เจ้าหญิงผู้มีความอดทน...

คีตากะ

1821915eplydpqjsc.jpgจากหนังสืออาจารย์เล่านิทาน
โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
      นี่เป็นเรื่องทางศาสนาพุทธอีกเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องคือเจ้าหญิงฉุนเหริ่น ฉุนหมายความว่าบริสุทธิ์ เหริ่นหมายความว่าอดทน เนื่องจากเจ้าหญิงมีความอดทนสูงมาก จึงได้ชื่อว่าฉุนเหริ่น
      เจ้าหญิงองค์นี้เป็นพระราชธิดาองค์เล็กของกษัตริย์ซึ่งชื่อว่าเบอร์สน่า เจ้าหญิงองค์นี้มีความกตัญญูเป็นอย่างมากต่อพระบิดา พระมารดา และมีความอดทนสูง แต่เจ้าหญิงก็มีจุดบกพร่องอยู่ข้อหนึ่งซึ่งก็คือพระองค์มีความน่าเกลียดมาก น่าเกลียดเกินไป น่าเกลียด น่าเกลียดอย่างร้ายกาจ น่าเกลียดอย่างไม่น่าเชื่อ (เสียงหัวเราะ) ด้วยเหตุนี้เจ้าหญิงจึงไม่ได้แต่งงานเมื่อถึงเวลาที่มีอายุ ๑๘ ชันษา “ดอกไม้” ดอกนี้ได้บานเป็นเวลานาน (เสียงหัวเราะ)
      พระบิดา พระมารดาไม่สามารถที่จะจัดการให้พระธิดาของพระองค์เสกสมรสได้ พวกเขายพยายามที่จะหาพระสวามีให้เจ้าหญิง แต่ก็หาไม่ได้ พวกเขาโทษพระเจ้าว่าไม่ยุติธรรม โทษว่าทำไมพระเจ้าจึงไม่ระวังเมื่อตอนที่ให้ใบหน้าแก่เจ้าหญิง เจ้าหญิงองค์นี้น่าเกลียดจนถึงกับคนใดก็ตามที่ได้เห็นพระองค์ จะไม่สามารถทนได้ จะถึงกับประสาทเสียได้
      เจ้าหญิงน่าเกลียดอย่างไร? โอ! จมูกของพระองค์แบนมาก และรูจมูกทั้งสองก็ใหญ่และชี้ขึ้นท้องฟ้า (ท่านอาจารย์และทุกคนหัวเราะ) ทุกคนจะเห็นรูจมูกทั้งสองของเจ้าหญิงได้ในทันที หน้าผากก็ตะปุ่มตะป่ำ ฟันก็ยื่นออกมาเหมือนกับว่ามันไม่ต้องการช่วยเจ้าหญิงปิดบังความลับใดๆ (เสียงหัวเราะ) ฟันทุกซี่ก็ยื่นออกมาเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ มันรู้สึกร้อนเกินไปที่จะอยู่ในปากของเจ้าหญิง ตาของพระองค์ก็ดูไม่เหมือนตา มันใหญ่เกินไปและน่าเกลียด น่ากลัว
      ฉันยังไม่ได้บรรยายให้ฟังถึงรูปร่างของเจ้าหญิงเลย (เสียงหัวเราะ) เจ้าหญิงตัวสูงและรูปร่างเพรียว แต่มันก็ไม่เข้ากันเลย พระองค์เดินเหมือนกับหุ่นไล่กา ใครก็ตามที่ได้เห็นพระองค์ จะคิดว่าได้เจอผี มันเลวร้ายมาก! ชายหนุ่มในราชสำนักมากมายไปเรียนต่างประเทศเพื่อเป็นข้อแก้ตัวที่จะไปให้พ้นเจ้าหญิง (ท่านอาจารย์และทุกคนหัวเราะ) ในเรื่องบอกว่าพวกเขากลัวที่จะเป็นสามีของพระองค์! 
      ทุกครั้งที่เจ้าหญิงมองดูพี่สาวทั้งสองส่องกระจกไปมาและมีความสุขกับรูปร่างหน้าตาของพวกเขา พระองค์ก็จะโศกเศร้าระทมทุกข์มาก พระองค์ไม่เคยอิจฉาพี่สาวของพระองค์ พระองค์เพียงแต่เสียใจในสภาพการณ์ของพระองค์เอง พระองค์มีจิตใจสูงส่งและมีคุณธรรม แต่พี่สาวของพระองค์เย่อหยิ่งในตัวเอง และไม่มีใครที่ชอบเขาทั้งสอง พระองค์นั้นต่างออกไป แม้ว่าพระองค์จะน่าเกลียด ทุกคนก็ชอบพระองค์มาก
      พี่สาวของพระองค์เย่อหยิ่งและภาคภูมิใจในความงามของพวกเขา พวกเขารู้ว่าน้องสาวนั้นน่าเกลียดมาก ทุกครั้งที่เห็นน้องสาว ก็จะกลอกกลิ้งตาไปมา จ้องมองดู (เสียงหัวเราะ) เชิดจมูกใส่ หันหลังให้ ไม่มองเจ้าหญิง พวกเขาไม่เคยมองดูพระองค์ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรหรือใกล้ชิดสนิทสนม ไม่เคยพูดคุยกับพระองค์ ไม่เคยกล่าวคำสวัสดีกับพระองค์ ไม่เคยปลอบใจพระองค์ และไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรกับพระองค์เลย พวกเขายังได้บอกกษัตริย์ว่า อย่าได้ปล่อยให้เจ้าหญิงฉุนเหริ่นออกไปนอกพระราชวังเป็นอันขาด เพื่อหลีกเลี่ยงคนนินทาหรือดูถูกชื่อเสียงของพระราชวงศ์ ตั้งแต่นั้นมาพระองค์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเล่นข้างนอก
      การที่ไม่มีเพื่อน ทำให้พระองค์โศกเศร้า อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งในสภาพการณ์เช่นนั้นพระองค์ก็ยังคงกตัญญูต่อพระบิดา พระมารดา และเคารพพี่สาวของพระองค์ พระองค์ปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาและคนรับใช้อย่างมีความเห็นอกเห็นใจและมีความกรุณา เมื่อใครขาดแคลนอะไรบางอย่าง หรือเมื่อคนจนต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ก็จะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะช่วยเหลือพวกเขา พระองค์ใช้ทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์และเงินค่าขนมเพื่อซื้อยาให้กับผู้ที่ขัดสน ถ้าใครป่วย พระองค์ก็จะพยายามดูแลเขาหรือหล่อน หรือไม่ก็ขอให้หมอมาดูแลเขาหรือหล่อน เหตุนี้ทุกคนจึงชอบพระองค์เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาไม่ชอบพี่สาวทั้งสองของพระองค์ ชื่อเสียงในความเป็นคนใจบุญสุนทานทั้งๆ ที่มีหน้าตาไม่สวยสดงดงามก็กระจายไปทั่วประเทศ แม้กระทั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งความดีและหน้าตาของพระองค์เป็นที่ล่วงรู้กันดี
      วันหนึ่งเจ้าชายของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีชื่อว่าจุ้งเต๋อ (ในภาษาจีนชื่อนี้หมายถึงให้ความสำคัญกับบุญกุศล) ก็ได้มายังอาณาจักรนี้ บางทีพระองค์อาจจะไม่สนใจในเสน่ห์ของผู้หญิงก็ได้ เพราะเจ้าชายจุ้งเต๋อต้องการแต่งงานกับเจ้าหญิง ทุกคนในพระราชวังต่างก็ตกใจ! กษัตริย์จับมือของเจ้าชายตลอดเวลา กลัวว่าเจ้าชายอาจจะเปลี่ยนใจ (ท่านอาจารย์และทุกคนหัวเราะ) พระองค์แก้ตัวว่าเป็นการขอบคุณเจ้าชาย แต่จริงๆ แล้วพระองค์กังวลว่าเจ้าชายอาจจะวิ่งหนีไป กษัตริย์คว้ามือของเจ้าชายเอาไว้และเรียกเขาว่าอี้เสีย (“อี้เสีย” ในภาษาจีนหมายถึงคนที่มีความยุติธรรม)
      กษัตริย์พูดกับจุ้งเต๋อว่า “ฉันชื่นชมที่เธอมีความรักต่อลูกสาวของฉัน ไม่มีภาษาใดที่จะสามารถบรรยายความรู้สึกของฉันได้ เธอคืออี้เสีย เธอให้ความสำคัญในบุญกุศลมากกว่าเสน่ห์ของผู้หญิง! ถ้าหากเธอต้องการสิ่งใดในอนาคต ฉันจะสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ นับจากนี้เป็นต้นไปประเทศของเราทั้งสองจะอยู่และตายด้วยกัน” และอื่นๆ
      กษัตริย์ยังคงแนะนำเจ้าชายให้เก็บพระธิดาของพระองค์ไว้ในพระราชวังหลังจากเสกสมรสแล้ว อย่าให้ออกจากพระราชวัง (เสียงหัวเราะ) เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนซุบซิบนินทา
      เจ้าชายก็พาเจ้าหญิงไปพระราชวังและทำตามที่กษัตริย์บอก แม้ว่าเจ้าชายจะมีจิตใจเปิดกว้างและมีใจกว้างขวาง แต่คุณสมบัติของพระองค์ก็ยังมีขีดจำกัด หน้าตาที่น่าเกลียดของเจ้าหญิงนั้นไร้ซึ่งขีดจำกัด คนหนึ่งมีขีดจำกัด อีกคนหนึ่งไร้ซึ่งขีดจำกัด
      ในที่สุดเจ้าชายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แม้ว่าบางครั้งพระองค์จะชมเชยคุณธรรมของเจ้าหญิง แต่เมื่อพระองค์มองดูเจ้าหญิง พระองค์ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ไม่สามารถแม้กระทั่งชำเลืองมองดูอีกแค่ครั้งเดียว อย่างค่อยเป็นค่อยไปจุ้งเต๋อก็เริ่มที่จะชอบเล่นสนุกสนามมากกว่าสนใจในบุญกุศล พระองค์ออกไปข้างนอกโดยอ้างข้อแก้ตัวสารพัดอย่าง พระองค์ไปล่าสัตว์ ไปดื่มเหล้า เล่นหมากรุกและอื่นๆ พระองค์ไม่ได้มาหาเจ้าหญิงบ่อยนัก
      เจ้าหญิงอยู่ในพระราชวังและมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พระองค์ก็เป็นเหมือนกับนก พระองค์ถูกจับใส่ไว้ในกรงทองแห่งความหดหู่ พระองค์ต้องอยู่ภายในกำแพงเสมอ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ข้างนอก เจ้าหญิงระทมทุกข์มาก แต่พระองค์ก็เชื่อว่านั่นคือชะตากรรมของพระองค์ พระองค์มีความอดทนมาก พระองค์มักจะคิดในเรื่องสาเหตุของสภาพในปัจจุบันของพระองค์อยู่เสมอ อาจจะเป็นเพราะพระองค์ขาดการปฏิบัติบำเพ็ญทางจิตวิญญาณในชาติก่อนๆ หรืออาจจะเนื่องมาจากกรรมหนัก แต่พระองค์ก็ทำหน้าที่ของพระองค์เป็นอย่างดีและไม่เคยบ่น พระองค์ปฏิบัติต่อพระสวามีของพระองค์เหมือนกับวันแรกที่ทั้งสองอยู่ร่วมกัน พระองค์ทนต่อการถูกดูถูก แต่พระองค์ก็ยังมีความซื่อสัตย์จงรักภักดีและดูแลเจ้าชายเป็นอย่างดีและสนับสนุนพระองค์อย่างเต็มที่ แม้ว่าพระองค์จะได้ปฏิบัติต่อผู้คนในพระราชวังด้วยความกรุณา เหตุการณ์ที่ไม่น่าสบายใจบางอย่างก็ยังคงเกิดขึ้น
      สนมของกษัตริย์ เจ้าหญิงและพระญาติก็มาโอ้อวดความงามของพวกเขา มิหนำซ้ำยังได้พูดเรื่องหน้าตาที่น่าเกลียดของเจ้าหญิงในที่สาธารณะ เจ้าหญิงเป็นคนที่มีความอดทนจริงๆ พระองค์อดทนต่อสิ่งเหล่านี้ตลอดมาและไม่เคยโกรธเลย พระองค์ไม่เคยปฏิบัติต่อคนอย่างไม่สุภาพ พระองค์มีกิริยามารยาทที่ดี มีความอดทนและมีความอ่อนโยนอยู่เสมอ
      วันหนึ่งพวกสุภาพสตรีในราชสำนักและเจ้าหญิงทั้งหลายที่ชั่วร้ายเหล่านั้นก็ได้คิดกลอุบายที่จะยั่วเย้าเจ้าหญิง พวกเขาได้ขอให้สามีของพวกเขาจัดงานเลี้ยงและให้เชิญทุกคนมาร่วมงานรวมทั้งเจ้าชายและมเหสีของพระองค์ ปกติงานเต้นรำประเภทนี้ สามีและภรรยาจะต้องมากันเป็นคู่ สุภาพสตรีเหล่านี้มีอายุเท่าๆ กับเจ้าชายและมีความหยิ่งยโส
      ในที่สุดเจ้าชายจุ้งเต๋อก็มาคนเดียว พวกสุภาพสตรีในราชสำนักและเจ้าหญิงทั้งหลาย ทั้งที่แต่งงานแล้วและที่ยังเป็นโสด ต่างก็โอ้อวดเจ้าชายและกระเซ้าเย้าแหย่พระองค์ พวกเขาพยายามที่จะหว่านเสน่ห์และดึงดูดเจ้าชายและอื่นๆ พวกเขารู้ว่ามเหสีของพระองค์อัปลักษณ์น่าเกลียดมาก ดังนั้นบางครั้งจึงจงใจแหย่พระองค์และพยายามทำให้พระองค์รู้สึกเศร้าใจ
    เจ้าชายไม่สนใจในบุญกุศลอีกต่อไป พระองค์ไม่อาจทนการกระเซ้าเย้าแหย่ได้อีกต่อไป พระองค์รู้สึกโกรธมเหสีของพระองค์ พระองค์กลับไปที่พระราชวังด้วยความโกรธและความอับอาย พระองค์บอกกับตนเองว่าพระองค์จะต้องหย่าจากเจ้าหญิง พระองค์ทนไม่ไหวอีกต่อไป
      ในวันเดียวกัน แต่เป็นเวลาก่อนที่เจ้าชายจะกลับมาถึงพระราชวัง เจ้าหญิงก็อยู่คนเดียวในห้องของพระองค์ ไม่รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น ในทันใดนั้นพระองค์ก็รู้สึกตกใจและรู้สึกไม่ค่อยดี มันคล้ายกับว่าประสาทสัมผัสที่หกของพระองค์กำลังบอกพระองค์ว่าสิ่งเลวร้ายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ณ พระราชวังเจ้าหญิงก็คิดถึงเรื่องของตัวเองและหลั่งน้ำตา พระองค์ร้องไห้อยู่คนเดียว ร่างกายและหน้าตาของพระองค์แปลกประหลาดซึ่งทำให้พระองค์ปวดร้าวใจมาก พระองค์เอามือประสานกันในท่าพนมมือและคุกเข่า พระองค์สวดขอต่อพุทธะที่มีชีวิตอยู่ซึ่งคือพระศากยมุนีพุทธเจ้าในขณะนั้น บางทีพระองค์อาจจะเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าก็ได้ หรืออาจจะเพียงแค่ได้ยินชื่อของพระพุทธเจ้าเท่านั้น
      พระองค์สวดว่า “ท่านเป็นพุทธะที่มีชีวิตอยู่ซึ่งได้ช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ยากและอุปสรรคทั้งหลาย ในขณะนี้ฉันคือผู้ที่มีทุกข์ที่สุด ฉันไม่สามารถจากบ้านไปเพื่อไปเคารพท่านได้ ดังนั้นได้โปรดทราบถึงคำอธิษฐานของฉันและมาหาฉัน ขอให้เข้าใจว่าความปรารถนาของฉันก็คือให้ท่านมาที่นี่”
      ณ พระเชตวนาราม พระศากยมุนีพุทธเจ้าสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเจ้าหญิง จึงได้เหาะมาด้วยร่างนิรมาณกายของพระองค์ เจ้าหญิงร่ำไห้เมื่อได้เห็นพระพุทธเจ้า! พระองค์รู้สึกดีใจและโศกเศร้าและเอาแต่ร้องไห้ พระองค์ได้บอกพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า “พระพุทธเจ้าที่เคารพ ฉันไม่รู้ว่าชาติก่อนของฉันเป็นอะไร!”
      เจ้าหญิงถามพระพุทธเจ้าว่าพระองค์ได้ทำกรรมอะไรไว้ในชาติก่อน จึงทำให้รูปร่างหน้าตาของพระองค์แปลกประหลาดนัก และพระองค์ได้ทำความดีอะไรไว้ จึงทำให้พระองค์เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและเป็นที่เคารพนับถือ ผู้คนเคารพนับถือพระองค์ และบางคนก็อิจฉาพระองค์ แต่บางคนก็จะล้อเลียนและดูถูกพระองค์เนื่องจากหน้าตาของพระองค์ พระองค์สำนึกผิดในการกระทำที่ไม่ดีของพระองค์ต่อหน้าพระพุทธเจ้า พระองค์ขอให้พระพุทธเจ้าเชื่อในความจริงใจของพระองค์ พระองค์รู้สึกเสียใจต่อกรรมในอดีตของพระองค์ ถ้าหากว่าพระองค์มีกรรม
      พระพุทธเจ้าบอกกับพระองค์ว่า “ในชาติก่อนของเธอ เธอเป็นภรรยาที่งดงามเป็นสุภาพสตรีที่งดงาม อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีความปรานีต่อคนรับใช้ของเธอ และเธอมีความอิจฉาเพื่อนๆ และญาติๆ ซึ่งสวยงาม เธอจะจ้องมองคนที่สวยกว่า เธอปฏิบัติต่อคนอย่างไม่มีความกรุณา เธอพึ่งในความงามของเธอ เธอจึงแสดงความไม่เคารพต่อผู้อื่น เธอมีความเย่อหยิ่งและหยาบคาย ถ้าตอนนี้เธอสำนึกผิดด้วยความจริงใจ กรรมนี้ก็จะหายไปด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง เพราะทุกสิ่งสร้างด้วยใจ”
      เจ้าหญิงได้ฟังเสียงของนิรมาณกายของพระพุทธเจ้า เสียงที่พระองค์ได้ยินนั้นอ่อนนุ่ม ไพเราะและอบอุ่นมาก พระองค์รู้สึกมีความสุข สดชื่น ร่าเริงและสบายใจ พระองค์สำนึกผิดมากยิ่งขึ้น พระองค์คุกเขาอยู่ที่ตรงนั้นและขอให้พระพุทธเจ้าช่วยขจัดกรรมของพระองค์ เนื่องจากพระองค์มีความจริงใจและสำนึกผิดอย่างสุดจิตสุดใจ นิรมาณกายของพระพุทธเจ้าจึงแตะศีรษะของพระองค์ แล้วพระองค์ก็มองดูตาของพระพุทธเจ้า
      ได้กล่าวไว้ว่าพระองค์มองดูเป็นเวลานาน (เสียงหัวเราะ) พระองค์คงจะอยู่ในสมาธิ จึงกินเวลานาน ได้กล่าวไว้ว่าเป็นเวลาหลายชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ ขณะที่พระองค์มองดูดวงตาของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ตาของพระองค์ก็สวยงามขึ้นและเป็นประกายเหมือนอย่างของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์มองดูใบหน้าที่สง่างดงามของพระพุทธเจ้า ในทันใดนั้นใบหน้าของพระองค์ก็สง่างามและงดงาม พระองค์รู้สึกมีความสุขมาก พระองค์มีความรู้สึกที่ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ชื่นชม เคารพและรักพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก
      ไม่ว่าส่วนใดของพระพุทธเจ้าที่พระองค์มองดู ร่างกายของพระองค์ก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหมือนกัน แล้วพระองค์ก็กลายเป็นเจ้าหญิงที่สวยสดงดงามมากขึ้นในทันที หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้แปลงตัวพระองค์มาพูดกับเจ้าหญิงแล้ว พระองค์ก็เหาะจากไปโดยใช้ฤทธิ์ของพระองค์ มันกล่าวไว้ว่าพระองค์ใช้อิทธิปาฏิหาริย์ แต่สิ่งนี้คือนิรมาณกายของพระองค์!
       พระพุทธเจ้าได้ไปแล้ว จากนั้นเจ้าชายก็กลับมาที่วัง ในตอนนั้นพระองค์ทนไม่ได้อีกต่อไปและต้องการที่จะหย่า เมื่อเจ้าหญิงได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบมาด้วยความเร็วสูง หัวใจของพระองค์ก็เต้นเร็วขึ้น เพราะพระองค์คิดว่าคงจะมีอะไรเกิดขึ้น พระองค์รู้สึกตื่นเต้นเมื่อออกไปพบกับพระสวามีของพระองค์
      พระองค์ได้เห็นว่าพระสวามีของพระองค์เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและดูเหมือนว่าพระองค์อารมณ์เสีย ดังนั้นเจ้าหญิงจึงไม่กล้าพูดอะไร พระองค์กลับลงไปคุกเข่าและถอดรองเท้าให้เจ้าชาย พระองค์ปฏิบัติเหมือนเช่นเคย เมื่อไรก็ตามที่พระสวามีกลับมาที่วัง พระองค์จะช่วยเจ้าชายถอดรองเท้าเพื่อทำให้เจ้าชายรู้สึกสบาย พระองค์นวดเท้าของเจ้าชาย จากนั้นก็ถอดมงกุฎออก เพราะว่ามันหนักมาก นี่ก็คือหน้าที่ประจำที่ภรรยาคนนี้ปฏิบัติต่อสามีของเขา พระองค์วางดาบกลับคืนเข้าที่แล้วถอดเข็มขัดของเจ้าชายซึ่งตกแต่งเต็มไปด้วยไข่มุกและพลอยมีค่าและหนักมากด้วยเช่นกัน
      อา! แล้วเจ้าชายก็ได้เห็นเจ้าหญิง พระองค์สงสัยว่าหล่อนเป็นใครและมองไปรอบๆ ตัวหล่อน “ไม่ ไม่ใช่เป็นเจ้าหญิง!” แต่คนที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นควรที่จะเป็นมเหสีของพระองค์ซึ่งก็คือเจ้าหญิง หล่อนปฏิบัติหน้าที่แบบเดียวกัน ด้วยท่าทีที่เหมือนกันและกิริยาแบบเดียวกัน แต่ใบหน้านั้นต่างออกไป รวมทั้งรูปร่างด้วย! พระองค์มองไปรอบๆ และสงสัยว่าทำไม พระองค์ถามเจ้าหญิงว่า “เธอเป็นใคร?”
      เจ้าหญิงเข้าใจความสับสนมึนงงของเจ้าชาย จึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับการได้เห็นพระพุทธเจ้าให้พระองค์ฟัง และพระองค์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรและอื่นๆ วาว! พระองค์มีความสุขเกินกว่าที่จะหย่าขาดจากเจ้าหญิงได้! (เสียงหัวเราะ) ต่อมาในภายหลังพระองค์ก็ทราบว่าการบำเพ็ญสมาธิเป็นพระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุด ดังนั้นทั้งสองจึงนั่งสมาธิด้วยกัน (เสียงหัวเราะ) บางทีทั้งสองอาจจะได้ไปประทับจิตและเข้าร่วมสมาธิกลุ่มในวันนั้นก็ได้ พวกเขาขยันมากในการบำเพ็ญเพื่อบุญกุศลและพระพร ในการให้ทานและทำสมาธิเพื่อให้ได้รับปัญญา
      วันหนึ่งเนื่องจากทั้งสองต่างก็มีอารมณ์ดี ก็เลยนั่งคุยกัน เจ้าหญิงไม่สามารถควบคุมตัวเองและได้บอกพระสวามีว่า “หม่อมฉันคิดว่าพระองค์สนใจในเสน่ห์ของผู้หญิงมากกว่าบุญเสียอีก” (เสียงหัวเราะ)
      พระองค์ต้องการเปลี่ยนชื่อของเจ้าชาย เพราะเจ้าชายต้องการเสน่ห์ของผู้หญิงมากกว่าบุญกุศล เจ้าชายรู้สึกขวยเขิน พระองค์ก็เลยเปลี่ยนเรื่องพูด (เสียงหัวเราะ)
      สำหรับเจ้าหญิง เวลาของพระองค์ได้มาถึงแล้ว ดังนั้นพระองค์จึงติดอยู่ในสภาพการณ์ที่ถูกบังคับนี้ มิหนำซ้ำพระองค์ยังไม่สามารถออกไปบูชาพระพุทธเจ้าได้ พระองค์ใฝ่กระหายในพระพุทธเจ้า ไม่ได้ปรารถนาในความงาม พระองค์ปรารถนาจริงๆ ในพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์พูดว่าพระองค์มีวาสนาที่ไม่ดี และรูปร่างหน้าตาของพระองค์ก็แย่มาก จนกระทั่งพระองค์ไม่มีแม้กระทั่งความอิสระ พระองค์เป็นเจ้าหญิงที่สูงส่ง แต่พระองค์ไม่มีอิสรภาพ ผู้คนรอบๆ พระองค์ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์พระองค์ วิจารณ์มากจนกระทั่งได้ชำระล้างกรรมของพระองค์! ในวันนั้น แม้กระทั่งสามีที่พระองค์เคารพก็ยังต้องการหย่าจากพระองค์และปฏิบัติไม่ดีต่อพระองค์ แต่ความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้ชำระล้างกรรมบางส่วนของพระองค์ออกไป
      การที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปพบพระพุทธเจ้า แม้ว่าพระองค์กระตือรือร้นยิ่งนักที่จะได้พบพระพุทธเจ้า ทำให้พระองค์รู้สึกสลดหดหู่เป็นอย่างมากและรู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นพระองค์จึงสวดขอให้พระพุทธเจ้ามาหาเพื่อให้พระองค์ได้เห็น พระองค์ไม่ได้หวังที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในรูปร่างภายนอกของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ตั้งใจที่จะขอให้พระพุทธเจ้าช่วยเหลืออะไร พระองค์เพียงแต่สำนึกผิดเท่านั้น เพราะพระองค์ทราบว่ามันเป็นกรรมในชาติก่อนของพระองค์ พระองค์เปลี่ยนแปลงไปด้วยสถานการณ์เช่นนั้น
      สิ่งที่ฉันหมายถึงก็คือผู้บำเพ็ญไม่จำเป็นต้องขอสิ่งของทางวัตถุเหล่านี้ ถ้ามันมา มันก็มาอย่างเป็นธรรมชาติ และก็ไม่เป็นไรถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการแสวงหาสัจธรรมอย่างจริงใจ รักษาคุณธรรมของเรา แล้วสิ่งต่างๆ ภายนอกก็จะดีเองอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนอย่างที่พระเยซูพูดว่าค้นหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อนแล้วสิ่งอื่นๆ ทั้งหลายก็จะมาหาเธอ
      ถ้าเรามีความงามสักหน่อย เราก็จะมีความมั่นใจในตนเอง เธอไม่คิดหรอกหรือว่าเธองดงาม สบายอกสบายใจและร่าเริงสดชื่น? ใช่ ความงามภายในของเราจะปรากฏออกมา เมื่อคนอื่นได้เห็นเรา พวกเขาก็จะคิดว่าเรางดงาม บางครั้งมันก็เกิดขึ้นแบบนี้ พวกเขาตาบอดด้วยคุณสมบัติที่สดใสภายในของเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นจุดบกพร่องของเราและรูปร่างภายนอกของเรา นั่นเป็นเรื่องจริง
      เมื่อเราร่าเริง มีความสุขและมีจิตใจที่เปิดกว้าง เราไม่ใช่ว่าสวยงามหรอกหรือ? (ผู้ฟัง : ใช่) บางคนดูหน้าตาสวยงาม แต่มีใบหน้าที่เศร้าสลด เราก็เลยไม่อยากเห็นพวกเขา ไม่ว่าเธอจะสวยงามสักเพียงไร ฉันก็จะไม่มองดูใบหน้าที่โศกเศร้าเหล่านั้นถึงแม้เธอจะขอร้องให้ฉันทำก็ตาม เธอไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจกับรูปร่างภายนอกของเธอมากนัก ให้ใส่ใจเฉพาะสิ่งที่อยู่ภายในเท่านั้น ถ้าภายในของเราสวยงาม ภายนอกก็ควรจะเป็นแบบเดียวกัน พลังทางลบที่ออกมาจากภายในทำให้ภายนอกมืดมิด
      เมื่อเราเศร้าโศก เราก็ดูน่าเกลียด พวกเราบำเพ็ญไม่ปรารถนาในสิ่งภายนอก แต่มันจะมาหาเราอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าเราไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราก็ยังคงโอเค หลังจากที่ได้บำเพ็ญมากขึ้น เราจะไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ ร่างกายสวยงามก็ดี แต่การที่ร่างกายไม่สวยงามก็ดีเหมือนกัน...

Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.SupremeMasterTV.com
www.godsdirectcontact-thai.com
				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน