21 ธันวาคม 2550 11:33 น.

กายนคร

เทพระวี

หนึ่งวาหนึ่งวาดกว้าง     กางมือ

หนึ่งชีพหนึ่งนี้คือ         โลกกว้าง

หนึ่งร่างหนึ่งนี้หรือ       มนุษย์

หนึ่งสุดหนึ่งสืบสร้าง    ถักร้อยรอยชะตา

สองตาสองส่องค้น      หมายใด

ตาสบตากระทบใจ     จิตสะท้าน

เพ่งจิตคิดร่ำไป         ส่องส่าย

ชังชอบรอบรู้ด้าน     เหลี่ยมล้อมกายา

สองหูสองส่องก้อง   สรรพสำเนียง

กระทบสบสรรพเสียง  กึกก้อง

เพ่งจิตคิดเรียบเรียง     จังหวะ

ชังชอบรอบรู้ร้อง       เหลี่ยมห้องกายา

หนึ่งปากหนึ่งจีบป้อง  วาจา

พร่ำร่ำพรูพรั่งมา      หยาดถ้อย

เพ่งจิตคิดค้างคา      ลมปาก

ชังชอบรอบรู้ร้อย   เหลี่ยมล้อมกายา

ครองนครหนึ่งนี่นี้   อย่างไร

ร้อนรุ่มดั่งสุมไฟ     แผดบ้าน

หรือเย็นชุ่มหัวใจ    เป็นสุข

ชังชอบรอบรู้ด้าน   ลึกตื้นตื่นเตือน

********				
20 ธันวาคม 2550 17:17 น.

ประทังทาน

เทพระวี

ไก่ย่างเนื้อย่างเนื้อ     หยุดสวรรค์

ปลาย่างหยุดคืนวัน   ขยับย้าย

นมย่างตับย่างยัน     ลิ้นย่าง

โชยกลิ่นน้ำลายป้าย   ยั่วย้ำลำคอ

ต้มข่าไก่ขดไส้       สั่นสะเทือน

ต้มเปื่อยฟ้าดินเตือน  แบ่งบ้าง

ต้มเปรตยิ่งย้ำเยือน   เยี่ยมกระเพาะ

ต้มเผ็ดพริกจัดจ้าง  บาดลิ้นยินดี

เนื้อสดเนื้อลาบก้อย  ซอยมา

มะนาวบีบดับดวงตา  พยาธิสิ้น

พริกผงนรกเรียกหา   ซ่านแสบ

เพี้ยขมอวลโคนลิ้น   ขบเคี้ยวหวานคอ

*******************

สบตาอากาศกว้าง   จินตนา

ข้าวเปล่ากับน้ำปลา  อยู่หน้า

บรรจงหยดเยียวยา    ชีวิต

ข้าวเม็ดทุกเม็ดข้า   เก็บลิ้มเลียจาน				
10 ธันวาคม 2550 10:31 น.

สตรีศรีคนยาก

เทพระวี

กราบดินสิ้นแม่แล้ว  กำสรวล

หล้าแหล่งแผ่นดินครวญ  ร่ำไห้

กราบฟ้าฝากวิญญ์นวล   คืนสู่

หญิงแห่งคนยากไร้  ปากป้องทวงแทน

****

ค่ำคืนดาวเกลื่อนฟ้า  ฟากไกล

คืนมืดดาวส่องใด  แบ่งบ้าง

ดาวตกอกหายใจ   วาบหวั่น

ใดเปลี่ยนหนอเดือนร้าง  พุ่งไต้วาบลา

ใดใดในโลกล้วน  อนิจจัง

ใครอยู่ใครยืนยัง  ทุกข์ร้อย

ใครลาลับแรมรัง  ทุกข์หมด

ใครอยู่อีกเศร้าสร้อย  กี่ร้อยรำพัน

กั้นอื่นคงกักแล้ว  ขาดกัน

กั้นมั่นสายสัมพันธ์  ฤากั้น

กั้นแล้วแยกจากกัน  ต่างภพ

ใจส่งใจไปนั้น  แนบไว้เดียวแดน

แสนอาลัยอกโอ้  อาลัย

ใครอีกใครหนอใคร  ร่วมช้ำ

สุดบุญสุดกรรมไป  จุติ

สู่สุขคติแดนล้ำ  เลิศพู้นเมืองสวรรค์

*********

แทนกลิ่นธูป  เปลวเทียน

คารวะสตรีศรีคนยาก

วนิดา  ตันติวิทยาพิทักษ์				
9 ธันวาคม 2550 13:47 น.

ลมหนาว

เทพระวี

ลมหนาวเยือนเเผ่นหล้า         น้ำตา   ใครหลั่ง

เย็นเหน็บหนังเนื้อหนา         ยอกเนื้อ

สั่นเทาแต่ใดมา                 ครบรอบ

ปีเก่าปีใหม่เชื้อ                 ชอกไข้เข็ดหนาว

สองมืออังอุ่นรู้                 เพียงกาย

ในอกหนาวเดียวดาย          กว่าเนื้อ

ขาดหลานขาดลูกราย         รอบร่าง

ไฟอุ่นบ่อุ่นเกื้อ                แทรกเข้าดวงใจ

มาลูกมาสู่บ้าน               เรือนนอน

ใจแม่ร้าวรอนรอน           อยากใกล้

กล่อมเคยกล่อมอาทร        ให้หลับ

เลือนเปล่าแม่ร่ำไห้           อกโอ้อาวรณ์

พ่อแก่แม่เฒ่าร้าว             ทรวงใน

หนาวนอกพอทนไหว        เศษก้อย

เฝ้าเรือนอยู่ผิงไฟ             หดหู่

ลูกจากพรากหลานน้อย      ภาพไว้เพียงดู

ดุเหว่าแว่วแว่วแล้ว         หูเฟือน

ไพรกล่อมเพลงมาเตือน     บอกบ้าง

น้ำค้างเผาะแย้มเยือน       ใบญ่า

น้ำอาบแก้มแม่ล้าง         โศกได้ใดกัน

หนาวเอยหนาวฝากด้วย    ลูกหลาน

อยู่สุขอยู่สำราญ             ทุกผู้

เจ็บไข้อย่าแผ้วพาล          เลยผ่าน

ลูกอยู่แม่อยู่รู้                ฝากไว้กับลม				
9 ธันวาคม 2550 09:36 น.

อารมณ์

เทพระวี

กุหลาบป่าเปล่าสีจริตแต้ม

เจ้างามแย้มงามบริสุทธิ์อยู่สุดป่า

น้อยหนามคมที่เหมาะสมราคา

เจ้างามล่อ รอ คนมา มาเด็ดไป

เจ้าบานสวยบานงามอยู่ตามป่า

ไม่เคยรู้ว่า โดนเก็บจะเจ็บมั๊ย

เด็ดแล้วดอม ดมแล้วทิ้งไม่ใส่ใจ

เจ้าต้องร่วงลงใส่ในพื้นดิน

แล้วเจ้าโรยราแห้งในแห่งนั้น

ทิ้งความฝันครั้งจากไกลจากถิ่น

ว่าจะบานให้สล้างให้ระบิล

แต่กลับแห้งจากถิ่นไม่ไกลนัก

หวังอะไร มากไป กับความหวัง

ครั้งทุกครั้ง หวังทุกหวัง ล้วนมีอุปสรรค

ต้องเผื่อใจแบ่งไว้เก็บกัก

ยามพลาดแพ้พัก เอาออกใช้บอกใจ

คงยินแต่เสียงร่ำไห้ อาลัยเจ้า

เพื่อนเพื่อนเจ้าถิ่นเก่าเขาห่มไห้

ชบาช่อกลีบอิ่มปริ่มว่าจะขาดใจ

ดอกไม้ดง ทั้งพงไพร ใจเจ็บแทน

เป็นตำนานให้ลูกหลาน กุหลาบป่า

เรื่องธรรมดา แต่เจ็บปวดรวดเหลือแสน

ใครจะหยัน ช่างมันใครดูแคลน

ถ้า สูมีมือแขน แขนสู จะสู้ ....มั๊ย....?				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเทพระวี
Lovings  เทพระวี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเทพระวี
Lovings  เทพระวี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเทพระวี
Lovings  เทพระวี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเทพระวี