พุทธปัญญา..ในสุวรรณภูมิ

tiki

หากนับความยาวนานของ วันเวลา อัน พระพุทธศาสนา ได้เข้าสู่
แผ่นดินสุวรรณภูมินี้ ก็เป็นเวลา กว่า๒๓๑๒ ปีแล้ว.เมื่อนับเอา ปีปัจจุบัน
พุทธศักราช ๒๕๔๘ ตั้ง หักออก เสีย ๒๓๖ จะเห็น ความยั่งยืนแห่ง
พุทธธรรม และ วัฒนธรรม อันพอเพียง ของการคงอยู่กับจิตวิญญาณแห่ง
ปัญญาในดินแดนสุวรรณภูมิ อันถือเป็นรากเหง้าแห่ง ชนชาติสยาม
            ..ช่างน่าอัศจรรย์ ดัง คำพระพุทธทำนายนัก ว่า...
ถึงสมัยหนึ่ง  พระพุทธปัญญาศาสนา แห่งองค์ตถาคต จะค่อยเสื่อมหาย
ไปจากชมพูทวีป แต่ไปรุ่งเรือง ณ ดินแดน สุวรรณภูมิ ตะวันออก เฉียงใต้
จาก ชมพูทวีปไป...ก่อนจะเสื่อมสลาย ไป ปรากฏรุ่งเรืองยังแดน ตะวันตก
ไกลโพ้นใน อีกกาลสมัย....
            
ทิกิ_tiki
ผู้เรียงร้อยถ้อยธรรมนำเป็นบทความนี้
พุทธปัญญา				
พุทธปัญญา
ในสุวรรณภูมินี้  อริยสัจจ์ เป็นหัวข้อธรรมแห่งพระพุทธองค์ 
ประดุจแพทย์ผู้ผ่าตัด เอา องค์ประกอบ เครื่องจักรกลแห่งร่างกาย
และ จิตใจชาวโลกมาวางให้เห็น กันเป็นชิ้น เป็น ผัง 
นับเป็นข้อธรรมที่มีความ เปลี่ยนแปรเบี่ยงเบน
น้อยกว่าข้อธรรมอื่น

ในหัวข้อ ทุกข์ สมุทัย  นิโรธ มรรค 
ข้อความทุกข์ นั้น เป็นสัจจธรรมอัน เบี่ยงเบน น้อยที่สุด
ด้วย ทุกข์เป็น สามัญลักษณะ สัจจะ
จนเป็นที่กล่าวกันว่า ในยุคปัจจุบันนั้น ใครเลยไม่เคยเห็นทุกข์
 ดูจะแปลกมนุษย์มนาเอาทีเดียว

     ในข้อสองแห่ง อริยสัจจะ คือ สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์นั้น
ผู้คน ก็ เวียนว่ายกันในเหตุนั้นจนยากจะ คีบ เอาเหตที่พันกาย
พันใจ กันออกมาวางให้เห็นชัดเจน แม้นว่าจะ คีบ กันออกมา
วาง ก็ยัง ติด หลง พึงพอใจ ในอาการเหตุ แห่งทุกข์ กันอยู่ดี
ด้วย ตัวที่ทำให้ติด ให้หลง นั้น เป้นตัวกางกั้น พุทธปัญญา
อย่างแรงกล้า เพราะ มันคือ อวิชชาที่อยู่ในใจตน ดีดีนี่เอง

    ชาวสุวรรณภูมิ และชมพูทวีป จะรู้จักสามัญทุกข์เท่าทั่วกัน
ก็เมื่อปลายปีนี้ ตอนเห็นความตายขนานใหญ่แห่ง สินามิ นั้นแหละ


     หัวข้อสามแห่งอริยสัจจ์ คือ  นิโรธ 
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิต
นำไปสู่การดับความเศร้าโศกทั้งมวล
 อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน 
         ตรงนี้ คือ ผลเมื่อทุกข์ดับ แต่ตราบใดที่ทุกข์เหล่านั้น
ทุกข์ใหญ่ ทุกข์ย่อย ยังไม่ดับ ผล ตรงนี้ หรือ นิโรธ นี้
ก็มิใช่ กล่องที่ใครจะจับต้องประคองไว้ได้งาย

ท้ายสุดแห่ง อริยสัจจ์  คือ มรรค หนทางดับทุกข์นั้น
 ผู้คนที่มีบุญ มีปัญญาได้อ่าน พุทธธรรม ตรงนี้ 
อาจได้เห็นแจ้ง แต่ก็ปฏิบัติได้ยากยิ่ง
 เพราะตัวควบคุมกาย คือใจ มันวอกแวก ตามไม่ทัน 
ไม่มีตัวเบรค อาการไหลไปตามอารมณ์ ของใจมันเร็ว 
อย่างที่เจ้าตัว ผู้ไม่เคยชินในการพิเคราะห์อารมณ์ 
ก็ไม่สามารถ ดูใจตนอย่างละเอียดได้ว่า ที่เป็นอยู่ นั้น 
ทุกข์มาจากอะไร

         ไม่พอใจ พอใจไม่พอใจพอใจ ไม่พอใจพอใจนั้น
มาจากตรงไหนอย่างไร จะดับได้.
.ตัวหยุดนั้น ในยุคสมัยใหม่ ที่ เมื่อธรรม ก็เจริญสูงสุด
แต่ อธรรม ก้เจริญสูงสุดในสื่อ มีเดียยุคใหม่ นี้ ด้วยเช่นกัน

อริยสัจจ์ในสุวรรณภูมิทุกวันนี้  จึงเป้นเพียง มุขปาฐะ
ให้โต้กันไปกันมาแต่ ปฏิบัติยากยิ่ง.....				
หาก พุทธศาสนา เป็นแพทย์ช่วยคนทั่วโลก ทุกยุคทุกสมัย
ให้พ้นไข้ความทุกข์

       ทุกวันนี้ พุทธศาสนา ก็ เอื้อมไปปิดจอให้ผู้ดู ผู้หวังเจริญธรรม
ทางหน้าจอ ไม่ทันการ...สือที่แรงที่สุดของโลกวันนี้ ได้เข้าครอบงำ
ผู้คน ไว้หมดสิ้นแล้ว...
        คุณ จะเกิด หรือ จะตาย หรือ จะเกิด ใหม่ หรือ
 จะ ตายเพื่อไปเกิดใหม่  ไม่ได้ทำให้โลกนี้ สั่นเสะเทือนเลย
 ก็คุณและเรา ก็เพียงหนึ่งใน สิ่งที่เกิด มา กินอยุ่ ขับถ่าย นอน
 และ ตาย เหมือนกับเศษเซลตัวหนึ่งธรรมดา บนโลก...
            ชีวิต บน ทางสายกลาง มรรค อันมีองค์แปด นั้น 
         ทุกวันนี้ จึงต้อง บำเพ็ญประโยชน์ ต่อโลกมนุษย์มากขึ้น

     พรุ่งนี้ เป้นวัน มาฆะ บูชา อีกวันแห่งการระลึกถึง 
ข้อธรรมซึ่งพระสงฆได้รับจากพระพุทธองค์ มานาน 
สองพันห้าร้อยสี่สิบแปดปีแล้วนั้น...
พุทธธรรม ได้ให้ สันติภาพแก่สุวรรณภูมิ และ 
ฝูงชนในสยามมานานเท่าใด

        พุทธธรรม ได้ชีให้เห็นหรือไม่
 ว่ากำเนิดใด แห่งมนุษยชาติ ไม่สำคัญเท่าสติ ปัญญา 
จรณะ ความเป็นไป แห่งการดำรงชีวิต อันมีคุณประโยชน์
ต่อเพื่อนมนุษย์

      พุทธธรรม ได้ ชี้ให้เห็นหรือไม่ 
ว่า สามัคคีธรรม คือ การสำรวมกายวาจาใจในท่ามกลาง
หมู่คณะ 
         พุทธธรรม ได้ แสดงให้เห็นหรือไม่ ว่า การแบ่งปัน
ทรัพยากร การแบ่งปันกัน ให้ กัน ให้ กินกัน 
การ รับและให้กัน เป็น เนื้อนาบุญของโลก

          พุทธธรรม ได้ ชี้ให้เห็นหรือไม่ ว่า เหนือกว่า
ทุกข์ใดใดทั้งมวล คือ การเข้าใจ ธรรม แห่ง สิ่งที่ลวงตา
บนเปลือกนอกที่ยากแก่การสะกิดอวิชชาออกทิ้ง

          ขอ เหล่า พุทธศาสนิกชน พร้อมใจกันในวัน
มาฆบูชา สดับ ตรับฟัง พุทธธรรม อันมีอยุ่มากหลาย
ล้นเหลือ บน คลื่นเว็บไซต์

         พุทธธรรม บนเว็บไซต์เพื่อ สุวรรณภูมิ
         เพื่อ ความสงบสุขในวันมาฆบูชา

น้อมคารวะท่านผู้อ่านผู้เจริญธรรมทุกท่าน
ทิกิ_tiki
จาร ณ วัน ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ อังคาร ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
เวลาหน้าจอ ๑๗:๑๕ นาฬิกา				
comments powered by Disqus
  • tiki

    22 กุมภาพันธ์ 2548 17:47 น. - comment id 83007

    มาฆบูชา ตอน ๑
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata.php?id=71521
    
    มาฆบูชา ตอน ๒
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_71589.php
    
    คารวะท่านผุ้เจริญในธรรมทุกท่าน
  • ทิกิ_tiki 4895

    23 กุมภาพันธ์ 2548 13:23 น. - comment id 83023

    มาฆบูชา ตอน ๓
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_71644.php
  • ลักษมณ์

    24 กุมภาพันธ์ 2548 01:56 น. - comment id 83049

    เข้ามาอ่านดู
    ราตรีสวัสดิ์ครับ
    ] zZ
  • tiki

    24 กุมภาพันธ์ 2548 10:08 น. - comment id 83053

    ขอบคุณ คุณ ลักษมณ์ ค่ะ
  tiki

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน