หายจากโรคนักบุญ...

คีตากะ

1253894jucqvu7qhv.jpg













ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 9 มีนาคม 2537 (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วีดิทัศน์เลขที่ 409


       เธอเป็นผู้ใหญ่และฉลาดมาก ไอคิวของเธอก็สูงมาก (ทุกคนหัวเราะ) และเธอก็รู้หลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งฉันไม่รู้ เพราะฉะนั้นทำไมฉันจะต้องบอกเธอทุกสิ่งทุกอย่างล่ะ? ฉันสามารถบอกเธอได้สิ่งเดียวเท่านั้นคือ เธอจะต้องมีชีวิตชีวาให้มากขึ้น และอะไรก็ตามที่เธอต้องการทำ ก็จงทำมันเสีย! อะไรที่สนุกสำหรับเธอ ตราบใดที่เธอไม่ทำร้ายผู้อื่น ดังนั้นถ้าหากเธอต้องการรู้จักดาราหนัง ก็ให้ไล่ตามเขา! ถ้าหากเธอต้องการพบประธานาธิบดี ก็ให้เขียนถึงท่าน

หากสิ่งที่เธอต้องการ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือสังคมโลก ก็นับว่ายากหน่อย แต่เมื่อพูดถึงการมักใหญ่ใฝ่สูงของเธอหรือความสนุกของเธอแล้ว มันก็ไม่ยากนักหรอก จริงๆ นะ ขอให้ทำมันด้วยความจริงใจทั้งหมดของเธอและความปรารถนาทั้งหมดของเธอที่จะประสบความสำเร็จ แล้วเธอก็จะได้รับมัน ส่วนใหญ่เราเป็นทุกข์ เพราะเราไม่ประสบความสำเร็จ ในสิ่งที่เราต้องการทำ และเพราะเรามีความกลัว บางครั้งเธอรักคนคนหนึ่ง แต่เธอพูดว่า "โอ เขาหล่อเกินไปสำหรับฉัน" ใครจะไปรู้ล่ะ? บางทีเธออาจจะสวยเกินไปสำหรับเขาก็ได้! เธอไม่มีวันรู้ ฉันไม่ได้สนับสนุนให้เธอไล่จีบผู้ชาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเราและเราไม่ลองดู มันง่ายมาก ตัวอย่างเช่น ตอนที่ฉันเป็นเด็กเล็กมาก ฉันมองพวกที่ทำงานในสถานีโทรทัศน์ หรือผู้ที่เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุด้วยความชื่นชม อย่างกับว่า พวกเขาเป็นพระเจ้าหรือที่ 2 รองจากพระเจ้า แต่ตอนนี้ฉันรู้ว่า มันไม่มีอะไรเลย ฉันสามารถทำมันได้ ฉันสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ฉันสามารถแม้กระทั่งซื้อมันก็ได้ มันง่ายมากและไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะว่าถ้าเธอไม่หาว่า ผู้คนดำเนินกิจการสถานีกันอย่างไร เธอก็จะคิดว่า พวกเขาเป็นพระเจ้า แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย

ตอนที่ฉันอยู่ในโรงเรียนมัธยม ฉันก็อาศัยอยู่ติดๆ กับสถานีวิทยุไซ่ง่อน มันเป็นสถานีวิทยุที่ใหญ่ ฉันอยู่ติดกับมันทุกๆ วัน และฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดังนั้นฉันจึงบูชานักร้องทั้งหลายที่มาเข้าๆ ออกๆ ขึ้นๆ ลงๆ และบุคคลทั้งหลายที่ผ่านบ้านฉันไป เข้าไปยังสถานีที่ใหญ่โตเหมือนอย่างพระเจ้าและฉันก็เอาแต่นั่งฝันว่า สักวันหนึ่งฉันอาจจะร้องเพลงหรือท่องบทกวีในสถานีนั้น ฉันเพียงแต่ฝันในเรื่องนั้น และฉันไม่คิดว่า มันจะเกิดขึ้น

แต่บางครั้งผู้คนในสถานีวิทยุก็จะมีการแข่งขันอะไรบางอย่าง อย่างเช่น เธอจะเขียนบทกวีหรือตอบคำถามบางอย่าง อย่างเช่น เธอจะเขียนบทกวีหรือตอบคำถามบางอย่าง แล้วพวกเขาก็จะให้รางวัลกับเธอ ฉันก็ได้ลองดู แล้วฉันก็ชนะ! เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยคิดว่า ฉันจะชนะได้ ฉันคิดว่า มันไกลเกินเอื้อมสำหรับฉัน แต่อันที่จริงแล้ว ฉันเพียงแต่ลองดูครั้งเดียวเท่านั้น แล้วฉันก็ชนะ

หลังจากนั้น ฉันก็ย้ายไปยังอีกตำบลหนึ่ง แล้วฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถานีวิทยุอีกต่อไป ฉันอยู่ที่นั่น อาจจะแค่ 1 หรือ 2 ปีเท่านั้น แต่นั่นก็นับว่านานพอดู ฉันสามารถที่จะเข้าไปข้างใน และพูดกับคน และบอกพวกเขาว่าฉันต้องการร้องเพลงหรือท่องบทกวีก็ได้ ฉันท่องได้ดีมาก แล้วทำไมฉันจะไม่ทำมันล่ะ ก็เพราะไม่มีใครบอกฉัน แบบที่ฉันกำลังบอกให้เธอทำอย่างไรล่ะ (เสียงปรบมือ) แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรที่ฉันไม่ได้กลายเป็นนักร้อง ในที่สุดฉันก็จะเป็นอยู่ดีนั่นแหละ แต่ฉันอาศัยอยู่ในช่วงนั้น ที่ตรงนั้น ยืนอยู่รอบสถานีโดยไม่ทำอะไรที่ฉันต้องการทำ ฉันสามารถที่จะทำได้ แล้วฉันก็จะสนุกสนาน แต่บางทีพระเจ้าอาจจะไม่ต้องการให้ฉันทำก็ได้ มันก็นับว่าโอเคเหมือนกัน

สิ่งที่ฉันหมายความก็คือ เธอควรที่จะทำมัน ฉันไม่คิดว่า พวกเธอทั้งหมดจะกลายเป็นอาจารย์ เพราะฉะนั้นทำไมไม่สนุกสนานกันล่ะ! (เสียงหัวเราะ) บางทีพระเจ้าอาจจะต้องการให้ฉันกลายเป็นอาจารย์ ดังนั้นฉันจึง "ป้องกัน" ฉันป้องกันนักร้องและศิลปินที่มีความสามารถพิเศษสุดของโลกในเวลานั้น (เสียงปรบมือ) แต่ไม่มีอะไรที่จะป้องกันเธอจากสิ่งที่เธอต้องการจะทำและให้สำเร็จสมดั่งความหวังของเธอ ขอให้สนุกเป็นครั้งสุดท้าย ความจริงฉันก็ต้องพยายามที่จะสนุกเหมือนกัน ฉันลองทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตัวฉันอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นแล้วไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันอยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันจะทำอะไรได้ล่ะ

ผู้คนเฝ้าถามฉันตลอดเวลาว่า "ทำไมท่านจึงแต่งหน้า? ทำไมท่านจึงใส่ชุดสวย" และอะไรแบบนั้น ก่อนที่ฉันจะกลายมาเป็นอนุตราจารย์ชิงไห่ ฉันก็เป็นแบบนี้ (ท่านอาจารย์ชี้ไปที่เสื้อผ้าธรรมดาของท่าน) จากนั้นฉันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้มาเป็นเวลานาน แล้วตอนนี้ฉันก็เป็นแบบนี้อีก ดังนั้นมันจึงทำให้ฉันงุนงงเหมือนกัน แต่มันก็ไม่มีอะไรน่าฉงน ก็เหมือนกับเมื่อคนแก่เริ่มแก่ตัวลง เขาก็กลายเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันอาจจะกำลังเกิดขึ้นกับฉันก็ได้

มันง่ายมาก ก็เหมือนกับเรื่องที่ฉันได้เล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับพระราชา ซึ่งจะออกไปข้างนอกและทำตัวเป็นคนโง่ในที่ๆ มีฝุ่น ในที่สาธารณะ และบางครั้งในภัตตาคารที่สกปรกหรือถนนที่สกปรก พระองค์จะเดินคนเดียวพร้อมกับผู้ติดตาม 2-3 คนเท่านั้น เพียงเพราะว่า พระองค์ต้องการเป็นอิสระ อิสระจากเกียรติยศ อิสระจากการปกป้องคุ้มครอง อิสระจากความกลัวในการเดินบนท้องถนนในฐานะที่เป็นพระราชา เธอคงรู้ว่าฉันหมายความว่าอะไรนะ ขอเพียงแค่เป็นอิสระ ฉันก็ต้องการเป็นอิสระจากนักบุญ แล้วตอนนี้ฉันก็ได้รับการหลุดพ้น! (เสียงปรบมือ) ฉันป่วย ฉันเป็นโรค ป่วยจากการนั่งสมาธิหรือเป็นโรคอาจารย์ มันทำให้คนรู้ว่าฉันเป็นอาจารย์ แต่ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว อาการเจ็บป่วยก็คงจะหายไปแล้ว

ดังนั้นบางครั้ง เราบำเพ็ญไปได้ระยะเวลาหนึ่ง แล้วเราก็เจ็บป่วย นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่า "โรคนักบุญ" แต่เธอจะต้องรักษาตัวเธอเอง ร่องรอยแห่งความเป็นนักบุญอะไรก็ตามที่เธอสวมอยู่บนใบหน้าของเธอ หรือบนจมูก หรือข้อเท้าของเธอ หรือซ่อนอยู่ในหัวใจของเธอ - เธอควรที่จะรักษามันเป็นอย่างๆ ไป จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับเธอ ตอนนี้ฉันจำได้ถึงเรื่องที่จะอธิบายให้เธอฟังครั้งเดียวและตลอดไป เพราะว่าทุกคนชอบที่จะถามฉันว่า ทำไมฉันจึงสวมใส่ชุดแบบนี้ แทนที่จะถามฉันว่า ฉันกลายเป็นอาจารย์ผู้รู้แจ้งได้อย่างไร พวกเขาเฝ้าถามคำถามมากมายกับฉัน แล้วในที่สุดพวกเขาก็ต้องพูดว่า "ว้าว ฉันมีเพียงคำถามเดียว แต่ฉันไม่กล้าถามท่าน ฉันจะ..." แล้วในที่สุดแมวก็ออกมาจากถุง "ทำไมท่านจึงสวมใส่ชุดนี้?" มันเป็นแบบนั้นแหละ

ในทิเบต มีคนมากมายที่ฝึกบิน พวกเขาทำกันอย่างไร? ก็เหมือนกับในประเทศจีน พวกเขาฝึก ชินกุง (เป็นวิทยายุทธของจีนชนิดหนึ่งที่ฝึกให้ผู้ฝึกตัวเบามาก) เธอสามารถที่จะบิน เธอสามารถที่จะกระโดดขึ้นลงบนหลังคาได้สูงมากหรือไกลมาก ผู้คนยังฝึกกันแบบนี้ในประเทศจีน บางครั้งเธอได้เห็นกังฟูที่ไม่ใช่เป็นของจริง แต่มันเป็นสิ่งที่แทนความจริงในสมัยเก่า เมื่อคนยังสามารถบินได้

ในปัจจุบันนี้ คนบางคนในทิเบตยังสามารถบินได้ เนื่องจากสภาพอันยากลำบากในทิเบต พวกเขาจึงไม่มีรถยนต์ พวกเขามีแต่ภูเขาเท่านั้น ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปีในบางครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเดินทางไกลมากโดยปราศจากอาหารมากนัก หรือไม่ก็ไม่มีภัตตาคารมารกนัก หรืออะไรในระหว่างการเดินทาง พวกเขาต้องห่อของชิ้นเล็กๆ ติดตัว ห่อของชิ้นเล็กมากๆ ติดตัวไปด้วย บางครั้งก็ไม่มีแม้กระทั่งม้า หรือพวกเขาก็มีแต่เพียงสิ่งที่เรียกว่ายักษ์ (วัวหิมาลัยตัวใหญ่ มีขนสีน้ำตาลเข้ม) แล้วพวกเขาก็ต้องเดินทางไปกับสิ่งที่พวกเขามี พวกเขาไม่สามารถเสียเวลานานๆ ได้ บางครั้งพวกเขาต้องไปอย่างรวดเร็วสำหรับธุระที่ด่วนบางเรื่อง ดังนั้นพวกเขาจึงฝึกการบินชนิดนี้ แล้วบางคนก็ฝึกหนักมากจนไม่เคยมาแตะพื้นอีกครั้งเลย พวกเขาบินอยู่ในอากาศตลอดเวลา เธอสามารถหาอ่านได้จากหนังสือของมาดามอเล็กซานดร้า เดวิด - นีล เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นความจริงทั้งหมด แต่ฉันต้องอ้างอิงถึงหล่อน เพื่อว่าเธอจะได้รู้ว่า ฉันไม่ได้กำลังพูดเรื่องเหลวไหลอยู่ เธอจะได้ทราบว่า คนเขียนถึงเรื่องนี้ และเธอจะได้มีข้อพิสูจน์

สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้คนเหล่านี้ พวกเขาบินอยู่ในอากาศตลอดเวลาก็คือว่า พวกเขาจะต้องลงมาบ้างเป็นบางครั้ง ฉันหมายความว่าอย่างน้อยก็เพื่อเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำ (เสียงหัวเราะ) หลังจากที่บินเป็นเวลานานเกินไป พวกเขาก็มีกลิ่นด้วยเหมือนกัน! ดังนั้นพวกเขาก็ต้องลงมา พวกเขาจะต้องใส่โซ่เหล็กที่หนักมากเป็นจำนวนมากไว้รอบๆ ตัวของพวกเขา เพื่อที่จะได้สามารถควบคุมและทำให้การขึ้นและลงมาของพวกเขาสมดุล นั่นคือ สิ่งที่พวกเขาทำ

ดังนั้นบางครั้งถ้าเธอไปทิเบตและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอก็จะเห็นอะไรบางอย่างแบบนั้น และเธอจะคิดว่าพวกเขากำลังทรมานตนเองโดยพันโซ่ไว้รอบตัวและอื่นๆ  และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องทำ ถ้าเขาบินสูงเกินไป และเขาตัวเบาเกินไป ถ้าพวกเขาบินนานหรือตัวเบาเกินไป พวกเขาก็จะต้องทำให้ตัวหนักขึ้นเพื่อที่จะได้ร่อนลงพื้นและอยู่บนพื้นนานเท่าที่ต้องการ มิฉะนั้นแล้วพวกเขาก็จะบินอยู่ในอากาศตลอดเวลา

ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราเริ่มบำเพ็ญทางจิตวิญญาณ หลังจากระยะเวลาหนึ่ง เราก็จะกลายเป็นนักบุญหรือพุทธะ และพูดว่า "โอ ฉันไม่เชื่อเรื่องนั้น ฉันไม่มองสิ่งนั้น ฉันไม่พูดกับคนคนนั้น ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าชนิดนั้น" นั่นคือเวลาที่ความเจ็บป่วยของเธอนั้นเข้าขั้นสาหัสที่สุด (เสียงหัวเราะ) แล้วหลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เธอก็เป็นนักบุญเกินไป แล้วเธอต้องรักษาตัวเธอเอง เธอจะต้องดึงตัวเธอให้ลงมาติดพื้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะผสมกลมกลืนเข้ากับสังคมและทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความรู้ของเธอ ความเป็นนักบุญของเธอ หรือปัญญาของเธอ เพราะผู้คนเป็นจำนวนมากต้องการเธอ เธอไม่สามารถที่จะนอนอยู่ในนิพพานตลอดเวลา มันก็ไม่ดีสำหรับเธอด้วยเหมือนกัน ในขณะที่เธออยู่ที่นี่ ถ้าหากฉันอยู่ในนิพพานตลอดเวลา ฉันก็จะไม่สนใจในเรื่องอะไร ฉันจะอยู่ในนิพพานตลอดเวลา ฉันหมายถึงเป็นสภาพ ไม่ใช่ว่าฉันจะต้องบินอยู่ในท้องฟ้า แต่แล้วฉันก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ และฉันก็จะไม่มีวันเข้าใจว่า เธอทุกข์ทรมานอย่างไร ฉันจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องจิตใจของเธอ ฉันจะไม่รู้อะไรเลย ฉันจะไม่เข้าใจความทุกข์ทรมานของเธอ หรือความรักของเธอ ความเกลียดชังของเธอ ความล้มเหลวหรือบุญของเธอ ฉันจะไม่เข้าใจอะไรเลย เพราะฉันจะเป็นนักบุญเกินไป บริสุทธิ์เกินไป: บ - ริ - สุ - ท - ธิ์ (เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือ)

ดังนั้นสิ่งเหล่านี้คือโซ่ตรวน ไม่สำคัญว่าสีอะไร มันเป็นเพียงฝุ่นละอองเท่านั้น ฝุ่นละอองสีเหลือง ฝุ่นละอองสีฟ้า สีขาว เพราะฉะนั้นจะไปใส่ใจมันทำไม? ผู้คนเหล่านั้นที่วิจารณ์ฉันเป็นนักบุญ พวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนักบุญ ดังนั้นทันทีที่พวกเขาออกมา พวกเขาก็จะจดจำได้ พวกเขาจะเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง และเราสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้ เพราะฉะนั้นอย่าได้เป็นห่วง การเป็นนักบุญเกินไปก็ไม่ดีเหมือนกัน เราหลุดออกจากความเป็นจริง และเราก็จะไม่สมดุล ก็เหมือนกับคนในทิเบตที่บินอยู่ในท้องฟ้าเสมอและไม่สามารถลงมาเข้าห้องน้ำได้ ขอให้แน่ใจว่า ถ้าพวกเขาไม่มีโซ่ ก็อย่าไปอยู่ใต้พวกเขา (เสียงหัวเราะ) เธออาจจะตกอยู่ในความเดือดร้อน การเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอไม่สะดวกเสมอไปนักในสภาพอากาศที่หนาวและสูงขนาดนั้น อย่าพูดนะว่าฉันไม่ได้เตือนเธอ!......






1635195oe3fs47ltd.gif

819621uwgqsww38l.gif

1425326ovqume28j3.gif

3279054adyxerwj0r.gif

827458zethq6a00i.gif

108319h568w53ubp.gif

2568088vgr6psz6x6.jpg

2316688m3apuskjas.gif

982522cclvue9d97.gif

1626907tsf9op2klb.gif

796296pm313e4x5b.jpg

1332370i6lsdry4kd.gif

976478tv7ob46rxg.gif				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน