เผาตัวเอง

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

สิ่งใดที่ปรารถนาแล้วไม่ได้ดังใจ  หรือสิ่งที่ได้มาแล้วไม่อยากต้องพลัดพรากหลุดลอยไป ก็มีจะมีพฤติกรรมแสดงออกมาต่าง ๆ กันไป แต่ที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่สุดก็คือ การเผาตัวเอง
         ในประเทศอินเดีย มีประเพณีหนึ่งเรียกว่า สตี (suttee หรือ sati)ภรรยาผู้ซึ่งสามีตายจะเผาตัวเองตามไปด้วยพิธีศพอินเดีย เผาตัวเองตายตามสามี i คือพิธีศพ ทางศาสนาของชาว ฮินดูที่สืบทอดต่อๆกันมาในประเทศอินเดีย โดยให้ หญิงม่ายที่กำลังเศร้าโศกเสียใจจากการที่สามีเสีย ชีวิต โดยภรรยามานั่งข้างๆศพสามีของเธอในกองฟืน ที่ใช้ในการเผาศพ และเธอก็จะถูกเผาทั้งเป็นเคียง ข้างศพสามี หรือถ้าเมียคนไหนไม่ยอม หรือหนีออก จากกองเพลิง ก็จะถูกจับมัดแล้วโยนเข้ากองเพลิง ให้ตายตกตามสามีไปพิธีกรรมนี้ถูกสืบทอดกันมาในอินเดียเป็นเวลานาน อินเดียถูกยึดครองโดยของอังกฤษ พวกผู้ปกครอง ชาวอังกฤษเห็นว่า พิธีกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหี้ยม โหดร้ายมากจึงได้ยกเลิก และถือว่าการกระทำดัง กล่าวเป็นสิ่งผิดกฎหมายในปี 1829 แต่ก็มีการแอบลัก ลอบกระทำกันอีกเรื่อยมา
          ที่โด่งดังที่สุดเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก  พระภิกษุ ทิช กวาง ดิ๊ก เผาตัวเองในท่านั่งสมาธิ กลางกรุงไซ่ง่อน เมื่อวันที่  11 มิถุนายน 2506  เพื่อประท้วง
รัฐบาลของประธานาธิบดี โงดินท์เตียม ที่กดขี่ข่มเหงพระภิษุ และชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนาอย่างรุนแรง พระ ทิช กวาง ดิ๊ก รูปนี้ เป็นเจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ อยู่ที่ริมแม่น้ำเฮืองยาง(แม่น้ำหอม)ที่เมืองเว้  แต่ได้ขับรถยนต์ออสตินพาเพื่อนพระภิกษุมาประท้วงที่กรุงไซ่ง่อน  เป็นน่าแปลกประหลาดอัศจรรย์ก็คือ ขณะที่ไฟลุกท่วมท่านนั่งสมาธิไม่ได้ขยับร่างกายเลย  หัวใจของท่านไม่ได้ไหม้ไปกับกองไฟด้วยปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ ในวัดเทียนมู่ เมืองเว้ ประเทศเวียตนาม หลังจากนั้นยังมีพระอีกหลายรูปเผาตัวเองตามอย่างด้วย
           ประเทศไทย ใช่ว่าจะไม่เคยมีการเผาตัวเองเท่าที่มีการบันทึกไว้มีถึงสองคนระยะเวลาห่างกันถึงยี่สิบหกปีเผาตัวเองสถานที่เดียวกันคือวัดแจ้ง(วัดอรุณราชวราราม)คือ นายเรือง  และ นายนก ทั้งสองคนมีผู้แกะสลักรูปด้วยหินเอาไว้ด้วย
           เรื่องของนายเรือง  พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์  รัชกาลที่ ๒
ฉบับพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า นายเรือง ผู้เผาตัวเอง
ณ วันศุกร เดือน ๓ ขึ้น๘ ต่ำ เพลาทุมเศษ จุลศักราช ๑๑๕๒(พศ.๒๓๓๓)ปีจอ โทศก แต่เมื่อก่อนเผาตัวประมาณ ๙ วัน ๑๐ วันนั้น มีความว่านายเรืองกับสหาย ๒ คนคือขุนศรีกัณฐัศว์ กรมม้า และนายทองรัก พากันไป ณ อุโบสถวัดครุธ ต่างปรารถนาพุทธภูมิ เสี่ยงดอกบัวอ่อนคนละดอก ว่าถ้าใครจะสำเร็จแก่พระโพธิญาณ
แล้วขอดอกบัวผู้นั้นจงบาน  ครั้นรุ่งขึ้นก็บานแต่ดอกบัวของนายเรือง  ตั้งแต่นั้นนายเรืองก็มาอยู่ที่การบุเรียนเก่าวัดอรุณราชธารามสมาทานอุโบสถศีลฟังเทศนาเอาน้ำมันชุบสำลีเป็นเชื้อพาดแขนทั้ง ๒ จุดไฟบูชาต่างประทีปทุกวันจนถึงวันเผาตัว
นายเรืองฟังเทศจบแล้วก็นุ่งห่มผ้าชุบน้ำมันเดินออกมาหน้าการบุเรียน  นั่งพับเพียบ
พนมมือรักษาอารมณ์สงัดดีแล้ว ก็จุดไฟเผาตัวเข้า  เมื่อเปลวไฟวูบขึ้นทั่วตัวนั้นนายเรืองร้องว่าสำเร็จปรารถนาแล้ว  ขณะนั้นคนซึ่งดูอยู่ประมาณ ๕๐๐ - ๖๐๐ เศษ บ้างก็ร้องสาธุการ เปลื้องผ้าห่มโยนบูชาเข้าไปในกองไฟ ชั้นแต่แขกภายนอกพระศาสนาก็ถอดหมวกออกคำนับโยนเข้าไปในกองไฟด้วย  ครั้นไฟโทรมแล้ว คนที่มีศรัทธาช่วยกันยกศพใส่โลงไว้ในการบุเรียน สวดพระอภิธรรม ๓ คืนแล้ว พาศพไฟเอาที่ทุ่งนาวัดหงษ์  เมื่อเผาศพไฟชุมนั้นปลาในท้องนาประมาณ๑๐ ปลา ๑๒ ปลา โลดขึ้นมาเข้าในกองไฟตายด้วยครั้นไฟดับแล้วเห็นอัฐินายเรืองสีเขียว ขาว 
เหลือง ขาบ ดูปลาดก็ชวนกันเก็บอัฐิใส่โกษฐ์ดีบุกไว้ในการบุเรียนเก่าวัดอรุณราชธารามนี้
          เรื่องของนายนกประวัติกล่าวไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์(ขำ บุนนาค) ว่า  เมื่อวันพุธ เดือนเจ็ด  แรมเจ็ดค่ำ(พศ. ๒๓๕๙)วันนั้นฝนตกหนักตั้งแต่เวลาพลบค่ำตนสิบเอ็ดทุ่มจึงหยุด ครั้นเวลาเช้าชายหญิงจึงมาเห็นนายนกเผาตัวอยู่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ที่หน้าพระอุโบสถเก่าวัดแจ้งแต่ไฟนั้นดับแล้ว นายนกได้บอกแก่ญาติมิตรชาวบ้านที่ชอบกันว่า
นายนกจะประพฤติสุจริต ทำบุญรักษาศีลตั้งจิตปรารถนานิพพานธรรม แต่นั้นมานายนกก็ปฏิบัติมักน้อย  ละบ้านเรือนญาติมิตรเสีย ออกไปสมาทานศีลเจรืผยภาวนา
รักษาจิตอยู่ในการเปรียญเก่าวัดแจ้ง จะได้เป็นกังวลด้วยการบำรุงกายแลกิจที่นะบริโภคนั้นหามิได้ เมื่อใครจะมีน้ำใจให้อาหารก็ได้บริโภคบ้าง  ลางทีไม่ได้บริโภค
อดอาหารมื้อหนึ่งบ้าง ลสงวันก็ไม่ได้บริโภค ทรมานตนมาจนวันเผาตัวตาย  เมื่อนายนกจะเผาตัวนั้นจะได้บอกกล่าวญาติมิตรผู้หน่งผู้ใดหามิได้ คนทั้งปวงเมื่อเห็นศพนายนก ก็พากันทำบุญสัการบูชาศพนายนกเป็นอันมาก
          น่าสังเกตุว่าการเผาตัวเองของไทยเป็นเรื่องวอยากหลุดพ้นไปสู้พระนิพพาน ต่างกับของเวียตนามซึ่งเกิดภายหลังหลายร้อยปี
				
comments powered by Disqus
  • เด็กวัดบ้านนอก ป๔

    16 กุมภาพันธ์ 2555 01:48 น. - comment id 128482

    ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ
  • แก้วประภัสสร

    16 กุมภาพันธ์ 2555 13:21 น. - comment id 128486

    ขอบคุณค่ะที่นำมาแบ่งปัน
    
    การเผาตัวเองเหมือนชาวอินเดีย 
    หากทำไปเพื่อบูชาความรัก เราก็ว่าเขาไม่ได้เนอะลุง
    
    แต่เค้าว่านะ หากเผาตัวเอง เพราะความหลง
    หรือโลภ อันนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ
    
    36.gif46.gif31.gif
  • กุ้งหนามแดง

    16 กุมภาพันธ์ 2555 14:18 น. - comment id 128490

    นึกว่าเปรียบเปรยซะอีก..
    
    ตามเรื่องนี่ท่าทางจะตบะกล้าแข็งมากทีเดียว..
  • คนเมืองตอแหล

    16 กุมภาพันธ์ 2555 15:11 น. - comment id 128495

    เมื่อไม่กี่ปีทานี้ คนไทยก็เผาตัวเองนะ แต่เผาประเทศ
    เห็นเผาศาลากลาง  เผาห้าง 
    นี่คงเป็นประวัติศาตร์ที่ถูกบันทึกไว้กับอีกหน้า  ที่บอกคนไทยเผาแผ่นดินตัวเอง เพียงเพราะ ชอบแบมือขอเงิน
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    16 กุมภาพันธ์ 2555 18:19 น. - comment id 128497

    อิอิ พรรคเก่าแก่กำลังเผาตัวเองอยู่ ค้านทุกเรื่อง
    ไม่ว่าจะปากท้องชาวบ้านหรือแก้รัฐธรรมนูญ พรก.ทุกเรื่องตัวเองเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ตั้งหน้าตั้งตาค้านอย่างเดียว เผาตัวเองชัดชัดเลือกตั้งคราวหน้าจะได้สักกี่คนเนี่ย อิอิ ก็เลยเป็นม฿ลเหตุให้หาเรื่องนี้มาลงไง อิอิ
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    25 กุมภาพันธ์ 2555 18:08 น. - comment id 128547

    อิอิเข้าสภายังค้านได้ทุกเรื่อง แต่ละคนกลัวอย่างเดียว เหมือนกัน จะให้รัฐบาลสัญญาว่าจะไม่แก้ กลัวคนแก่จะตกกระป๋องไปพลางก่อนจากรัฐธรรมนูญ อิอิ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน