18 พฤศจิกายน 2552 05:24 น.

... รื่นรมย์...ชมเรือ ...

เพรง.พเยีย


๏  งามล้ำลอยดุจแก้ว........กลางสินธุ์
โดยศักดิ์เพียงบดินทร์.......เสด็จได้  
พายท่าปักษาบิน..............บ่งท่วง  ทีแล
สมสง่านาวาไท้..............ดั่งพร้อง "สุพรรณหงส์" ฯ

๏  ทรงครุฑพ่าห์ปีกช้อย....เฉิดฉาย
หนึ่งพักตร์สี่กรผาย..........ศาสตร์พร้อม
จำหลักรูป "นารายณ์........ทรงสุ  บรรณ" เนอ
ลอยท่ามนาวาล้อม..........แม่นริ้วกระบวนสวรรค์ ฯ

๏  ฤๅนิมิตแต่เบื้อง...........บาดาล
แปลงเจ็ดเศียรบรรสาร......สู่หล้า
"อนันตนาคราช" ขาน.......นามกล่าว  ประทานแฮ
ลอยแล่นราวยั่วฟ้า...........ออกเย้ากลางสินธุ์ ฯ

๏  นาคีชวนเพ่งพ้อง.........พิศวง
ลวดลายจำหลักลง...........รอบล้อม
"เอนกชาติภุชงค์"............นาเวศ  ไท้แฮ
ลอยเห่พายพรักพร้อม......พิศแม้นอวดสมัย ฯ

๏  โขนเรือเชิดรูปดั้ง.........สูงยาว
นาม "เอกชัยเหินหาว"......ศักดิ์ใช้  
เรือชักลากนำคราว...........พยุหยาต  ราแฮ
จำหลักเหราไว้.................ประณีตล้ำบุราณศิลป์ ฯ

๏  "ครุฑเหินเห็จ" มากล้ำ...ฤทธี
กางปีกจับนาคี................อวดอ้า 
ตาแดงดั่งอัคนี................พริบพุ่ง  เผาเนอ
เห่แล่นราวเหาะหล้า.........ล่วงทั้งฝั่งหาว ฯ

๏  วายุบุตรหนึ่งผู้.............อาจหาญ 
ประยักษ์ผองเข้าผลาญ.....ไป่คร้าม
"กระบี่ปราบเมืองมาร".....หมายกล่าว  ยอนา
ยามล่องราวเหาะข้าม.......แล่นโล้ดุจเหิน ฯ

๏  "อสุรวายุภักษ์" เค้า......ปักษี
อีกครึ่งอสุรี.....................ราพณ์พ้อง
ลอยท่ามชลธี.................ร่วมเทิด  ไท้แฮ
เฉกโลกสามแซ่ซ้อง........ต่างพร้อมสรรเสริญ  ฯ

๏  ลอยลำประกาศก้อง......เกียรตินาม
อารยะศิลป์สยาม..............ยิ่งอะเคื้อ
ชนเหล่าทุกเขตคาม.........ต่างแซ่ ซ้องเนอ
หลอมจิตวิญญาณเชื้อ.......ชาติไว้ประจักษ์เห็น ฯ 


Boat01.jpgBoat03.jpgBoat04.jpgBoat05.jpgBoat06.jpgBoat07.jpgBoat08.jpgBoat09-1.jpgBoat10-2.jpgBoat11-1.jpgBoat12-1.jpgBoat13-1.jpgBoat15-1.jpg				
14 ตุลาคม 2552 05:28 น.

...ภาพเงา ในเช้าหนึ่ง...

เพรง.พเยีย


1.
๏  แล้วอีกวันตาตื่นกับชื่นเช้า  
รอยแสงเงาทอดทาบอยู่วาบไหว
ราวเจ้าโบกมือทักขึ้นกวักไกว  
เมื่อกิ่งใบไม้แกว่งด้วยแรงลม

๏  ฟ้าสีฟ้าระบายตัวไปทั่วฟ้า  
สีเมฆพาขาวแซมแต้มประสม
เขียนรอยยิ้มแฝงรอยแห่งอารมณ์  
หมื่นคำคมซ่อนปน..อยู่บนนั้น

๏  สองปีกบาง..บินร้องท่องอิสระ  
แม้ขณะโลกสรวล..หรือโศกศัลย์
เสียงฮัมเพลงหนึ่งหลอมไปพร้อมกัน 
นัยประพันธ์ละเลียดล้ำกับคำนึง


2.
๏  เป็นสิทธิ์ของหัวใจได้ดื่มด่ำ  
ที่ลึกล้ำ..จนเกินประเมินถึง
ทุกร่องรอยเวลายังตราตรึง  
กับเพียงหนึ่งรอยร่างอันห่างไกล

๏  วันเดือนปี..ดำเนินจนเหินห่าง  
แม้หมดทางหวนวันถึงกันได้
ตระหนักดี..ที่เป็นนั้นเช่นไร    
สำหรับใจ..ไม่เคยมี..แม้ที่ยืน

๏  รู้ดี..อย่างไรก็ไม่รัก     
แต่จะหักอย่างไร..ใจยังฝืน
น้ำตามีไหลบ้างในบางคืน  
เพื่อตาตื่นใจกลับ..ยอมรับมัน

๏  ความรักที่เธอว่า..น่าหัวเราะ   
หรือมองเยาะยิ้มตามด้วยหยามหยัน  
ด้วยเหตุผลรองรับ..อยู่นับพัน  
หรือมีวันเธอเล่า..จะเข้าใจ

๏  รักของฉันไร้เลศ..ไร้เหตุผล  
ประสาคนรู้จัก..จะรักได้
มิรู้หรอกว่ารักสักเท่าใด  
นานเท่าไร..ยังผูกพันอย่างมั่นคง

๏  รู้ว่ามิได้เป็น..เช่นดอกฟ้า  
อันสูงค่าพร้อมงามในร่างหงส์
เพียงดอกไม้รอวันกำนัลลง  
มอบบรรจงแด่หมาย..ที่ชายเดียว

๏  แม้มิได้รักตอบ..ก็ชอบธรรม  
จึงมิร่ำขอร้องตามข้องเกี่ยว
ถึงดอกไม้โรยกลีบจนรีบเรียว  
ก็เพียงเหลียวคอยเหมือนเสมอมา

๏  ให้ความเงียบ..รายรอบที่ครอบคลุม 
คอยโอบอุ้มความคิดถึงที่โถมถา
ให้การเลือนลับหายจากสายตา  
แอบข้ามพาผูกปลายแห่งสายใจ

๏  เขียนรอยยิ้มอักษร..บนก้อนเมฆ 
ลอยโยกเยกท่ามกลาง..ฟ้ากว้างใหญ่
ฝากเอาความคำนึงส่งถึงไป  
เผื่อวันไหนเธอทอดแขน..ขึ้นแหงนมอง

๏  ปล่อยเสียงฮัมเพลงรักพร้อมปักษา    
เห่เวลารอคอยให้ลอยล่อง
เสียงเพลงแผ่วซ้ำซ้ำผ่านทำนอง     
มันคงก้อง..เพียงเธอใช้..หัวใจฟัง

๏  มีแสงแดดแทนแขนอุ่น..ละมุนอ่อน     
โอบอาทรโมงยามแห่งความหลัง
เช็ดน้ำตายามไห้ไหลประดัง      
ที่บางครั้งหลั่งคอย..อย่างน้อยใจ


3.
๏  แดดละมุนทอดเงา..ในเช้าหนึ่ง    
รอยคำนึงถึงนั้นยังสั่นไหว
วันเดือนปีทอดเงาอีกเท่าไร
จะดับความเป็นไป..ไม่อาจรู้..				
24 สิงหาคม 2552 05:38 น.

เพียงเพื่อจะเลือนลับ

เพรง.พเยีย


๏ เนิ่นนานปลิวปรายสายลมหนาว  
กรีดร้าวเกินกั้นความหวั่นไหว
ปลิดเถิดปลิดปล่อย..ล่องลอยไป   
โหยไห้เก็บกล้ำกับคำนึง

๏ อิงแอบหม่นว้างอยู่อย่างนั้น   
เงียบงันเหมือนสิทธิ์เพียงคิดถึง
ล่วงรอยเวลาอันตราตรึง   
ให้หนึ่งคืนหนาว..ช่างยาวนาน

๏ ซ่อนหน้าผ่านคืนอันขื่นขม   
โบยบ่มวิญญาณ์ด้วยพร่าผลาญ
เหลือเพียงเศษฝันจากวันวาร   
โลมรานคืนเหงาที่เปล่าดาย

๏ สองฝั่งทางฝันเกินบรรจบ  
เพียงพบ..พริบตาแล้วพร่าหาย
เพียงลู่ริ้วลม..ผ่านพรมปราย  
เกินหมายคืนมา..ร่วมฟ้าเดียว..

๏ เหลือหนึ่งปลดเปลื้องอยู่เบื้องหลัง    
บนฝั่งทางฝันอันเปล่าเปลี่ยว
เฝ้าลบรอยอดีตอันซีดเซียว  
ปลดเสี้ยววันเก่าสู่เถ้าธาร

๏ ลิ่วลอยไหลล่องละอองรัก  
ประจักษ์แล้วเช่น..เส้นขนาน  
ปลดปล่อย..เลือนหาย..กับสายกาล       
กลืนผ่านลอยหาย..กับสายลม				
12 กรกฎาคม 2552 11:27 น.

... บุษบาอธิษฐาน ...

เพรง.พเยีย


๏  มะลิร้อยถวายลงหน้าองค์พระ  
พวงอุบะ..รักร้อยเป็นสร้อยสาย
กลีบใบแก้วแซมอวดเป็นลวดลาย  
ลูกถวายหมายนำเพื่อบำบวง

๏  จุดธูปเทียนน้อมจิตอธิษฐาน  
ขอประทานพรสวรรค์ทุกชั้นสรวง
ช่วยดับเถิดหมองไหม้ข้างในทรวง  
ที่ปานห้วงหุบเหวแห่งเปลวไฟ

๏  สองมือลูกกราบขอ..หลวงพ่อขา...  
โปรดเมตตา..ลูกหน่อยจะได้ไหม
ลูกนี้บาปหนัก..นักหรือไร   
จึงต้องไห้สาหัสถึงบัดนี้

๏  หลวงพ่อเจ้าขา...   
สิ้นแล้วค่าความรักและศักดิ์ศรี
เขาทำเหมือนหัวใจไม่เคยมี   
เหลือเกินที่ใจคนจะทนทาน

๏  มิรู้เลยผ่านมาคือยาพิษ      
เขาประดิษฐ์ซ่อนใส่ในคำหวาน
จึงเผลอไผลเสพสิ้นทั้งวิญญาณ  
โอ้น้ำตาล...กร่อนกินแทบสิ้นใจ

๏  หลวงพ่อเจ้าขา...   
สุดปัญญาลูกแท้จะแก้ไข
ทุกข์ร้อนราวเพลิงทัณฑ์..ทำฉันใด  
ดับพ้นได้..วิญญาณอันซานซม

๏  หรือคือบาปหนี้รักอันหนักแสน  
ให้หวนแม้นคืนมาอย่างสาสม
เสียงเขาเย้ยหมิ่นหยามดั่งหนามคม  
กรีดแผลจมลึกซ้ำลงทำร้าย 

๏  หลวงพ่อขา..ขอแรงสักแสงนำ-    
ใจคนช้ำเจียนล่มแหลกสลาย
รักษารอยแผลตรม..ผู้งมงาย   
แม้ใจกายถวายวัด..ก็จะยอม..
				
22 เมษายน 2552 04:57 น.

... รอยร่ำแห่งคำนึง ...

เพรง.พเยีย


๑
๏  คล้ายว่าหายเลือนลับในหลับฝัน  
สงัดงันจนเสมือนหยุดเคลื่อนไหว
สงบนิ่งท่ามโลกว้าง..อันห่างไกล   
นานเท่าไร..ผ่านคล้อยกับรอยทาง   


๒
๏  เธออาจมอง..อาจเห็นอยู่เช่นนั้น  
ปล่อยเงียบงันดำเนินจนเหินห่าง
เหมือนสัมพันธ์นั้นเป็น..เพียงเส้นฟาง  
แสนบอบบาง..แค่เพียงหยาด..ก็ขาดลง

๏  แต่รู้ไหม..นัยรอยที่ไร้ร่าง   
ยังพรายพร่างแฝงรอยมาคอยส่ง  
มอบคำนึงสู่ขวัญอย่างบรรจง   
และมั่นคงเช่นคำอยู่ร่ำไป

๏  เหมือนตะวัน..คงเรืองอยู่เบื้องฟ้า  
เหมือนจันทรา..ทอรับขึ้นขับไข
เหมือนดวงดาว..คอยดูแม้อยู่ไกล   
เหมือนหัวใจเจ้าเอย..มิเคยคลาย

๏  แม้-อยู่-เป็น..เสมือนว่าเพียงอากาศ  
อณูธาตุ..ไร้นาม..ไร้ความหมาย
หากหนึ่งในอณูลม..ที่พรมพราย   
แทรกหนึ่งสายลมร่ำ..คือคำนึง

๏  คือคีตาแห่งจินต์เพื่อยินเสียง   
ที่ร้อยเรียงจำนงมาส่งถึง
ผ่านรอยกาลอำลาอันตราตรึง     
แด่เพียงหนึ่งผู้ประทับ..แม้ลับลา

๏  บนวิถีสั่งสมด้วยลมหนาว   
สลักพราวด้วยปวงความห่วงหา
แม้มิเคยต้องประจักษ์..ในสักครา   
สำหรับค่า..รอยจารในม่านเงา


๓.
๏  ในม่านเงาจำหลัก..แห่งอักษร   
คืออาทร..แฝงรอยมาคอยเฝ้า
มอบแด่เธอ..ชลกานต์..ตราบนานเนา  
จากใจเจ้า..เพรงผกา..จนกว่าวาย..
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพรง.พเยีย