* แดนพิศวง ตอน ๑๓ *

แก้วประเสริฐ

  
               แดนพิศวง ๑๓
               (ออกเดินทาง)
   ภายในห้องพักชายหนุ่ม เก็บของใช้ส่วนตัวบางอย่างลงในกระเป๋าใบไม่ใหญ่
นัก แต่ไม่ลืมหยิบจดหมายที่เขียนไว้เพื่อส่งให้แม่บ้านฝากให้พี่ชายไว้  ชาย
หนุ่มตรวจสิ่งของจำเป็นบางอย่างครั้นเห็นว่าครบถ้วนแล้ว  จึงหันซ้ายแลขวา
ไปมองยังห้องนอนของเขา   พลันก้าวออกนอกห้องพบแม่ม่อมกำลังยกแก้ว
น้ำส้มมาให้เขาตามหน้าที่  แม่บ้านชะงักพรืดเมื่อเห็นเขาสะพายกระเป๋าใบ
หย่อมๆบนไหล่  ก็เอ๋ยปากถามว่า
    “คุณชายจะไปไหนหรือเจ้าค่ะ????...”
    “จะไปเที่ยวต่างประเทศสักหน่อย อ้อๆๆนี้จดหมายฝากให้พี่นิวัฒน์ด้วยนะ
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเสร็จธุระจะกลับมาจ้า”
     พลางยกแก้วน้ำส้มยกขึ้นดื่มจนหมดแล้วแล้ววางกลับคืนบนถาดไป
   “แล้วจะไปกันสักกี่คนล่ะจ๊ะคุณชาย”
   “อ้อๆๆผมไปคนเดียวแหละจ้าแม่ม่อม  เสร็จธุระก็จะกลับมาเองแหละ”
   “แล้วคุณชายบอกคุณชายนิวัฒน์หรือยังล่ะเจ้าค่ะ”
   “ไม่ได้บอกเขาคงจะรู้ว่าผมไปไหนหรอกจ้า  เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวก
มากจ้าแม่ม่อมไม่ต้องห่วงหรอก ผมไปล่ะนะแม่ม่อม”
    หญิงวัยกลางคนหันมามองด้วยความแปลกใจที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา  หล่อน
ไม่เคยเห็นคุณชายเล็กจะออกไปเที่ยวที่ไหน เวลาจะไปหรือก็ไม่มี
กระโตกกระตากเสียเลย  นำถามน้ำส้มไปวางไว้แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า
    “อาหารเช้าล่ะเจ้าค่ะ ไม่ทานก่อนจะไปหรือ?????...”
   “คงจะไม่หรอกจ้าแม่ม่อม ขอโทษด้วยนะที่ลืมบอกว่าไม่ต้องจัดอาหารเช้า
ไว้ให้ผมด้วย”
   “ขอโทษเจ้าค่ะ???...แล้วจะไปประเทศไหนล่ะเจ้าค่ะ”
   “ผมตั้งใจว่าจะไปประเทศเนปาล เพราะที่นั่นมีศิลปะหลากหลาย มีทั้งพุทธ
ฮินดู และอื่นๆอีกมากจ๊ะ จะไปศึกษาหาความรู้สักหน่อย”
   “แล้วหากท่านทั้งสองกลับมาคุณชายยังไม่กลับจะรายงานอย่างไรล่ะเจ้า
ค่ะ???  เพราะอย่างไรท่านต้องถามม่อมอยู่ดีหรอก”
   “เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกจ้าแม่ม่อม เพราะในจดหมายฉันเขียนบอกท่านไป
หมดแล้วล่ะ  เดี๋ยวสายรถประจำทางจะหมดเวลาเสียก่อนไปล่ะจ๊ะแม่ม่อม”
   “อ้าวๆๆให้เจ้าจ้อยมันขับรถไปส่งก็ได้นี่นาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเจ้าค่ะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกแม่ม่อม  ฉันชอบไปคนเดียวเสมอๆๆแม่ม่อมก็รู้นี่นา”
     เพื่อไม่ให้เสียเวลามากนักชายหนุ่มหันมายิ้มกับแม่ม่อมเป็นครั้งสุดท้าย 
 เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ด้วยงานนี้มันมืดมนเสียสิ้น
ดีหากโชคดีได้พบสองสิ่งที่ตั้งใจไว้ก็ต้องออกเดินทางไปอีกที่อีกแห่งหนึ่ง เพื่อ
ช่วยเหลือเขาตามคำมั่นสัญญา เขาเองยังไม่รู้ชะตากรรมเลยว่าจะเป็นอย่างไร
ดังนั้นจึงก้าวหลีกแม่ม่อมที่ยืนอ้าปากค้าง  แต่ไม่วายเขายื่นมือไปตบไหล่
แม่ม่อมเพื่อเป็นการปลอบใจ  แล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
     อากาศตอนนี้ยังเช้าอยู่แสนสดชื่นคลื่นวิ่งเข้าหาฝั่งเป็นระลอกๆ เขาก้าวเดิน
ไปชมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม อดที่จะหันหลังกลับมามองบ้านหลังน้อยที่ให้
ความสุขแก่เขามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถึงแม้ว่าจะมีคฤหาสน์อันใหญ่โตใน
กรุงเทพฯก็ตาม  แต่เขาชอบสถานที่นี้มากว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ตามใจและหมั่นมา
หาเขาอยู่เสมอๆ   เขาหันไปมองยังแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ยืนเพ่งพิศสักครู่
หนึ่ง   ก็รีบเดินออกไปเพื่อเข้ากรุงเทพฯเขาไม่ได้ไปที่ท่ารถยนต์โดยสารที่จะ
วิ่งเข้ากรุงเทพฯหรอก   เขาเดินหลีกเข้าไปในชายป่าริมเขาที่อยู่ด้านหลังบ้าน
น้อยพร้อมทั้งกำหนดจิตรวบรวมพลัง  ร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นแล้วมุ่งหน้า
ไปยังสนามบินทันทีด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า  หลบหลีกฝูงชนลัดเลาะ
เลี้ยวไปตามหมู่ไม้ ในไม่ช้าเขาก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  แม้จะมีบ้างในการ
เดินสวนกับฝูงชนหรือรถต่างๆแต่ไม่มีใครสังเกตุว่าเท้าของเขาหาได้แตะพื้น
ไม่เพียงแค่ผ่านแว๊ปเดียวร่างเขาก็หายไปแล้ว  ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องนี้
       หลังจากผ่านการตรวจสอบที่ท่าอากาศยานไปเรียบร้อยแล้วเขาก็ได้ที่นั่ง
ติดใกล้กลับหน้าต่างเครื่องบิน เขานำกระเป๋าลูกเดียววางบนชั้นบนเหนือศีรษะ
เขา  พร้อมนำหนังสือพิมพ์ที่ซื้อไว้พร้อมด้วยแผนผังการท่องเที่ยวของประเทศ
เนปาลมานั่งอ่าน  ในไม่ช้าเจ้าหน้าที่ก็บอกให้รัดเข็มขัดเพราะเครื่องบินจะออก
เดินทางแล้ว   เพียงไม่ช้าเท่าไหร่เครื่องบินก็ทยานเหนือท้องฟ้ามุ่งหน้าไปทาง
ประเทศอินเดียแล้วหยุดพัก  เขาต้องเปลี่ยนเครื่องบินใหม่ระยะเวลาไม่นาน
เครื่องบินก็ทยานออกเดินทางต่อไปยังประเทศเนปาลทันที
        ครั้นถึงประเทศเนปาลเขาก็ก้าวลงผ่านการตรวจสอบเนื่องจากเขาไม่มี
สัมภาระมากจึงผ่านได้สะดวก   เขาเดินออกมาทางหน้าสนามบินพลางเรียก
แท๊กซี่ให้ไปส่งยังโรงแรมที่เขาจองไว้เป็นโรงแรมขนาดปานกลางหลังจากได้
ห้องเป็นที่เรียบร้อย  เขาก็นำแผนที่ประเทศเนปาลทั้งหมดมากางบนโต๊ะอ่าน
เพื่อค้นหาเป้าหมายเพื่อจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น  เวลาเขาไม่มีมากมายนัก
จุดประสงค์เพียงค้นหาของบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่เท่านั้น  เมื่อเขา
อ่านศึกษารายละเอียดเรียบร้อยแล้ว  ก็เข้าไปอาบน้ำและพักผ่อน  ที่ประเทศนี้
การแต่งกายก็เหมือนชาวอินเดียทั่วๆไป แต่ประเทศนี้นับถือหลายศาสนาส่วน
ใหญ่เป็นพวกฮินดู รองมาก็เป็นชาวพุทธ และอิสลาม  ส่วนมากต่างอยู่ร่วมกัน
ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นเลย  ผิดกับเมืองไทยที่ช่างวุ่นวายเสียจริงๆ
        ครั้นตกค่ำๆหน่อยเขาก็ออกจากห้องพักออกเดินทางไปยังตลาดค้าของเก่า
ซึ่งเขาแน่ใจว่า บางครั้งสิ่งที่ต้องการอาจจะหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้  ของทุก
อย่างวางไว้ในชั้นที่เก็บ แต่เขาไม่ลืมนำหนังสือเดินทางติดตัวไว้เสมอ   ในไม่
ช้าเขาก็มาสู่ยังตลาดค้าของเก่า  ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ ส่วนใหญ่เป็นแผงเล็กๆหน้า
ร้านใหญ่อีกทอดหนึ่ง  แต่เนื่องจากมีชาวต่างประเทศมาท่องเที่ยวมากดังนั้นเขา
จึงไม่เป็นที่ต้องสงสัยสังเกตุของชาวเมืองเว้นแต่การแต่งกายเท่านั้นที่บอกว่า
เขาเป็นชาวต่างชาติ  เขาเดินไปหลายๆซอยของขายแต่ล่ะอย่างมักจะเป็นพวกที่
จัดสร้างใหม่ๆทั้งสิ้นมีลวดลายแปลกประหลาดทำด้วยทองเหลืองกับเงินผสม
เป็นส่วนมาก หรือไม่ก็เป็นพวกทองแดงผสมหลายๆอย่างกันแต่วิจิตรงดงามยิ่ง
ส่วนลูกแก้วลูกปัดต่างๆก็มีจำนวนมากมาย แต่ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาก็หาไม่
     เมื่อเขาเดินสำรวจไปนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะล้วนแล้วแต่สิ่งที่
เขาไม่เกิดความกระตือรือล้นเสียเลย  แม้พวกพ่อค้าแม่ขายจะโฆษณาของๆเขา
อย่างไรก็ตาม  เมื่อได้เวลาพอสมควรแล้วก็หันหลังกลับไปที่พักตั้งใจว่าพรุ่งนี้
จะไปยังวิหารต่างๆที่มีชาวพื้นเมืองให้ความเคารพบูชา  ครั้นรุ่งเช้าเขาก็ออก
เดินทางไปยังวิหารฮินดูก่อน เป็นวิหารที่กว้างขวางมากมีรูปปั้นต่างๆของพวก
ที่ชาวฮินดูนับถือ บ้างก็สวดมนต์เพื่อมิให้เป็นที่สงสัยเขาก็ซื้อของเข้าไปบูชา
เทพเจ้าทั้งหลายด้วย  ออกจากวิหารนี้ก็ไปอีกวิหารจวบเวลาจวนค่ำนั่นแหละ
 
       เขาถึงได้เดินทางกลับ  มานอนคิดว่าสงสัยของเหล่านี้จะไม่มีในประเทศนี้
เสียแล้ว แต่ยังมีสถานที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปคือตลาดเก่าแก่มากๆที่ขายของเก่า
จึงคิดว่าน่าจะลองไปดูหากไม่มีอะไรก็จะออกเดินทางไปธิเบตดีกว่า หลังจาก
สั่งอาหารมาทานปกติเขาเป็นคนทานของง่ายอยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหาเรื่อง
อาหารการกิน เพียงแค่แป้งโรตีกับแกงที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศมากเป็นพิเศษก็
พอสำหรับเขาแล้ว  ก็อาบน้ำพักผ่อนว่ารุ่งเช้าจะไปยังตลาดขายของเก่าอีกที่
หนึ่งหากไม่พบก็จะออกเดินทางไปธิเบตทันที
      ระหว่างก่อนจะนอนเขามักจะฝึกนั่งสมาธิประจำเสมอรวบรวมพลังงาน
ต่างๆไว้เป็นประจำ  วูบหนึ่งในขณะที่เขากำลังฝึกรวบรวมสมาธิรวมเป็นหนึ่ง
เดียว ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนกระเพื่อมเข้ามาทันที เขาเพ่งมองดูแต่ประหลาด
สักครู่หนึ่งก็หายไปทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้นอีก  สงสัยว่าพรุ่งนี้อาจจะได้พบ
อะไรบางอย่างเป็นแน่จากตลาดขายของเก่านั้น  หลังจากทดลองพลังงานต่างๆ
จนพอใจแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันที  ในขณะที่เขากำลังหลับสนิทอยู่ก็นิมิตไปว่า
เขาได้ไปพบของสิ่งหนึ่งในลังเก่าๆที่ซุกซ่อนไว้ภายในร้านแห่งหนึ่ง ยาว
ประมาณหนึ่งคืบกว่าๆเห็นจะได้จากร้านเก่าๆแล้วนิมิตนั้นก็หายไป
   
     ครั้นตื่นขึ้นมาแล้วหลังจากชำระล้างร่างกายให้สะอาดก็มานั่งทบทวนฝัน
เมื่อคืนนี้อีกครั้ง แปลกเขายังจำได้ว่าหน้าร้านนั้นมีรูปนกแปลกประหลาดห้อย
แขวนอยู่ตัวหนึ่ง   ดังนั้นเขาไม่รีรอรีบโทรฯสั่งอาหารมากินอย่างรวดเร็วแต่
อาหารทางนี้ไม่ค่อยถูกปากเขาเท่าไหร่นักมักจะตบท้ายด้วยนมสดเสมอๆ แต่
เขาไม่สนใจมากนัก  หลังเรียบร้อยแล้วก็บอกบ๋อยว่าหากเขากลับมาแล้วให้ไป
บอกแคชเชียร์ว่าเขาจะเช็คเอาท์ออกในวันรุ่งขึ้นพร้อมทีปรางวัลไปให้ก้อน
หนึ่ง  ทำให้บ๋อยนั้นกระวีกระวาดจัดการอย่างรวดเร็ว  ชายหนุ่มสอบถามบ๋อย
ว่าที่ตลาดที่เขาจะไปบอกว่าหน้าร้านมีนกแขวนไว้มีหรือเปล่า???....
  
      บ๋อยถามอะไรเขาบางอย่างเขาก็บอก  มันพยักหน้าบอกว่ามีอยู่สุดซอยที่เขา
จะไป  มีอยู่ร้านเดียวเท่านั้นที่แขวนรูปนกแปลกปลาดไว้ นอกนั้นไม่มีเขาพยัก
หน้ารับทราบแล้วก็รีบออกเดินทางไป   ระยะทางไม่ไกลมากนักอาศัยที่เขาใช้
พลังงานในการเดินทางจึงไปได้อย่างรวดเร็ว  ไม่ช้าก็พบซอยดังกล่าวอยู่แต่ไม่
ค่อยมีคนจะเข้าไปใช้บริการมากนัก เขาเดินชมไปเรื่อยๆพลางชำเลืองสายตาไป
หน้าร้าน ตามนิมิตบอกและบ๋อยแจ้งให้ทราบ ซอยนี้มีระยะทางยาวไกลมากแต่
ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขานัก  เมื่อเขาเดินมาเกือบจะสุดซอยก็เห็นรูปนกแขวน
ไว้หน้าร้าน   แต่มันช่างมีลักษณะที่แปลกประหลาดงดงามไปอีกแบบหนึ่ง
      จริงดังที่บ๋อยมันบอกมันเป็นนกที่แปลกประหลาดตั้งแต่เขาเห็นมา
จะว่าเป็นมังกรก็ไม่ใช่จะเป็นกิเลนก็ไม่เชิงเพราะมีปีกทั้งสองข้างมีเล็บเกาะบน
กิ่งไม้เก่าๆ  มันแปลกตรงที่ไม่มีลมแต่เจ้านกนี้มันแกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วย
    เขานึกฉงนใจอย่างยิ่งจึงเดินเข้าไป คนขายเป็นชายชราอายุมากแล้วหลังค่อม
เล็กน้อย กำลังนั่งบนเก้าอีกไม่ค่อยสนใจใครเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้า
แม่ค้ามาเรียกลูกค้าเข้าร้านเพื่อซื้อของ แต่ชายชราคนนี้ไม่เรียกใครเลยนั่งเฝ้า
ของอยู่อย่างเดียว  เขาเดินเข้าไปหาพลางแกล้งหยิบของโน่นของนี่ดูแล้วก็วาง
ลง   พลางหันไปถามชายชราว่าของมีแค่นี้หรือ  ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเขา
พลาง  ถามเขาว่า
     “ก็เห็นจะมีเท่านี้หรอกพ่อหนุ่ม  พ่อหนุ่มต้องการอะไร?...หรือ????....”
     “ ผมต้องการจะซื้อของเก่าๆไม่เห็นวางขายที่นี่เลยนี่นา  มันเป็นของที่อยู่ใน
กล่องไม้ออกสีแดงๆ ลุงมีหรือเปล่าล่ะ????”
     “คุณต้องการเอาไปทำอะไรหรือ???...”
พร้อมทั้งมองหน้าชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษระจรดปลายเท้า พลางหัวร่อฮึๆเบาๆ
     “ผมฝันเห็นว่าร้านลุงนี่แหละมีขายอยู่  แต่ไม่เห็นวางขายนี่นา”
    ทันใดนั้นชายชราจ้องหน้าเขาเขม็งพลางส่งภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพื้นเมืองทันที
แต่เขาฟังออกว่า  ชายชราคนนั้นกล่าวว่ากระไร   แล้วชายชราคนนั้นก็หันมา
ทางเขาอีกพลางว่า
     “มันเป็นของตกทอดกันมาจากคนรุ่นปู่ย่าตาทวด  สั่งให้เก็บรักษาไว้ว่าหาก
วันใดมีคนมาสอบถามให้มอบของแก่เขาไป พร้อมด้วยนกที่แขวน  พลางชี้ไป
ยังนกหน้าร้านทันที”
    “ผมเดินทางมาที่นี่ต้องการของสิ่งนี้แหละพ่อลุง ขอชมดูหน่อยได้ไหม
ล่ะ???บางทีอาจจะเป็นเหมือนอย่างในที่ฉันฝันนะลุง”
    “หากพ่อหนุ่มสามารถเปิดหีบออกและดึงของจากฟักมีดได้ก็เอาไปเลยไม่
ต้องมาซื้อหรอกนะ  แต่หากพ่อหนุ่มไม่สามารถทำได้ก็เชิญไปจากร้านได้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรลุงก็ขายให้ไม่ได้”
     “รับรองลุง ผมจะไม่บอกให้ใครรู้อีกด้วยล่ะ แต่ขอทดลองดูหน่อยนะเผื่อมี
วาสนาเป็นเจ้าของก็ได้  แล้วลุงเคยเห็นของนั้นหรือยังล่ะในฝักมีดนะ”
     “ยังเลยพ่อหนุ่ม  ลุงพยายามหลายๆครั้งแล้วไม่สามารถเปิดกล่องที่เก็บ
รักษาไว้  และชักมันออกจากนอกฝักได้เลย  เลยไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่”
   “ถ้าอย่างนั้นขอให้ผมทดลองหน่อยได้ไหมล่ะลุง หากไม่ได้ก็จะสนนาคุณลุง
อีกด้วยล่ะ ส่วนนกนั้นมันก็แปลกนะลุงไม่รู้ทำด้วยอะไรมันมีตาสีแดงแล้ว
แกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วยซิลุง”
    “หาๆพ่อหนุ่มว่าอะไรนะ นกนั้นนะหรือแกว่งไปๆมาๆได้ด้วย”
    “จริงจ๊ะลุงมันแกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วยยามผมจ้องมองมัน  ตาสีแดงก็รู้สึกว่า
มันจะมีประกายแสงออกมาด้วยซิ”
    “ฮ้าๆๆจริงๆหรือพ่อหนุ่มไม่หลอกลุงนะ ลุงอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กจำความ
ได้ยังไม่เคยเห็นมันแกว่งได้เลย แม้จะพยายามแกว่งมันเท่าไหรมันคล้ายๆมี
อะไรมาดึงดูดไว้นะ และไม่รู้ว่ามันทำด้วยอะไรด้วยซิ”
   “จริงๆจ๊ะลุง ดูซิโน่นไงมันแกว่งไปๆมาๆอีกด้วยล่ะ”
    ชายชราหันไปมองตามที่ชายหนุ่มชี้ให้ดู  ก็ถึงกับตาโตปากอ้าค้างทันที  ใช่
ตอนนี้ไม่มีลมสักนิดแต่นกมันทำไมแกว่งไปๆมาๆได้อีกด้วย แปลกๆพลางหัน
มามองหน้าชายหนุ่มทันที หรือว่าๆๆๆๆมันพบเจ้าของมันแล้วชายชราคิดพลาง
หันมาพูดกับชายหนุ่มทันที
    “ถ้าอย่างนั้นพ่อหนุ่มคอยเดี๋ยวนะจะยกของออกมาให้พ่อหนุ่มทดลองหน่อย
ว่าจะเปิดได้หรือไม่ แต่มีข้อแม้ว่าหากพ่อหนุ่มเปิดได้จริง พ่อหนุ่มไปไหนเอา
ฉันไปด้วยคนนะ ว่าไงตกลงไหมล่ะ???”
    คราวนี้หนุ่มนิรุทธ์อึ้งไปทันทีลำพังตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดหากได้
ชายชรานี้ไปด้วยมีสร้างความลำบากใจแก่เขาหรือ???”
   “น่าๆๆลุงไม่ทำความวุ่นวายให้แก่พ่อหนุ่มหรอกบางทีอาจจะช่วยเหลือพ่อ
หนุ่มบ้างก็ได้นะ เพราะลุงร่ำเรียนวิชามาก็มากเสียด้วย  ที่พ่อหนุ่มเห็นฉันนี้ฉัน
แกล้งทำหรอก”
    “หาๆๆๆลุงไม่ได้แก่อย่างนี้หลังค่อมเลยหรือ????”
    คราวนี้ชายชราหัวร่อพลางเอ่ยว่า
   “อันที่จริงลุงไม่ได้แก่อย่างนี้หรอก เพียงใช้วิชาหดเส้นเอ็นกระดูกเท่านั้นเอง
แหละ เพราะคอยมานานเพื่อจะมาคนที่เป็นเจ้าของสิ่งของนี้เท่านั้นเอง  แล้วพ่อ
หนุ่มจะเห็นเองแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
      คราวนี้ชายหนุ่มอ้าปากค้างบ้างล่ะเพราะมีวิชาหดเส้นเอ็นกระดูกด้วยหรือ
เป็นมีแต่ในตำราทางจีนเท่านั้นเอง  แต่อย่างไรชายหนุ่มก็รับปากว่า
     “หากลุงไม่สร้างปัญหาแก่ผมล่ะก็ไม่ขัดข้องหรอก แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเปิด
ได้หรือไม่อย่างไรก็ไม่รู้ได้ อย่าพึ่งดีใจอะไรมากนักนะ”
    “ปู่ทวดบอกว่าหากนกประหลาดตัวนี้มันเชื่อฟังใคร และใครเป็นเจ้าของ
จะแจ้งให้คนๆนั้นรู้  นี่ฉันก็เห็นมากับตาแล้วจึงเชื่อมั่นว่าคงไม่ผิดหรอก คอย
เดี๋ยวนะ จะไปเอาของมาให้ดูก่อนคอยตรงนี้แหละ”
       ว่าแล้วชายในร่างชราก็หันกายออกเดินเข้าไปข้างในสักพักหนึ่งก็ยกหีบไม้
ที่สลักลวดลายสวยงามมากๆ นำมาปัดฝุ่นที่จับจนคลุ้งไปหมด  ชายหนุ่มถอย
หลังออกมาหน่อยหนีฝุ่นที่ปลิวฟุ้ง  สภาพกล่องแม้จะเก่าแต่ก็ดูไม่เก่านัก
 
       เมื่อเรียบร้อยแล้วชายชราก็กวักมือเรียกชายหนุ่มเข้าไปในร้านทันที แต่
เป็นห้องแคบๆโล่งๆเล็กนิดเดียว  เขาเดินตามชายชราเข้าไป พลางหันหลังให้
ประตู  เอื้อมมือมาคลำรู้สึกถึงพลังงานซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ข้างในพุ่งออกมาสู่
ฝ่ามือเขาทันที  ดังนั้นชายหนุ่มจึงเร่งเร้าพลังงานแห่งจักรวาลออกไป  ฉับพลัน
เสียงดังแชะๆดังขึ้นสามครั้ง  ชายชรายืนมองอยู่ใกล้ๆใจหรือก็แปลกใจเพราะ
เขาเองก็ได้ยินเสียงนี้เหมือนกัน  พอชายหนุ่มเปิดฝากล่องออกมาก็ปรากฏว่ามี
กล่องอีกใบหนึ่งวางอยู่ภายใน จึงเปิดฝาออกอีกก็พบกล่องขนาดเล็กซ้อนอยู่อีก
ชั้นหนึ่ง  จึงเปิดขึ้น แล้วก็เห็นลักษณะของที่ซ่อนอยู่ภายในเป็นแท่งยาวๆ 
แกะสลักไว้วิจิตรพิสดารมาก 
        ดังนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมายกขึ้นส่องมองดู  ชายชราก็รีบเข้ามาใกล้ๆ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นแม้แต่กล่องเขายังไม่มีปัญญาเปิดได้เลยแต่นี่
ชายหนุ่มกลับสามารถนำสิ่งของนี้ออกมาได้ ชายหนุ่มหลังจากพิจารณาดูแล้วก็
ชักด้ามออกจากตัวฝักทันที    ปรากฏเสียงดังสนั่นลั่นประกายวูบวาบ
หลากหลายสีพรายแสงออกมาทันที  ปรากฏว่ามันเป็นแท่งผนึกแก้วนั่นเอง
รูปร่างคล้ายกริชหรือพระขรรค์ก็ไม่เชิงประกายแวววาวสดสวยงดงามมาก 
 พลางหันมาทางชายชราเพื่อจะให้ได้ชมดู   แต่ปรากฏว่าชายชรานั่งคุกเข่ายก
มือขึ้นท่วมหัวเหมือนจะเคารพต่อสิ่งนี้  พร้อมทั้งกราบลงทันทียามเมื่อเหลือบ
ตามองไปยังสิ่งของ  น้ำตาไหลออกจากนัยน์ตาทั้งสองเบ้า พลางเอ่ยว่า
    “พบแล้วเจ้าของที่ข้ารักษามานมนานรุ่นปู่ย่าตาทวด บัดนี้พบเจ้าของแล้ว 
ขอขอสักการะบูชาต่อของวิเศษนี้ นับเป็นบุญตาแก่ข้าจริงๆ”   ทันใดนั้นเอง
เสียงร้องก้องของนกที่แขวนหน้าร้านมันทิ้งคอนกระพือปีกบินเข้ามาหาทันที
แล้วร่างมันค่อยๆใหญ่ขึ้นๆ  พลางผงกหน้าก้มหัวเหมือนคล้ายคาราวะชายหนุ่ม  
ตัวมันใหญ่มากจนร้านค้าเล็กๆนั้นพังทะลายลงในพริบตา...........
                  * แก้วประเสริฐ. *

2HlsOT.gif1139348gm3744qpip.gif2HlsOT.gif927093rf1pk0fzph.gif1Cmll.gif76.gif				
comments powered by Disqus
  • เอื้องอังกูร

    28 พฤษภาคม 2555 12:14 น. - comment id 129413

    สนุก.มากครับ..ขอบคุณครับที่ให้ความ
    สำราญ36.gif16.gif คุ้มค่าการรอคอยครับ29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    29 พฤษภาคม 2555 14:09 น. - comment id 129429

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
             ไม่ค่อยมีคนอ่านเท่าใดนักหรอกเพราะเป็น
    เรื่องยาวๆ  ผมแต่งเรื่องนี้ไว้ฉีกแนวเขียนเก่าๆจ้า
    สนุกแน่นะ  แต่ผมมักจะให้ตกหน้ากระดานเสีย
    ก่อนถึงจะได้แต่ง ตอนนี้แต่งตอนกลางคืนจ้า
            ขอบใจมากนะที่ติดตามเสมอมา รักเสมอจ้า
    
                             16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เอื้องอังกูร

    29 พฤษภาคม 2555 17:10 น. - comment id 129431

    หวัดดีครับ
          ผมว่ามีคนติดามหลายคนนะครับ...
    ดูจากสถิติการเปิดอ่าน..อาจจะไม่ได้เข้า
    มาทักทายครับ...และผมเองเปนคนหนึงที่ติดตามผลงานของท่านมาตลอดผมคิดว่า
    เรื่องที่ท่านนำเสนอ..น่าติดตามมันลุ้น
    ดีครับเหมือน..อ่านเพชรพระอุมา..
    หรือดูหนัง อินเดียน่าโจน  ประมาณนั้นครับ
     และเรื่องที่ท่านนำเสนอในฉีกออกไปอีก
    จึงน่าติดตาม..ด้วยความระทึก..ในดวงหทัย
    พลัน.....แล้วผมจะรอครับ...อยากอ่าน
    อาทิตย์ละ 2 -3 ตอน
    36.gif16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    29 พฤษภาคม 2555 23:16 น. - comment id 129434

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เอื้องอังกูร
    
            ผมก็อยากจะเขียนเร็วแหละครับ เพราะเวลา
    เขียนสมองมันสั่งงานทันที หากเขียนช้าต้องมา
    อ่านตอนท้ายๆทุกๆที  แล้วจิตนาการจะเกิดครับ
    ไว้คอยให้ตกหน้าก่อนจะดีกว่า นั้นมันจะเฟ้อไป
    ครับ  รักเสมอๆ
    
                       16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน