สายเกิน...ให้อภัย (ตอนที่ 4 เสนอเป็นตอนสุดท้ายค่ะ )

สุชาดา โมรา

เรากลับบ้านกันแล้วก็ถูกพ่อทำโทษ  พ่อรู้เรื่องที่เราทะเลาะวิวาทกันที่โรงเรียน  ผมโดนแค่ถูกทำทันบนที่บ้าน  แต่ก็ดีกว่าตำรวจจับผมเรื่องที่ผมร่วมกันฆ่าคนตาย  ปมนี้เป็นเรื่องที่คนในกลุ่มผมรู้กันเท่านั้น...และมันก็เป็นตราบาปแก่ผมไปตลอดชีวิต  ทำให้ไม่เป็นอันเรียนพอนั่งเรียนก็เห็นแต่ภาพคน 7 คนนั้นทำให้ผมรู้ตัวว่าผมไม่มีความสุขเลย  ยามผมนั่งคุยกับแฟนผมก็เห็นเป็นหน้าน้องแนน  ผมไม่รู้จะทำยังไงดี  ผมแทบจะบ้าอยู่แล้ว...  และช่วงนี้ตำรวจก็ตามตัวฆาตกรเผาย่าง 7 ศพด้วย  เวลาตำรวจมาทีไรผมงี้ผวาทุกที...ผมเกือบจะหลุดออกมาแล้ว  ไม่งั้นตำรวจคงจะจับได้ว่าใครเป็นฆาตรกรตัวจริง...
	"จ้อย  วันนี้กลับด้วยคนนะคือแม่เราไม่มารับ  เธอไปส่งเราที่บ้านหน่อยนะ"
	"ครับ ๆ"
	"เฮ้ย...จ้อยอย่าพาจิ๊กไปแวะข้างทางนะเว้ย...วูหู้!!!"
	พวกนั้นแซวกันใหญ่
	"ปากดีนะพวกมึง...เดี๋ยวศพไม่สวยหรอก"
	ผมขับรถไปจนใกล้จะถึงบ้านเธอ  ช่วงนั้นมันเป็นป่ารกทึบ  ไม่มีแสงไฟตามถนน  ผมขับรถมาเรื่อย ๆ จนผมต้องเบรกรถกระทันหันเมื่อมีคนกระโดดออกมากลางถนน
	"เฮ้ย...แฟนมึงสวยดีนี่หว่า...กูขอได้ไหมวะ"
	"พวกแกเป็นใคร"
	"กูก็คนคุมซอยนี้ไงวะ  มึงไม่รู้จักเหรอกูเด็กผู้ใหญ่หินว่ะไอ้โง่"
	"จ้อยอย่ามีเรื่องเลย  กลับเถอะ"
	ถึงเธอจะห้ามยังไงมันก็สายไปแล้วละเพราะพวกนี้มันเข้ามาล้อมผมแล้ว
	"หนีไป  หนีไป....จิ๊ก...หนีไป..."
	ผมตะโกนสุดเสียง  จิ๊กวิ่งไปจนลับสายตาผม  พวกนั้นมันซ้อมผมแทบปางตายแล้วก็ลากผมขึ้นรถกระบะไป  จากนั้นก็มีคนหนึ่งที่ฉุดเธอมาได้แล้วก็พาผม  จิ๊กพร้อมกับรถไปที่ในป่าลึกแล้วพวกนั้นก็ลุมโทรมเธอ  วินาทีนั้นผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับเธอเลย  ผมรู้สึกได้ว่าเวรกรรมมันมาแล้ว...มันมาแล้ว  ผมจะทำอย่างไรดี  มันให้ผมดูในสิ่งที่ผมไม่อยากดู...ผมรู้สึกทั้งแค้นมันและแค้นตัวเองที่ไม่อาจช่วยเธอได้  มันทรมานเธอจนตาย  แล้วมันก็ให้ผมดูศพเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะเอาเชือกมัดผมตรึงไว้กับรถของผมและขับลากไปเรื่อย ๆ เหมือนว่าผมไม่ใช่คนจนกระทั่งผมสลบไป
	"อื้อ...อื้อ"
	"ฟื้นแล้ว  นี่พ่อไอ้จ้อยฟื้นแล้ว"
	ผมเห็นพ่อและแม่อยู่ตรงหน้าผม  ทีแรกผมคิดว่าผมตายไปแล้วซะอีก  แต่ทำไมผมถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้  ตำรวจสอบปากคำผมจนสเก็ดหน้าคนร้ายได้และจับตัวพวกมันได้หมด  แต่เป็นโชคดีของมันที่พ่อมันเป็นผู้มีอิทธิพลมันจึงรอดไปได้  ผมนะเจ็บใจสุด ๆ ทีเดียว
	ผมมารู้ข่าวดีอีกเรื่องก็คือจิ๊กไม่ตายแต่จิ๊กก็ไม่ยอมพูดกับใครเลย  ไม่กินไม่นอน  มีอาการหวาดกลัวผู้ชาย  ผมว่าเธอน่าจะตายไปเลยซะดีกว่าเธอมาอยู่ให้ทรมาน  แต่ยังไง ๆ ผมก็รักเธอ  ผมสัญญากับแม่เธอว่าผมจะดูแลเธอ  และดูท่าทางแม่เธอก็ไม่ได้ดูดำดูดีเธอเลย  พอผมมารู้ภายหลังผมก็ทราบว่าแม่ที่เธออยู่ด้วยเป็นแม่เลี้ยง  ผมจึงรับเธอมาอยู่ที่บ้านและดูแลเธอเป็นอย่างดี  ผมรู้สึกว่าผมสร้างภาระให้พ่ออีกแล้ว...
	ผมดูแลเธอจนเธอหายเป็นปกติ  ผมเรียนจะจบแล้ว  วันนี้สอบเป็นวันสุดท้ายผมจึงพาจิ๊กและเพื่อนไปฉลองกัน  เรากินเหล้าและเฮกันมาก  ขากลับผมแทบขับรถไม่ไหวจิ๊กก็เลยขับรถพาผมกลับบ้าน  แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบที่คิดน่ะสิ
	"เฮ้ย...!!!พวกมันอยู่นั่น  เอาเลยพวกลุยมันเลย"
	พวกเด็กผู้ใหญ่หินขับรถกระบะเข้าเบียดรถมอเตอร์ไซค์ที่พวกผมขับกันมา  จิ๊กซิ่งสุดชีวิต  ผมหันกลับไปหาเพื่อนอีก 4 คน ผมเห็นพวกนั้นน็อกกันหมดแล้ว  ไม่รู้ว่าโดนอะไร  แต่ผมรู้ว่ามีเสียงเปรี้ยง ๆ อยู่หลายครั้งราวกับเสียงปืนทีเดียว
	เปรี้ยง  เปรี้ยง  เปรี้ยง...
	ผมรู้สึกตัวลอยเหมือนกับนุ่นทีเดียว  รถล้มลงกับพื้นแล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ผมได้มายืนอยู่ข้าง ๆ จิ๊ก  ผมเห็นจิ๊กเข้าไปหาพ่อของเธอ  ผมเห็นเพื่อน ๆ ผมเข้าไปนั่งอยู่กับแม่ของเขา  ผมจึงเข้าไปปลอบแม่กับพ่อ  แต่ว่าพ่อกับแม่ไม่ตอบผมเลย  และก็ดูท่าทางจะไม่ยอมหยุดร้องไห้เสียด้วย  ผมจึงมานั่งที่ศาลาวัด  เพื่อน ๆ  และจิ๊กมานั่งใกล้ ๆ ผม ผมมองเห็นทุกคนในวัดเศร้าสร้อยกันมาก  บ้างก็ร้องไห้บ้างก็เงียบไม่พูดอะไร  ผมเห็นโลงศพทั้งหมด 6 โลงตั้งเรียงกันอยู่เมื่อผมและทุกคนเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ โลง  ผมก็รู้สึกใจหวิว ๆ ทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งมีชายชุดดำและชายชุดขาวเดินมาหาพวกเราทุกคน
	"ไปกันได้แล้วหละ  ถึงเวลาของเจ้าแล้ว...ส่วนเจ้าไปกับเทพ...และพวกเจ้ามากับข้า"
	ชายชุดดำใส่โซ่ตรวนที่ข้อมือและขาของผมและเพื่อน  ส่วนจิ๊กเธอเดินอย่างสบายเดินไปกับเทพชุดขาวและก็ลอยหายไป...ผมก็เห็นเธอเป็นครั้งสุดท้ายตรงนี้แหละแล้วผมก็ต้องไป...ไปไกลมาก  ผมไม่รู้ว่าต่อไปชีวิตผมจะเป็นอย่างไร  แต่ผมก็รู้แล้วละว่าที่ที่ผมจะไปมันคือที่ไหน  เพราะผมทำบาปไว้มากเหลือเกิน...				
comments powered by Disqus
  • tiki

    31 กรกฎาคม 2547 22:02 น. - comment id 75770

    อืมม์ มาอ่านจนตอนสุดท้ายค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน