กาลครั้งหนึ่ง..ยังมีเธอ (ตอนที่ 4)

Tawan

ก็เมื่อวานนี้ เม่นโทรมาหาเราและก็บอกว่าได้ข่าวกล้าแล้ว ทันทีที่ปลายฟ้าพูดชื่อต้นกล้าจบ ทอแสงแทบจะกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่ เธอคะยั้นคะยอให้ปลายฟ้าเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ 
คือเม่นเค้าได้ข่าวกล้าจากรุ่นน้องที่ชมรมว่ากล้าติดต่อมา อยากให้ที่ชมรมหาทุนไปออกค่ายที่โรงเรียนเออโรงเรียนที่พวกเราเคยไปออกค่ายตอนปีหนึ่งหน่ะ 
	
ออกค่ายตอนปีหนึ่ง ทอแสงพยายามทบทวนความจำ โรงเรียนบนดอยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ห่างไกลจากตัวเมืองและเป็นโรงเรียนที่กันดารมากแห่งหนึ่งในจำนวนโรงเรียนทุกแห่งที่เธอเคยไป แต่เป็นที่ซึ่งทุกคนมีความประทับใจร่วมกัน
แปลว่ากล้าอยู่ที่นั่น? ทอแสงรำพึงกับตัวเองเบาๆ
อือก็อาจจะใช่นะ แต่ว่าที่นั่นหน่ะ ห่างไกลความเจริญออก กล้าคิดยังไงถึงไปอยู่ที่นั่นก็ไม่รู้ พูดจบปลายฟ้าก็ทิ้งตัวลงนอน พลางมองเพดานอย่างใช้ความคิด
กล้าเขารักที่นั่น ทอแสงพูดขึ้นมาเหมือนย้ำเตือนความทรงจำและคำพูดเก่าๆของต้นกล้า เขาบอกกับทอแสงในคืนวันหนึ่งที่ทุกคนนั่งล้อมวงกันรอบกองไฟ คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของการออกค่าย ทุกคนทั้งเหนื่อย ทั้งมีความสุขและผูกพันกับชาวบ้านและเด็กๆ แววตาของเด็กที่โรงเรียนแสดงถึงความขอบคุณและความอาลัยเมื่อรู้ว่าพวกเธอต้องกลับกรุงเทพ ต้นกล้าบอกทอแสงว่าเขารักที่นี่ และฝันที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ทอแสงเองก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งต้นกล้าต้องกลับไปอีก แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะตัดขาดจากทุกอย่างเพื่อไปทำตามความฝันที่เขาเคยพูดไว้จริงๆ
	
กล้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงไปทั้งที่ไม่บอกใครเลย ปลายฟ้าเปรยขึ้นอย่างขุ่นเคือง
	
กล้าต้องมีเหตุผลนะปลาย ทอแสงแย้ง เธอเข้าใจว่าต้นกล้ากลับไปที่นั่นโดยไม่บอกใครเพราะไม่อยากให้ใครขัดหรือทัดทานเขา หรือไม่เขาก็คงมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่านี้
เหตุผลบ้าอะไร ทำตามเหตุผลโดยไม่สนใจความรู้สึกเพื่อนงั้นเหรอ ปลายฟ้านั้นไม่พอใจในการหายตัวไปของต้นกล้าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เธอได้แต่ถามคำถามเดิมๆ ทุกครั้งที่สนทนากันถึงเรื่องนี้ และทีท่าที่มีต่อการกระทำของต้นกล้าก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอขุ่นเคืองเพื่อนคนนี้แค่ไหน แต่ทอแสงรู้ดีว่า ความเป็นเพื่อนไม่เคยจางไป ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม
	
ไม่เอาน่าปลายอย่าว่ากล้าอย่างนั้นเลย ทอแสงยังคงเชื่อมั่นว่าต้นกล้ามีเหตุผลในการจากไปเช่นนี้ แม้ว่าตลอดมา ต้นกล้าจะไม่เคยส่งข่าวบอกใครว่าเขาไปอยู่ที่ไหน แต่ทอแสงไม่เคยตำหนิเขาเลยจนถึงนาทีนี้
	
แสงแสงไม่เคยโกรธกล้าเลยเหรอ ปลายฟ้าถามเพื่อนรักพลางยันตัวขึ้นนั่ง สายตายังเจือความขุ่นเคืองใจ
ไม่หรอก ทอแสงตอบได้เพียงเท่านั้น ความรู้สึกบางอย่างในใจทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกนอกจากคำนี้
	
ทำไมล่ะทำไมแสงไม่โกรธ แถมยังรอกล้ามาตลอด ปลายฟ้าจ้องหน้าทอแสงด้วยแววตาจริงจัง
ก็เพราะความรักไง ทอแสงตอบออกไป เธอรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว และน้ำใสๆเริ่มเอ่อในดวงตา
แสง ปลายฟ้ามีน้ำเสียงตกใจ ทั้งที่เธอเองก็พอเดาออกว่าทอแสงรู้สึกกับต้นกล้าอย่างไร แต่ทอแสงไม่เคยเอ่ยปากบอกความรู้สึกในใจกับเธอเลยสักครั้ง และนับตั้งแต่ทอแสงคบกับวายุ เธอก็แทบไม่กล้าแสดงความในใจใดๆออกมาให้เห็น
	
เราเข้าใจนะแสง เราคิดไม่ผิดเลยจริงๆว่าแสงต้องรักกล้า แต่ทำไมล่ะ ทำไมแสงไม่เคยบอกกล้า ไม่เคยบอกใคร..ทำไม  ปลายฟ้ากุมมือเพื่อนรักไว้แน่น น้ำเสียงเจือด้วยความสงสารและสงสัย ในขณะที่ทอแสงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอโผกอดปลายฟ้าและร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ ทอแสงไม่ตอบคำถามของปลายฟ้า เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม สิ่งเดียวที่รู้คือ เธอไม่สามารถลืมความรู้สึกนั้นได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน และไม่ว่าเธอจะมีใครอยู่ในเวลานี้แล้วก็ตาม
                         *******************************************************
	
เช้าวันรุ่งขึ้น ทอแสงไปทำงานแต่เช้า หลังจากจัดการกับเอกสารกองโตบนโต๊ะได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็รีบโทรศัพท์หาวายุทันทีที่คิดว่าเขาน่าจะถึงที่ทำงานแล้ว วายุตอบรับเธอด้วยน้ำเสียงที่แสดงความอารมณ์ดีอย่างเคย ทอแสงรีบเล่าให้เขาฟังว่าเธอกำลังช่วยรุ่นน้องที่ชมรมหาทุนเพื่อใช้ในการออกค่ายแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อของต้นกล้าออกมา วายุแทบลืมไปแล้วว่าทอแสงมีเพื่อนชื่อนี้  วายุรับปากว่าจะช่วยเธอหาทุน และจะบอกผลกับเธอในอาทิตย์ถัดไป 
หลังจากทอแสงได้ข่าวต้นกล้า เธอก็แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากแววตาซึมเศร้าที่วายุสังเกตเห็นบ่อยๆ กลายเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง หนึ่งอาทิตย์ของการรอผลเรื่องทุนสิ้นสุดลง วายุโทรบอกข่าวดีกับทอแสงในวันศุกร์ ทอแสงดีใจมากที่ได้รับทุนจากหลายบริษัทฯที่วายุติดต่องานด้วยซึ่งรวมแล้วก็เป็นเงินมากพอสมควร เย็นวันนั้น ทอแสงนัดปลายฟ้า เม่น และกวีเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ โดยปฏิเสธนัดของวายุและอ้างว่าเธอไม่ค่อยสบาย ทุกคนนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ประจำนับตั้งแต่ทุกคนเรียนจบและเริ่มทำงาน
ได้ทุนมาแล้วเหรอแสง เม่นเอ่ยถาม ดูเขาเองก็ดีใจเช่นกันกับทุนก้อนนี้
ใช่ได้มาเยอะด้วยนะ กล้าคงดีใจมากเลยล่ะ ทอแสงตอบ น้ำเสียงเจือความสุขอย่างที่ทุกคนรู้สึกได้
แล้วเราจะให้กล้ายังไงล่ะ กวีถามน้ำเสียงเหมือนหยั่งเชิง
เราว่าถ้าเราเอาไปให้กล้าเอง กล้าคงดีใจนะ ทอแสงมองหน้าเพื่อนทุกคนราวกับต้องการถามความเห็นทั้งที่เธอได้ตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้นไปแล้ว
อืมแต่กล้ามันคงไม่อยากเจอพวกเราหรอกมั๊ง เม่นเอ่ยขึ้นทันที น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความน้อยใจ
ไม่หรอก กล้าคงไม่คิดอย่างนั้นหรอก ทอแสงรีบปฏิเสธแทน ทั้งที่ในใจเธอก็ไม่แน่ใจนัก
เกิดความเงียบขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงเบาๆที่เปิดคลอในร้านอาหาร อาหารหลายชนิดวางตรงหน้าโดยไม่มีใครสนใจจะแตะต้อง บรรยากาศในขณะนั้นเหมือนว่าทุกคนต่างคิดไปต่างๆนานาว่า หากว่าต้นกล้าเจอหน้าพวกเขา แล้วต้นกล้าจะทำหน้าอย่างไร และพวกเขาควรพูดอะไร เริ่มยังไงหลังจากที่จากกันโดยไม่ได้ติดต่อกันหลายปี ทอแสงเองก็กังวลไม่น้อย แต่ด้วยความที่เธออยากเจอเขามากกว่าอะไรทั้งหมด เธอจึงพยายามพูดให้เพื่อนๆคล้อยตามและยอมเดินทางไปที่โรงเรียนบนดอยด้วยกัน
จะดีเหรอแสงที่กล้ามันไปโดยไม่บอกพวกเราสักคำแบบนั้นก็แปลว่ามันไม่ได้อยากเจอพวกเรา แล้วเราจะไปหามันงั้นเหรอ กวีพูดขึ้นทันทีที่ทอแสงบอกทุกคนว่าเธอต้องการจะไปแม้ว่าต้นกล้าจะไม่ต้องการเจอเธอเลยก็ตาม
พวกเธอจะคิดยังไงก็ช่าง.แต่เราจะไป ยังไงกล้าก็คือเพื่อน และตอนนี้กล้าก็ต้องการความช่วยเหลือด้วย น้ำเสียงของทอแสงเด็ดเดี่ยวเกินกว่าที่ใครจะห้ามได้
ก็ได้ถ้าแสงจะไป เราก็จะไปด้วย ปลายฟ้าที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น สีหน้าของเธอมีรอยยิ้มจางๆซึ่งให้กำลังใจทอแสงได้เป็นอย่างดี
กวีกับเม่นมองหน้ากัน ก่อนจะพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน งั้นไปก็ไป
           *****************************************************************
	
อีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา ทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางด้วยกันอีกครั้ง ทอแสงลาพักร้อนได้ทันทีโดยไม่ติดงานสำคัญอะไร แต่กวีซึ่งกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อด้านถ่ายรูปที่ต่างประเทศยังติดทำธุระ ส่วนเม่นก็ต้องสะสางงานโฆษณาที่เขารับผิดชอบต่ออีกหนึ่งวัน เช่นเดียวกับปลายฟ้าที่ยังลางานวันนั้นไม่ได้ เธอจำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมในวันที่ทอแสงเดินทาง ทอแสงจึงตัดสินใจจะเดินทางไปก่อน  โดยปลายฟ้า, กวีและเม่นจะตามไปในอีก 2 วันข้างหน้า 
ทอแสงเดินทางโดยเครื่องบินถึงเชียงรายในช่วงบ่าย และหารถเช่าเพื่อเดินทางขึ้นดอยซึ่งใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง ระหว่างทางขึ้นดอย ทอแสงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอได้แต่คิดถึงภาพของต้นกล้าที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้า ครุ่นคิดหาคำพูดดีๆที่จะพูดกับเขา และกังวลใจเมื่อคิดว่าต้นกล้าจะไม่ดีใจที่เห็นเธอ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเมื่อไปถึงโรงเรียนก็ค่อนข้างเย็นแล้ว แสงแดดสีเหลืองยามเย็นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด แม้ว่าอากาศบนดอยจะหนาวเย็นกว่าในเมืองมากนัก โรงเรียนนั้นเลิกแล้วเมื่อเธอไปถึง ไม่มีนักเรียนอยู่ในบริเวณโรงเรียนอีก ทอแสงกวาดตามองไปรอบๆ และพบว่าโรงเรียนยังเหมือนเดิม แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป 
อาคารไม้หลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่หลังเสาธงยังคงเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่สีบางส่วนหลุดออกเป็นแผ่นเผยให้เห็นเนื้อไม้เก่าๆ  ข้างขวามือเป็นห้องเรียนรวมที่ก่อด้วยอิฐด้านล่างครึ่งหนึ่ง ส่วนครึ่งบนเปิดโล่ง ภายในเป็นโต๊ะเก้าอี้เรียงเป็นแถวยาว และมีกระดานดำใหญ่สีเขียวอยู่ด้านหน้า  ห้องเรียนรวมแห่งนี้เป็นผลมาจากน้ำพักน้ำแรงของทุกคนที่มาออกค่าย ทอแสงจำได้ดีว่าเด็กๆดีใจกันมากที่ได้ห้องเรียนรวมใหม่ที่กว้างขวางและยังใช้เป็นห้องประชุมได้ดี   ถัดจากอาคารไม้ทางซ้ายมือเป็นโรงอาหารที่เธอกับเปลายฟ้าเคยใช้ทำอาหารทุกๆวัน  ลานกว้างเบื้องหน้ายังคงล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์เช่นเดิม บรรยากาศนี้ทำให้ทอแสงคิดถึงวันเวลาเก่าๆอย่างจับใจ หากแต่นาทีนี้ เธอมิได้เห็นภาพเหล่านี้เพียงในความคิด แต่เธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่จริง กับลมหนาวที่พัดผ่านเสื้อแจ๊กเก็ตบางๆ และแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกจนหนาวจับใจ
ทอแสงมองไม่เห็นใครในบริเวณนั้นเลยสักคน  ต้นกล้าคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้า แดดสีเหลืองอ่อนจางไปจนเกือบมองไม่เห็นลำแสง และความมืดที่ครอบคลุมท้องฟ้าสีแดงเข้มค่อยๆเข้ามาแทนที่  ทอแสงกระชับเสื้อหนาวเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ลำคอ  อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็วจนเสื้อหนาวที่ใส่อยู่แทบไม่มีประโยชน์ใดๆ กระเป๋าเดินทางใบย่อมวางอยู่บนโต๊ะเรียนในห้องเรียนรวม  ทอแสงค้นเสื้อหนาวตัวใหญ่ขึ้นมาสวมทับแจ๊กเก็ตที่ใส่อยู่เพื่อให้อุ่นขึ้น  ทว่า ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมในใจทอแสง หากว่าต้นกล้าไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน หรือว่าไม่กลับมาที่นี่ และหากว่าไม่มีใครมาพบเธอที่นี่ เธอจะทำอย่างไร  ความมืดและความหนาวเย็นทำให้ทอแสงแทบไม่อยากเคลื่อนไหว เธอยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแรกสุดของห้อง และพยายามเพ่งมองออกไปในความมืดราวกับว่าเธอกำลังมองเห็นใครสักคนเดินเข้ามา 
เวลาผ่านไปนานเท่าไร ทอแสงไม่อาจรู้ได้ เธอเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะเพราะความเพลีย   ความมืดเข้าปกคลุมทุกแห่ง  อาคารไม้ข้างๆเหมือนอันตรธานหายไปในความมืด ทอแสงรู้สึกกลัวจับใจ หากว่ามีใครผ่านมาและไม่ใช่ต้นกล้า เธอจะทำอย่างไร  ทอแสงหยิบมือถือขึ้นมาหวังจะใช้โทรไปหาปลายฟ้า แต่สัญญาณขาดๆหายๆจนเธอไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารนี้ได้  นาฬิกาในมือถือบอกเวลา 3 ทุ่มเศษ นั่นทำให้ทอแสงหมดหวังที่จะได้พบต้นกล้าในคืนนี้ เขาคงมีที่พักที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านพักครูในโรงเรียน แล้วครูคนอื่นๆล่ะ ยังมีใครอยู่ที่นี่อีกไหม เกิดคำถามมากมายในหัวของทอแสง แต่เป็นคำถามที่หาคำตอบใดๆไม่ได้เลย				
				
comments powered by Disqus
  • พี่ชายที่คุ้นเคยและเคยคุ้น

    25 กันยายน 2545 09:50 น. - comment id 66502

    กาลครั้งหนึ่งนานมา ท้องฟ้าสีฟ้า
    ทะเลละลอกคลื่นใส
    ตะวันทอแสงนวลใย วายุพัดไกว
    แต่ใจฉันมีแต่เธอ
    ปลายฟ้าพาฝันวันเพ้อ หลงรักละเมอ
    คิดถึงแต่เธอเสมอมา
    คืนวารผ่านไปใจชา หนาวหนักนักหนา
    ทุกคราที่เหงาเศร้าซึม
    ต้นกล้าฟ้าหม่นคนขรึม เมฆาทึบทึม
    อึมครึมครั่นคร้ามคร่ำครวญ
    หยาดฝนหล่นหล้าพารวน จากไปใจป่วน
    แปลบปลาบวาบวับลับหาย
    เมื่อความรักปรากฏกาย ไหวหวั่นมิวาย
    เหมือนสายฝนหล่นกล่นหล้า
    แม้นเธอจากไปไม่ลา จากไปไกลตา
    สุดฟ้าสุดสายปลายดอย
    เม็ดสายฝนหล่นผะผ็อย เธอที่ฉันคอย
    เฝ้าน้อยใจนักรักนี้
    ขาดเธอขาดใจไมตรี ชืดชาวาณี
    ผ่านปีเดือนวันอันเหงา
    เฝ้านึกถึงวันวัยเยาว์ วันที่สองเรา
    ยั่วเย้าแย้มยิ้มพริ้มพราย
    แม้นเธอคืนมาเคียงกาย เวียงวังมังราย
    สุดสายปลายฟ้าฝ่าไป...
    
  • Tawan

    25 กันยายน 2545 10:42 น. - comment id 66503

    โห...กลอนเพราะจริงๆเลยค่ะ ชอบมากๆ ขอบคุณนะคะ... (หายงอนแล้วสิ--ใช่ไหม)
  • siromen

    26 กันยายน 2545 17:49 น. - comment id 66522

    ขอชมจากใจเลยคะ พี่เขียนได้น่าติดตามมากคะ แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ รีบเขียนเร็วๆนะคะ
  • Tawan

    27 กันยายน 2545 11:06 น. - comment id 66531

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด...แล้วจะรีบเขียนต่อนะคะ
  • chan

    5 ตุลาคม 2545 01:00 น. - comment id 66611

    hat's great!!!!!!
    good job man....
    please continues as soon as possible
  • Tawan

    5 ตุลาคม 2545 23:10 น. - comment id 66617

    Thank you ka T__T
  • จากความฝันสู่ความจริง

    7 ตุลาคม 2545 07:05 น. - comment id 66622

    กลอนไพเราะมากๆ เลย เขียนอีกนะ
  • Tawan

    11 ตุลาคม 2545 13:51 น. - comment id 66675

    ชมกลอนของพี่แน๊ตคนเดียวหรือ...น้อยใจๆ
    แต่ก็ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่าน อิอิ
  Tawan

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน