ชีวิตจริงของ"เสือเขียน"

แก้วประภัสสร

 ๑ เสือเขียน ๑ 
     28-1.gif                            
     
     นักเลงหนังสือ หรือนักเขียน..มักจะค้นหา-
ตำราหรือหนังสือที่ตนเองชอบ ไม่ว่าใครบอกว่า-
ที่ไหนมีหนังสือดี มีจัดการศูนย์สัปดาห์หนังสือ
ต่างก็จะรีบไปหามา 
    คงไม่ต่างก็นักเลง เสือ   หรือ โจร 
 พวกเขาก็เสาะแสวงหาวิชาอาคม เพื่อมาเป็นสิ่งป้องกันตน 
และสร้างความมั่นใจให้กับตนเองขณะออกปล้น  
     
 ชีวิตไม่เคยถูกตีหัว มีแต่ตีหัวเขา  
เป็นคำพูดออกจากปากเสือเขียน ซึ่งข้าพเจ้าได้นั่งพูดคุย เล่าประวัติย้อนไปเมื่อสมัยอดีตให้ข้าพเจ้าฟัง
  เพื่อไม่ให้เรื่องสั้นของข้าพเจ้า
 ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันของเสือเขียน 
ข้าพเจ้าขอปิดชื่อจริง นามสกุลจริง
และขอครูบาอาจารย์ส่งแรงใจ
ให้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องสั้นจบอย่างสมบูรณ์  
                                             แก้วประภัสสร
                                             20 พฤษภาคม 2555
          
1136127697.gif
         ขณะที่ผู้ชายร่างเล็กใส่กางเกงขาสั้น
ไม่สวมเสื้อ นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน
 ขาข้างหนึ่งของเขายกขึ้นเหยียบม้านั่ง
 มือข้างขวายกแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ เขากำลังดื่มเบียร์-
ในเวลาพลบค่ำกับญาติผู้น้อง
         ทั้งสองเสวนากันอย่างออกรส  สลับกับร้องเพลง
ข้าพเจ้านั่่งมองไปก็ยิ้มไป  เบียร์หนึ่งขวด
 กับผู้ชายสองคน 
คนหนึ่งวัย70  อีกคน วัยเพิ่งปลดเกษียร 62 ปี
 ทั้งคู่ร่างเล็ก ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
 เรือนแพ...สุขจริง..อิงกระแสธารา.. 
 เขาใช้ช้อนซ่อมเคาะแทนเสียงดนตรีเป็นจังหวะ
 ขณะที่หันหน้ามา ข้าพเจ้ามองเห็นภาพลายสัก-
ที่แผ่นหน้าอก เป็นภาพที่สวยงามมาก 
ในสายตาข้าพเจ้าว่ามันเป็นภาพที่ผู้สักบรรจง 
ลงลายศิลป์ รูปเสือได้อย่างสวยงามจริงๆ
ตา..สักที่ไหนมา สวยจัง  ข้าพเจ้าจับสายตา
ไปที่ลายสักอย่างไม่กระพริบ
ตาเอามือลูบหน้าอกลงมาถึงสะดือ
 กล้ามเนื้อที่แข็งแรง ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า
  เขานี้อายุ 70 ปีแล้ว
 สักอาจารย์สุก ..สมัยตาหนีออกจากบ้าน
 ไปเป็นเสือออกปล้นโน่น  5555  
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
 ฮ้า...ตาเคยปล้นด้วยเหรอคะ 
ถูกแล้ว เคยมาหมดแล้วอะไรทีว่าเลวๆนะ 
ตา..ขอหนูเขียนประวัติตาหน่อยได้มั้ยคะ .
น่าตื่นเต้น อยากฟังว่าไปปล้นที่ไหนมาบ้าง 
แต่ตอนนี้จะมีผลกับคดีเก่าๆของตามั้ย 
 โอ้ย..หมดความไปหมดแล้วละ รับโทษหมดแล้ว
 ตอนนี้เป็นเสือใจดีแล้ว
 แต่อย่าเผลอมาแหย่หนวดเสือละ 5555 
 031839_1923782172_ekiemkfg.gif
       เขียน   เกิดปีพ.ศ 2485  ปัจจุบันอายุ 70 ปี
มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน  เขียนเป็นลูกคนสุดท้อง
 ถูกพ่อแม่ ตามใจ จึงมีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ เกเร
     เมื่อเริ่มโต พี่สาวส่งให้เรียน ก็เกเร 
 เลยถูกแม่จับให้บวชเรียน  บวชแล้วบวชอีก
โตขึ้นมาหน่อยก็บวชอีก
 สึกจากเณร ก็ไปเรียนต่อช่างไม้ พอเรียนไปสักพัก
 ขี้เกียจไสไม้ 
        อยู่มาวันหนึ่งไม่เข้าเรียน แต่มานั่งเล่นที่-
ร้านตัดผม 
 มึงทำไมไม่เรียน มานั่งทำไมร้านตัดผม.
 เจ้าของร้านเอ่ยปากดุเขาออกไป
 ขี้เกียจไสไม้..วันๆ มีแต่ให้ไสไม้ ไม่เห็นสนุกเลย เขียนตอบไป
 มึงไม่อยากเรียน  อยากจะเรียนตัดผมมั้ยกูจะสอนให้ 
media13.gif
       หลังจากที่เขาเรียนตัดผมจนชำนาญ 
ก็ได้เช่าห้องเปิดร้านตัดผม
      ด้านล่างทำเป็นร้านตัดผม 
ส่วนด้านบนเปิดให้คนเล่นการพนัน 
นี่เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ถูกทุกคนเรียกเขาว่า
           เสือเขียน
             ขณะที่เขาตัดผมอยู่... โต๊ะการพนันชั้นบน
เกิดการทะเลาะอย่างรุนแรง เขาพยายาม
ที่จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ด้วยอารมณ์ ด้วยอยู่ในวัยรุ่น
 จึงเกิดโมโห คว้าปืนแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน 
เขาได้เอาปืนยิงขู่ไปหลายนัด โชคดีที่กระสุนไม่ถูกใคร
 แต่ก็มีชาวบ้านแจ้งตำรวจให้จับเขา
       ร้านตัดผมต้องถูกปิด เพราะต้องหนีคดีพยายามฆ่า 
หลังจากนั้นเขาใช้ชีวิตด้วยเงินที่หาได้จากการตัดผม
 เที่ยวไปตามที่ต่างๆพร้อมกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน  
เมื่อมาถึงอำเภอพิบูลย์มังสาหาร เงินหมด 
ที่นั่นเขากำลังจะจัดการแข่งขันต่อยมวย 
เขาจึงเดินเข้าไปเปรียบมวย แต่ก็เปรียบมวยไม่ได้ 
ท้องก็เริ่มร้องจ๊อกๆ บอกว่าพวกเขากำลังหิว
   และเขาก็ตัดสินใจปล้นบ้านชาวบ้านที่นั่น 
ได้เงินมา ห้าพันบาท
   ข้าพเจ้าขอเบรกและถามว่าทำไมจึงเรียกว่าเป็นการปล้น
เขาตอบว่า  หากการลักทรัพย์  หรือทำให้เจ้าบ้านเสียหาย 
 ข่มขู่ด้วยอาวุธ ตั้งแต่สามคนขึ้นไปก็คงเรียกว่า ปล้น
media13.gif
        หลังจากนั้นเขาและเพื่อนอีกสองคน
ถูกตำรวจจับได้ ต้องติดคุก 1 ปีกับอีก 3 เดือน
เมือพ้นคดีออกมา  แม่ก็ขอร้องให้กลับไปบวชเรียนอีกครั้ง เขาทำตามแม่ แต่สุดท้ายก็ร้อนผ้าเหลือง
แอบสึกออกมา แล้วใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ไปตามอำเภอต่างๆในจังหวัด  
      
   เมื่อถึงอำเภออำนาจเจริญ ที่นั่นเช่นกัน
 เขาได้มีเรื่อง ทะเลาะกับวัยรุ่นในท้องถิ่น
  หมดทางสู้ จึงคว้ามีดออกมาแทงคู่อริ เกือบปางตาย 
     เขาถูกจับอีกครั้ง คราวนี้ตัดสินจำคุก 3 ปี 
        เขาถูกส่งตัวให้มาอยู่เรือนจำนครปฐม
 ที่นั่นเขาเป็นนักโทษตัวเล็กที่สุด แต่ด้วยเห็นว่าเขาเก่งด้านตัดผม
ผู้คุมจึงให้เขารับหน้าที่ตัดผมให้กับผู้คุมในเรือนจำ 
media13.gif
     วันหนึ่งผู้คุมได้นำเขาและเพื่อนคู่หูที่ชื่อตุ๋ย
ให้ออกไปตัดผมนอกเรือนจำ เขาทั้งสองสบโอกาส
ขณะที่ผู้คุมเผลอ วิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต 
      ทั้งสองอาศัยทางรถไฟหลบหนี ด้วยการเดินหมอบ
 สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นหญ้าที่สูงชันบังเขา
 ขณะตำรวจก็ออกไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด
      ข้าพเจ้าขอแทรกเสือเขียนอีกครั้งว่า
ทำไมจึงเลือกเส้นทางรถไฟในการหลบหนี
เสือเขียนบอกว่า "หากหนีไปตามป่า จะไม่รู้เลยว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน อาจจะโผล่ไปเจอคน หรือตำรวจได้ง่าย 
การหนีไปตามทางรถไฟ ซึ่งสองข้างทางเป็นป่า
 ไม่มีบ้านคน ไม่มีคนเดินทางไปมา จึงไม่เป็นที่สงสัยของตำรวจ
และรู้แน่ว่า ทางรถไฟเส้นนี้จะไปที่ไหน"   
lsi3rl.gif
     ระหว่างทางหลบหนี ข้างทางเขาเห็นจักรยานของชาวบ้านจอดอยู่  ก็ขโมยมา แล้วขี่แบบงอตัว 
ขี่ไปตามริมทางรถไฟ 
ปั่นไปสักพัก รถยางแตก ต้องจูงแล้วเดินต่อ  
    2 คืนเต็มๆ ที่ทั้งสองเดินทาง จนเข้าจังหวัดสุพรรณบุรี 
ด้วยความหิวโหย ทั้งสองนอบสลบสไลอยู่ข้างทาง
 มารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก
 ไอ้น้อง...กำลังจะไปไหน ทำไมมานอนสลบกันอยู่นี่ ไปๆ ไปอยู่บ้านพี่ก่อน 
ผู้หวังดีได้พาพวกเขาไปที่บ้านหุงข้าวหาปลามาให้กิน ที่นั่นก็เหมือนจะทำให้ตกหลุมแห่งความชั่วซ้ำเข้าไปอีก
   ผู้หวังดีสอนขาสูบกัญชา  เมื่อไม่มีเงิน 
ก็เอาจักรยานคันที่ขโมยมาไปขายได้เงิน 150 บาท
lsi3rl.gif
     หลังจากนั้นได้เดินทางมากรุงเทพฯ 
ขณะที่ตำรวจก็ยังทำหน้าที่ออกตามอยู่
เขาตัดสินใจนั่งรถไฟไป บ้านโพนทอง อำเภอตาคลี 
จังหวัดนครสวรรค์  หลบหนีด้วยการขึ้นไปนอนบนเขา 
อยู่บนเขาได้ 3 คืน เงินหมด หิว  จึงลงมาจากเขา
เดินเข้าในหมู่บ้านซึ่งกำลังจัดงานประจำปี 
 เจอร้านก็ขโมยเหล้าติดมือ
สายตา ก็มองหาเหยื่ออย่างกระหาย 
และแล้วสายตาเขาก็หยุดอยู่ที่คอของหญิงคนหนึ่ง
ที่แขวนสร้อยทองหนัก 1 บาท 
ไม่รอช้า เขาเข้าไปกระชาก สร้อยหลุดติดมือ
 จังหวะเดียวกันที่สามีเจ้าของสร้อยหันมาเห็นเข้า
เขากลัวจะร้อง หรือต่อสู้ จึงใช้ปืนยิงตาย  
 แล้วรีบวิ่งหนีไปอยู่บนเขาอีกครั้ง  

    ทั้งสองไม่มีความกลัวอีกต่อไปแล้ว เขานั่งกินเหล้าอย่างสบายใจ หลบตำรวจอยู่บนเขา 
เมื่อมีเหล้า ขาดกับแกล้ม ก็เหมือนหนุ่มขาดสาว
บนเขาจะมีอะไรนอกจากต้นไม้ใหญ่ หิน และกล้วยไม้ป่า
ตกกลางคืน เขาแอบเดินลงมาที่หมู่บ้าน 
ขโมยวัวชาวบ้าน แล้วเอาไปทุบหัวตายแหล่มิตายแหล่  
ใช้มีดที่พกติดตัว แล่เอาเนื้อมากินเป็นกับแกล้ม 
     หลังจากนั้น ทั้งสองก็ตัดสินใจลงจากเขาแล้วนั่งรถไฟ
ไปที่อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
เนื่องจากได้ยินกิติศัพท์ของอาจารย์สุก
 ซึ่งเก่งในเรื่องสักยันต์ เวทมนต์ คาถา
อยู่ยงคงกระพันพันไม่เข้า  
      เมื่อเขาเดินทางไปถึงบ้านอาจารย์สุก 
 ไอ้นี่ ...มึงไปฆ่าคนมาอีกแล้วใช่มั้ย 
อาจารย์สุกทักเขียนขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
    เสือเขียนฝากตัวเป็นลูกศิษย์อาจารย์สุก
 อยู่ร่ำเรียนวิชา อาคม สักยันต์  อยู่ยงคงกระพัน
เมื่อเรียนวิชาจนเก่งกล้า ด้วยความวัยรุ่น 
อยากลองของ
 อาจารย์ ลองของได้มั้ย  เขาหันไปถามอาจารย์
 มีงไม่ต้องลอง อีกสามวันก็เจอของจริง
  เสียงของอาจารย์มีอำนาจไม่ต่างไปกับเสียงเสือ
 ที่ขู่คำรามออกมา
   เขียนมีเพื่อนที่เป็นศิษย์รุ่นเดียวกันของอาจารย์สุก
อยู่ 4 คน คือเขียน ตุ๋ย กี่ และจันทร์
เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ตะพานหินนานพอสมควร
      ที่นั่นเอง ทำให้เขาได้พบรักและอยู่กิน
กับลูกสาวของอาจารย์สุก   
lsi3rl.gif
    วันหนึ่งเขาได้เดินทางไปกินเหล้ากับสหายที่ตากฟ้า
 เมื่อคนได้ยินชื่อเสียงว่าลูกศิษย์อาจารย์สุกมา
ก็ติดต่อมา เพื่อจ้างให้ไปฆ่าคน โดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อน 
คนจ้างเอาปืนเมาเซอร์พร้อมกระสุนเ9 นัดมาให้
ช่วงนี้ข้าพเจ้าได้แทรกบทสนทนา
 ถามว่าปืนเมาเซอร์ คือปืนของคนแม้วใช่มั้ย 
เขาตอบว่าไม่ใช่
 มันเป็นปืนของญี่ปุ่นที่มีประสิทฺธิภาพ เบา
 และเล็งเป้าหมายได้แม่นยำ
    หมู่บ้านช่างเม็ง คือเป้าหมายที่ผู้ว่าจ้างให้ไปฆ่าคน               
เมื่อมองเห็นว่า ทางหนี ทีไล่ ไม่มี
 เสือเขียนจึงปฎิเสธที่จะรับงานชิ้นนี้
        
   หลังจากออกจากตากฟ้า เขาทั้งสี่คนเดินทางไปเล่นไพ่ที่บ้านทับค้อ ตะพานหิน
เล่นไพ่เสีย  เงินหมด ก่อนจะเดินกลับ 
 เขาหันไปคว้าเงินในวงไพ่อย่างหน้าตาเฉย
โดยที่ไม่มีใครกล้าหือ เพราะกลัวพวกเขา
  ทั้งสี่ เดินมานั่งกินเหล้าอยู่หน้าโรงหนัง  
สักพักมีคนมาขอจุดบุหรี่กับเขา 
เสือเขียนเป็นคนมีไหวพริบ
 เขาหันไปมองตะเกียงที่วางข้างๆแล้วถามไปว่า
 มึงมาขอไฟทำไม ตะเกียงก็ตั้งอยู่ ทำไมมีงไม่ไปจุดที่นั่น 
    แล้วเขาก็รู้ว่านั่นคือตำรวจนอกเครื่องแบบ
สักพักก็ได้ยินเสียงตำรวจประกาศ
 มีผู้ร้ายบุกเข้ามาในท้องถิ่น ทุกคนห้ามเคลื่อนไหว  ขอค้นตัว 
เขียนหันไปมองนาฬิกา  เขานั่งเฉย เพือนถามว่า
 มึงเฉยทำเหี้..อะไรไม่เตรียมตัวหนี  
เขียนพอจะมีความรู้อยู่บ้าง เขาบอกเพื่อนไปว่า
 ตามกฎหมาย หลังหกโมงเย็น
 หากไม่มีหมายศาล มันไม่มีสิทธิ์ค้นตัวใครทั้งสิ้น  
เขาประมาทเกินไป ตำรวจมาถึงล๊อกคอสองในสี่ 
ศิษย์ของอาจารย์สุกไปได้สองคน 
คือ กี่กับจันทร์ ส่วนเขาและตุ๋ยวิ่งหนีตำรวจ
 เปิดทางด้วยยิง  
เมื่อเป็นการขัดขืน การจับกุม ตำรวจก็ยิงปืนปังๆๆ 
แบบสาดกระสุนใส่เขาแต่ไม่ถูกเขาสักนัด 
   ทั้งสองวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต 
ด้วยการวิ่งแบบสับฟันปลา จนมาติดกำแพง 
ขณะที่ตำรวจก็ยังยิงไม่หยุด  เขาพยายามปีนกำแพงหนี
 แต่ก็สุดกำลัง เพราะกำแพงสูงมาก
จึงหันมาประจานหน้าตำรวจ ตายเป็นตาย 
 เขาเห็นตำรวจ 5 คน 
ตัดสินใจมองหน้าตุ๋ย แล้ววิ่งสวนกระสุนตำรวจกลับมา  
 เหตุการณ์วันนั้น  ท่านว่าเขียนและตุ๋ย จะรอดชีวิต หรือถูกจับมั้ย ?
263119_5023165.gif
 
  หลังจากรอดตายจากการจับกุมเขากลับมาบ้านพัก
 แล้วหยิบปืนมาจ่อศรีษะเจ้าของบ้าน แล้วถามว่า
 มึงแจ้งตำรวจจับกูใช่มั้ย มึงอยู่เฉยๆ ไม่งั้นมึงตาย
 กูสองคนขอนอนก่อน ตีสี่ กูจะออกจากบ้านมึง 
   เมื่อถึงตีสี่ เขียนและเพื่อนก็ทำตามคำพูด
 เขาออกจากบ้านนั้น หลบหนีตำรวจ
ด้วยการเดินตามทุ่งนา 

เขาเล่าว่า ช่วงเดือนพฤษภาคม ข้าวกำลังออกรวงสีทอง
อยู่ๆเขาก็คิดถึงผ้าเหลือง  คิดถึงแม่ คิดถึงพี่ๆ
ขณะเดินหนี เขารู้สึกว่าตัวเองเปียก เปรอะ เปื้อนเหลือเกิน
ในใจคิดว่าจะมอบตัวรับใช้กรรมที่กระทำมา
 แล้วจะกลับไปบวชอีกครั้ง
       213709_86131760_nycmfawcjpg.gif
  เมื่อเขาบอกตุ๋ย ซึ่งเป็นเพื่อนตายว่า 
เขาอยากกลับใจ  หากไปด้วยกันสองคนเราอาจจะไม่รอด    
 ทั้งสองกอดคออำลากันเป็นครั้งสุดท้าย 
 
  เขียนบอกให้เพื่อนลัดไปตามทุ่งนา
 เมื่อถึงทางรถให้ตุ๋ยขึ้นรถไปตะพานหิน
เพื่อหาอาจารย์ ส่วนตัวเขาหมดหนทางที่จะหลบหนี
 เพราะสองข้างทางมีแต่น้ำ 
เมื่อหมดแรงว่าย ตำรวจก็มาถึง ล๊อกคอเขา
 ดึงปืนออกจากเอว
     ตำรวจพาเขาไปที่โรงพัก หลังจากนั้นก็พาไปที่เรือนจำที่พิจิตร
เมื่อขึ้นศาล เขารับสารภาพ และยินยอมทุกอย่าง
ศาลตัดสินให้เขารับโทษ 16 ปี  แต่เนื่องจากเขารับสารภาพ
และให้การเป็นประโยชน์ชั้นศาล จึงลดโทษเหลือ 8 ปี
   ช่วงนี้ข้าพเจ้าได้ถามไปว่า
ทำไมคดีฆ่าจึงสามารถลดโทษและไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต
เขาตอบว่า  เมื่อก่อนเขาเหมือนคนเถื่อน
 ไม่มีบัตรประชาชน และด้วยเป็นคนตัวเล็ก
 จึงบอกตำรวจว่า อายุ 17 ปี
 เมื่อศาลเห็นว่าเป็นเยาวชนก็ตัดสินตามนั้น 
 แต่จริงแล้วอายุขณะนั้น 23 ปี 
 213709_86131760_nycmfawcjpg.gif
     หลังจากนั้น เขาถูกพานั่งรถไฟเพื่อมาคุมขังที่เรือนจำนครปฐมอีกครั้ง 
   ขณะที่นั่งรถไฟ ในใจเขาก็คิดจะกระโดดรถไฟหนี
 แต่ก็มองไม่เห็นลู่ทาง เพราะตำรวจและผู้คุมคุมตลอดเวลา
   เมื่อมาถึงเรือนจำนครปฐม ผู้คุมเห็นหน้าเขา
 ก็พูดออกมาทันที
 เอ้ย.......ไอ้แสบมันกลับมาอีกแล้วเว้ย ..
   แม้เขาจะถูกตัดสินจากเรือนจำพิจิตรว่าเป็นเยาวชน
แต่ที่นี่เรือนจำนครปฐม ผู้คุมสั่งให้เขาไปอยู่แดนหก
ซึ่งเป็นเรือนอนสำหรับนักโทษผู้ใหญ่และมอบหมายให้เขาเป็นหัวหน้าพาเด็กใหม่ไปเก็บขยะในเรือนจำ หรือแล้วแต่ผู้คุมจะพาไป
   ด้วยประวัติเดิมว่า เขาเป็นช่างตัดผมที่ฝีมือดี
เขาจึงไม่ต้องถูกตีตรวน ล่ามโซ่
   
213709_86131760_nycmfawcjpg.gif
    อยู่มาวันหนึ่ง นักโทษด้วยกันซ้อมมวย แล้วช๊อกตาย จึงได้ชันสูตรศพ จึงรู้ว่ากินยาเกินขนาด
   ข้าพเจ้าแทรกด้วยคำถาม  ยาอะไรกินถึงกับตายละ 
 เขาเรียกว่า ยา ซิกานอล หรือเหล้าแห้ง 
  แล้วยาได้มายังไง ทำไมถึงกินได้ 
 คำตอบที่ได้ทำให้อึ้ง ไม่ว่ายุคก่อน หรือยุคปัจจุบัน
 ยาเสพติดมักจะพัวพันกับหลายวงการ
ไม่ว่าข้าราชการ หรือคนธรรมดา 
     หลังจากนั้น พัศดีได้นำตัวเขามาสอบสวนเขาปฏิเสธทุกข้อ
 ถึงแม้จะรู้ว่าใครคือคนเอายาเข้ามาในเรือนจำ
แต่เขาไม่อาจบอกได้   
  เขาถูกตี  ตีแล้วตีอีก เพื่อจะให้รับสารภาพ
 เขียนก็ยังไม่รับสารภาพ จึงถูกขังเดี่ยวอยู่ห้องใต้ดินถึง  7 วัน
ไม่เห็นดาวเห็นเดือน กินข้าว 2 เวลา   อึ ฉี่ วันละ 2 เวลา 
   มีอยู่วันหนึ่งผู้คุมพาเขาออกมาข้างนอกเพื่อนตัดผม 
 เขาได้เจอนักโทษขาใหญ่ที่เคยอยู่มาก่อน  
นักโทษคนนั้นพูดข่มขู่ตลอด เขาทนไม่ไหว
 เลยเตะใส่ปลายคาง  ขาใหญ่ไม่สู้  
ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ไปทันที  
031839_1124799936_edxfxxpr.gif
   วันหนึ่ง มีการต่อยมวยที่เรือนจำ 
เขาถูกให้จับชกกับขาใหญ่คนเดิม 
 เขียนน้ำหนัก 30 กิโลกรัม ส่วนขาใหญ่น้ำหนัก 60 กิโลกรัม   เขียนไม่ได้นึกกลัวเลยสักน้อย
ชกกันอยู่หลายยก ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ ผู้คุมก็สั่งให้เลิกชก 
    
  เขาอยู่เรือนจำนครปฐมหลายปี แล้วก็ถูกส่งตัวมากับเพื่อนนักโทษอีกสามคนให้มาอยู่ที่เรือนจำราชบุรี 
   ที่นั่น ผู้คุมต้อนรับนักโทษน้องใหม่ด้วยการฝึกแถว
  สั่งให้เขาหมุนหู  จับขา ปั่นจิ้งหรีด 
 ท่าหลบลูกปืน นอนกลิ้ง
 หากใครลุกขึ้นมาเซ ผู้คุมก็จะใช้ไม้ตะพดตี
มันเป็นความเจ็บ ปวด ทุกครั้งที่ถูกตีเขาจะนึกถึงหน้าแม่
หากลูกไม่ทำชั่ว ไม่เดินทางผิด
ป่านนี้คงได้มีโอกาสตอบแทนค่าน้ำนมแม่แล้ว
ลูกขอกัดฟัน ก้มหน้ารับโทษต่อไป
     เมื่อทางการมีคำสั่งให้เหล่านักโทษทั้งหลายไปตีหิน
 ให้ได้คนละ 3 บุ้งกี๋
ตีหินเสร็จต้องแบกขึ้นไปบนเขางู  ซึ่งมียอดเขาสูงมาก 
 หากทำหลุดออกจากมือ ผู้คุมจะไม่นับให้
ต้องลงมาตีและแบกขึ้นไปใหม่ 
 หากในบุ้งกี๋ไม่มีหิน ก็จะถูกผู้คุมตี   
     ขาสองข้างถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน แบกหินขึ้นเขา
ระหว่างเดินขึ้นไป บรรดาฝูงลิงก็คอยจะแกล้ง
 หากใครพูดไม่ดี ลิงก็จะโยนหินลงมาใส่หัว
031839_1124799936_edxfxxpr.gif
   เขาเล่าว่า
 แม้ช่วงนั้นจะทรมานและเจ็บปวดจากการขนหินขึ้นภูเขา
 เจ็บปวดจากการที่ถูกผู้คุมตี 
เจ็บปวดจากการที่ถูกลิงโยนหินลงใส่หัว  
    แต่เวลาเดียวกัน เขาก็มีแต่บรรดาลิงทั้งหลายที่เหมือนเข้าใจเขามากที่สุดในเวลานั้น
          เขาบอกว่า แรกๆ เขาโกรธลิงที่โยนหินลงมา
 ทำให้เขาเจ็บ  ยิ่งด่าลิงก็ยิ่งทำ
จนเขาหมดหนทาง จึงหันไปบอกลิงดีๆว่า
  ลูกรัก อย่าเอาขาถีบหินลงมาใส่พ่อ พ่อเจ็บ 
เขาบอกว่า  ไม่น่าเชื่อ ลิงกับฟังเขารู้เรื่อง
 จากที่ลิงกำลังยกหินทุ่ม มันก็กลับวางลง
แล้วเดินลงมาขึ้นบ่าเขา    
    555555 เขาหัวเราะออกมาดังๆแล้วพูดว่า

 เกิดมาไม่เคยยอมคน แต่ยอมลิง
 line7.gif
    หลังจากพ้นโทษออกมา เขาก็ใช้ชีวิตปกติ มีอาชีพตัดผมหาเลี้ยงชีพ 
  เมื่อสิ้นบุญแม่กับพ่อ เขาก็ได้อาศัยบ้านพี่สาว
 ซึ่งเขาคารพและรักไม่ต่างกับแม่ 
    อดีตเสือเขียนยังมีเรื่องราวอีกมากมาย
 ซึ่งข้าพเจ้าได้รบกวนเวลามากพอสมควร
จึงยุติการสนทนาเพียงเท่านั้น 
 แต่ก่อนจะจากมา ข้าพเจ้าเห็นเขาเดินหาพี่สาวแล้วถามว่า
 แม่ๆ  หากผมจะบวช แม่จะอนุญาตมั้ย 
ชายวัย 70 หันไปลูบเท้าพี่สาว แล้วถาม
 อยากจะบวชก็บวช กี่พรรษาละ  ผู้เป็นพี่สาวถามกลับไป
 บวชก็บวชตลอดชีวิตเลยละ อายุขนาดนี้จะให้สึกออกมาทำไมอีก   เขาตอบที่สาว
 แล้วร้านตัดผมละ ลูกค้าเยอะแยะจะทิ้งลูกค้าไปเหรอ 
  พี่สาวถามเขาอีกครั้ง
คราวนี้เขาหัวเราะแล้วบอกพี่สาวว่า
 55555 ไอ้อ้วนเอ้ย  ทำมาถามว่าจะทิ้งลูกค้าเหรอ
 ไอ้อ้วนกลัวไม่มีคนแหย่จะเหงามากกว่า 5555
ไม่ให้บวชก็จะขออยู่เป็นเพื่อนพี่สาวจนตายจากกันแล้วกัน
         เส้นทางชีวิตของแต่ละคน ใช่ว่าฟ้าชะตากำหนดหรือลิขิต
กรรมและการกระทำอยู่ที่ตัวเราเองที่เลือกว่าจะเลือกเส้นทางไหน
เมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษ ชดใช้กรรมที่ทำขึ้นมา 
หากสามารถกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ สังคมก็พร้อมให้อภัย
          กรรมเห็นทันตา เสือเขียนเคยกล่าวไว้ว่า
" เกิดมาไม่เคยถูกตีหัว มีแต่ตีหัวเขา" 
นั่นคือเรืองจริง แต่เขาก็ไม่พ้นที่ถูกลิงโยนหินทุ่มใส่หัว 
บางวันเลือดไหลออก เจ็บ ปวด นั่นคือหนึ่งผลกรรมที่เขาได้รับ
 
       ขอบคุณอดีตเสือเขียนที่เล่าและอนุญาตใ้ห้ข้าพเจ้าเขียนเรื่องสั้นเรื่องนี้และห้ามผู้ใดคัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตจากข้าพเจ้า 
           ปัจจุบันท่านผู้นี้มีอาชีพเป้นช่างตัดผม คา่ตัดผมคิดหัวละ 30 บาท หากเด็กนักเรียนเก็บหัวละ 10 บาท 
                ข้าพเจ้าเห็นว่า ด้วยวัย 70 ร่างกายย่อมร่วงโรย
ไปตามกาลเวลา ข้าพเจ้าปรารถนาที่อยากจะหารายได้
เพื่อมอบให้อดีตเสือกลับใจท่านนี้ ไว้เป็นทุนยังชีพ
เมื่อร่างกายไม่สามาารถลุกขึ้นมาตัดผมได้อีก
          ขอคำปรึกษาเพื่อนๆ พี่ๆ 
แม้ท่านจะได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี่ไปแล้ว 
หากข้าพเจ้าจะทำเป็นหนังสือออกจำหน่าย
 ท่าน..จะสนับสนุน หรืออุดหนุนมั้ยคะ
 กลัวไม่มีเงินจ่ายค่าทำเล่ม อิิอิ
    line20.gif				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    25 พฤษภาคม 2555 16:49 น. - comment id 129394

    จอง  2 เล่มค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • สีเมจิก

    25 พฤษภาคม 2555 20:47 น. - comment id 129395

    ผมซื้อ 5 เล่ม ... อ่านแล้วเหนื่อยกับชีวิต "เสือ" ลุงเขียนเนี่ย สมัยก่อนน้ำหนักแค่ 30 กิโลกรัมเองหรือคุณแบม ทำไมตัวคุณลุงเล็กจัง ... แต่ก็ทำให้รู้ว่า ใจนั้นเหนือสิ่งใด ทุกอย่างอยู่ที่ใจทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ... ขอบคุณที่คุณแบมเขียนมาให้อ่านฟรีก่อน 11.gif36.gif
  • ตาคำ

    25 พฤษภาคม 2555 20:54 น. - comment id 129396

    ตาคำจองมั่ง
    
    ไอ้เสือเอาวา.....เคยอ่านนิยายเก่าๆ ของไม้เมืองเดิม  หรือ อรชร เกี่ยวกะเสือ นะขอรับ เขียนได้ดีครับ
  • โอ้ละหนอ

    25 พฤษภาคม 2555 23:18 น. - comment id 129398

    จองด้วยอีกคนค่ะ.......
  • แก้วประภัสสร

    26 พฤษภาคม 2555 10:52 น. - comment id 129400

    1 คุณเพียงพลิ้ว
    
    ขอบคุณน้องกานต์นะคะ
    คนสวย แถมใจดีอีก อิ
    
    จดๆๆไว้ 
    ไปถามค่าทำแล้ว แพงพอสมควร 
    แต่ก็จะลองดูค่ะ 
    ขอเวลาหน่อยน๊า
    
    64.gif57.gif16.gif
  • แก้วประภัสสร

    26 พฤษภาคม 2555 11:00 น. - comment id 129401

    2 คุณสีเมจิก
    
    ฮ้า....5 เล่มเลยเหรอคะ 
    กระซิกๆ ยังไม่เห็นหน้าตาหนังสือเลยด้วยซ้ำ 
    ขอบคุณมากนะคะ มามะกอดทีค่ะ 64.gif65.gif
    ขอแบมปรึกษาผู้รู้ก่อนนะคะ 
    เสร็จเรียบร้อยจะแจ้งให้ทราบค่ะ 
    29.gif64.gif16.gif
  • แก้วประภัสสร

    26 พฤษภาคม 2555 11:02 น. - comment id 129402

    3 คุณตาคำ
    
    ตาพูดไม่เคลียร์เจ้า้ค่ะ
    
    จะจองอะไรคะ ..หัวใจ..หรือหนังสือ...20.gif20.gif4.gif64.gif16.gif
  • แก้วประภัสสร

    26 พฤษภาคม 2555 11:02 น. - comment id 129403

    4 คุณโอ้ละหนอ
    
    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะพี่ 
    หนึ่งคนที่คอยให้กำลังใจกันเสมอ 
    
    29.gif64.gif16.gif
  • กรต

    28 พฤษภาคม 2555 08:17 น. - comment id 129411

    ดีจร้า...อาคุงแก้วแบ่ว...11.gif
    
    เด๋วนี้...คบเสือ ชิชิ 14.gif
    
    ว่าไป...คนสมัยก่อน...เป็นเสือเป็นสางกันเยอะมาก....54.gif
    
    มาจนสมัยนี้...ที่โ่ด่งดังมากๆ..ก็เห็นไม่กี่คน...
    ส่วนใหญ่จะกลายเป็นมือปืนซุ้ม...
    เป๋ ปืนควาย เป้ อูซี่ จ๊อด อาก้า อิอิ
    
    ประวัติเสือเขียนนับว่า...เป็นผู้ผจญเผชิญชีวิต...ได้พบกับรสชาติของชีวิตมาอย่างมากมาย...
    แต่ก็ไม่ควรนำเป็นเยี่ยง...ผู้อ่านจะต้องพิจารณาในละเีีิีอียดของการกระทำในแต่ละการกระทำ...เพื่อชั่งใจดูว่า...เหตุผลกลใด...
    ทำไม คุงลุงเขียนแกถึงได้ตัดสินใจไปเช่นนั้น...และผลแห่งการกระทำ ได้ส่งผลต่อชีวิตแกอย่างไรบ้าง...
    
    คุงแบมตัดสินใจเขียนลงเวป...แบบกระฉับไปอ่ะ...
    เหมือนอ่านเรื่องย่ออยู่...
    ต้องไปฉึกฉาเรื่องวิถีชีวิตในท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นที่ปรากฎในประวัติลุง...
    เขียน เรียบเรียงใหม่ เขียนบทภาพยนตร์ในเนียนๆ...
    แระมาสร้างหนังกัน อิอิ หุ้นด้วย ฉองพัน...
    อำนวยการสร้าง...เล่นให้ด้วย...ค่าตัวเท่ากับหุ้นที่ลง อิอิ
    
    ให้ปู่เป็นเสือเขียน...เด๋วเล่นเป็นเสือกี แทนลุงกี่..เอง...14.gif
    ออกฉายเมื่อไหร่...รวยยยยยย...20.gif20.gif20.gif
    
    ตัดสินใจไง...บอกด้วยนา จาเขียนใบลาออกมาเล่นหนัง...อิอิ
    แระก้อ...จะสร้างภาคสองเมื่อไหร่...บอกนา แม่แก้ว อิอิ 46.gif20.gif4.gif11.gif74.gif20.gif11.gif36.gif
  • รอด

    28 พฤษภาคม 2555 14:17 น. - comment id 129415

    อ่านพล็อตเรื่องก็สนุกแล้ว
    
    ท่าจะให้ดีต้องเก็บรายละเอียดมาเยอะๆ
     จะหนับหนุนอีกคน 11.gif
  • .

    28 พฤษภาคม 2555 15:55 น. - comment id 129416

    วันหลังว่าง จะลองเขียนเสือ..
    ให้เข้าเนื้อเข้าหนังเสือทั้งย่าน
    ยิ่งเสือฟุ้งน้ำลายเขื่องกานเมืองสามานย์
    มหาชนขานแค้นแทนเตือนตน
    
    46.gif20.gif19.gif
  • แก้วประภัสสร

    29 พฤษภาคม 2555 10:39 น. - comment id 129420

    9 กรต
    
    สวัสดีจร้าเพื่่อนเลิฟ 58.gif
    มาอ่านอีกที จริงด้วยแฺฮะ..
     เราไม่น่ารีบลงเลย รายละเอียดยังไม่เยอะพอ ที่จะทำหนังสือ 
    
    แต่ยังไงความตั้งใจในครั้งนี้ก็ยังไม่ล้มเลิก ขอเวลาก่อนนะคะ 
    
    แหมะ...น่าจะปรึกษากีรฯก่อน 
    เอาไปทำหนังดีกว่าเนอะ 
    ปู่หล่อ  กีรฯเนี๊ยบ เพราะเล่นเป็นพระเอกกัน
    ส่วนเพื่่่อนๆบ้า้นกลอน คัดเลือกมาเป็นนางเอก  ตัวร้าย  ตัวรอง
    
    ส่วนแม่แก้วแบม เป็นผู้รับกรรม 
    เอ้ย...รับทรัพย์ เข้าท่าดีแฮะ...55555
    
    งั้นพักเรื่องสั้นไว้ก่อนดีกว่าจร้า 
    แท้งกิ้วน๊า กี ระ ติ 
    64.gif64.gif58.gif36.gif
  • แก้วประภัสสร

    29 พฤษภาคม 2555 10:43 น. - comment id 129421

    10 พี่รอด
    
    สวัสดีค่ะพี่ชาย
    พยายามตั้งใจเขียน แต่ยังนดำเนินเรื่องไม่เป็นค่ะ
    
    ขาดรายละเอียดไปเยอะเนาะ 
    เอาไว้ทำใหม่ ก่อนดีกว่านะคะ
    
    พี่สบายดีนะคะ ขอบคุณค่ะ
    29.gif16.gif64.gif
  • แก้วประภัสสร

    29 พฤษภาคม 2555 10:46 น. - comment id 129422

    11 คุณลุง .
    
    5+ 
    คุณลุงจะเขียนเสือให้ใครกลัวค๊า...20.gif
    
    ขณะที่เขียน ก็นึกถึงหนังที่ฉัตรชัย เล่น
    ตี๋ใหญ่ ใช่มั้ยคะ เสือเขียนก็น่าจะอยู่
    ในยุคเดียวกัน เพราะดูอายุแล้ว 
    ประมาณนั้นเลยค่ะ
    
    ขอบคุณคุ่ะคุณลุง
    29.gif64.gif16.gif
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    29 พฤษภาคม 2555 14:25 น. - comment id 129430

    คนละแนวกับเสือฝ้าย ได้มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเสือผู้มีคุณธรรมเท็จจริงอยู่กับผู้เล่ามาก็แล้วกัน
    เสือฝ้ายเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยข่มเหงรังแกประชาชน ปล้นคนมั่งมีที่เอาเปรียบแล้วเอามาแจกคนจน จึงเป็น ที่เคารพบูชา ชาวบ้านคอยเป็นหูเป็นตาเจ้าหน้าที่ไม่เคยเข้าไปใกล้ได้เลย
            วันหนึ่งเสื้อฝ้ายจัดงานวันเกิด ป่าวร้องให้ชาวบ้านมางานมากินให้อิ่มหนำ ห้ามเอาอะไรมาช่วยงานทั้งสิ้นคำสั่งห้ามเด็ดขาด
       แต่ชาวบ้านคนไทยอัทธยาศํยก็เป็นที่รู้กันอยู่ยิ่งเป็นคนที่รักและเคารพไหนเลยจะอดได้ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงแบกกล้วยหอมกำลังสุกนากินมาทั้งเครือเพื่อมาช่วยงานตามประสา พอมาถึงงานเสือฝ้ายโกรธมากสั่งแล้วยังฝ่าฝืน จึงสั่งให้ลูกน้องเอาไอ้หนุ่มคนนั้นไปลงโทษให้เอาของที่แบกมายัดตูดให้หลาบจำ เหน่มคนนั้นตกใจยังมีสติต่อรองว่าให้ปอกเปลือกก่อนได้ไหมเสือฝ้าจึงสั่งอีกว่าหามปอกเปลือกใครเอาอะไรมาก็ให้ทำอย่างเดียวกัน
         ขณะที่ลูกน้องกำลังลงโทษอย่างทุลักทุเลแทนที่จะเจ็บปวดรวดร้าวโอดครวญหนุ่มคนนั้นกลับหัวเราะขำขันเสือฝ้าจึงถามว่าเหตุใดมีงจึงหัวเราะทั้งที่กำลังลงโทษอยู่ เจ้าหนุ่มตอบกลัวเสียงหัวเราะว่า ผมนึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง กำลังแบกทุเรียนตามหลังมาง่ะ ตะแล๊ม ๆ ๆ
  • แก้วประภัสสร

    21 มิถุนายน 2555 13:44 น. - comment id 129625

    15 คุณฤกษ์
    
    อิอิ อ่านแล้วจ้า สนุกดีนะคะ
    แต่ขำขันในเขตวัด จะบาปมั้ยคะ 
    46.gif65.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน