมือนรู้สึกตัว จึงปล่อยมือพลางก้มหน้าขอโทษ แล้วพูดกับเธออย่างสุภาพ แต่เต็มไปด้วยความจริงจัง
	เกี่ยวสิครับ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่เฝ้ารอดูการแสดงของคุณอย่างตั้งใจ เพราะงั้นได้โปรดบอกเหตุผลได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงไม่ได้ไปชายหนุ่มกล่าวจบก็สบตาหญิงสาวอย่างรอคำตอบ 
แต่คำตอบที่ได้กับเป็นการเงียบเฉย ชายหนุ่มจึงนึกรู้อะไรบางอย่างทันที
	ผมก็เป็นนักเต้นรำคนหนึ่ง ถ้าจะให้ผมเดา คุณกับคุณชิเน่เต้นได้ฝีมือสูสีกัน คุณอยากให้คุณชิเน่ชนะก็เลยสละสิทธิ์ใช่ไหมคำพูดแทงใจดำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรอีก
 น้ำตาเริ่มรื้น เธอไม่อยากจะสนใจในสิ่งที่เธอตัดสินใจไปแล้ว แต่ทำไมเค้าต้องรื้อฟื้นอีก
	หญิงสาวจึงคิดเดินหนีเขา
	เพื่อนของคุณ ถ้าเค้ารู้เค้าคงไม่ยินดีกับการตัดสินใจของคุณครั้งหรอกนะชายหนุ่มรีบพูดจี้ใจดำ และไม่เข้าใจเหตุผลของหญิงสาว หญิงสาวตกใจที่ได้ยินชายหนุ่มพูดอย่างนั้น 
พร้อมหันมามองหน้าเขา และพูดอย่างอ้อนวอน
	อย่าบอกเขา ได้โปรดอย่าบอกเขานะคะ
(ติดตามตอนต่อไป รับประกันว่าสนุก)				
19 ตุลาคม 2547 13:22 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ(ถ้าอยากซึ้งลองอ่านให้จบสิ)

เก่งกาจ

ตอนที่1
	ณ ห้องแต่งตัวของสเตเดียมหนึ่งซึ่งกำลังมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งกำลังเตรียมตัวเพื่อจะเข้าแข่งขันเต้นรำหญิง และวันนี้เป็นวันคัดเลือกผู้เข้ารอบทั้งหมด สิบคน 
	เยียร์ร่าห์หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในห้องแต่งตัวกำลังนั่งอยู่พร้อมกับบีบมือทั้งสองข้าวอย่างพยายามสะกดอาการตื่นเต้นเอาไว้ แต่พยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยากเย็นเท่านั้น 
	เยียร์ร่าห์ลุกขึ้น เธอทำท่าจะเต้นเพื่อเตรียม พร้อม และที่สำคัญเธอต้องการลดอาการตื่นเต้นนั้น แต่ก็เหมือนจะยากเย็น เธอเหมือนรู้สึกหายใจขัด ๆ มือไม้อ่อนอย่างไรชอบกล 
	เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้  จะเต้นต่อก็รู้สึกเหมือนมือไม้อ่อน เข่าของเธอก็เหมือนจะประคองตัวไม่อยู่ แต่ทันใดนั้น ก็มีมือของใครคนหนึ่งมารับร่างของเธออย่างเร็วไว
	ไม่ช้าเธอก็หันหน้าไปเผชิญหน้ากับเขา เขาผู้นั้นยิ้มมาให้เธอ ราวกับผู้ใหญ่ยิ้มให้เด็ก ถ้าจะให้เดา เยียร์ร่าห์คิดว่าเขาคงศึกษาอยู่ชั้นอุดมศึกษาเป็นแน่ และแน่กว่านั้นก็คือเขาก็มาประกวดเต้นรำด้วยวันนี้ 
เดียรร่าห์สังเกตจากเครื่องแต่งกายของเขา
	ตื่นเต้นหรือครับ ไม่เป็นไรนะครับ แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีหญิงสาวยังคงมองไปที่ชายหนุ่มเหมือนมนต์สะกด จนชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มนั้นช่างอบอุ่นและเป็นมิตร 
	ไหน คุณลองเต้นท่าทีคุณเตรียมมาสิครับ เดี๋ยวผมเป็นคู่ซ้อมให้ชายหนุ่มอาสาแต่ดูเหมือนไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย เขาดึงร่างหญิงสาวแล้วเต้นไปกับเพลงที่เขาร้องเอง 
หญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ว่า เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเตรียมจังหวะนี้มา
	The smile on your face lets me know that you need meThere's a truth in your eyes saying you'll never leave me
The touch of your hand says you'll catch me whenever I fallเขาร้องพลางดึงมือเธอท่าผีเสื้อ แล้วเหวียงเล็กน้อยเพื่อจะให้เยียร์ร่าห์หมุน เมื่อกลับมาท่าตั้งต้น 
หญิงสาวเห็นเขาสบตามาที่เธอ พลางยิ้มให้ด้วยร้อยยิ้มอันอ่อนหวาน  จากนั้นปากเขาก็ไม่ได้ร้องเพลงนั้นอีกเลย แต่ทั้งคู่ยังคงเต้นเหมือนมีเพลงนั้นบรรเลง อยู่
หากมันเป็นเพลงที่บรรเลงแล้วไปก้องในหัวใจของทั้งสอง และเมื่อถึงท่อนสุดท้าย ชายหนุ่มก็ร้องออกมา อย่างแผ่วเบา เหมือนต้องการให้เธอได้ยินเพียงสองคน
	You say it best.. when you say nothing at allจากนั้นเขาก็หยุด หญิงสาวก็หยุดด้วย ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้หญิงสาวพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
	สู้เค้านะครับ  ความกลัวมันไร้ตัวตน อย่างสร้างมันทำลายชัยชนะที่รอคอยคุณอยู่ข้างหน้ามันสิครับชายหนุ่มกล่าวจบก็จากไป เยียร์ร่าห์ยิ้มด้วยความเชื่อมั่น 
หญิงสาวจะวิ่งไปเพื่อขอบคุณ หากแต่เขาก็จากไปไกล เธอได้แต่ยิ้มไปทางเขาอย่างนึกขอบคุณ
	เมื่อเยียร์ร่าห์ได้ยินเสียงประกาศชื่อเธอ อีกไม่นานแล้วสินะที่เธอต้องไปที่ฟลอร์เพื่อเต้นรำ ชิเน่ก็มาด้วยและกำลังเตรียมตัวเช่นเดียวกับเธอ เวลานี้ แม้เยียร์ร่าห์จะกลัวและตื่นเต้น 
แต่เธอต้องทำให้ดีที่สุด   เพราะเธอบอกว่า เธอมีโอกาสนี้เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีที่สุด
	เมื่อเพลงเริ่มบรรเลง เธอก็เริ่มเต้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือทั้งสองโบกไปมาเป็นท่าทางที่อ่อนช้อยพร้อมกับงอตัวตามเพลง จากนั้นก็กระโจนวิ่งไปช้า ๆ พร้อมทำมือแหวกว่ายไปมาอย่างสวยงาม 
จบเพลงเธอก็ทำความเคารพให้กับคนดูที่ปรบมือให้เธอด้วยความชื่นชม 
	เยียร์ร่าห์ยิ้มรับ พร้อมบอกกับตนเองว่าสำเร็จแล้ว เธอไม่ได้หมายถึงชัยชนะ หากแต่ว่าเป็นความกลัวที่เธอทำลายมันไปเพื่อไม่ให้มันทำลายความมั่นใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ 
แล้วสายตาเธอก็ไปหยุดที่ใครคนหนึ่ง ชายคนนั้น เขายิ้มพร้อมโบกมือให้เธอ หญิงสาวโบกมือให้เขาตอบซึ่งตอนนี้เขายืนอยู่ในหมู่คนดู จึงเหมือนโบกมือให้คนดู
	คนต่อไปก็คือ ยางชิเน่ ซึ่งเป็นเพื่อนกับลีเยียร์ร่าห์ เยียร์ร่าห์รู้ดีว่าเพื่อนของเธอตอนนี้กำลังประสบปัญหาที่ขา แต่เธอรู้จากปากของชิเน่ว่า อาการมันไม่รุนแรง 
เน่นั้นก็หวังที่จะเข้าเป็นหนึ่งในสิบ ไม่แพ้กับ เยียร์ร่าห์เช่นกัน เพราะนอกจากเธอจะทำความฝันให้เป็นจริง แล้ว พ่อของเธอก็จะอนุญาตให้เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลป์ตามที่เธอตั้งใจ  
ดังนั้นชิเน่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด 
	ชิเน่เป็นคนที่มีนิสัยมีน้ำใจ โดยเฉพาะกับเพื่อนฝูง หากรู้ว่าใครเดือดร้อนเธอจะช่วยเหลือ เพราะงั้นเยียร์ร่าห์จึงรักชิเน่ และเป็นห่วงชิเน่มาก ใครที่คอยหาเรื่อง หรือทำร้ายชิเน่ 
เยียร์ร่าห์จะไปเอาคืนให้ชิเน่ ถึงแม้ว่าชิเน่จะไม่เอาเรื่อง แต่เยียร์ร่าห์ก็ไม่ยอม เพราะนอนจากชิเน่จะเป็นเพื่อน แต่ยังเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตเยียรร่าห์ด้วย
	เมื่อเพลงเริ่มบรรเลงชิเน่ก็เริ่ม เต้นรำตามท่าที่เธอได้เตรียมไว้ จะว่าไปแล้วการเต้นรำเป็นทั้งชีวิตและจิตใจชองทั้งชิเน่และเยียรร่าห์ ชิเน่ เต้นด้วยท่าทางอ่อนช้อย จนคนในห้องส่งอดปรบมือด้วยความชื่นชมไม่ได้
	เมื่อเพลงจบชิเน่ห์โค้งคำนับให้คนดู จากนั้นเธอก็วิ่งไปหาแม่ของเธอ ที่มาเชียร์และคอยให้กำลังใจเยียร์ร่าห์ ผิดกับพ่อของเธอไม่สนับสนุนนัก แต่ด้วยเหตุผลใดชิเน่ก็ไม่ทราบ แต่พ่อก็ยังปล่อย ๆ บ้าง หากแต่ก็ไร้อิสระโดยสิ้นเชิง ชิเน่ส่งยิ้มพร้อมโบกมือมาให้เธอ เยียร์ร่าห์โบกมือตอบเหมือนยินดีกับเพื่อน
	จากนี้ผมจะประกาศ ผู้เข้ารอบ สิบคนสุดท้าย น่าตื่นเต้นนะครับ เพราะทุกคนที่นี่ ก็ทำได้ดีทุกคน จนเป็นที่หนักใจของคณะกรรมการ ในการตัดสินพิธีกรพูดไปเรื่อย ทุกคนก็รอลุ้นอย่างตั้งใจ 
ต่างคนก็เชียร์เพื่อนของตน บ้างก็บ่นว่าเมื่อไหร่คณะกรรมการจะตัดสิน
	รายชื่อของทั้งสิบอยู่ในมือผมแล้วนะครับ คนที่เข้ารอบได้แก่  ยุนยูจินเมื่อกล่าวชื่อผู้เข้ารอบ ผู้ที่มาเชียร์ก็เฮกันเหมือนประมาณอย่างที่หวัง ไว้หรือไม่ก็ยินดีกับเพื่อนตนเองที่เข้ารอบ
	พิธีกล่าวชื่อจนถึงคนที่เก้า ผู้คนในสเตเดียมก็เฮใหญ่เป็นพิเศษ เพราะผู้เข้าแข่งขันผู้นี้เป็นที่ผู้ถูกใจคนดูยิ่งนัก
	คนที่เก้าได้แก่..ยางชิเน่ชิเน่กระโดดยิ้มให้แม่ทั้งน้ำตา พลาง ทำความเคารพแม่ที่กำลังกอดเธออยู่อย่างยินดี จากนั้นก็ไปที่ฟลอร์เพื่อแสดงตัว 
จากนั้นคณะกรรมการก็กล่าวคนสุดท้าย ที่เรียกได้ว่าเรียกเสียงเฮไม่แพ้ชิเน่ เพราะผู้เข้าแข่งขันคนนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้ชิเน่เช่นกัน จนบอกได้ว่าสูสีกันทีเดียว
	คนสุดท้ายคือ แหมน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ว่าคนสุดท้ายจะเป็นอย่างที่ท่านผู้ชมคิดไว้หรือไม่ แต่คนนี้ผมเชียร์เธอเป็นพิเศษนะครับ คนคนนั้นคือ.พิธีกรหยุดกล่าว 
พร้อมยิ้มให้กับคนดูทีรอลุ้นอย่างระทึก และแล้วก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง เมื่อพิธีกรประกาศชื่อ ทุกคนเฮกันใหญ่
	ลีเยียร์ร่าห์เยียร์ร่าห์กระโดดอย่างยินดี พลางโค้งคำนับอย่างขอบคุณที่เอาใจเชียร์เธอ และรีบไปที่ฟลอร์ ชิเน่จับมือเธอพลางกอดเธออย่างยินดี เยียร์ร่าห์ยังคงยิ้มไม่หุบ ทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าอยู่ในห้องแต่งตัว 
จนมีชายคนหนึ่งมาช่วยทำให้เธอหายกลัวและตื่นเต้น จริงสิ เค้าอยู่ไหนนะ ถ้าเจอเธอต้องขอบคุณเขาให้ได้
	แต่เมื่อมองไปก็ไม่เจอใคร ชิเน่เห็นเพื่อนทำท่าหาใครบางคนก็ถามขึ้น
	มองหาใครหรือ
	เปล่าจ๊ะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางยิ้มให้เพื่อน ชิเน่เห็นดังนั้น ก็ยิ้มและไม่ถามเซ้าซี้เพื่อนต่อ 

	วันต่อมา ชิเน่กำลังนั่งเขียนระบายความรู้สึกของตน ยามนี้ใบหน้าของชิเน่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเธอยังคงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้เป็นอย่างดี
	พ่อไม่ยอมให้ลูกทำตามใจตนเอง อีกต่อไปแล้วนะ ชิเน่นายแตซูผู้เป็นพ่อเอ็ดผู้เป็นบุตรสาวเสียงแข็ง หันหลังให้ผู้เป็นบุตรีเหมือนไม่ต้องการคำคัดค้านใด ๆ
	แต่คุณพ่อสัญญาแล้วนี่คะ ว่าถ้าหนูชนะการประกวด คุณพ่อจะยอมให้หนูเรียนวิทยาลัยศิลป์ต่อไปชิเน่รีบพูดเสียงสั่น อย่างเกรงการตัดสินใจของผู้เป็นบิดา แววตาบ่งบอกถึงขอร้องผู้เป็นพ่อให้เห็นใจเธอด้วย
	นายแตซูส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า
	พ่อมีเหตุผลนะ ชิเน่ ถ้าลูกยังทำตามใจตนเองอยู่อย่างนี้ แล้ววันข้างหน้าใครจะสืบทอดกิจการของพ่อละนายแตซูกล่าวเอาจริง ทำให้ชิเน่ถึงกับส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับฟัง
	นี่มันไม่ใช่ปัญหาเลยนะคะ หนูเรียนจบวิทยาลัยศิลป์แล้ว หนูเรียนต่อบริหารอย่างคุณพ่อก็ได้ ขอร้องละคะคุณพ่อ ขอให้หนูได้ทำในสิ่งที่หนูรักที่สุดในชีวิตเถิดนะคะชิเน่กล่าวขอร้องเสียงอ่อน 
แต่แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น
	จนนายแตซูท่าทีอ่อนลงไปบ้างแต่ก็ไม่ยอม ผู้เป็นมารดาเห็นดังนั้นจึงเข้าไปคุยกับสามี
	คุณคะ คุณก็ยอมให้ลูกทำในสิ่งที่รักเถิดคะ คุณน่าจะดีใจนะคะที่เห็นลูกมีเป้าหมายและทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ ดีกว่าคนอื่น ๆอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เป้าหมายในชีวิต หละลอย ไป วัน ๆผู้เป็นภรรยาอ้อนวอน 
นายแตซูมองมาที่บุตรสาวเหมือนจะชั่งใจและเดินจากไปไม่พูดสิ่งใด 
	นั่นคือสิ่งที่ชิเน่และผู้เป็นแม่รู้ดีว่า ผู้เป็นบิดาไม่ปฏิเสธในคำขอของเธอ ชิเน่กอดผู้เป็นแม่อย่างยินดี
	
	ในขณะที่ชิเน่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นั่นเอง เยียร์ร่าห์ก็เดินเข้ามา แต่เธอไม่ทันสังเกตท่าทางของเพื่อนในขณะนี้
	ชิเน่อยู่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนานเยียร์ร่าห์กล่าวพลางนั่งข้างเพื่อน ชิเน่รีบเปลียนสีหน้าพร้อมยิ้มให้เพื่อนรัก เยียร์ร่าห์ยังคงสังเกตเพื่อนไม่ออกอยู่ดี
	ฉันยืมสมุดเลคเชอร์ชั่วโมงที่แล้ว ฉันจดไม่ทันนะเยียร์ร่าห์กล่าวยิ้มให้เพื่อนแหย ๆ นึกรู้ว่าเพื่อนต้องรู้ว่าเธอแอบหลับในชั้นเรียนเป็นแน่ เพราะเมื่อคืนนั่งดูถ่ายทอดการแข่งขันเต้นรำของประเทศอเมริกา 
	ชิเน่ไม่ตอบ แต่รีบหยิบสมุดเล่มหนึ่ง ให้เพื่อนทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าสมุดเล่มนั้นเป็นสมุดไดอารี่ของเธอเอง จากนั้นก็เสียงกริ่งดังขึ้นทั้งคู่จึงรีบเข้าเรียนชั่วโมงต่อไป โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่าสมุดนั้นผิดเล่ม
	
	ตกดึกวันนั้นหลังจากที่เยียร์ร่าห์อาบน้ำเสร็จ ก็ลงมือลอกเลคเชอร์จากสมุดที่ยืมชิเน่มา 
	เฮ้อ ทำไมถึงได้ขี้เกียจอย่างนี้นะเยียร์ร่าห์บ่นกับตนเองพลางเปิดสมุด ดู แต่เมื่อเปิดอ่านก็รู้สึกว่าเนื้อหามันไม่ใช่อย่างที่ตนเองคิด นี่มันคงเป็นหนังสือไดอะรี่ของชิเน่เป็นแน่ 
	เธอจะปิดเพราะเห็นว่ามันเป็นการเสียมารยาทที่สุดที่ไปอ่านไดอะรี่ของคนอื่น อย่างนี้
	ทันใดนั้นก็มีลมพัดกระดาษสมุดเปิดไปหลายแผ่น จนถึงหน้าหนึ่ง สายตาของเยียร์ร่าห์ก็ไปหยุดที่คำพูดหนึ่งในกระดาษนั้น ซึ่งมีใจความว่า
	ฉันรู้สึกแย่ถ้าไม่สามารถเต้นรำได้อีกต่อไป เพราะงั้นโอกาสสุดท้ายของฉันในเดือนนี้ฉันต้องทำให้ดีที่สุด แม้คุณพ่อจะไม่ห้ามแล้ว แต่ฉันรู้ดีว่าท่านต้องการให้ฉันชนะ 
เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าฉันไม่ได้ทำอะไรครึ่ง ๆกลางๆเยียร์ร่าห์ตกใจกับข้อความที่ตนเองรู้ และรู้ถึงความหนักใจได้เป็นอย่างดี เธอทั้งเสียใจ และน้อยใจเพื่อนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้ตนฟังเลย 
นี่เธอไม่สำคัญเลยหรือ ไม่นะเวลานี้เธอไม่ควรไปโกรธเพื่อนของเธอ เธอต้องหาทางช่วยเพื่อนของเธอจึงจะถูกสิ 
	ชิเน่คงรู้สึกแย่เป็นแน่หากเธอไม่สามารถเต้นรำได้อีกตลอดชีวิต 
	แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ประโยคหนึ่ง
	ใคร ๆก็บอกว่า ฉันกับเยียร์ร่าห์ คะแนนสูสีกัน ฉันรู้ดีว่าเยียร์ร่าห์ต้องทำได้ดีเหมือนทุกครั้ง ฉันอยากให้เป็นอย่างนั้นนะ เพราะฉันรู้ว่าเค้าก็หวังในการประกวดนี้ไม่น้อยไปกว่าฉัน แต่ฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากแพ้."
	เยียร์ร่าห์รับรู้ได้ถึงความหวาดหวั่นเป็นอย่างดี 
	เธอไม่เคยรู้เลยว่าชิเน่นั้น หวั่นในความพยายามของตนถึงเพียงนี้ ถ้าอนาคตเธอต้องมาแข่งขันกับเพื่อนของเธอ แม้วันข้างหน้าจะชนะหรือแพ้ เธอก็ต้องช่วยเพื่อนของเธอให้ถึงที่สุด 
	จริงสิ หากเธอไม่เข้าประกวดการแข่งขันครั้งนี้ ก็คงจะลดความหวาดหวั่นในใจชิเน่ได้แน่ แต่การแข่งขันนี้ก็สำคัญกับเธอไม่แพ้กัน ไม่   เธอต้องไม่ลังเลกับการตัดสินใจที่จะช่วยเพื่อน 
เพื่อความสุขของชิเน่อะไรที่เธอช่วยได้ เธอยินดี แม้ว่ามันต้องแลกกับความฝันที่เปรียบน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตเธอ
	คิดอย่างนั้น น้ำตาก็ไหลรินลงมาโดยไม่รู้ตัว อย่านะ อย่าร้องไห้ เพื่อเพื่อนที่รักเพียงคนเดียวต้องไม่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้
	
	วันนี้เป็นวันแข่งขันเต้นรำ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อน ต่าง ๆมาร่วมใจเชียร์เยียร์ร่าห์และ ชิเน่ หากแต่วันนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเยียร์ร่าห์
	อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาลงแข่งขันแล้ว ทำไม เยียร์ร่าห์ยังไม่มาอีกละเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นกังวล				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 1 คน
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเก่งกาจ