12 มกราคม 2551 12:06 น.

....ข้อความบังเอิญ....

เจน_จัดให้

ข้อความบังเอิญ....
(ที่มา : จาก forward mail)

พอดีมีเพื่อนส่งมาให้
 อ่านแล้วรู้สึกดี ยาวไปนิ
 แต่ก็อยากให้ทุกคนอ่าน....(และก็เจนด้วยคนนึงหล่ะจ้าที่เพิ่งได้เมลนี้)


...ข้อความบังเอิญ....


"มีคนเคยบอกว่า...ชีวิตคือความบังเอิญ..แต่ความบังเอิญบางครั้งก็เปลี่ยนแปลง..มุมมองเราใหม่ทั้งชีวิต "

ผมไม่เคยเชื่อในข้อความนี้...จนกระทั่งวันธรรมดาวันหนึ่ง

ที่ผมเปิดมือถือขึ้นตอนเช้า

ผมได้รับข้อความ SMS บอกว่าผมมีข้อความเสียงฝากไว้ใน Voice Mail Box
 ของผมให้โทรเข้าไปฟัง...



ผมกด เข้าไปฟัง

 แต่พอฟัง...ผมกลับรู้สึกแปลกใจใหญ่เพราะเสียงของคนที่ฝากข้อความไว้นั้นผมไม่คุ้นเอาเสียเลย...

และยิ่งฟังข้อความที่ฝากไว้...ยิ่งน่าจะไม่เกี่ยวกับผมเลยด้วยซ้ำ
 แต่เสียงเศร้า
 ของชายสูงวัยนั้น

 ทำให้ผมสะดุดใจผมอย่างยิ่ง

"ชัย...นี่พ่อนะ

 พ่อพยายามติดต่อลูกหลายครั้ง
 แต่ติดต่อไม่ได้ คือ

 พ่อต้องเข้ารพ.ไปผ่าตัดอาทิตย์หน้า
 และหมอให้พ่ออยู่ที่

โรงพยาบาลตั้งแต่พรุ่งนี้..ที่บ้านไม่มีคนอยู่..ถ้าลูกว่างก็แวะมาได้ที่
 โรงพยาบาลโคราช

 บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มาก......"

เสียงปลายทาง..สิ้นสุดลง
 ผมอึ้งและ...งง

 กับข้อความที่เพิ่งฟังจบไป
 อยู่พักหนึ่ง

ผมไม่ได้ชื่อชัย...และผม
 ก็ไม่มีพ่ออยู่โคราช
 พ่อผมเสียไปนานมากแล้ว...

ผู้ชายคนนั้นคง..กดเบอร์โทรผิด
 ผมคิดแค่นั้น

 และพยายามไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งฟังมา

ทำไมต้องสนใจ????..มันไม่เกี่ยวกับผม..!


แต่ตลอดวันนั้น เสียงล้าๆ
 เหนื่อยๆ
 ของชายคนนั้นที่ฝากไว้ใน
 Voice Mail Box

 วนเวียนเข้ามารบกวนใจผมเป็นระยะ...

ผมได้แต่คิดว่า
 ผมมีสิทธิ์ที่จะลืมมัน?

 มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของผมที่จะต้องสนใจ

 กับแค่การฝากข้อความผิดเบอร์...

แต่ประโยค "บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก......"
 มันทำให้ผมรู้สึกแย่

 หากไม่ลุกมาทำอะไรสักอย่าง

ผมตัดสินใจโทรกลับไปที่หมายเลขที่โทรมาฝากข้อความไว้....ซึ่งเป็นโทรศัพท์บ้าน...

ผมโทรไปหลายต่อหลายครั้ง

 ไม่มีคนรับสาย....ใช่ป่านนี้เค้าคงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

ผมได้แต่ถอนใจและพยายามบอกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว...



แต่ตอนเย็นของวันนั้น
 ในที่สุด

 ความสำนึกดี..(ที่มีอยู่ไม่มากนักในตัวผม)

ก็(ดัน) ดลบันดาลในให้ผมหาทางออกได้ว่า

 ผมน่าจะลองโทรไปหาเบอร์มือถือที่ใกล้เคียงกับผมดู

เผื่อบางทีอาจจะมีเบอร์ใด...ที่อาจจะเป็น

 ลูกชายของคนที่ฝากข้อความไว้ก็ได้

เพราะถ้ากดผิดได้แสดงว่าหมายเลขคงจะห่างกันไม่มาก

ผมตัดสินใจไล่...กดเบอร์มือถือ

 ที่ใกล้เคียงกับเลขหมายโทรศัพท์ของผม
 ตั้งใจว่าจะกด แค่สิบเบอร์แรก...เท่านั้น

โดยเรียงจากเลขที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด...ผมทำมันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นักหรอก..

เพราะมันไม่สนุกเลยที่คุณจะต้องโทรไปหาใครที่ไม่รู้จักแล้วบอกเค้าว่า



"สวัสดีครับ

 คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ
 ใกล้เคียงกับคุณ คือ
 คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด

และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail
 ของผม คือ ท่านบอกว่า

 เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า...."



ทายซิครับ...ผมได้รับคำตอบ....อะไรบ้าง?

บ้างก็วางสายใส่อย่างไม่ปราณี...

บ้าง..ก็ถามกลับมาว่า
 คุณบ้าหรือเปล่า?

แต่คำตอบยอดนิยมที่ผมได้รับ...คือ...."ขอโทษนะค่ะ...ดิฉันไม่ซื้อประกันตอนนี้...และทำบัตรเครดิตครบทุกธนาคารแล้วค่ะ"



ผมอยากจะบ้าตาย..ผมไม่ได้พูดอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องประกันกับบัตรเครคิตซะหน่อย..เฮ้อ...

บางที...คนสมัยนี้
 คงยุ่งเกินกว่าที่จะคุยกับคนแปลกหน้า..ก็ได้...มั้ง

ผมนึกโกรธ

เจ้าความสำนึกดีในตัวเอง...ที่มันยังดึงดันพยายามต่อ...

จากที่ตั้งใจว่า จะโทรแค่10 เบอร์ที่ใกล้เคียงเท่านั้น

 แล้วผมก็ลามปราม...โทรไปถึง..สามสิบเบอร์

แต่ในที่สุด..ผมก็ต้อง..ถอนใจ...หมดหวัง..เมื่อเบอร์สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้



ผม...ตัดสินใจฝากข้อความVoice   Mail

 ของหมายเลขที่ผมลองสุ่มโทรไป...

 ด้วยประโยคที่ผมพูดซ้ำกันมากกว่า 30 รอบ อย่างเชี่ยวชาญ

"สวัสดีครับ

 คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ
 ใกล้เคียงกับคุณ คือ
 คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด

และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail
 ของผม คือ ท่านบอกว่า

 เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า.... "

ผมวางสาย...เบอร์โทรที่เป็น...เป้าหมายสุดท้าย...เสร็จสิ้นไปแล้ว...

ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่า...ผมทำดีที่สุดแล้ว...และไม่ควรรู้สึกผิดอะไรอีก

ผมหลับตานึกภาพพ่อของคนที่ชื่อชัย....ที่ต้องนอนป่วยโดดเดียวที่โรงพยาบาล

ผมได้แต่หวังว่า   เค้าจะมีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างอื่นที่ทำให้สองคนนี้ได้คุยกันได้

แต่แล้ว...สวรรค์
 ก็คงมีตาอยู่บ้าง...
(จริงๆผมว่า สวรรค์น่าจะมีCallCenterเพราะถ้ามีแค่ตาบางทีอาจจะมองไม่เห็นทุกคนที่เดือดร้อน...)



แล้วอยู่ๆ

 ก็มีเสียงโทรศัพท์จากเลขหมายหนึ่งเข้ามา....

 นั่นคือ...เลขหมายสุดท้ายที่ผมฝากข้อความไว้ใน Voice Mail นั้นเอง

"ขอโทษนะครับ...คุณใช่คนที่ฝากข้อความไว้ใน
 Voice mail ของผมหรือเปล่า?
 ผมชื่อชัย"

และแล้ว...ภาระกิจอันยิ่งใหญ่...ของผมก็สำเร็จ...เมื่อคนที่ชัยโทรกลับมาจริงๆ


แม้ในน้ำเสียงของเค้าดูจะไม่ค่อยไว้วางใจกับเรื่องที่ผมเล่าเท่าไหร่...และยังสงสัยอยู่หลายประเด็น

แต่เมื่อผมบอกว่า...เขาสามารถโทรไปสอบถาม

 ที่โรงพยาบาลโคราชได้ว่ามีชื่อพ่อเค้าอยู่หรือเปล่า

เขาวางหูและเงียบหายไปพัก...และโทรกลับมาขอบคุณผม

เพราะที่โรงพยาบาลโคราชยืนยันว่ามีคนป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่ชื่อตรงกับคุณพ่อของเค้าจริงๆ

ผม...อึงไปพัก..เมื่อรู้ว่า...น้ำเสียงล้าๆ...ที่ผมได้ยินจากVoice  Mail Box

 นั้นเกิดจากการเป็นโรคร้ายระยะสุดท้าย..

ชัยรีบเดินทางกลับไปโคราช เขาไปถึงก่อนที่พ่อจะผ่าตัด


แค่หนึ่งวัน ชัย
 โทรมาขอบคุณผมอีกครั้ง

เขาเล่าว่าสาเหตุที่..เขาต้องปิดมือถือ

 หนีหน้าครอบครัว..และคนอื่น..

เพราะธุรกิจที่เขาที่กรุงเทพมีปัญหา...เขาต้องหนีเจ้าหนี้...ที่ตามทวงอย่างหนัก

เขาบอกว่า...แต่สิ่งที่โชคดีที่สุดของเขา..ตอนนี้ อย่างน้อย  เขาก็ได้มีเวลาได้ดูแลพ่อ   แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม

ผมยังเก็บข้อความเสียงของคุณพ่อของชัยเอาไว้
 และแอบกดเข้าไปฟังอีกหลายครั้ง

เพราะ ท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย..จนไม่มีเวลาจะสนใจคนอื่น..ของผม
ข้อความเสียงนั้น ใน Voice Mail Box

 ที่ผมได้รับโดยบังเอิญนั้น...คอยเตือนให้ผมรู้ซึ้ง
 ถึงความหมายของคำว่า

"การที่เรายอมลำบากเพียงเล็กน้อย...เพื่อคนอื่นบ้างนั้น

ใครจะรู้ว่า...บางทีมันอาจจะหมายถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดของอีกคนหนึ่งก็ได้"				
4 มกราคม 2551 20:38 น.

...พริกขี้หนูกับสาคูไส้หมู...

เจน_จัดให้



          เพราะฉันมันก็แค่คนปากแข็ง
ทำเป็นแกร่งแต่หัวใจแห้งแล้ง...เธอรู้ไหม?
ทำเป็นเมิน...แต่คิดถึงเธอเหลือเกิน...จับใจ
ก่อนจะสาย...อยากบอกออกไป...i love u(อยู่ /คู่/สู้/

....................เพ้อๆๆ  เก้อๆๆ  หิวนะเออเลยกินสาคู.................

        หลังจากตรากตรำทำงานจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า  ตาเหลือบมองเห็นอะไรเป็นน่ากินไปโหม๊ดดดด........ไม่เว้นแม้กระทั่งสาคูไส้หมูที่เดินผ่านเกือบทุกวันแต่ไม่เคยคิดจะซื้อกิน........

        แต่พระเจ้าช่วยกล้วยทอด......ใครจะคิดหล่ะว่าแค่สาคูไส้หมูไม่กี่คำจะทำให้เกิดเรื่องสั้นเรื่องนี้........

............................................................................................

ต้นสาย-ปลายเหตุ......

       ในวันที่ชีวิตเราวุ่นวายหากมีใครสักคนช่วยแบ่งเบาได้  คุณจะคิดว่าเขาเป็นดั่งเจ้าชายขี่ม้าขาวเลยทีเดียว (หรือว่าไม่จริง หุหุ)

ยูสเซอร์  : สวัสดีค่ะ  พอดีทางฝ่ายได้ปรับปรุงเวบไซด์  ขอความกรุณาช่วยอัพเดทให้ด้วยนะคะ........

ไอที : ได้ครับ......จะให้อัพไฟร์ไหนบ้างครับ

ยูสเซอร์ : พอดีทำใหม่ทั้งหมดนะค่ะ  มีดาต้าเบส ด้วยรบกวนช่วยแก้ permission ด้วยนะคะ

ไอที : ได้ครับ...

ยูสเซอร์ : ขอด่วนเลยนะคะ  แบบว่าหัวหน้ารออยู่นะค่ะ

ไอที : ได้ครับ...
..............................................................................................
.......................................
(แล้วบทสนทนาที่มีแต่ศัพท์เทคนิควุ่นๆก็ดำเนินต่อไป  ควบคู่กับมุขหยอกที่ใช้แกล้มคลายเครียด)
.......................................
......................................

ได้ครับ ได้ครับ ได้ครับ แหมชอบคำนี้จัง.......มี service mind จริงๆนายคนนี้

         เป็นครั้งแรกที่วางสายจากไอทีแล้วไม่ต้องมานั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว  บางทีเหมือนไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เราเป็น-ทำอยู่  แต่เมื่อได้คุยกับใครสักคนที่สามารถแนะนำและแก้ปัญหาให้เราได้เนี่ย รู้สึกงานที่ทำมันสนุกขึ้นมางัยไม่รู้สิน่า......

.............................................................

จากนั้น-วันนี้........

         อะไรอะไร  ดูแปลกไปเมื่อความสัมพันธ์จากวันนั้น-ดำเนินมาถึงวันนี้  ความรู้สึกดีดีมีมากมาย.....ก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรดำเนินไป  แต่เหมือนมันได้ยินแต่เสียงหัวใจที่เต้นอยู่.....

............................................................

        ในความคิดที่วนเวียน.....สาคูคำแล้วคำเล่าก็เข้าปาก.....แต่เอ......เค้าให้พริกขี้หนูมาด้วยทำไมนิ......ให้มาทำไม?

        แต่ถ้าไม่มีประโยชน์อันใดเค้าจะให้มาด้วยทำไมหล่ะ......แต่เอ......เคยเห็นพ่อก็กิน แม่ก็กิน  ใครๆเค้าก็กินแกล้มกันนี่น๊ะ......หรือว่ามันไม่เผ็ด

       แต่นี่มันพริกจริงๆนะไม่ใช่ลูกชุบรูปพริก.......เผ็ดน่า......อย่าดีกว่า......กินไปเผ็ดตายเลย......เผ็ดตายเลยจริงเหรอ?.........

       แค่เผ็ดไม่ตายหรอกน่า........"จะเถียงกันอีกนานมั๊ยเนี่ย" ..........คิดไม่ทันขาดตอนด้วยความอยากลอง  พริกเม็ดนั้นพร้อมกับสาคูก็เข้าปากไปเรียบร้อยแล้ว
       เคียวและเคียว......อ่อ.......มันเป็นอย่างนี้นี่เอง นี่หรือเปล่าน๊ะที่เค้าเรียกว่า

"เผ็ดแต่อร่อย"  หุหุ

โอ้ยยมะไหวแล้ว  กลิ่นส้มตำลอยเตะจมูก ขอตัวไปโซ๊ยยยก่อนน๊ะ  
ขอบคุณทุกท่านที่ผ่านมาอ่านความคิดในวันนี้......ไร้สาระไปหน่อย  แต่อย่างน้อยอ่านมาจนถึงตรงนี้  บางท่านคงอยากลองกินสาคูไส้หมูกับพริกขี้หนูขึ้นมาบ้าง.....

ยังมีสิ่งที่รอการพิสูจน์อยู่อีกมากมายในโลกนี้....ต่างคนต่างเจอต่างประสบการณ์				
Calendar
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจน_จัดให้
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจน_จัดให้
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจน_จัดให้