นิทานก่อนนอน : มอมแมม (The Story Of Cinderella) ตอนแรก

Prayad

ในกาลครั้งหนึ่งยังมีเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งมีภรรยากำลังป่วยหนัก ครั้นเธอรู้ตัวดีว่าเวลาสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามาถึง
แล้ว เธอจึงเรียกลูกสาวคนเดียวของเธอเข้ามาหาที่ห้องนอนและกล่าวขึ้นว่า
“ลูกสุดที่รักของแม่  จงทำแต่ความดีและเป็นคนดีนะ แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะคุ้มครอง แม่เองก็จะคอยดูแลลูกจาก
เบื้องบนและจะอยู่กับลูก”
แล้วเธอก็หลับตาลงและจากไปอย่างสงบ  ลูกสาวผู้น่าสงสาร ก็จะไปที่หลุมฝังศพของแม่อยู่เป็นประจำทุกวัน 
และได้แต่คร่ำครวญร้องไห้ถึงแม่   กระนั้นเธอก็เพียรตั้งอยู่แต่ในคุณงามความดีและเป็นคนดีมาโดยตลอด
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว หิมะก็ตกปกคลุมหลุมฝังศพดูขาวโพลนไปหมดและเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หิมะก็เริ่ม
ละลายและจางหายไป  พร้อมกับการแต่งงานใหม่ของพ่อหม้ายเศรษฐีคนนั้น
ภรรยาใหม่ของเศรษฐีได้นำบุตรสาวสองคน ที่เกิดกับสามีเก่า เข้ามาอยู่อาศัยด้วยกับเธอ  ดูจากภายนอกแล้ว 
บุตรสาวทั้งสองคนต่างก็มีรูปร่างสวยสดงดงาม แต่หัวใจของเขาทั้งสองกลับดำและอัปลักษณ์  
ในเวลาต่อมาพวกเขาก็เริ่มกระทำแต่ความเลวร้ายต่อลูกเลี้ยงผู้น่าสงสารคนนั้น
“คนโง่ๆอย่างนี้สมควรจะมานั่งร่วมห้องกับพวกเราด้วยเรอะ” พวกเขาพูดขึ้น  
“ใครที่กินข้าวก็จะต้องใช้ค่าข้าว  ไปเป็นคนใช้ในครัวไป๊!”
พวกเขาก็ให้เธอถอดเสื้อผ้าสวยๆออก และเอาไปเสียจากเธอ แล้วให้เสื้อคลุมเก่าๆกับรองเท้าที่ทำด้วยไม้แก่
เธอ แทนของสวยงามเหล่านั้น
“นี่ เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ดูสิว่าเธอฉลององค์เป็นอย่างไร!”  พวกเขาพูดประชดกับทั้งหัวเราะเยาะและขับไส
ให้เธอไปอยู่ในครัว  เธอถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนักตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงค่ำมืดดึกดื่น เธอต้องตื่นนอนแต่
เช้าตรู่เพื่อไปตักน้ำจากบ่อ  แล้วมาก่อไฟ ทำกับข้าว ล้างถ้วยล้างชามและซักเสื้อผ้า  นอกจากนั้น พี่สาวทั้งสอง
ของเธอ ก็มักจะกลั่นแกล้ง ให้ได้รับความยากลำบากอยู่ตลอดเวลา  พวกเขาจะหว่านเมล็ดถั่วจำนวนมากลงไป
ในเถ้าถ่าน แล้วบอกให้เธอคอยตามเก็บกลับมาให้หมด  
ครั้นถึงตอนเย็นหลังจากที่เธอเหน็ดเหนื่อย จากการตรากตรำทำงานมาตลอดทั้งวัน พวกเขาก็ไม่มีที่นอนอัน
อ่อนนุ่มให้  แต่กลับบังคับให้เธอใช้เชิงไฟในครัวเป็นที่พักหลับนอน อยู่ท่ามกลางเถ้าถ่านข้างกองไฟ  ด้วย
เหตุนั้นตามตัวของเธอจึงสกปรกและมอมแมมไปด้วยฝุ่นขี้เถ้าจากครัวไฟ  พวกเขาจึงเรียกเธอว่า มอมแมม
ต่อมาในวันหนึ่ง พ่อของเธอจะเข้าไปเที่ยวงานออกร้านในเมือง จึงถามลูกเลี้ยงทั้งสองว่าอยากได้อะไร พ่อจะ
ซื้อมาฝาก
“อยากได้เสื้อผ้าสวยๆ” คนหนึ่งตอบ
“อยากได้เครื่องประดับที่ทำด้วยไข่มุกและพลอย” อีกคนหนึ่งตอบ
“แล้วเจ้าล่ะ  มอมแมม อยากได้อะไร” พ่อถามเธอ
“คุณพ่อคะ หนูอยากได้แท่งไม้ขนาดพอใช้สำหรับกางหมวกออกไม่ให้ตกมาปิดตา เวลาใส่เดินกลับบ้าน 
แค่นี้ล่ะค่ะ ที่อยากให้คุณพ่อนำมาให้”
ดังนั้นเขาจึงซื้อเสื้อผ้าที่สวยงาม ไข่มุก และพลอย สำหรับลูกเลี้ยงทั้งสอง  แต่ในระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับบ้าน 
เขาต้องเดินลัดเลาะผ่านไปตามป่าละเมาะ บังเอิญกิ่งไม้ข้างทางได้ทิ่มหมวกของเขาเข้าพอดี  เขาจึงดึงมันออก
และหักเก็บใส่กระเป๋านำกลับบ้านมาด้วย  ครั้นถึงบ้าน ลูกเลี้ยงทั้งสองต่างก็ได้รับของที่พวกเธอปรารถนาจาก
พ่อเศรษฐีทุกประการ ขณะเดียวกันเขาก็หยิบแท่งไม้ที่หักมาระหว่างทางให้กับมอมแมม
เธอกล่าวขอบคุณแก่คุณพ่อ แล้วก็นำเอาแท่งไม้ที่ยังเป็นอยู่นั้นไปปลูกลงที่หลุมฝังศพของแม่   เธอได้แต่ร่ำ
ไห้ด้วยความขมขื่น จนน้ำตานองและราดรดไปบนต้นไม้  จึงเป็นเหตุให้ต้นไม้นั้นงอกงาม และผลิใบเติบโตขึ้น
เป็นต้นเล็กๆ  มอมแมมจะออกไปดูต้นไม้ของเธอวันละสามครั้ง  เฝ้าแต่ร่ำไห้และวิงวอนอธิษฐาน 
แต่ละครั้งก็จะมีนกสีขาวมาปรากฏอยู่บนต้นไม้นั้น และหากเธอปรารถนาในสิ่งใดก็ตาม นกตัวนั้นก็จะนำสิ่งที่
เธอปรารถนามาให้ทุกประการ
ในเวลาต่อมาพระราชาได้จัดให้มีงานฉลองเลี้ยง เป็นเวลาสามวันสำหรับหญิงสาวผู้มีความงามจากทั่วราชอา
ณาจักรที่ปรารถนาจะมาร่วมงานเลี้ยง ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดโอกาส ให้พระราชโอรสของพระองค์ได้ทรงเลือกเป็น
เจ้าสาว และเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสต่อไป  
เมื่อข่าวนี้เป็นที่ทราบถึงลูกเลี้ยงทั้งสอง พวกเธอก็มีความยินดีและปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง  และยังได้เรียกหา
มอมแมมแล้วพูดกับเธอว่า
“เร็วเข้า!  มาหวีผมให้พวกเรา ขัดรองเท้า และปรับสายเข็มขัดให้ด้วย พวกเรากำลังจะไปร่วมงานราตรีราช
สโมสร ยังมหาปราสาทของพระราชา”
ข่าวนี้ทำให้มอมแมมรู้สึกกล้ำกลืนและฝืนทน เธออดที่จะร้องไห้ไม่ได้   ด้วยว่าเธอเองก็ปรารถนา ที่จะได้ไป
ร่วมงานกินเลี้ยงและเต้นรำเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงได้เอ่ยปากเพื่อขออนุญาตต่อแม่เลี้ยง
“อะไรกัน  มอมแมม!” นางตวาดขึ้น 
“สารรูปที่สกปรกมอมแมม แถมยังเต็มไปด้วยเถ้าถ่านอย่างนี้นะเร่อ ก็ยังอยากจะไปร่วมงานเลี้ยง! เสื้อผ้าอา
ภรณ์และรองเท้าก็ไม่มี! แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า อยากจะไปร่วมเต้นรำ!”
ครั้นเธอรบเร้าแม่เลี้ยงอย่างไม่ลดละ  นางจึงพูดกับเธอว่า
“เอาล่ะ  บังเอิญฉันทำถ้วยเมล็ดถั่วหกกระจัดกระจาย ลงในกองขี้เถ้า หากเจ้าสามารถเก็บมาคืนใส่ถ้วยไว้
อย่างเดิมให้เสร็จภายในสองชั่วโมง  เจ้าก็อาจจะได้ไปกับพวกเรา”
ด้วยเหตุนั้นมอมแมม แม่ครัวผู้น่าสงสารจึงเดินไปที่ประตูหลังบ้านซึ่งเปิดออกสู่สวนหลังบ้าน  แล้วเธอก็เอ่ย
ขึ้นว่า
“โอ…พิราบ  กระจาบ มวลหมู่นก
โปรดช่วยเก็บถั่วหกตกในเถ้า
เลือกถั่วดีเก็บไว้ใส่ถ้วยเรา
ถั่วเสียเล่าเจ้าอาจเก็บไว้กินเอง”
ครู่ต่อมาก็มีนกพิราบสีขาวสองตัวบินมา ที่หน้าต่างของห้องครัว  ตามด้วยหมู่นกกระจาบ และท้ายที่สุดก็เป็นฝูง
นกจำนวนมหาศาลจากทั่วท้องนภา  บินว่อนจนลานตาไปหมด  แล้วพวกมันก็พากันเรียงรายเข้ามายังกองขี้
เถ้าอย่างเป็นระเบียบ  ต่างก็ช่วยกันจิกเมล็ดถั่วแล้ววาง  จิกแล้ววาง  จิกแล้ววาง เฉพาะเมล็ดที่ดีๆลงในถ้วย  
ยังไม่ทันถึงหนึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย  แล้วฝูงนกทั้งหลายเหล่านั้นก็บินจากไป  
มอมแมมจึงนำถ้วยเมล็ดถั่วนั้นไปให้แม่เลี้ยง ในใจก็รู้สึกเบิกบานด้วยคิดว่า คราวนี้เธอคงจะได้ไปร่วมงาน
เลี้ยง  แต่แล้วแม่เลี้ยงก็พูดกับเธอว่า
“เจ้าไปไม่ได้หรอกมอมแมม  เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เหมาะสมเจ้าก็ไม่มี  ซ้ำร้ายเต้นรำเจ้าก็ทำไม่เป็น ผู้คนเขาจะ
ได้หัวเราะเยาะเจ้า!”
มอมแมมจึงได้แต่ร้องห่มร้องไห้ด้วยความผิดหวัง  แม่เลี้ยงของเธอจึงได้พูดอีกครั้งว่า
“เอาล่ะ  ถ้าเจ้าสามารถเก็บเมล็ดถั่วสองถ้วยเต็มๆที่หล่นกระจัดกระจายอยู่ในกองขี้เถ้าขึ้นมาได้หมดอย่าง
เรียบร้อยและสะอาดหมดจด  เจ้าก็อาจจะได้ไปกับพวกเรา”  
ด้วยนางคิดในใจว่าอย่างไรเสียก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน  เพราะนางเป็นคนเทเมล็ดถั่วสองถ้วยเต็มๆกระ
จัดกระจายลงในกองขี้เถ้านั้นด้วยตนเอง    ด้วยเหตุนั้นมอมแมม แม่ครัวผู้น่าสงสารจึงเดินไปที่ประตูหลังบ้าน
ซึ่งเปิดออกสู่สวนหลังบ้าน  แล้วเธอก็เอ่ยขึ้นอีกว่า
“โอ…พิราบ  กระจาบ มวลหมู่นก
โปรดช่วยเก็บถั่วหกตกในเถ้า
เลือกถั่วดีเก็บไว้ใส่ถ้วยเรา
ถั่วเสียเล่าเจ้าอาจเก็บไว้กินเอง”
ครู่ต่อมาก็มีนกพิราบสีขาวสองตัวบินมา ที่หน้าต่างของห้องครัวอีก  ตามด้วยหมู่นกกระจาบ และท้ายที่สุดก็เป็น
ฝูงนกจำนวนมหาศาลจากทั่วท้องนภา  บินว่อนจนลานตาไปหมด  แล้วพวกมันก็พากันเรียงราย เข้ามายังกอง
ขี้เถ้าอย่างเป็นระเบียบ  ต่างก็ช่วยกันจิกเมล็ดถั่วแล้ววาง  จิกแล้ววาง  จิกแล้ววาง เฉพาะเมล็ดที่ดีๆลงในถ้วย  
ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย  แล้วฝูงนกทั้งหลายเหล่านั้นก็บินจากไป  
มอมแมมจึงนำถ้วยเมล็ดถั่วนั้นไปให้แม่เลี้ยง ในใจก็รู้สึกเบิกบานด้วยคิดว่า คราวนี้เธอคงจะได้ไปร่วมงาน
เลี้ยง  แต่แล้วแม่เลี้ยงก็พูดกับเธอว่า
“เจ้าไม่เหมาะกับงานนี้หรอก  เจ้าไม่ต้องไปกับพวกเรา เพราะเจ้าไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสม  เต้นรำก็ไม่เป็น 
รังแต่จะทำให้พวกเราได้รับความอับอาย”
จากนั้นนางก็หันหลังให้มอมแมมผู้น่าสงสาร  แล้วกระวีกระวาดจัดแจงรีบพาลูกสาวทั้งสอง ผู้หยิ่งยโสของนาง 
ออกจากบ้านไปทันที
ครั้นไม่มีใครอยู่ที่บ้านแล้ว  มอมแมมจึงไปที่หลุมฝังศพของแม่  ณ ใต้ต้นไม้นั้น เธอได้ร่ำไห้และเอ่ยขึ้นว่า
“โอ…ต้นไม้น้อย ค่อยไหวใบสั่นซู่
โปรดร่วงพรูเงินทองผุดผ่องใส
ประดับกายเรืองรองผ่องอำไพ
งามวิไลดุจนางฟ้าโสภาพรรณ”
ครู่ต่อมาก็มีนกนำเสื้อผ้าอาภรณ์ อันประดับประดาไปด้วยทองคำและเงิน กับทั้งรองเท้าคู่หนึ่งที่ปักร้อยด้วย
ไหมและเงินมาให้แก่เธอ   รวดเร็วปานใจนึก เธอก็รีบจัดแจงแต่งกายด้วยชุดดังกล่าวแล้วรีบเดินทางไปร่วม
งานเลี้ยงทันที  แต่ทั้งแม่เลี้ยงและพี่สาวทั้งสอง ต่างก็จำเธอไม่ได้ พวกเขาพากันคิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิงมาจาก
ต่างเมือง เพราะเธอดูสวยสดงดงามมาก เมื่อยามได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์อันเหลืองอร่ามไปด้วยทองคำ   
แน่นอนล่ะพวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นมอมแมมไปได้  เพราะป่านนี้เธอก็คงจะกำลังนั่งเก็บเมล็ดถั่วออกจาก
กองขี้เถ้าอยู่ที่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย  เมื่อพระราชโอรสได้พบเธอเข้าก็ทรงพอพระหฤทัย จึงได้ยื่นพระหัตถ์
ออกไปสัมผัสกับมือเธอแล้วพาออกไปเต้นรำ  ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังปฏิเสธที่จะเต้นรำกับหญิงสาวคนอื่นๆ 
และไม่ยอมปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระเช่นเดียวกัน  แม้มีบางคนมาขอร่วมเต้นรำกับเธอ แต่พระราชโอรสก็
ตรัสตอบไปว่า
“เธอเป็นคู่ของฉัน”
ครั้นได้เวลาพลบค่ำ  เธอก็ต้องการจะกลับบ้านแต่เจ้าชายก็ประสงค์จะเสด็จตามไปส่ง ทั้งนี้เพราะพระองค์อยาก
จะรู้ว่าหญิงสาวผู้เลอโฉมคนนี้พักอาศัยอยู่ที่ใด  แต่แล้วเธอก็หลบหนีเจ้าชายได้ด้วยการกระโดดหายเข้าไปใน
เล้านกพิราบ  เจ้าชายก็เฝ้าคอยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพ่อของเธอมาพบเข้า  เจ้าชายจึงบอกแก่พ่อของเธอว่า มีแม่
ครัวแปลกๆคนหนึ่งกระโดดหายเข้าไปในเล้านกพิราบนี้  พ่อของเธอก็คิดในใจว่า  
“คงไม่ใช่มอมแมมอย่างแน่นอน”  แล้วเขาก็แอบย่องไปเอาขวานมาจัดการโค่นเล้านกพิราบลงทันที 
แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย เมื่อเจ้าชายและพ่อเขาเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นแต่ มอมแมม สวมเสื้อผ้า
สกปรกๆนั่งอยู่ท่ามกลางกองขี้เถ้าและมีแสงริบหรี่จากตะเกียงน้ำมัน ที่วางอยู่ใต้ปล่องไฟ คอยส่องสว่างทำลาย
ความมืดสลัวในยามพลบค่ำ  
ทั้งนี้ก็เพราะหลังจากที่เธอกระโดดเข้าไปในเล้านกพิราบแล้ว เธอก็กระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว  แล้ววิ่งแจ้น
ไปยังต้นไม้ที่หลุมฝังศพ  จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวยงามนั้นออก และวางไว้ที่หลุมฝังศพแล้วนกก็นำไปเสีย  
ขณะเดียวกันเธอก็กลับมาสวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรกผืนเดิมอีกครั้ง ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับมานั่งอยู่ในครัวซึ่งแวดล้อม
ไปด้วยขี้เถ้าอย่างที่เจ้าชายและพ่อเธอเห็น
งานเลี้ยงและเต้นรำได้เริ่มอีกครั้งในวันที่สอง  เมื่อพ่อของเธอ แม่เลี้ยงและพี่สาวทั้งสองออกจากบ้านไปกัน
หมดแล้ว  มอมแมมก็รีบตรงไปยังต้นไม้นั้นและเอ่ยขึ้นอีกว่า
“โอ…ต้นไม้น้อย ค่อยไหวใบสั่นซู่
โปรดร่วงพลูเงินทองผุดผ่องใส
ประดับกายเรืองรองผ่องอำไพ
งามวิไลดุจนางฟ้าโสภาพรรณ”
เหตุนั้นนกก็ได้นำเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามยิ่งกว่าในวันแรกมาให้แก่มอมแมม  ครั้นเธอไปปรากฏตัวที่งาน
เลี้ยง  ทุกคนที่มาร่วมในงานต่างก็ต้องตกตะลึงในความสวยงามของเธอ  ขณะเดียวกันเจ้าชายก็เฝ้ารอคอยการ
มาถึงของเธออย่างใจจดใจจ่อ  พอเธอมาถึงเจ้าชายก็เข้าไปจูงมือเธอออกไปเต้นรำโดยไม่สนใจที่จะเต้นรำกับ
หญิงสาวคนอื่นเลย  แม้มีชายหนุ่มคนอื่นมาขอเต้นรำกับเธอเจ้าชายก็จะตรัสว่า
“เธอเป็นคู่ของฉัน”
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำเธอก็ต้องการจะกลับบ้าน  เจ้าชายจึงขอติดตามไปส่งเธอเพื่อจะได้รู้ว่าเธอมีบ้านอยู่ที่ไหน  
แต่แล้วเธอก็สามารถหนีเจ้าชายได้อีกครั้งโดยการวิ่งเข้าไปในสวนหลังบ้าน  ณ ที่นั่นมีต้นแพร์ขนาดใหญ่
และมีลูกดกเต็มต้น  เธอรีบป่ายปีนขึ้นไปตามกิ่งไม้อย่างคล่องแคล่วราวกับกระรอกและหายไปอย่างรวดเร็ว  
เจ้าชายก็ไม่รู้ว่าจะตามหาเธอได้อย่างไร จึงเฝ้าคอยอยู่ ณ ที่นั่นจนกระทั่งพ่อของเธอมาพบเข้า  เจ้าชายจึงบอก
ว่ามีแม่ครัวลึกลับคนหนึ่งรีบร้อนหนีไปจากเขาและคิดว่าเธอคงจะหายเข้าไปในต้นแพร์ใหญ่   พ่อของเธอจึง
คิดว่า
“คงไม่ใช่มอมแมมอย่างแน่นอน” แล้วเขาก็ไปนำเอาขวานมาจัดการโค่นต้นแพร์ลงทันที  แต่แล้วก็ปรา
กฏว่าไม่ได้มีใครสักคนอยู่บนต้นไม้เลย  ครั้นเจ้าชายและพ่อของเธอเข้าไปในครัวก็พบว่ามอมแมมกำลังนั่ง
อยู่ท่ามกลางขี้เถ้าเหมือนอย่างปกติ  ทั้งนี้ก็เพราะเธอลงจากต้นแพร์อีกด้านหนึ่งของต้นไม้และรีบนำเสื้อผ้า
อาภรณ์อันสวยงามนั้น ไปคืนแก่นกยังต้นไม้ที่หลุมฝังศพนั้น แล้วก็กลับมาสวมเสื้อคลุมเก่าๆอีกครั้งหนึ่ง
อย่างที่เห็น
comments powered by Disqus
  Prayad

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน