11 กุมภาพันธ์ 2552 08:58 น.

รักเหนือนิยาม ของ ตาลอบ - ยายทอง

เจน_จัดให้

204.jpg
รักเหนือนิยาม ของ "ตาลอบ" "ยายทอง" (คมชัดลึก)

          หลายคนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Happy Birthday ของ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง คงซาบซึ้ง และน้ำตาไหลไปตามๆ กัน กับเรื่องราวความรักของชายคนหนึ่ง ที่ต้องดูแลผู้หญิงอันเป็นที่รัก ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ภาพที่เห็นนั้นชวนให้ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวในโลกแห่งความเป็นจริงของสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง "ตาลอบ" และ "ยายทอง" ที่ทุกวันนี้ชีวิตของพวกเขา ไม่ต่างจากเรื่องราวที่นำเสนอบนแผ่นฟิล์มเลย

          ใครที่เคยชมรายการ "คนค้นฅน" หรืออาจผ่านตาจากฟอร์เวิร์ดเมล คงเคยสัมผัสเรื่องราวของตายายคู่ทุกข์คู่ยาก ที่ทั้งสองอยู่กันด้วยความรัก ความเข้าใจ และคำสัญญาที่จะรักและดูแลกันตลอดไปจนวันตาย

          และบรรทัดต่อจากนี้ เป็นอีกบทบันทึกของหัวใจ ที่ไม่ต้องการคำนิยายใดๆ 

          นับถอยหลังไปอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวัน "วาเลนไทน์" วันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความรักที่ใครหลายคนให้ความสำคัญ ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าเป็นของคู่กัน ความเหมือน ความพอดี ความลงตัว

          หากแต่นิยามความรักของสองตายายแห่งอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย อย่าง  "ตาลอบ" อมร สีสุภเนตร วัย 76 ปี ที่มีต่อ "ยายทอง" นั้น กลับมองว่าวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนั้น ไม่เคยมีความหมายต่อทั้งคู่เลย เพราะชีวิตรักที่ตาและยายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปีนั้น ไม่เคยมีวันไหนที่ความรักจะลดน้อยลงไปตามกาลเวลา ทว่า กลับเพิ่มพูนขึ้นสวนทางกับสังขารที่เริ่มจะโรยรา

          สำหรับตาลอบวันนี้ มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆ วันหนึ่งเท่านั้น

          "ดอกกุหลาบมันจะสู้สิ่งที่เราทำดีให้แก่ทุกวันได้ยังไง มันเทียบกันไม่ได้หรอก ตาไม่เห็นว่ามันจะสำคัญกับชีวิตตรงไหน เพราะถึงไม่มีวันนี้ ยังไงตาก็ยังรักยายเท่ากันทุกวัน" ตาลอบบอกขณะปรนนิบัติภรรยาที่นอนป่วย

          สำหรับพื้นเพเดิมของยายทองเป็นคนอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ สภาพเก่าๆ หลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ เมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกตเห็นว่าบ้านของตาเสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ เพราะอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาล ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่

          คงสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น 
ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตาลอบซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจนได้พบรักกับยายทอง แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง อำเภอเชียงคาน หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปี จนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกัน ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไร ไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย มีเพียงคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้แก่หญิงสาวที่เขารักว่า จะครองรักและดูแลกันตลอดไปจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง 

          ทั้งคู่อยู่กันจนกระทั่งแก่เฒ่า และตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักที่สม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ แต่เหมือนมีบททดสอบ จู่ๆ ปี 2538 ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง

          แต่เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา อาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก นอกจากส่งเสียงร้องไห้ ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง บางครั้งก็มีแต่น้ำตา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไร

          "ยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมา พอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา หรือไม่ก็ต้องส่งสียงตอบกลับไป ส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว บางทีก็บอกยายว่า เราจะอยู่กับเธอ จะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน... ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน"

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล ปรนนิบัติฝ่ายหญิง ซึ่งสิ่งที่ตาทำนั้นได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็แสวงหา

          "ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมด เพราะยายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย เราต้องอยู่แบบมีความหวัง เพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง"

          ถึงแม้ว่าบั้นปลายชีวิตอันแสนสุขจะถูกพรากไป และแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยของอีกฝ่ายหนึ่ง คำมั่นสัญญาทุกคำที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้แก่ยายทองก็ยังไม่มีคำใดหรือตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ยายทองล้มป่วย แทบจะทุกนาทีของชีวิตตาลอบได้มอบให้แก่การเฝ้าดูแลประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิด ไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น การดูแลปรนนิบัติยาย ตาลอบจะทำเพียงคนเดียวทุกครั้ง และตาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย แม้แต่แพมเพอร์สตาก็จะไม่ใส่ให้ยาย เพราะเกรงว่าจะอับชื้นและทำให้เป็นแผลกดทับได้ ตาจึงไม่เคยเบื่อกับการที่ต้องคอยเช็ดอึ เช็ดฉี่อยู่ตลอดทั้งวัน เสื้อผ้าของยายตาก็จะไม่ซักผงซักฟอกเพราะกลัวยายจะแพ้และเป็นผื่น  

          ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตาคือภาพชายชรา ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้า โดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนไปตามถนนหนทางต่างๆ รถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือ เพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้นก็เกินกำลัง ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่างจึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้ และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝนและมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆ 

          ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คันนี้พายายไปเที่ยวในที่สำคัญๆ ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆ ทำมาหากิน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ยายระลึกถึงความหลังอันงดงาม และกระตุ้นความจำ ความรู้สึกของยาย อย่างน้อยๆ ความหลังเหล่านี้ก็เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรมที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่บ้าง

          ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้แก่หญิงสาวอันเป็นที่รักนั้น ไม่ใช่แค่เพียงลมปาก หรือถ้อยคำหวานหู หากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจจริงๆ... 

          คำมั่นสัญญา ที่ยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/33714				
10 กุมภาพันธ์ 2552 11:58 น.

คนของความรัก คนของความเข้าใจ จะเลือกฝ่ายไหนดี ?

เจน_จัดให้

จากหนึ่งกระทู้ที่มีคนตั้งไว้...อ่านความเห็นแล้วประทับใจง่ะ 555+
ที่มา : http://guru.google.co.th

pao : 
คนของความรัก คนของความเข้าใจ จะเลือกฝ่ายไหนดี ?
ถ้าเรารักใครซักคน.....แต่ไม่เข้าใจเรา
กะอีกคนที่เราไม่รัก แต่พยายามเอาใจเราทุกอย่าง.......
เป็นคุณ คุณจะเลือกใคร.. ????? 


coconut :

ความรู้สึกนี้มีให้คิดตั้งแต่เด็กจนคนแก่

เด็กหลายคนเวลานอนจะมีหมอนประจำตัว บางครั้งหมอนเน่าสุดๆ มีคราบน้ำลายติดเต็มเลย พ่อ-แม่ ซื้อหมอนใบใหม่มาให้ก็ไม่ยอมเปลี่ยน เขาจะมีเหตุผลว่า นอนหมอนใบเก่ามันรู้สึกคุ้นเคย ถ้าใช้ใบใหม่จะนอนไม่หลับ ต้องรอจนกว่าหมอนใบเก่าเละพังไปนั่แหละถึงจะยอมเปลี่ยน

หรือผู้หญิงบางคนมีเสื้อผ้าแฟชั่นสวยมากมาย แต่ชุดนอนบางคนขาดเป็นรูก็ไม่ยอมเปลี่ยนยิ่งเสื้อเก่าๆยึดๆ ยิ่งชอบใส่นอน เหตุผล เพราะมันสบายตัว ใส่แล้วคุ้นเคยให้ความรู้สึกดีซื้อชุดใหม่มาใส่ถึงจะสวยกว่าก็จริงแต่มันให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยทำให้นอนไม่หลับ

ถ้าเป้นผู้ชายรถเปอร์เช่ รถสปอร์ตใครๆก็ใฝ่ฝัน แต่หลายคนเวลาจะซื้อจริงๆกับเลือกที่สมรรถนะ ประโยชน์การใช้งาน ความคุ้มค่ามากกว่าจะดูแค่ความสวยเพียงอย่างเดียว

คนแก่หลายคนชอบสะสมพระเครื่อง แต่พระองค์ที่ดีที่สุด ราคาแพงที่สุด มักจะไม่เอามาคล้องคอ จะเก็บไว้ในตู้เซฟ แล้วเลือกเอาพระธรรมดาที่รู้สึกดีมาคล้องคอแทน 

ระหว่างสิ่งที่เราดูแล้วชอบ ดูแล้วดี ดูแล้วสวย กับสิ่งที่ดูธรรมดา ไม่สวยเลยแต่เราจับต้องได้อยู่กับมันได้ เรามักจะเลือกอย่างหลังมากกว่าอย่างแรก เด็กยังรู้สึกชอบหมอนใบใหม่แต่บนหัวนอนเขาจะใช้หมอนใบเก่า ผู้ชายหลายคนยังฝันถึงรถสปอร์ตสวยๆในขณะที่เขาอาจจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กไปจนตาย คนแก่สามารถบอกเล่ากับเพื่อนวัยเดียวกันได้ว่าเขามีพระเครื่องที่ดี
ที่สุดในขณะที่เขาเอาพระธรรมดามาคล้องคอแทน

มีคนอีกหลายคนหากถามเขาว่าเขารักใครที่สุด เขาจะบอกชื่อคนหนึ่งมา แต่ถ้าถามต่อว่าเขาจะใช้ชีวิตร่วมกับใครคำตอบเขาอาจกลายเป็นอีกคนความรักของคนๆเดียวใช้แค่ความรู้สึกก็พอ แต่ความรักของคนสองคนต้องใช้สิ่งที่มากกว่านั้น 

อืมมม จริงแฮะ				
Calendar
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจน_จัดให้
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจน_จัดให้
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจน_จัดให้