นวนิยาย:บันทึกรักสีชมพู ( ตอนที่ 2 )

สุชาดา โมรา

มีอะไรเหรอครับ
	วันนั้นที่ร้านอาหารเอ่อคุณลืมกระเป๋าสตางค์ทั้งไว้ที่ร้านค่ะ
	อัปสรสวรรรค์พูดด้วยน้ำเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เธอนั่งลงที่เก้าอี้และยื่นกระเป๋าให้เขาทันทีนายตำรวจหนุ่มรับกระเป๋าสตางค์มาจากนั้นก็เปิดดูข้าวของที่อยู่ในนั้นและก็ยิ้ม ๆ
	ขอบคุณครับอย่างนั้นวันนั้นคุณคงจะเห็นเอ่อ
	ค่ะฉันเห็นคุณสองคนไม่เข้าใจกันกระเป๋าใบนี้ขว้างมาเกือบจะถูกหน้าของฉันแต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะวันนั้นฉันพยายามวิ่งตามเพื่อที่จะเอากระเป๋าใบนี้ส่งคืนแต่ก็ไม่ทัน  ฉันก็เลยเปิดกระเป๋าดูแล้วก็สุ่มเลือกที่จะมาคืนให้ที่นี่ค่ะ
	ขอบคุณจริง ๆ ครับ
	นายตำรวจหนุ่มพูดและก็ยิ้ม ๆ เขาคุยกับเธอด้วยท่าทางเป็นมิตรจากนั้นก็เดินลงมาเป็นเพื่อนเธอเพื่อมาส่งเธอที่รถตามมารยาท
	ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
	เอ่อค่ะ
	อัปสรสวรรค์ยิ้มละไมเธอเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งบนรถทันที  สายตาของเธอมองไปที่กระจกหลังจากนั้นจึงขับรถถอยลังออกมาจากลานจอดรถ
	ก๊อกก๊อกก๊อกนายตำรวจหนุ่มเคาะหน้าต่างกระจกรถอัปสรสวรรค์เปิดกระจกรถและหันมามองเขาด้วยท่าทางยิ้ม ๆ แล้วก็ถามเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
	มีอะไรเหรอคะ
	มีเบอร์โทรไหมครับผมหมายถึงว่าคุณจะมีเบอร์สำหรับติดต่อไหมครับแบบว่าเราจะได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไงครับสำหรับมิตรภาพที่ดี
	นายตำรวจหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แขนทั้งสองข้างของเขาท้าวไปที่หลังคารถ  สายตาของเขาเบิกบานและจ้องมองเธอราวกับจะโปรยเสน่ห์  ทำให้อัปสรสวรรค์ต้องหลบสายตาอยู่หลายครั้งทีเดียว
	ขอโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ
	เอาไปทำไมครับ
	เถอะน่า
	อัปสรสวรรค์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  สายตาเธอมองเขาราวกับจะบอกเขาด้วยสายตาเชื้อชวนให้ทำตามนายตำรวจหนุ่มจึงยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องบางให้กับเธอทันทีเธอรับมาและกดเบอร์โทรของตัวเองและโทรเข้าเครื่องตัวเองทันทีเสียงโทรศัพท์ในรถดังขึ้น  อัปสรสวรรค์กดสายตัดและส่งคืนให้นายตำรวจหนุ่มทันที
	นี่เบอร์ของฉันค่ะ
	ครับ
	อัปสรสวรรค์ขับรถออกมาจากโรงพัก สภอ.เมืองลพบุรี  ด้วยท่าทางเบิกบานในหัวใจนายตำรวจหนุ่มยืนมองรถบีเอ็มคันหรูที่กำลังขับออกไปนอกโรงพักด้วยสายตาหวานเยิ้มละมุนละไม  เขามองจนรถคันนั้นลับสายตาออกไป  จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปบนโรงพักเพื่อที่จะทำงานต่อไป
	อัปสรสวรรค์ขับรถมามหาวิทยาลัยเพื่อที่จะมาเรียน  เธอรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเธอได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูดตอบโต้กับเธอ  ทั้งๆที่ตัวเธอเองก็เพิ่งจะได้เจอเขาซึ่งๆ หน้าแบบนี้
	ทฤษฎีการเขียนการเขียนมีหลายลักษณะแล้วแต่ความนิยมของผู้เขียนว่าจะเขียนแนวไหนนวนิยายเป็นงานเขียนที่บอกถึงทั้งอุปมาอุปไมย  จินตลักษณ์และอื่นๆ ครูอยากให้ทุกคนลองเกริ่นนำนวนิยายมาตอนหนึ่งโดยที่ครูจะเขียนข้อความไว้บนกระดานไวท์บอร์ดห้าคำ
	อาจารย์ทัศนีย์เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ซึ่งมีความรู้และเชี่ยวชาญในด้านการแต่งนิยาย  บทความ  เรื่องสั้นเป็นอย่างมาก  ทั้งชั้นเรียนก็เห็นจะมีแต่อัปสรสวรรค์คนเดียวที่สามารถแต่งบทความเรื่องสั้นและนวนิยายได้  แต่เธอกลับไม่สามารถที่จะเขียนเรื่องราวที่เป็นงานทางวิชาการได้กันนั่นแหละคนเรามันต้องได้อย่างเสียอย่างละอาจารย์ทัศนีย์เขียนข้อความห้าคำบนกระดานไวท์บอร์ดมีคำว่า  ทานตะวัน,  สายลม,  ความรัก,  ฉันและเธอ  และการเริ่มต้น
	ครูคิดว่าทุกคนคงจะแต่งเสร็จแล้วนะไหนลองอ่านทีละคนนะ  ครูจะสุ่มดู
	แต่ก็เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่าศิษย์รักศิษย์โปรดนั้นมีเพียงไม่กี่คนกิ๊บเก๋ได้ถูกเอ่ยนามก่อนคนอื่นๆ เพราะเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์รักมากที่สุด  เธอเป็นหัวหน้าห้อง  ช่างประจบ  เอาใจคนเก่ง  และเป็นคนสวย  แต่คนในห้องก็รู้ๆ ดีอยู่ว่าความสวยของเธอนั้นนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ
	ฉันและเธอเราพบรักที่ทุ่งทานตะวัน  สายลมพัดผ่านมาทำให้ใจเราสั่นไหว
	กิ๊บเก๋พูดขึ้น  อาจารย์ถึงกับส่ายหน้าทีเดียวทั้ง ๆ ที่เพื่อนทั้งห้องต่างก็ปรบมือกันยกใหญ่อาจารย์เรียกคนต่อไปคือพี่น้องฝาแฝดที่นิสัยหยาบกระด้าง  เจ้ายศเจ้าอย่าง  บ้าอำนาจทั้ง ๆ ที่พ่อตัวเองเป็นแค่ อบต. บ้าอิทธิพล  ชอบข่มขู่ผู้อื่น  ขี้ฟ้องก็เป็นที่หนึ่ง  เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็เรียกกันว่าตัวอันตรายและชอบอวดร่ำอวดรวยทั้ง ๆ ที่ไม่มีดีจะให้อวดอาจารย์เรียกให้เส้นหมี่อ่านก่อน  และตามด้วยปอยไหม  ทั้งคู่อ่านแล้วอาจารย์ก็ต้องส่ายหน้าเพราะท่านยังรู้สึกว่ามันยังเหมือนกับการเรียงประโยคแบบเด็กๆ อยู่
	อาจารย์เรียกเพื่อน ๆ ไล่ทีละคน  คนแล้วคนเล่า  แต่แกก็ไม่หันกลับมาเรียกอัปสรสวรรค์เลยเพราะแกค่อนข้างจะชิงชังกับนักศึกษาที่เก็บตัว  ไม่ค่อยพูดกับใคร  ไม่มีเพื่อน  ไม่มีสังคมอย่างเธอและอาจารย์เองก็ได้ฟังจากปากของศิษย์รักสามคนแล้วด้วยกับข่าวลือที่ว่า  เธอมีคู่หมั้นแล้ว  ขับรถยนต์คันหรูไม่ซ้ำคันมาเรียน  และเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นว่าเล่นจึงทำให้อาจารย์คิดว่าอัปสรสวรรค์เป็นผู้หญิงไม่ดี  มีอาเสี่ยเลี้ยงเพราะเธอเป็นคนสวย  พูดจาหวานๆ หนุ่ม ๆ จึงเข้ามารุมล้อมเธอมากมาย  เธอถึงได้มีกิ๊กถึง 16 คน
	คนสุดท้ายไหนอ่านสิ
	ในยามที่แสงสุริยากำลังจะโผล่จากฟากฟ้าไอหมอกที่ฟุ้งกระจายเต็มอยู่ทั่วบริเวณท้องทุ่ง  หญิงสาวเดินลัดทิวเขาเพื่อลงมาพบกับชายหนุ่มที่ตนเองรักอยู่เป็นประจำทุกเช้าทั้งคู่แอบลักรอบได้เสียกันจนเกิดเป็นรักต้องห้ามเพราะทั้งสองหมู่บ้านนั้นไม่ลงรอยกันความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันนั้นเป็นรักที่บริสุทธิ์  ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายจะพยายามพรากทั้งคู่ออกจากกันอย่างไรแต่ทั้งคู่ก็ยังแอบมาเจอกันที่นี่เป็นประจำวันไหนที่หญิงสาวไม่ได้ลัดทิวเขาลงมานั้น  ชายหนุ่มก็จะชะเง้อคอรอสาวเจ้าอยู่ทุกเมื่อทั้งคู่มีสัญญารักต่อกัน ณ ทุ่งทานตะวันแห่งนี้
	อัปสรสวรรค์อ่านให้ทุกคนฟัง  เพื่อน ๆ ปรบมือกันกราวเลยทีเดียว  อาจารย์ทัศนีย์จึงเรียกเธอไปพบเพราะเห็นแววนักเขียนในตัวของเธอ
	ครูจะให้เธอแต่งเรื่องอะไรก็ได้ตามถนัดมาให้ครูอ่าน  ครูจะลองปรับแก้งานของเธอดู  ถ้าหากงานนั้นดีจริง ๆ ครูจะส่งสำนักพิมพ์ที่ครูรู้จัก
	ค่ะ
	อัปสรสวรรค์รับคำ  เธอยิ้มหน้าระรื่นออกมาจากห้องพักครูและเดินตรงมาที่ลานจอดรถ  จากนั้นจึงขับรถออกไปทานอาหารข้างนอกกับแม่ว่าที่สามีของเธอก่อนที่จะกลับมาเรียนในตอนบ่าย
..2..
	
โปรอดติดตามตอนต่อไปนะคะ...ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน