* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน อภิมหา-กาบ-แฟน{ตา}ซี (ที่ยังไม่มีชื่อ) 2 * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


เครดิตแด่.... เฮียพีท (ผู้รวบรวม)
จากเกม ต่อนิทาน ประโยคเดียว(ยาว)เชียวนะ ที่ naThanon.com (ตอนที่ 2 จากสี่ตอนจบ)  
 ความเดิมตอนที่แล้ว 
กระต่ายน้อยชื่อหมูเตย (ที่พอนานๆ ไปถึงรู้ว่าไม่ได้ น้อย อย่างที่เข้าใจทีแรก) ชื่อหมูเตย รักการผจญภัย แต่ไม่มีใครสนับสนุน 
อยู่มาวันหนึ่ง ระหว่างออกไปเดินเล่นก็เจอแหวนมณีนาคา แล้วก็พบกับหมีน้อย(อะ)โกโก้  ทั้งสองจึงออกเดินทางด้วยกัน 
จนไปถึงปราสาทแห่งหนึ่ง พอเข้าไปก็พบกับปู่พีทซุง (หรือจุง) และหนูลิหลานรัก  แต่เนื่องจากน้องหมูและพี่หมีตกร่วงลงไปในซอสสำหรับย่างไก่ยักษ์ 
แหวนมณีนาคาเลยหลุดจากนิ้วน้องหมู มาสวมเป็นรัดเกล้าอยู่บนหัวพี่หมีแทน  น้องหมูอยากได้คืนแต่ถอดไม่ออก  
ปู่พีทแจ้งข่าวดีให้ทราบว่า รัดเกล้าจะกลับคืนเป็นแหวนในเวลา 3 วัน แต่ไม่หลุดจากหัวพี่โก้หรอกนะ  จะรัดจนหัวพี่โก้กระจุยต่างหาก  
ปู่พีทเสนอความช่วยเหลือจะเอาออกให้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือ สัตว์น้อย (ตัวโต) ทั้งสอง จะต้องเดินทางไปที่หุบผานาคาอัคคี 
เพื่อไปเอากุญแจข้ามภพกลับมา  อันว่ากุญแจข้ามภพนี้มีสรรพคุณบรรเทาหลายโรค เอ๊ย ไม่ใช่ จะสามารถพาตาเฒ่าข้ามภพไปเอาพุทราวิเศษ 
ซึ่งหนูลิบอกว่าจะทำให้ปู่กลายเป็นหนุ่มตลอดกาล  แต่ระหว่างทางจะต้องผ่านป่าเปรี้ยวจี๊ด ซึ่งเป็นดินแดนของเทพธิดาเชอร์เบต  
ใครเข้าไปก็จะโดนสาปเปรี้ยวตายอยู่ในป่า เว้นแต่จะไปหาขลุ่ยสีเงินจากป่าแห่งความวังเวงมาเป่าให้ป่าเปรี้ยวจี๊ดหลับใหลซะก่อน
เหล่าผู้กล้าที่จะเดินทางมีอยู่ด้วยกัน 4 ชีวิต นอกจากสัตว์น้อยทั้งสองแล้ว ก็ยังมีหนูหิ่ง(ห้อยน้อยใจ) ทำหน้าที่เป็นพรานนำทาง 
และหนูลิ เป็นตัวแทนท่านปู่ไปดูแลความประพฤติของเจ้าสองตัว
 ผู้ร่วมก่อการ
         >>     พิธันดร
         >>     หิ่งห้อยน้อยใจ
         >>     มณีนาคา
         >>     i_tua_yung
         >>     เซโก้4
         >>     รอมแพง
         >>     เจจุน
         >>     Adel
         >>     oreocream
         >>     เชอร์เบต จี๊ดดด
         >>     ปาร์ลิมา (ละมุนใจ)
         >>     อุณากรรณ
         >>     แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
         >>     sugarhut
         >>     Donut_ty
         >>     ชมสิจ๊ะ
นักแสดง
         >>     หมูเตย    :  กระต่าย (ยักษ์) หมูเตย   (กระต่ายอะไร  ชื่อหมู.... ?)
         >>     อะโกโก้   :  พี่หมี (อะ) โกโก้      หมีผู้มีความดันต่ำ  ^o^  ผู้ซึ่งตอนหลังกลายเป็นเจ้าชายรัชทายาทเซโก้โฟร์
         >>     มณีนาคา  :  นางนาคมณีนาคา   ผู้ถูกสาปให้กลายเป็นแหวน
         >>     พิธันดร     :  ปู่พีทซัง  (ซุง, จุง, คุง  อะไรแน่ฟระ ?) พ่อมดเฒ่าเจ้าเล่ห์
         >>     ละมุนใจ (มะลิป่า)  :  หนูลิ  หลานปู่พีทซัง
         >>     หิ่งห้อยน้อยใจ  :  หนูหิ่ง ฯ  (ยัยหิ่ง)  พรานนำทาง
         >>     อีโก้   :  ครุฑน้อยลูกครึ่ง  คราวหลังกลายเป็นครุฑอีจู (เนียร์)  ระหว่างนางนาคา กับพญาครุฑอีโก้
         >>     เชอร์เบต จี๊ด    :  เทพธิดาเชอร์เบต  หรือเฟิร์นซ่า
         >>     หมันมาก 14  :  เจ้าแห่งตุ๊กแกยักษ์  นามว่าหมันมาก รุ่น 14 
         >>     ชมสิจ้ะ     :  เจ้าแม่ชมพู่สิเจ้าคะ   ภรรยาตุ๊กแกยักษ์หมันมาก
         >>     นายสามหน้า (สมจ๊อด)  :  สมจ๊อดไม้สามหน้า  แฝดของไม้หน้าหนึ่ง  กะ ไม้หน้าสอง
         >>     Donut_ty  :  เจ้าแม่โดนัทตี้  ที่กินแต่โดนัท
         >>     ศล    :  โกแลมปู่ศล  ฉากแรกออกมาได้ 3 วิ พอดิบพอดี  อิ  ๆ ๆ ๆ 
         >>     พุทรา  : ไอ้หนูทอมบอยพุทซ้อนพุทรา พุทโธ่พุทถัง  จากต้นพุทราวิเศษ  
โปรดติดตามการผจญภัยของพี่น้องผองเพื่อนต่างสปีร์ชี่  ที่แต่งขึ้นมาจากบุคลิกและนิสัยใจจริงของผู้แสดง  อิ ๆ ๆ ๆ 
				
 บทที่ 4 ป่าแห่งความวังเวง 






สามชีวิตน้อยๆ ออกเดินทางตั้งแต่ย่ำรุ่ง น้องหมูเตยยังงัวเงียง่วงงุนเมาขี้ตาอยู่ไม่น้อยเดินเปะปะตาม พี่โก้ และเจ้าลิ 

จนชนกำแพงปราสาทไปแล้วไม่รู้กี่รอบ  พ่อเฒ่าพีทจังเดินมาส่งทั้งสามที่ประตูหินหน้าปราสาทเพียงเท่านั้นเพราะภายนอกยังมืดอยู่ 

พ่อเฒ่าไม่อยากออกไปนักแบบว่ากลัวปี๋ เมื่อล่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยส่งซิกกันกับเจ้าลิรู้กันแล้วจึงรีบปิดประตูปราสาททันที

โดยไม่ต้องรอให้เจ้าเด็กน้อยทั้งสามเดินพ้นสายตาซะงั้น เจ้าลิน้อยเดินนำหน้าพี่โก้และน้องหมูมุ่งหน้าสู่ป่าวังเวงทางด้านทิศตะวันตกของปราสาททันที 

"หนูลิคับ แล้วเราจะไปแวะรับหิ่งน้อยห้อยใจที่บ้านก่อนรึเปล่าคับ"

หมีน้อย(อะ)โกโก้ผู้แสนจะเป็นสุภาพบุรุษร้องถามผู้นำทาง  สาวน้อยแสนซนคนสวยหันมาดีดนิ้วดังแป๊ะ 

แล้วกระต่ายน้อยหมูเตยก็หัวสั่นหัวคลอนราวกับถูกไฟช็อตไปเป็นเวลา 5 วินาที

"ไม่ต้องแวะรับหรอก  หนูหิ่งน้อยอยู่กับพวกเราแล้วล่ะ  ไม่เชื่อดูที่ใต้ไม้หนีบผ้าบนคอเจ้าเตยสิ"

สัตว์น้อยทั้งสองหันขวับไปมองใต้ไม้หนีบผ้าของกระต่ายหมูเตยทันที  ดวงไฟแสงเรืองๆ ขนาดไม่เล็กนัก ก็ลอยออกมา 

"หวัดดีจ้ะ ฉันชื่อหิ่งห้อยน้อยใจ มีความสามารถพิเศษในการทำไฟช็อต จะเป็นผู้นำทางพวกท่านไปสู่ป่าแห่งความวังเวง 
ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของปราสาท ระหว่างทาง จะมีทิวทัศน์น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย แต่ข้าขอเตือนพวกท่าน ว่า..."

ดวงไฟเรืองแสงกะพริบเป็นสีแดงแล้วบินเป็นรูปหัวกะโหลก

"ห้ามออกนอกถนนเส้นนี้เป็นอันขาด ไม่งั้น... ตาย !!!!!" 

"อะจึ๋ย" 

เสียงดังมาจากหมูน้อยนามกระต่าย เอ๊ย กระต่ายน้อยนามหมูเตย 

"ข้าจะซิแดงตัวอย่างให้พวกเจ้าดู" 

เจ้าลิหยิบก้อนกรวดขนาดเท่าฝ่ามือปาออกไปข้างๆ  เพียงแค่กรวดก้อนนั้นออกนอกเขตทางเท้า เก๊าะร่วงกราวเป็งผุยผง

ทุกอย่างตกอยุ่ในความเงียบสงบอีกครั้ง ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาแม้แต่เสียงลมหายใจ จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความสงบ

"โครก คราก" 

เสียงท้องร้องดังมาจากท้องหมูเตยนั่นเอง 

"แวะพักหาอะไรกินหน่อยดีมั้ยคับหนูลิ ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า ยังไม่ได้กินอะไรกันเลย" 

พี่หมี(อะ)โกโก้พูดด้วยความเป็นห่วงน้องกระต่ายหมูเตย 

หนูลิได้ยินแล้วก็ปาดเหงื่อ  

"เมื่อคืนกินเข้าไปซะขนาดนั้นแล้วยังหิวอีกรึเจ้าค้า..."  

ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นดูพระอาทิตย์  

"เราควรจะรีบเดินอีกหน่อยนะ  ถ้าฟ้ามืดก่อนจะถึงป่าวังเวงล่ะก็ ลำบากแน่ๆ เพราะเดินต่อก็ไม่ได้ มีหวังตกถนนแน่  แต่ถ้านอนกลางถนนล่ะก็..."

หนูลิไม่พูดต่อให้จบ แต่ทำท่าตัวสั่นงันงกแทน 

"ทำไมเหรอหนูลิ มันจะหนาวมากๆ เลยเหรอ" 

น้องกระต่ายหมูเตยเลิกสนใจเสียงท้องร้องของตัวเองชั่วคราวถามขึ้น 

"ไม่มีอะไรหรอก แต่อยากรู้ก็ต้องไปเจอเอง แต่คิดว่าเจ้าคงไม่อยากเจอหรอก หึหึ" 

หนูลิพูดเสียงเย็นๆ 

"งั้นไปกันต่อเลยก็ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วยอมอดก็ได้  จะได้ไปถึงสักที ผ่านมานานแล้วนะเนี่ย ยังไปไม่ถึงไหนเลย"

หมูเตยบ่นๆ ออกมาหวังว่าเสียงของเธอจะดังไปถึงบรรดาคนเขียนนิทานเรื่องนี้ทั้งหลาย

"ยิ่งกว่าหนาวอีก อาจจะแบนเลยก็ได้  เอาล่ะๆ" 

หนูลิตัดบท  

"เรารีบเดินทางกันต่อดีกว่า  หิ่งน้อยจ๋า ช่วยนำพวกเราไปทีนะ ถนนสายนี้ช่างมีทางแยกเยอะแยะเหลือเกิน  
ถ้าไม่ได้หิ่งน้อยนำล่ะก็ หลงทางไปยังเหวมรณะแน่ๆ"

ว่าแล้ว หิ่งน้อยก็นำทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...


"โอว พระเจ้า ข้างหน้านั่นมันคือแสงอะไรกันนี่" 

หิ่งห้อยร้องอุทานออกมาทันทีที่เห็นแสงออร่า สีแดงส้ม ที่เปล่งประกายอยู่เบื้องหน้า  

"ใช่แล้ว! นึกออกแล้ว หิ่งห้อยน้อยนึกออกแล้ว ทุกคนนั่นคือปากทางเข้าสู่ป่าวังเวง 
จากนี้ไปขอให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีนะ เมื่อเราผ่านเข้าเขตแดนของป่าวังเวงแล้วคงต้องเจออะไรๆ อีกมาก 
ตั้งสติให้ดีล่ะเพราะในนั้นจะมีแต่ความมืดเท่านั้นไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน แล้วห้ามเสียงดังเป็นอันขาดนะจำไว้ ไม่งั้นภัยอาจมาถึงตัว" 

หิ่งห้อยน้อยกำชับผู้ร่วมเดินทางก่อนข้ามเขตแดนเข้าไป

พอข้ามพ้นเขตแดน ถนนก็หายไป เหลือแต่เพียงทุ่งหญ้านุ่มขจีที่เป็นสีดำสนิท (เพราะมันมืด)  

รอบๆ ตัวเป็นเงาตะคุ่มๆ ของต้นไม้ที่ไร้ใบ ยืนโกร๋นเป็นเส้นสีดำๆ ตัดกับขอบฟ้าสีเทา

 หมีน้อย(อะ)โกโก้หันไปข้างหลังแล้วก็ต้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

"อ๊ะ ทางเข้าป่าหายไปไหน"

เพราะด้านหลังของพวกเขาก็เป็นเงาไม้โกร๋นๆ ตะคุ่มๆ เหมือนกันหมดทุกทิศทุกทาง ไม่แตกต่างจากด้านหน้าเลย 

"โห...วังเวงเจงๆ ด้วย งานนี้จะรอดมั้ยฟระตู โอ้...พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกกระต่ายตาดำๆ ด้วย" 

เจ้าหมูเตยทำท่าสยึมกึ๋ยส์ก่อนหันมาอ้อนวอนพระเจ้า

"งะ...นะ นะ นะ นั่น งะ เงาอะราย วูบๆ อยู่ตรงโน้น" 

เจ้ากระต่ายหมูเตยชี้นิ้วไปยังทิศทางที่เห็นเงาตะคุม แล้วเบียดตัวเข้าแทรกกลางวงประหนึ่งว่าตัวเล็กจัด 

"อ๊ะ มันเป็นเงาสีเงินๆ"  

หมีน้อย(อะ)โกโก้กระซิบกระซาบอุทาน  

"จะใช่ขลุ่ยสีเงินรึเปล่า เราไปดูกันเถอะ"

ว่าแล้วก็ก้าวดุ่มๆ ไปทันที โดยไม่รั้งรอใคร 

"เดี๊ยววววววว....อย่าเพิ่งไป" 

หิ่งห้อยน้อยตะโกนดังลั่นด้วยความตกใจ พร้อมกับปล่อยลำแสงช็อตพี่หมีจนชักกระตุก   แล้วพี่หมีก็ล้มลง 

"แย่แล้ว พี่หมี เป็นอะไรหรือเปล่า นี่หิ่งห้อยน้อยแค่ช็อตไฟ 1 ใน 4 ของพลังทั้งหมดเองนะ"

"ตายแล้วๆ พี่หมีตายแล้ว พี่หมี โฮฮฮฮ ไม่น่าเลย กีสสสส" 

เจ้ากระต่าย โผไปเกาะพุงพี่หมีร้องไห้โฮ   พี่หมี(อะ)โกโก้โงหัวขึ้นมาโวยมึนๆ

"ยังไม่ตายซะหน่อย เจ้าหมู อย่ามาแช่งกันงี้จิ  โอย... มึน...  
เล่นแรงจังเลยครับหนูหิ่ง ว่าแต่ทำไมถึงห้ามไม่ให้ผมไปล่ะ"

"ก็บอกแล้วไง ว่าอย่าส่งเสียงดังและห้ามออกนอกเส้นทาง" 

เสียงหนูหิ่งตะโกนลั่นป่า 

"ไม่งั้นจะเจอดี" 

"เอ่อ หนูหิ่งอย่าส่งเสียงดังสิ" 

เสียงเตือนมาจากหนูลิ   ครืน ครืน แต่ไม่ทันเสียแล้ว เสียงดังสนั่นดังมาจากข้างหน้า แต่ความมืดมิดทำให้ไม่เห็นที่มาของเสียง

ครืน ครืน เสียงนั้น ดังเข้ามาใกล้   ทุกชีวิตได้แต่รู้สึกว่า ความมืดมิดรอบๆ บีบตัวแคบเข้ามา 

แท้จริงเสียงครืน ครืน ที่ได้ยินนั้น มันเป็นเสียงของน้ำตกปีศาจ

และภายในม่านน้ำตกปีศาจแห่งนี้ คือทางลอดที่จะนำไปสู่ที่ซ่อนขลุ่ยสีเงินได้ แต่จะต้องฝ่าด่านแรกให้ได้ก่อน นั่นคือ พรายน้ำกระหายเลือด

"เราต้องทำยังไงต่อไปล่ะหนูหิ่ง หนูลิ"

"พรายน้ำกระหายเลือด ต้องได้กินเลือด พรายชอบเลือดกระต่ายที่สุด" 

หนูลิพูดได้แค่นั้น บางคน(ตัว)ในกลุ่ม ถึงกับสะดุ้งโหยง   สายตาทุกคู่หันขวับไปยังกระต่ายน้อยขนฟูอย่างพร้อมเพรียงกัน

"อะงี้ดๆ มามองหมูทำมาย"  

เจ้ากระต่ายน้อยทำตาโต  

"เราคุยกับเจ๊พรายน้ำดีๆ ไม่ได้เหยอ  เง้อ..." 

"แล้วจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ?" 

หมีพี่โก้สงสัย 

"นั่นสิ ยากนะ พวกนี้ไม่ค่อยจะมีเหยื่อมาให้กินด้วยสิ อดอยากมานานขนาดนี้คงยอมคุยหรอกนะน้องหมู" 

หิ่งห้อยว่า

"แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเราถอยไม่ได้ เพราะเขตแดนปิดไปแล้วและจะไม่เปิดอีกนอกจากอาถรรพณ์ของป่าจะหายไปหมด 
ที่เราต้องทำตอนนี้คือต้องหาน้ำตกให้พบ แต่จะไปทางไหนล่ะ มืดซะขนาดนี้"

คำพูดของหนูลิทำให้น้องหมูเตยและพี่โก้อึ้งนิ่งเหมือนจะช็อก เว้นแต่หิ่งห้อยเท่านั้นที่รู้เรื่องดีอยู่แล้ว 

"อย่าลืมสิว่าข้าเป็นพรานนำทางนะ" 

เสียงของหิ่งห้อยน้อยใจโพล่งขึ้นเตือนสติ  

"น้ำตกปีศาจอยู่ไม่ไกล รีบไปกันได้แล้ว"

พูดจบก็บินนำทางไปข้างหน้า ปล่อยให้สามชีวิตเดินตามด้วยหัวใจระทึก 

เพราะกลัวว่าจะต้องมีใครสักคนเป็นเหยื่ออันโอชะ สังเวยให้กับพรายน้ำกระหายเลือด


เมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือน้ำตกปีศาจ เสียงกัมปนาทกึกก้องก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ เจ้ากระต่ายยักษ์และหมีตะกละต่างเอามือปิดหู 

ด้วยกลัวว่าแก้วหูจะแตกซะก่อนเจอขลุ่ยสีเงิน

ไหนล่ะ พรายน้ำกระหายเลือดที่ว่า... 

เสียงของเจ้าหมีน้อยตะโกนถามผู้นำทางตัวจ้อย แต่ได้รับคำตอบเป็นการชี้มือไปข้างหน้าของพรานหิ่งห้อย

นั่นไง... 

ทุกชีวิตมองตามปลายนิ้วไปยังน้ำตก ภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงผมยาวผุดขึ้นจากน้ำร้องโหยหวน 

เจ้ากระต่ายยักษ์ที่กลัวมากกว่าใครเผลอสะดุดก้อนหินหงายท้อง แววตาวาวโรจน์ของพรายน้ำหันขวับมา 

ร่างโปร่งบางเหมือนม่านน้ำพุ่งตัวเข้าจู่โจมผู้บุกรุกทั้งสี่ทันที  แต่ก่อนที่กรงเล็บของนางพรายจะได้ลิ้มรสเลือดของใครสักคน 

ดวงตาสีส้มของพญานาคที่อยู่บนหัวแหวนซึ่งกลายเป็นรัดเกล้าในตอนนี้ ก็เปล่งประกายจัดจ้าอาบร่างของพรายน้ำ 

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วป่า แล้วร่างทั้งร่างก็ถูกรัดด้วยพญานาคสีทอง 

ลำแสงสีทองนั้นสว่างวาบจนทำลายพรายน้ำจนไม่เหลือซาก ไม่นานลำแสงนั้นก็หายไป รัดเกล้ากลับมาเป็นปรกติ 

เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ ... เสียงนกขนาดใหญ่บินมาจากทางทิศอิสาน และเจ้าของปีกยักษ์ใหญ่คู่นั้นก็บินมาปรากฏกายต่อหน้าคณะเดินทาง

"ข้าตามกลิ่นท่านแม่มาได้จากแถวนี้ ไม่ทราบว่าพวกท่านเห็นท่านแม่ของข้าหรือไม่ อ๊ะ นั่นไง" 

ท่านครุฑย่อขนาดตัวลงให้เท่ามนุษย์ปรกติแล้วตรงเข้ากอดรัดพี่หมีจนหายใจไม่ออก  

"ท่านแม่!! ท่านแม่ทำไมถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้"

ดวงตานาคาหัวรัดเกล้าส่งแสงกระพริบราวกับรับรู้ถึงการมาของลูกชายของนางกับครุฑหนุ่ม

แน่นอนว่านาคารัดเกล้าเจ้าของดวงตามณีสีแดงฉานราวกับเลือดหมู (หยึย) ย่อมไม่สามารถตอบคำลูกชายได้ (หยึยอีกที)  

มีแต่หมีน้อยพี่โก้ ที่พยายามดิ้นรนออกจากวงแขนของท่านครุฑในคราบมนุษย์สุดชีวิต

"ไม่อ๊าววว ไม่อาว... โก้ไม่อยากโดนแร้งทึ้ง  ช่วยด๊วยยยยย..." 

"จะบ้าเหรอ ข้าไม่ใช่แร้งนะ ข้าเป็นครุฑต่างหากล่ะ" 

เสียงตอบโต้ของคนมีปีกโวยขึ้น หมีน้อยดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอด พลางวิ่งไปหาเจ้ากระต่ายยักษ์คู่หู

"โอ๊ว เรื่องชักจะไปกันใหญ่ นี่กำลังจะเกิดศึกสายเลือดหรือเปล่าเนี่ย"  

หนูลิมองลุ้นอยุ่ห่างๆ 

"เอาเถอะๆ"  

ปรากฏว่าเป็นหิ่งน้อยห้อยใจที่บินมาห้ามทัพ  

"ท่านครุฑจงเงียบๆ ไว้ก่อน เพราะมารดาตาสีส้มของท่านนั้น (ย้ำอีกทีให้คุณพีทได้ยิน จะได้ไม่ลืม โฮ่ๆๆ) 
บัดนี้ต้องคำสาป มิอาจคืนร่างมาเม้าท์กับท่านได้ จะโหวกเหวกโวยวายไปก็ใช่ที่  ครานี้นางพรายกระหายโลหิต 
ก็ปิดฉากชีวิตจบสิ้นลงแล้ว  เราควรจะฝ่าม่านน้ำไปหาขลุ่ยสีเงิน ชะเอิงเงย"

(ปี่พาทย์... โหม...) 

"เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของข้า" 

ครุฑน้อยผู้มีนามว่าอีโก้จูเนียร์ถามขึ้น 

"ทำไม ทำไมท่านถึงเป็นเช่นนี้" 

ครุฑน้อยคร่ำครวญ    ครุฑน้อยอีโก้จูเนียร์หันไปทางหนูหิ่ง

"พวกท่านจะไปไหนกันล่ะ เราขอไปด้วย ขอไปดูแลท่านแม่ ไม่อย่างนั้นท่านพ่ออีโก้ของเราคงจะเป็นห่วง"

"งั้นพวกท่านทั้งหลายก็จงตามข้ามาโดยเร็ว"

ว่าแล้วหนูหิ่งก็บินนำไปรออยู่ตรงม่านน้ำตก  สัตว์น้อยทั้งสองทำท่ากล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าในน้ำจะมีอะไรแปลกปลอมหลงเหลืออยู่อีกรึเปล่า 

ครุฑน้อย (ตกลงมีครุฑกี่ตัวกันแน่ งง) เลยอาสา

"งั้นพวกท่านจงขึ้นหลังข้ามาละกัน"

หนูลิช่วยจับกระต่ายหมูกับหมีโกโก้ขึ้นหลังครุฑ แล้วก็บอกว่า 

"ดิฉันไม่ต้องค่ะ ดิฉันสามารถ"

จากนั้น ครุฑน้อยก็ทะยานตามหนูหิ่ง โดยมีหนูลิลอยตัวด้วยเวทมนตร์รั้งท้าย 


				
 บทที่ 5 ขลุ่ยสีเงิน 






เพียงไม่กี่นาที ทั้งหมดก็ฝ่าม่านน้ำตกเข้าไปข้างใน ซึ่งปรากฏว่าเป็นถ้ำแก้วผลึกมีแสงระยิบระยับพร่างพรายไปหมด

"สวยมาก สงสัยจะมีสมบัติล้ำค่า ว่าแต่มีของกินด้วยป่าว หมูหิวแล้ว" 

น้องหมูเตยในร่างกระต่ายพูดทำลายความเงียบก่อนใครเพื่อน 

และแล้วทุกชีวิตก็หันมองหน้ากันเลิกลั่กเพราะอาการสั่นสะเทือนเล็กน้อยบนพื้นถ้ำ กับเสียงคล้ายฝีเท้าของสัตว์ที่น่าจะมีหลายขามุ่งตรงมาทางนี้

"เสียงอะไร?" 

หมีโก้ร้องออกมาเสียงตื่นๆ

"สงสัยเสียงสับหมู" 

กระต่ายน้อยหมูเตยออกอาการน้ำลายย้อยเล็กน้อยเมื่อตอบ

"จะบ้าเหรอน้องหมูเตย  น้อยหน่อยคิดอะไรเป็นเรื่องกินไปซะหมด นี่ซีเรียสนะ" 

หนูลิดุ   และแล้วสิ่งที่ออกมาประจักษ์ต่อสายตาทุกคู่ก็คือแมงป่องยักษ์ตัวสีดำมะเมี่ยม มันชูหางติดอาวุธแหลมขู่พวกเขาท่าทางไม่เป็นมิตรนัก

เหล่าผู้กล้าถอยกรูดจนตูด เอ๊ย หลังไปชนผนัง แม้แต่ครุฑน้อยก็ไม่เว้น เพราะแมงป่องมันตัวใหญ่กว่าหมูเตยซะอีก

"อู๊ดๆๆ แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่โก้"  

กระต่ายน้อยกระโดดหย็องแหย็งด้วยความตื่นเต้น  ทันใดนั้นแก้วมณีตาสีส้มของพญานาครัดเกล้าก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้ง

"จ๊ากกกก"  

คราวนี้เป็นเสียงท่านครุฑน้อย  

"เอางั้นจริงๆ เหรอท่านแม่ จะให้ข้าใช้วิชาต้องห้ามจริงๆ เหรอ"

ครุฑน้อย(ชื่อถูกมั้ยคะเนี่ย) เหงื่อตก ก่อนจะถอนขนที่ปีกของตัวเองออกมาข้างละกระจุก ก่อนจะร่ายมนตร์จนถ้ำสั่นสะเทือน 

"โอม อภิมหานาคาครุฑ อุตลุดคุณพ่อคุณแม่ช่วยหนูด้วย มหาระรวยหมวยสวยบ๊วยป่วย มหัศจรรย์โยงใย 
ไฉไลลุ้นระทึก กระดึ๊กๆ สลาตัน ครอบครัวสุขสันต์หรรษามหาภัย จงไปไกลๆ ชิ่วๆ แล้วติดอยู่ตรงนั้น เพี้ยงงงงงง"

ฉับพลันก็ขว้างขนครุฑในมือสองข้างออกไปฉับไวราวกับนินจาซัดดาวกระจาย  ขนครุฑทั้งสิบก็แผ่ขยายสานกันเป็นใยแมงมุมยักษ์ 

ที่ยักษ์ยิ่งกว่าแมงป่อง แล้วรวบเอาเจ้าแมงป่องติดบ่วงไปด้วยจนสุดผนังอีกด้านเกาะข้างฝาเหนียวหนึบ ทำอะไรไม่ได้ ดิ้นไม่หลุด

แมงป่องพยายามดิ้นรนสุดชีวิต จนกระทั่งหางหลุดออกมาจากใยแมงมุมยักษ์ได้ มันจ้องมองเหล่าคนที่ทำร้ายมันด้วยความอาฆาต 

ก่อนจะซัดเข็มพิษออกจากปลายหาง  แต่อำนาจคลื่นลมสลาตันยังคุ้มครองเหล่าผู้กล้า เข็มพิษที่แมงป่องยักษ์ซัดออกมา 

เลยถูกลมตีกลับไปปักลูกกะตาเจ้าแมงป่องซี้ม่องเท่งอยู่กลางถ้ำแก้วผลึกนั่นเอง

"โห... อุตส่าห์จะไว้ชีวิตแล้วนะเนี่ย"  

ครุฑน้อยเกาจั๊กกะแร้ตรงที่ดึงขนออกมาหยกๆ  

"ไม่น่าทำตัวเองเลยน้อ"

หลังจากที่ทั้งคณะเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ยิ่งลึกก็ยิ่งพบแท่งแก้วผลึกมากมายที่ฝังตัวอยู่ในผนังถ้ำ 

ยิ่งลึก... ยิ่งงดงาม   แต่ยิ่งลึก... ทุกคนก็รู้สึกว่าก้าวแต่ละก้าว ก้าวได้ยากลำบากขึ้น เหมือนไม่มีแรงที่จะยกเท้าตัวเอง 

"เฮ้อ... เกือบโดนเข็มพิษของแมงป่องเสียบพุงซะแล้ว" 

หมีน้อยบ่นออกมาดัง ๆ พร้อมกับปาดเหงื่อ หันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ

"ขลุ่ยสีเงินอยู่ในนี้รึเปล่านะ รีบหากันเถอะ ข้าไม่อยากโดนรัดเกล้านี่บีบหัวระเบิด"

ครุฑน้อยได้ยินคำถามก็หูผึ่ง 

"อะไรนะ ทำไมพวกเจ้าถึงรู้ว่าขลุ่ยสีเงินถูกซ่อนไว้ในนี้"

"ทั่นอย่าเพิ่งถามเซ้าซี้เลยทั่นคุด"  

กระต่ายน้อยหมูเตยโพล่งออกมาด้วยเสียงหงุดหงิด  

"พวกทั่นไม่รู้สึกว่ายกขาไม่ขึ้นกันรึไง มัวแต่คุยกันอยู่ได้  ข้าว่าเดี๋ยวต้องเกิดอะไรแย่ๆ ขึ้นอีกแน่ๆ เลย อู๊ดๆ"

สิ้นเสียงบ่นด้วยความกังวลของกระต่ายหมูเตย หิ่งห้อยน้อยใจก็หล่นปุ๊ลงกับพื้น  

ยังไม่ทันที่ใครจะได้อุทานออกมา หมูเตยก็คว่ำหน้าเป็นรายต่อไป ตามด้วยหมีพี่โก้  

แรงโน้มถ่วงในถ้ำนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกทีจนกระทั่งสัตว์น้อยทั้งสองนอนเค้เก้ยกแขนยกขาไม่ขึ้น 

 ครุฑน้อยเห็นท่าไม่ดี กางปีกเตรียมบินแต่ยิ่งกางปีกก็ยิ่งมีพื้นที่ให้ดูดดดดด ครุฑเลยหงายหลังแผ่หรา เหมือนกับใครเอากาวมาทาปีกจนติดพื้น  

เหลือแต่หนูลิ ที่ร่ายเวทมนตร์ลอยตัวทันเวลา เนื่องจากเวทนี้มีอำนาจต้านแรงโน้มถ่วง ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก 

หนูลิจึงเป็นผู้เดียวที่รอดพ้นจากอำนาจดูดดดดดด ของพื้นถ้ำไปได้ 

"หนูหิ่ง เราต้องทำยังไงกันดี ถ้าไม่ทำอะไรเลย สงสัยจะกลายเป็นเหมือนโครงกระดูก ที่นอนอยู่ข้างๆหมูเตยอ่ะ" 

หนูลิถามด้วยความกังวล

"ต้นกำเนิดพลังอยู่ที่แท่งผลึก" 

หนูหิ่งร้องบอก 

"แท่งผลึก!!!!!"  

หนูลิทำหน้าดีใจ แล้วหันขวับกลับไปข้างหลัง... ข้างหลัง... แล้วก็ข้างหลัง...  

"หนูหิ่ง!!!!  มันมีแท่งผลึกเยอะแยะไปหมด เต็มถ้ำเลย มันแท่งไหนกันล่ะเนี่ยยยยยย"

"อันที่มันหน้าตาต่างจากผลึกชาวบ้านน่ะหนูลิ"

หนูลิเพ่งสายตาไปตาหมู่ผลึก.. กลุ่มผลึก... กองผลึก แท่งน้อยใหญ่ ... มองหาแท่งผลึกที่แตกต่าง

"อืมมมม..มมมมม มันหน้าตาคล้ายๆ กันไปหมดเลยแฮะ..." 

ดวงมณีสดใสส่องประกายแวววาวจากดวงตาของรัดเกล้ามณีนาคา

"อะ...อะ...นะท่านแม่ ใช้ความว่างเปล่าหา? ยังไงข้าไม่เข้าใจ" 

อีโก้จูเนียร์สื่อความกับมารดาแต่ยังไม่สามารถเข้าใจปริศนานั้นได้    หนูลิร่อนไปร่อนมา มองหาผลึกที่แตกต่าง 

ครุฑน้อยอีโก้จูเนียร์ ก็พยายามยกมือขึ้นมาจะเกาหัว แต่ก็ยกไม่ขึ้น   หมีน้อย(อะ)โกโก้ นอนคอเอียงจนเมื่อย

หิ่งน้อยก็ดิ้นรนจนหมดแรง แสงหรี่ลงทุกที   ส่วนเจ้ากระต่ายน้อย...  กรนคร่อกเรียบร้อยไปแล้ว ช่างใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ซะจริงเชียว

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเหมือนน้ำไหลตรงมาทางนี้

"แย่แล้ว" 

หนูลิตะโกนขึ้นมา  

"น้ำจากน้ำตกไหลเข้ามาในถ้านี้ อ๊ะ! แย่ยิ่งกว่าแย่ น้ำนั่นมีสภาพเป็นกรด ละลายเนื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า" 

หนูลิอธิบายให้ทุกตัวเข้าใจ แต่ยิ่งอธิบายทุกตัวยิ่งหน้าซีด

"ทำอะไรสักอย่างสิคร้าบ หนูลิ" 

หมีอะโกโก้ตะโกนมา

"ไม่ต้องมาสั่งฉัน" 

หนูลิวีนกลับ แหม! อยากให้น้ำกรดนั่นละลายเนื้อเลาะกระดูกเจ้าหมีนี่จริงๆ เลย ปู่นะปู่ บอกแล้วว่าไม่ชอบ ยังจะให้เดินทางมาด้วยกันอีก เฮ้อ 

หนูลิอดไม่ได้ที่จะบ่นถึงปู่ตัวดีเจ้าแผนการ    แสงแวววาวจากดวงมณีของรัดเกล้ากระพริบระยิบถี่

"อะ...อะ...ไรนะจ๊ะแม่จ๋า" 

ครุฑน้อยทำท่าเหมือนกำลังสนทนาสื่อสารกับมารดาทั้งที่ไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงพูดของครุฑและเสียงน้ำที่กำลังเดินทางเข้าสู่ถ้ำ

"หลับตา หนูลิ หลับตาทำให้ความมืดปกคลุมการมองเห็นซะ แล้วไม่ต้องไปสนใจเสียงน้ำนั่น ทำจิตให้ว่างแล้วจะเจอเร็วเข้า" 

ครุฑน้อยตะโกนบอกหนูลิก่อนหันกลับมาบอกเพื่อนร่วมคณะ  

"ทุกคนสูดหายใจให้เต็มปอดแล้วกลั้นใจไว้" 

แต่น้องหมูยังไม่ตื่น  สายน้ำที่ถูกพ่นออกมาจากปากของรัดเกล้ามณีนาคาทำให้กระต่ายชื่อเป็นหมูถึงกับสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ 

ครุฑน้อยบอกย้ำให้หมูเตยกลั้นหายใจ สายน้ำที่พ่นออกมาจากปากนาคาเริ่มเจิ่งนองบนพื้นถ้ำ 

หิ่งห้อยน้อยตัวเล็กกว่าใครเพื่อนทำให้น้ำหนักเบาลงและลอยขึ้นมาจากพื้นถ้ำแต่หาได้เป็นอิสระไม่เพราะร่างของเธอยังคงติดอยู่ในสายน้ำ 

ปีกของเธอปีกจนไม่สามารถบินหนีน้ำได้   สายน้ำจากปากแม่นาคาตาสีส้มได้กั้นขวางน้ำกรดพิษและผลักดันน้ำตกกรดพิษจนหายยยยไปหมด 

แล้วครุฑน้อยจูเนียร์ก็เข้าถึงความว่างเปล่าเพราะกลัวตายได้สำเร็จ มองเห็นผลึกแก้วสีรุ้งที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางผลึกทั้งหมด 

จากนั้นจึงดึงผลึกนั้นออกมา เผยให้เห็นกลไกที่เคลื่อนห่างออกไปเป็นที่โล่งกว้างที่มีเสาหินยาวๆ ตรงกลางถ้ำ บนเสายาวมีขลุ่ยสีเงินลอยวนอยู่

"กรี๊สสสส อ่ะขลุ่ยเจอขลุ่ยแว้ววพี่หมี" 

พี่หมีน้อย(อะ)โกโก้เงยหน้าตั้งฉากมอง  

"อ่ะ จริงๆด้วยแล้วจะเอามันลงมาได้อย่างไรล่ะนี่ กลุ้มใจอย่างแรง"

"ง่ายมากแค่มีเสียงเพลงและเต้นประกอบขลุ่ยก็จะลอยลงมาเอง"  

หิ่งห้อยกลอยใจร้องบอกจนทุกคนหันมองหน้ากัน.. ใครจะเต้นล่ะเว้ยเฮ้ย..

"หมีน้อยเต้นเอง" 

หมีน้อย(อะ)โกโก้เริ่มด้วยการยื่นอุ้งมือไปเกาะเสาหิน กระต่ายน้อยหมูเตยและหนูลิเริ่มฮัมทำนองเชอร์รี่พิ้งค์ 

แต่ แน แน แน้ หมีอะโกโก้สมชื่อเต้นพริ้วสุดๆ ตามที่สังขารจะอำนวย... 

"แต่ แน แน แน้... แต๊ แน แน้ แน แต่ แน้..."  

เสียงเพลงดังประสานกับเสียงเป่าปากวี้ดวิ่ว เสียงตบมือ และเสียงกระทืบเท้า เมื่อสิงสาราสัตว์ต่างๆ ทั้งกระต่าย ทั้งครุฑ (เอ่อ???) 

หลุดจากแรงโน้มถ่วงขึ้นมายืนล้อมเป็นกองเชียร์  แม้แต่หนูหิ่งก็ยังสลัดปีกจนแห้ง แล้วบินขึ้นบินลงกะพริบวาบๆ เป็นไฟเวทีประกอบ

ตามจริงแล้ว ขลุ่ยควรจะลอยลงมาแบบนิ่มๆ ตามเสียงดนตรีและลีลาเด็ด แต่เนื่องจากน้ำหนักของพี่หมีน้อย(อะ)โกโก้ไม่เป็นที่สองรองใคร (นอกจากหมูเตย)  

เสายาวที่พี่หมีน้อยห้อยโหนก็เลยหักกลางคว่ำลงมาฟาดกระหม่อมน้องครุฑจูเนียร์หงายหลังไปอีกรอบ

ส่วนขลุ่ยสีเงินก็ร่วงลงมาในมือกระต่ายหมูเตยโดยปลอดภัยไม่บุบสลาย

"ไชโย !!! ได้ขลุ่ยสีเงินแล้ว เย้ๆๆๆ เรารีบไปที่ป่าเปรี้ยวจี๊ดกันเถอะ"

กระต่ายยักษ์หมูเตย ร้องบอกพรรคพวกอย่างดีอกดีใจสุดขีด จะมีก็แต่หนูลิที่หน้าง้ำ ขบฟันคั่งแค้นอยู่คนเดียว

แต่ทันใดนั้น...หมีอ้วนก็ร้องจ๊ากลั่นถ้ำ พร้อมกับลงไปดิ้นที่พื้น สองมือดึงทึ้งรัดเกล้าราวกับต้องการกระชากมันออกจากศีรษะ 

ดวงตานาคาสีส้มจัดบนหัวแหวน (รัดเกล้า) เปล่งแสงกะพริบถี่ ๆ แก้วมณีสุกใสที่พญานาคคาบอยู่ก็หล่นลงกับพื้น กลิ้งขลุก ๆ ไปตามทางยาว ๆ 

เหมือนจะบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้ตามมันไป   เจ้าลูกครุฑฟื้นสติขึ้นมาทันเห็นแก้วมณีในปากรัดเกล้ากลิ้งนำทางลึกเข้าไปในถ้ำ 

ก็ค่อยพยุงตัวลุกเดินตามไป น้องกระต่ายชื่อหมูเตยลากพี่หมีโก้ขึ้นหลังแบกตามพี่ครุฑด้วยความทุลักทุเล แถมยังพยายามกำขลุ่ยสีเงินในมือไว้ซะแน่น 

ส่วนหนูหิ่งกับหนูลิเดินปิดท้าย   ยิ่งเดินลึกเข้าไป ถ้ำก็ยิ่งมืดลง มืดลงทุกที  แสงสว่างเรืองรองของแก้วผลึกตามผนังและเพดานก็เริ่มริบหรี่ 

จนสัตว์น้อยเดินสะดุดหินยอกหินง้อย กันจนเคล็ดขัดยอกไปตามๆ กัน  แต่กระนั้น แก้วมณีสีขาวก็ยังคงกลิ้งหลุนๆ ลึกเข้าไปไม่ยอมหยุด

แก้วมณีกลิ้งไป จนกระทั่งไปหยุดหน้าบึงกว้างที่อยู่ภายในถ้ำ  พอเหล่าผู้กล้าวิ่งบ้าง ล้มลุกคลุกคลานบ้างตามมาถึง หมีพี่โก้ก็หายปวดหัว 

ไต่ลงจากหลังน้องกระต่ายมายืนมึนๆ  หนูลิเก็บแก้วมณีซึ่งหยุดนิ่งแล้ว ใส่คืนเข้าไปในปากนาคาที่อ้ารออยู่  ครุฑน้อยหันไปรอบๆ แล้วเอ่ยถาม  

"ท่านแม่พาพวกเรามาที่นี่ทำไมเหรอครับ ข้าว่าไม่เห็นจะ..."

ยังพูดไม่ทันจบ ผืนน้ำก็แตกเป็นฟองปุดๆ แผ่เป็นวงกว้างจากกลางบึง แล้วทันใดนั้น ก็มีสิ่งหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารค่อยๆ โผล่ขึ้นมา 

น้ำแตกกระจายเป็นคลื่นใหญ่กว่าตัวอีจูซะอีก (ย่อมาจาก อีโก้จูเนียร์) กระจกวารีบานใหญ่ยักษ์โผล่ขึ้นมาพร้อมอักษรจารึกเวทเปิดกับตำนานของเมืองต่างๆ 

รวมถึงความสำคัญของขลุ่ยสีเงิน และของวิเศษ 3 สิ่ง แต่จะต้องอ่านจารึกเวทนั้นได้อย่างถูกต้องตรงอักขระให้ครบ 108 จบก่อน

จึงจะปรากฏภาพตำนานต่างๆ ตามปรารถนาและหนูหิ่งเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถอ่านข้อความเหล่านั้นได้ 

"โห.. กระจกวิเศษ" 

กระต่ายหมูเตยตะโกนด้วยความตื่นเต้น  

"มันยังลอยอยู่กลางน้ำอยู่เลย คงต้องหาใครซักคนไปเอามา" 

หนูลิพูดพร้อมหันหน้าไปทางครุฑ

"ได้ เดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้เอง" 

ครุฑน้อยเอานิ้วโป้งถูจมูกด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนจะบินจากริมบึง  ทันทีที่จะเอื้อมมือไปจับกระจก 

ผิวน้ำก็พลันเกิดฟองขนาดมหึมามาห่อหุ้มตัวครุฑไว้ ซึ่งพยายามดิ้นยังไงก็ไม่สามารถออกมาจากฟองเหนียวๆนั้นได้ 

น้ำจากไหนไม่รู้เข้ามาในลูกโป่ง ระดับน้ำสูงขึ้นๆ จนมิดหัวเจ้าอีจู (ต่อตามเฮีย) 

ในที่สุดเจ้าครุฑน้อยอีจูก้อจมน้ำตาย

"ลูกข้า  กรี๊สส ลูกข้าตายแล้ว" 

แม่นาคาร้องไห้คร่ำครวญเมื่ออีโก้จูเนียร์มาตายต่อหน้าต่อตา

"งั้นเรากลับบ้านกันเถอะพี่หมี แหวนก็ไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรสักอย่างของกินก็ไม่ดี หมูเตยหิวแว้ววว" 

"อะไรกัน อยู่ช่วยกันก่อนจิ รับปากกะปู่ไว้แล้วไม่ใช่หรออีกอย่างพุทราวิเศษน่ะอร่อยน้าหมูเตย" 

หนูลิทักท้วงแต่ทั้งกระต่ายน้อยทั้งหมีโก้ก็ส่ายหน้า

"ปู่ของหนูลิไม่น่าไว้วางใจ ที่หมูเตยมาเพราะอยากได้แหวนคืนแต่แหวนเป็นแม่นาคาไปแล้วนี่ แล้วนี่ก็มีคนมาตายไปแล้วศพนึง 
มีหวังศพต่อไปต้องเป็นพวกเราแน่ๆ หมูเตยยังไม่แต่งงาน หมูเตยยังไม่อยากตายยย" 

กระต่ายน้อยหมูเตยคร่ำครวญถึงพรหมจรรย์ที่แข็งโป๊กของตน แต่ทว่าหิ่งห้อยกลอยใจกลับยิ้มเฉยก่อนจะบอกถึงความเป็นจริงอันลึกลับ

"ใจเย็นๆ นะแม่นาคาและหมูเตย อันที่จริงอีโก้จูเนียร์ไม่ได้ตายเพียงแต่ข้ามไปยังอีกภพหนึ่งเท่านั้น 
ถ้าเราข้ามไปอีกภพได้วิญญาณของอีโก้จูเนียร์ก็จะคืนร่างเพราะฉะนั้นเรามาพยายามกันเถอะ ว่าแต่ทำยังไงจะเอากระจกมาได้น้า.." 

 แม่นาคาเมื่อได้ยินก็มีสีหน้าดีขึ้น หางยาวกวาดไปยังกระจกพร้อมสะบัดโดยแรง 

จนกระจกลอยละลิ่วมาเข้ามือพี่หมีโก้ พี่หมีเบิกตาเท่าเม็ดก๊วยจี๊ให้กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้

"หมีเห็น..(ห้ามผวน) หมีเห็นแล้ว..แต่หมีอ่านม่ายออก" 

หิ่งห้อยกลอยใจรีบบินมาดูก่อนจะเบิกตากว้างไปด้วย

"ตายแล้ว โลกเรากำลังถูกคำสาปตอนนี้ ถ้าเราไม่ข้ามภพไปแก้คำสาปโลกนี้จะแตกสลายล่ะ"

"ง้า" 

หมูเตยหงายหลังล้มตึง ภาพพ่อแม่พี่น้องที่หมู่บ้านต้องล้มตายเป็นภาพที่ตัวเองไม่อยากเห็นอีกทั้งตัวเองก็ยังไม่เคยได้จึ๊กกะดึ๋ยกับใครเลย ...

ไม่ได้แระต้องช่วยกอบกู้โลกเสียแล้ว... ทั้งหมดจึงตกลงใจกันเดินไปป่าเปรี้ยวจี๊ดโดย หมี(อะโกโก้)เป็นผู้เก็บกระจกไว้กับตัว 

และแม่นาคาก็แปลงเป็นรัดเกล้าอยู่บนหัวพี่หมีตามเดิมทุกคนมุ่งหน้าไปเพื่อความหวังหนึ่งเดียวคือช่วยผู้ที่เป็นที่รักของตน..

				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน