ไดอารีลำดับที่ ๕๐๕...วันที่คุณไป ..ทิกิ_

tiki

คุณก้าวไปจากบ้าน เหมือนอย่างออกไปข้างนอกธรรมดา 
ก่อนไป คุณก็ไปปรึกษาท่านอาจารย์ที่วัดเสียด้วย ว่าควรจะ 
ย้ายไปวันไหนดี....ท่านก็แนะนำว่า วันศุกร์ซี่ แต่จะให้ดี ควรเป็น 
วันจันทร์ 21 มีนาคม แต่ฉันก็บอกคุณ อย่างมึนดึงในวันนั้นว่า 
รีบไป เร็วที่สุดเถิด 
ฉันออกมาที่โต๊ะคุณ....ว่างเปล่า....คุณเก็บหนังสือหนังหา
เรื่อง งานการคุณไปเกือบหมดแล้ว 
และ ที่แน่ๆ ได้พากลิ่นสุนัขที่เหม็น เรื้อรังเหม็นหืนนั้น
ออกไปจากห้องคอนโดของเราด้วย				
ฉันรักสุนัขมาก สุนัขที่เคยนอนในห้องฉันในวันเยาว์
วันเก่าๆคือเจ้าหมี สุนัขเพศเมีย พันธุ์ Cocker Spanial  ผู้นอนอยู่
หน้าเตียงและ หลับนิ่ง ชะเง้อดูฉันหลายหน ถ้าฉันยังไม่ตื่น 
ขนาดของมันกำลังดี ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก มันนิสัยดีเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ 
ฉันจำได้ว่าไปรับเจ้าหมีมาจากร้านสัตวแพทย์ญาติของเราที่ปากซอย
พหลโยธินกรุงเทพฯ ที่ที่เคยอยู่ตรงข้ามกับตึกเอไอเอสในปัจจุบันนี้
             พี่นิต เจ้าของร้านบอกฉันในวันนั้นว่า เจ้าของเป็นฝรั่ง
ชาติเยอรมัน เห็นมันเป็นขี้เรื้อน และ รักษาไม่หาย จึงนำมาให้พี่นิด
ฉีดยาตาย  พี่นิดฉีดยามันไม่ลง จึง เลี้ยงมันไว้ในกรงปากซอยอย่างนั้น

           ฉันอาสา รับเจ้าหมี มาบ้าน และประคบประหงมรักษามัน
ด้วย ยา น้ำมันเครื่องใส่รถ  น้ำมันมะพร้าว และ กำมะถันเหลือง
สามอย่างนี้ ชะโลมทาให้มันทุกวัน พร้อมกับ คอยจับมันอาบน้ำ
แช่ยา อาซุนโทล ในที่สุด เจ้าหมี ก็ มีขนสีดำมันเลื่อม หายจากการ
เป็นขี้เรื้อนโดยปลิดทิ้ง				
เจ้าหมี อยู่กับฉันมาจากอายุ สิบสาม และ อยู่จนฉันอายุ 
ยี่สิบเก้า มันอยู่กันมาอีก สิบหกปี อย่างมีความสุข มีความหลัง
ย้ายไปสามบ้าน สี่บ้าน มีประวัติที่น่าเขียนถึงมากมาย
            
              แต่ในวันนั้น บ้านของเรา เป็นบ้านสองชั้น
กลางสนามกว้างขวาง ที่เจ้าหมีจะได้ลงไปวิ่งเล่นรอบบ้านอย่างสำราญ 
และ วิ่งมาให้ฉันกอดมันไว้อย่างมีความสุข...โดยเฉพาะเวลา
จะขึ้นนอนห้องนอนชั้นบนด้วยกัน
 เจ้าหมีเป็นสุนัขที่สุภาพ อัธยาศัยดีอย่างน่าสรรเสริญ

         แล้วฉันทำไมไม่ชอบเจ้าสองตัวนี่เลยเมื่อมาอยู่ที่คอนโด
เจ้าตัวโตพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเว่อร์สีน้ำตาลอมดำ เพศเมีย
ที่ชื่อ บาร์บี้..(ก็ฉันนั่นแหละเป็นคนตั้งให้มันเอง) 
        ลูกค้าที่มีตำแหน่งใหญ่โตระดับที่ปรึกษาท่านพ่อเมือง
กรุงเทพฯเป็นคนให้เรามาเมื่อเราไปแต่งบ้านให้เธอ
 แล้ว แม่ของมันออกลูกทีเดียวสิบกว่าตัว เลยยกมาให้เราหนึ่งคู่ 
ตัวเมียและ ตัวผู้   ตัวผู้ เจ้าบ๊อบน้องชายนั้นเราส่งไปให้
เพื่อนพี่ชายที่ไร่สัตหีบ     ส่วนตัวเมียคือบาร์บี้นี้เลี้ยงไว้ก่อน
จะให้พี่ชายทีหลังแต่เขาไม่อยากเลี้ยงเพิ่มภาระ  จึงกลายเป็น
เราต้องเลี้ยงมาจนถึงวันนี้ ตก เก้าปีเข้าไปแล้ว...!
         เมื่อบาร์บี้โต มันก็กลายเป็นหมาตัวใหญ่คับบ้านขนาด
เล็กที่ตารางเมตรแพงเกือบห้าหมื่นบาทในเมืองไปเสียแล้ว
       บาร์บี้เคยชนฉันหกล้ม ปวดแขนไปหลายเดือนทีเดียว
       และต่อมกลิ่นของพันธุ์นี้ เหม็นจนสุดจะทน
       และที่ ฉันไม่ชอบมากๆ ก็ตรงที่มันมีเห็บบ่อยๆ
 เวลานั่งทำงานเห็บมารบกวนฉันเสมอ 
ขอให้คุณนำออกไปที่อื่น คุณ ก็ไม่ยอม..ยังดื้อที่จะเลี้ยงมันไว้
อย่างนั้น...
        .จนในที่สุด คณะกรรมการคอนโด ก็ติดประกาศอย่าง
เอาจริงว่า นับจากนี้ต่อไป จะไม่มีการเพิ่มจำนวนสุนัขในคอนโด
เป็นอันขาด				
วันที่ฉันจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนธันวาคม ฉันบอกให้
คุณ ย้ายสุนัขไปที่อื่น คำตอบที่คุณเตรียมไว้ ก่อนหน้านั้นก็คือว่า
     "ถ้า สุนัขไป ผมก็จะไปด้วย    ".
....แต่ ในวันนั้น คุณ เครียดจัดที่โรงพยาบาล
คุณ หลุดปากออกมาว่า
      " ถ้าคุณไล่ผมกับหมาออกไปอย่างนี้ คอยดูนะ ผมจะหายไปเลย
หายไปจากประเทศไทย...ไม่ให้คุณเห็นอีกเลย จะทิ้งคุณไปเลย"

          ฉันร้องไห้อย่างอัดอั้นตันใจ ฉันบอกคุณว่า ฉันป่วยนะคะ
และ ฉันอยากได้ห้องที่สะอาดเพื่อการพักฟื้น  ฉันจะไม่นั่งอยู่ใกล้ตรง
ที่สุนัขคุณนอน กิน  เด็ดขาด..นะคะ				
พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นั้น ต้นตระกูลทางแคนาดาเขามัก
เลี้ยงไว้ให้มันเก็บนกที่ยิงได้...มันจะวิ่งหน้าตั้งอยู่ในสวน ในไร่ เหมือน
เจ้าบิ๊ก น้องชายของมันที่เราเอาไปไว้ที่ ไร่สัตหีบ

       ส่วน เจ้าปั๊กอีกตัว นั้น ก็ไม่ค่อยประทับใจฉันนัก เพราะเมื่อฉันเบื่อ
แม่บาร์บี้ สุดฤทธิ์ สุดเดชอยู่ในวาระนั้น และ เบื่อคุณสุดหัวจิตหัวใจ
จนต้องไปหากระรอกที่น่ารัก มาเลี้ยงหนึ่งตัวชื่อเจ้าเปี๊ยก ซึ่งต่อมา
มันจะวิ่งไล่กัดคุณเป็นประจำ แต่มันไม่ได้กัดฉัน มันชอบให้ฉันคอยกก
มันให้อุ่นในอุ้งมือ...ต่อมา เจ้าเปี๊ยก ก็ป่วยเป็นโรคเศร้าซึมตาย...
          วันที่เจ้าเปี๊ยกตายอยู่ในอุ้งมือฉันนั้น เป็นวันที่ฉันเศร้าเหลือแสน
ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นสุดที่จะกลั้น ......แม้นขนาดกำลังเขียนอยู่นี่น้ำตา
ก็พาลไหลออกมา....
         
          คุณได้ที รีบไปรับเจ้าปั๊ก ผู้มีชื่อว่า เฮเลน มาจากบ้านพี่ชายฉันทันที
มาถึงก็ส่งให้ฉันบอกว่า
          " เอาเฮเลน มาให้แม่นะ จะได้คลายคิดถึงเจ้าเปี๊ยก"
         ถ้าไม่ติดว่ากำลังเศร้าขนานหนัก ฉันคงจะหวีดวีนใส่คุณอีกเป็นแน่
แต่วันนั้นได้แต่ส่ายหน้าถอนใจ...
          "แค่บาร์บี้ตัวเดียวก็ยุ่งยากมากมาย คุณยังหาหมามาอีกตัวอีกหรือ?"				
ฉันเดินผละจากคุณ จากโต๊ะของคุณ จากห้องหน้าของคุณ ออกไปยืน
ที่ระเบียงในวันนั้นกลางแดด อาลัยอาวรณ์ เจ้าเปี๊ยกกระรอกน้อยจนเกินประมาณ
ตามประสาคนเอาแต่ใจตัวอย่างฉัน

           เจ้าเปี๊ยกเป็นเพียงสัตว์ตัวน้อย ที่ทำให้ฉันรู้จักมีความรักขึ้นในชีวิต...
แล้วเมื่อมันตายจากไป ฉันก็รู้ว่า ฉันไม่มีทางจะนั่งอยู่กับคุณที่นี่ได้อีกแล้ว
ฉันจึงวิ่งเต้นหาที่ทางที่จะไปนั่งทำบัญชีที่ไหนก็ได้ 
         แต่กรรมจริงๆ ที่ฉันตัดสินใจเลือกสถานที่ผิดพลาด แทนที่จะเลือก
ไปเซ้ง เนื้อที่ตรงข้ามสวนจตุจักรในวันนั้น ฉันกลับไปเลือก
สวนลุมไนท์บาซาร์ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้เป็นสถานที่ทำบัญชีของฉัน
 ยังกลายเป็นภาระ เป็นสาขาที่หนึ่ง ที่มีสินค้าสารพัดอย่างให้ฉันไปดูแล 
ขายโน่นนี่ แต่บ่ายยันเที่ยงคืนมาอีกสองปี

            สองปีกว่าตกสามปี ที่พ้นๆหน้าคุณไปเสียได้
 แต่ในที่สุด ฉันก็ต้องเลิกร้านไม่ต่อสัญญา ทำให้มีปัญหาเรื้อรัง
กลายเป็นติดค้างค่าเช่าต้องส่งใช้กันอยู่จนทุกวันนี้.....				
เราต่างมีสัตว์ทดแทนให้ความรักอันพลุ่งพล่านของเราได้มีทางออก
คุณได้รัก เจ้าสุนัขสองตัวนี้ประคบประหงมดูแลมันยิ่งกว่าลูก ในวันที่ฉันไม่ค่อย
จะยอมพูดกับคุณ เกินวันละ สิบประโยค...และ ฉันก็ได้มี เจ้าเปี๊ยกในวาระนั้น
ก่อนหน้าจะไปอยู่ร้าน
              แต่เมื่อฉันได้มีโอกาสก้าวย่างออกจาก บ้าน ก็เหมือนนกน้อย
อันเสรี ที่ได้ขับรถออกไปทุกวัน ให้คุณโทรศัพท์ตามทุกคืนว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว
กลับบ้านได้แล้วนะ อยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มา
         ในช่วงเวลาเหล่านั้น  ฉันมักได้มีโอกาสไปโน่นไปนี่กับเหล่าศิลปินจบใหม่หมาดๆ
ที่ถูกกวาดต้อนไปรวมพลเสนอสินค้าใหม่บริสุทธิ์ที่พวกเขาคิดกันขึ้นมาที่นั่น
ในปีแรก จะมีการพบปะ ไปกินอาหาร ดื่มสุราอะไรของพวกเขา กันหลายครั้ง
แต่ในระยะหลัง เมื่อฉันถูกควบคุมความประพฤติให้กลับบ้านทันทีเดี๋ยวนี้ที่ปิดร้าน
ฉันก็ไม่ค่อยได้ไปร่วมกลุ่มกับเหล่าศิลปินรุ่นเยาว์เหล่านั้นแต่อย่างใด ชีวิตเป็นไป
อย่างน่าเบื่อหน่าย				
ถ้ากลับถึงคอนโด ฉันก็มักจะอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้าประจำที่ 
เล่นเกมสารพัดชนิดที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์ เปิดเข้าอินเตอร์เน็ต 
เล่นเกมที่อยากเล่นแล้วก็กลายเป็นนักเขียนกลอน ต่อมา อย่างไม่รู้ตัว
        
         อินเตอร์เน็ต ก็ทำให้ฉันมีเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ พวกอินกับ
ข้อเขียนและบทกลอนราวกับอยู่ในโลกจริง ตัวละครร้อน เย็น 
เป็นจริงเป็นจัง.
           .คุณ ทำสีหน้าเอือมระอากับความประพฤติของฉันเสมอ 
 แต่แล้วเมื่อคุณคุยกับเพื่อนฝูงหลายคนเข้า โดยเฉพาะพวกเพื่อนคุณ
ที่มีอีเมล์ส่งไปมาทางอินเตอร์เน็ต
 คุณ ก็เปลี่ยนทันที..
 
           .คุณเริ่มสอบสวนความประพฤติฉันขึ้นทุกวัน และ บ่อยครั้ง
ที่คุณจะฉุนเฉียว ที่ฉันนอกจากจะไม่พูดกับคุณเกิน สิบประโยคต่อวัน 
ฉันยังย้ายที่นอนมาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ และ นอนหน้าหิ้งพระ
เสียราวกับตัวเองเป็นตัวเล็นตัวไรเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น ฉันยังมีการไปงานสังสันทน์ชาวอินเตอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆ				
แถมปีที่แล้วฉันยังนำรูปตัวเองไปลงอินเตอร์เน็ตเสียอีก 
คุณ ส่ายหน้าระอาความประพฤติของฉันแต่ฉันจะแยแสคุณก็หาไม่ 
ฉันชื่นชมความประพฤติของฉันอย่างเต็มที่ แถมยังเดินทางไกล
ไปพบกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งในอินเตอร์เน็ตให้คุณใจหายใจคว่ำเล่น 
และ ที่ร้ายที่สุดคือเดินทางไปร่วมงานสร้างห้องสมุดเว็บ ลานไทยมุงที่
จังหวัดพิษณุโลก ที่คุณอารมณ์บ่จอยนัก เมื่อต้องขับรถไปส่งฉันที่
สถานีขนส่งหมอชิต
                 และ ก็สมน้ำหน้าตัวฉันเอง ที่ป่วยกลับมาด้วยความบอบบาง
ที่เคยแต่เป็นคุณนายอยู่ชั้นลอยฟ้า เข้าห้องน้ำห้องท่าอย่างคนเมือง
ไฉนจะไปทนสมบุกสมบันบ้านป่าบ้านดอยดังนั้นได้อย่างไร 
ในที่สุด ก็กลับมาป่วยไข้ขึ้นเกือบสี่สิบองศาเซนติเกรดอยู่มะรอมมะร่อ
คุณ ขับรถพาไปส่งตัวเข้าโรงพยาบาลในบ่ายวันรุ่งขึ้นที่ฉันเดินทาง
กลับจากพิษณุโลก   อย่างแสนจะเอือมระอาความประพฤติของฉัน..
..แต่คุณก็ยังไม่เห็นไปจากฉันเสียที..!				
สุนัขอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ฉันอึดอัด
                  หน้าที่การงานที่เข้ากันได้ยาก อาจเป็นอีกหนึ่งที่ฉันอึดอัด
                เศรษฐกิจเป็นพิษ อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉันอึดอัด

            ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณและฉันเปลี่ยนแปลงขนานหนักมาแต่เมื่อไหร่...
แต่ที่แน่แน่ฉันไม่ชอบกลิ่นสุนัขของคุณที่มันสะอิดสะเอียน โดยเฉพาะ
เมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล ที่ฉันเข้าผ่าตัดปัจจุบันทันด่วนเมื่อ 
ต้นธันวาคม ปีที่ผ่านมา  
           ร่างกายที่สะอาดจากการล้างสารพิษ โดยการหยุดดื่มกาแฟ
เป็นปลิดทิ้ง ทำให้ฉัน เหม็นกลิ่นยาเส้นที่คุณสูบไป๊ป์ทุกวันทั้งวัน
 และ เหม็นกลิ่นสุนัขของคุณอย่างทนไม่ไหว

           ไม่มีใครที่ไหนจะทนฉันได้เช่นคุณหรอก
         สำหรับคุณแล้ว ฉันคือ คุณหนูน้อยน้อยในหัวใจของคุณเสมอมา 
        คุณ แอบดูฉันขึ้นรถที่มีคนขับของพ่อ พาไปส่งโรงเรียน 
คุณแอบตามไปดูฉันที่ปากทางบ้านคุณทุกวันว่ารถคันนั้นจะผ่านมา
เมื่อใด เพื่อจะเห็นฉันนั่งผ่านบ้านคุณไปทุกวัน
คุณแอบดูฉันเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย 
คุณแอบดูฉันเมื่อคุณ เรียนจบมาจากต่างประเทศ
คุณแอบเขียนจดหมายหาฉันเมื่อฉันทำรายการวิทยุ 
รักอะไรของคุณจะฝังใจยาวเนิ่นนานปานนั้น ฯลฯ


              วันที่ฉันแต่งงานกับคุณ 
แล้วสามเดือนแรกที่ท้าคุณหย่าทุกคืน 
คุณ ก็ยังไม่เคยคิดว่าจะเลิกกับฉันแต่อย่างใด 
คุณ ยืนกรานว่า ชาตินี้ไม่มีวันจะเลิกกับฉันอย่างเด็ดขาด				
......
              วันนี้ คุณก้าวเท้าออกไปจากบ้าน...เป็นการแยกวิถีชีวิต.
..ก่อนไป คุณเจอฉันแล้วคุณ บ่นว่า
     " วันนี้ พ่อมีสองบ้านแล้วหรือ..." 
    คุณ ทำท่าละล้าละลัง...จนฉัน..สงสาร หรือเวทนา หรืออะไรสักอย่าง...
          วันนี้ วันแรกที่คุณก้าวออกไป  คุณโทรศัพท์กลับมาเมื่อเย็น.
..และ สองทุ่ม และ อีกครั้งเมื่อ
....เที่ยงคืนที่ผ่านมา
   "ผมปูที่นอนไว้ให้แล้วนะ เตียงน่านอนมาก.
.แล้วคุณคงจะได้มานอนที่นี่นะ"...เสียงคุณอ่อนโยน...

           คุณยังรักฉันเสียจนฟ้าสะเทือนเหมือนเดิม...ไม่มีผิดเพี้ยน ..
       ไม่ว่าฉันจะบ้ากับคุณขนาดไหน...ไม่ว่าฉันจะร้ายกับคุณขนาดไหน
     ไม่ว่าฉันจะแกล้งไปอยู่ที่โน่น ที่นั่น ที่นี่ ที่ไหน ทั่วสารทิศ
         สิ่งที่คุณทำกับฉัน คือ เสียงหัวเราะ  ความอ่อนโยน..
        .ความห่วงใย...และหวงด้วยเสมอนั้น				
ห้องว่างเปล่า โต๊ะว่างเปล่า....
        ฉันเดินออกไปเมื่อ เที่ยงคืนนั้น...
.ตรงโต๊ะที่คุณนั่งเขียนแบบอยู่ทุกคืน...ไม่มีคุณเหมือนเดิม
    ฉันเดินถือผ้าหนังออกไปเช็ดถูฝุ่นทุกซอกมุม..
.ฉันอยากอยู่ที่นี่อยู่ในวิถีชีวิตสงบของฉันคนเดียว

                   ฉันไม่อยากไปกับคุณ ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ 
ฉันอยากให้คุณไปจากฉันสักพักหนึ่ง...
   ฉันเช็ดโต๊ะ เช็ดฝุ่นทุกซอกมุม ที่ฉันไม่ค่อยชอบย่างเหยีบบไป
เวลาที่คุณอยู่กับเจ้าสองตัวที่คอยนอนหมอบที่เท้าคุณ แล้ววิ่งตาม
คุณทุกเวลาอย่างนั้น

          คุณช่างเป็นผู้ชายตัวเล็กที่ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน..
   แม้นว่า..สิ่งร้ายแรงหลายอย่างในชีวิตที่คุณทำไว้..แทบจะทำให้
ฉันกระอักได้ทุกเมื่อ....
      ฉันก็ช่างทน และ อภัยให้คุณได้ตลอดมาเช่นกัน...				
ฉันนึกถึง ภาพ ท่านพระยาอนุมานราชธน ที่ไปนอน
นอกระเบียงกางมุ้งบนเตียงนอนที่บ้านสุรวงศ์ ในประวัติของท่าน....
                  ฉันนึกถึง ประวัตินักเขียนหลายท่าน ที่ไม่อาจฝืนทำ
ตามที่คนอื่นพอใจได้
              ฉันยังไม่กล้าไปไกลจากคุณนักหรอก...
          ฉันคงยังเป็นเจ้าหญิงน้อยของคุณอีกใช่ไหม....
เจ้าหญิงน้อยที่ดูสูงส่งที่คุณรักใคร่มานานนัก....
อารมณ์ศิลปินของคุณ อาจมีอยู่ เต็มอยู่...
.ตราบใดที่คุณยังไม่มีสาวน้อยนางอื่นอยู่ใกล้คุณ หรือไร ...?
                 คุณประกาศมาเสมอด้วยถ้อยคำที่ว่า...
                " ผู้ชายในประเทศนี้อาจเหี่ยมอย่างไรก็ได้ แต่ไม่ใช่พ่อนะ.
.พ่อรักแม่เสมอ คนเดียวเท่านั้น."
            และ คุณ ฉลาดเหลือเกิน....ที่เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณ สรรเสริญฉันไว้ว่า
               " พ่อรู้ว่าแม่ไม่มีวันทิ้งพ่อ แม่รักพ่อ แม่ซื่อสัตย์ต่อพ่อเสมอ"
                เฮ้อ.....

             ฉันจะเปลี่ยนแปลงนิสัยฉันไปได้แค่ไหนล่ะนี่....
นิสัยอ่อนแอแพ้พ่าย...นิสัยใจอ่อน อ่อนโยนข้างในหัวใจของ
ฉันนี่
    ...เข้มแข็งนะ เข้มแข็งนะ เข้มแข็งซี่ ...ฉันบอกตัวเอง

ต่อให้จุดธูปบอกพระ.ไปว่าที่ผ่านมาอาการสาหัส
เรื่องเศรษฐวิบัติ นี้ขอให้เขาไปๆเสีย ฉันจะได้
เริ่มชีวิตใหม่ของฉันได้เสียที.....ก็แล้วนะ
.......ชีวิตข้างหน้า วันหน้าของฉันมันจะเป็นอย่างไรหรือ
หรือว่า....พระเจ้าไม่ได้ยินเสียงฉันเลยหรืออย่างไร...?

ทิกิ_tiki
บันทึกบนความสับสนอีกวันหนึ่งในโลก
คืนพระศุกร์ ๔ มีนาคม ต่อ เช้ามืด พระเสาร์ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘				
comments powered by Disqus
  • พุด

    5 มีนาคม 2548 09:50 น. - comment id 83279

    http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6895
    ผู้ชายร้องไห้   
    นครินทร์ กิ่งศักดิ์ : : Key G  
    เกือบ จะลืม
    เด็ก ที่เคยขี้แย
    เด็กคนนั้นเคยแพ้
    เพราะโดน รังแก
    ได้แต่นั่งร้องไห้
    ก็ผ่าน ไปแล้ว
    จากเด็กกลาย เป็นผู้ใหญ่
    ต่อไปนี้ เรื่องไหน
    หัวใจ ผู้ชาย
    ไม่ยอมเสีย น้ำตา
    มัน ก็นาน
    อาการร้อง ไห้ ทำอย่างไร
    เกือบจะจำ ไม่ได้
    ถ้าไม่เจอ ใคร อย่างเธอ
    สิ่งที่เธอ ทำไป
    ให้ฉัน นึกได้ อีกครั้ง
    อีกครั้ง คราวนี้
    ผู้ชาย ร้อง ไห้
    น่าอาย ที่ฟูมฟาย ขนาดนั้น
    ช้ำใจ แค่ไหน กัน
    ฉันถึงเสียน้ำตา
    มากมาย อย่างนี้
    เธอคงรู้ ดี เธอรู้ ดี
    อย่า นะเธอ
    อย่ามาเว ทนา
    ไม่ได้คิดเอา ไว้
    ให้ใคร ต้องมา
    เมตตาฉัน กว่าเก่า
    ไม่เคยนึก เลย
    เธอจะเห็นเรา เป็นแบบนี้
    มันเป็นภาพ ที่ดู
    ไม่ค่อย จะดี ใช่ไหม
    เป็นภาพ ผู้ชาย
    สะอึกสะอื้นเจียนตาย แบบนี้
    แบบนี้ แบบนี้
    ผู้ชาย ร้อง ไห้
    น่าอาย ที่ฟูมฟาย ขนาดนั้น
    ช้ำใจ แค่ไหน กัน
    ฉันถึงเสียน้ำตา
    มากมาย อย่างนี้
    ขอให้รู้
    ว่าผู้ชายส่วน ใหญ่
    ไม่ต้องการให้ ใคร ดมน้ำ ตา
    ฉันก็เหมือน
    เหมือนผู้ชายทั่ว ไป
    แต่คราวนี้ หมดความ อดทน
    จะฝืน มันไม่ไหว
    
    ผู้ชาย ร้อง ไห้
    น่าอาย ที่ฟูมฟาย ขนาดนั้น
    ช้ำใจ แค่ไหน กัน
    ฉันถึงเสียน้ำตา
    มากมาย อย่างนี้
    มีเธอผู้ เดียว
    ที่รู้ดี...
    
     
    
  • พุด

    5 มีนาคม 2548 09:55 น. - comment id 83280

    http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=6289
    ยอม   
    ดนุพล แก้วกาญจน์ : : Key D  
    ดวงใจล้านดวง
    ในทรวงล้านคน
    มีใครหลีกพ้นฤทธิ์พิศวาส
    บาดดวงใจ
    แปลกนัก ความรักยิ่งใหญ่
    หนึ่งเดียวอยู่เหนือใดใด
    ใครสมชีวี มีรสโอชา
    ใครมีเคราะห์กรรม
    โดนรักทำเอา
    เป็นความอับเฉาเพราะมัวแต่เฝ้า
    ใฝ่ฝันหา
    อันความรักแรงคล้ายไฟป่า
    ไหม้ใครให้ร้อนชีวา
    ทนทุกข์ทรมา สิ้นดี
    ก็รู้ยังไม่วาย อยากเจ็บ
    จะแตกจะเย็บก็ยังสู้ยอมกายพลี
    จะสิ้นชีวิตล้มกองขอลองดูที
    อยากจะมีคู่คิดชิดกมล
    เช่นฉันเททุ่มใจ เพียงเธอ
    สม่ำเสมอหลงคอยละเมอ นานนม
    จะแหลกจะยับพับลงเพราะเธอ จะทน
    ไม่กังวลข้นแค้นคิดคลอนคลาย
      
    ใครมีเคราะห์กรรม โดนรักทำเอา
    เป็นความอับเฉาเพราะมัวแต่เฝ้า
    ใฝ่ฝันหา
    อันความรักแรงคล้ายไฟป่า
    ไหม้ใครให้ร้อนชีวา
    ทนทุกข์ทรมา สิ้นดี
    ก็รู้ยังไม่วาย อยากเจ็บ
    จะแตกจะเย็บก็ยังสู้ยอมกายพลี
    จะสิ้นชีวิตล้มกองขอลองดูที
    อยากจะมีคู่คิดชิดกมล
    เช่นฉันเททุ่มใจ เพียงเธอ
    สม่ำเสมอหลงคอยละเมอ นานนม
    จะแหลกจะยับพับลงเพราะเธอ จะทน
    ไม่กังวลข้นแค้นคิดคลอนคลาย
    ก็รู้ยังไม่วาย อยากเจ็บ
    จะแตกจะเย็บก็ยังสู้ยอมกายพลี
    จะสิ้นชีวิตล้มกองขอลองดูที
    อยากจะมีคู่คิดชิดกมล
    เช่นฉันเททุ่มใจ เพียงเธอ
    สม่ำเสมอหลงคอยละเมอ นานนม
    จะแหลกจะยับพับลงเพราะเธอ จะทน
    ไม่กังวลข้นแค้นคิดคลอนคลาย...
    
     
      
    
  • tiki

    5 มีนาคม 2548 12:55 น. - comment id 83283

    พุดคะ ขอบคุณน้ำใจเพื่อนงดงามเสมอ
    ไม่ว่าเมื่อใด
  • plaing_piu

    6 มีนาคม 2548 02:33 น. - comment id 83305

    อ่านแล้วครับ....อย่าสับสนอีกเลย  มาถึงวันนี้ได้แล้ว......^_^
  • tiki

    6 มีนาคม 2548 08:40 น. - comment id 83307

    ขอบคุณคุณเพลงผิว เข้ามาเยี่ยมดึก..ตามเคยนะคะ
    เมื่อคืนได้นอนหลับ...เสียที
    และ เช้านี้..
    เบิกอรุณรับตะวันสีแดงสวยในลมเย็นที่หวน
    กลับมาเย็นอีกครั้ง...
    บรรยากาศสงบงาม
    สมความตั้งใจค่ะ
    
    ขอบคุณค่ะ
    เย็นใจและกายในเช้านี้เหลือเกิน
  • อัลมิตรา

    6 มีนาคม 2548 23:05 น. - comment id 83323

    ในช่วงชีวิตของคนๆหนึ่ง ย่อมมีขวากหนามและอุปสรรค ทำให้เกิดวิกฤตต่างๆ .. เพียงแต่ว่า เมื่อเรามีคู่ชีวิตแล้ว คำว่าคู่ชีวิต ย่อมผูกพัน โดยที่เรามีส่วนร่วมไปกับสภาพนั้นๆของเขาไปด้วย หลายสิบปีที่ผ่านมา กับเหตุการณ์หลายๆอย่าง บ่งบอกได้ดี ถึงชีวิตคู่
    
    อัลมิตราคงไม่สามารถแนะนำอะไรมากนัก เพราะด้อยประสบการณ์กว่า เพียงแต่อัลมิตราอยากจะบอกว่า ชีวิตคนเราอยู่กินอิ่มสำราญ ก็ไม่กี่ปีหรอก ไม่ว่าสุขเพราะเงิน หรือ ทุกข์เพราะไม่มีจะกิน มันก็แค่การทดสอบเท่านั้น ค่ะ
    
    
  • tiki_4895_unlooged_in

    6 มีนาคม 2548 23:52 น. - comment id 83324

    คุณ อัลมิตราคะ
    บางทีในชีวิตที่เราเคยกับการเดินเดี่ยว
    มาตลอด เป็นผู้นำให้ตนเอง และ เป็นผู้นำคนอื่น....วันที่เราผิดพลาด แล้วไม่ให้อภัยตนเอง
    เป็นภาพหลอนแห่งศักดิ์ศรีแห่งชีวิต
    
              เหมือนคนเล่นเกม...หมดเวลาเล่น
    คงไม่ต้องการต่อเวลาที่รู้อยู่แล้วว่า
    ยังไงก็พัง.......
    
              เขาอาจยังเข้มแข็งในวันนี้
           แต่วันหน้าเมื่อเราเดินกลับเข้าไป
          เราจะเลี่ยงไม่ได้ที่คนของเขาทุกคน
        จะชี้หน้าว่า...*คุณน่ะแหละที่ทำมันขึ้นมาทั้งหมด*
               เราคงจะไม่รอให้ถึงวันนั้นหรอกค่ะ
    
             ทิ้ง...ก่อนที่เขาจะทิ้งเรา
           เราอาจลำบากยากจนสักหน่อย..
          แต่ศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้ มันยังมีอยู่...
         เชื่อว่า ศักดิ์ศรีเรายังขายกินได้...
        ศักดิ์ศรีเรายังขายกินได้...!
    
           คำนี้ใครเขียนไว้นะ นานเหลือเกิน
    
    ว. ณ. เมืองลุงหรือเปล่าไม่แน่ใจ
    
    ขอบคุณที่แวะมาเขียนความคิดเห็นอันมีค่า
    ให้ค่ะ
    
    ทิกิ
  • Jax

    7 มีนาคม 2548 11:41 น. - comment id 83330

    สำหรับความรักแล้ว
    หากไม่นับพรหมลิขิตที่ขีดเส้นไว้
    ก็ไม่เคยจะมีอะไรมากไปกว่า ใจสองใจ
    
    ความรัก มีเท่านี้จริงๆ
  • tiki

    7 มีนาคม 2548 12:22 น. - comment id 83331

    ขอบคุณคุณ Jax ที่แวะมาเยี่ยมอ่านกระทู้
    
    เช้านี้ เป็นอีกวันที่ใจสงบมากกว่าเดิม
    แม้นว่ามืออาจยุ่งกับ การทำความสะอาด
    ทุกซอกมุมที่ไม่ค่อยได้ย่างเหยียบในขณะ
    ที่เคยมีชีวิตอื่นอยู่ตรงนั้น
    
           ยังคงขอเวลา...อีกนาน...
    ขอเวลา...ที่จะเรียนรู้การอยู่คนเดียว
    ที่อาจยุ่งเหยิงหนักหนาสาหัส..
    แต่ขอหายใจ
    และ ขอหัวใจที่เคยมี..
    หัวใจที่มีศักดิ์ศรีเกินกว่าควร
    คืนมา...ใต้บ่าอันอ่อนล้านี้
    
    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
  • ทำ มะ ชาด

    8 มีนาคม 2548 17:03 น. - comment id 83352

    เรื่องจริงหรือเปล่าค่ะเนี่ย ทำไมคล้ายกับชีวิตเรามาก ๆ เลย พี่ทิกิ  เราก็ภาวนาพระเจ้า..........
    ..................เมื่อไร.................จะ....................ได้ยินเสียงเราวิงวอน   ได้ยินบ้างไหม อยู่กับคนที่รักเรา ทุกคนบอกว่าดี ..............ลองมาเป็นเราบ้างซิ    เราเฝ้าแต่คิดถึงคนที่เรารัก มันทรมานมาก ๆ .......ถอนใจ และ ทนทำใจอยู่ทุกกะวันเลย   
    
  • 4895_tiki

    8 มีนาคม 2548 19:07 น. - comment id 83356

    ทำ มะ ชาด
    เห็นตัวเลขเปลี่ยนแปลง เลยแวะมาดู
    คงไม่สายไปที่จะตอบนะคะ
    
    หัวใจมันว่างเปล่าเจ็บจำ รำลึก
    นึกแต่อะไรหนอ...อะไร...ทำไมหนอ..ทำไม
    จะต้องเสียอะไรอีกเท่าไหร่ ที่เขาจะพอเสียที
    เรายังติดค้างเขาอยู่อีกเท่าไหร่หนอ ชาตินี้...?
    
    
    
    
    
  • ทำ มะ ชาด

    9 มีนาคม 2548 09:02 น. - comment id 83369

    *****/********/*********///*******//**
         ชีวิตคนเราเนอะพี่ทิกิ มีทั้งทุกข์ สุข หัวเราะ ร้องไห้ .....การตัดสินใจอะไรบ้างอย่างไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี ความถูกต้อง หรือ ว่าถูกใจ ...........บางอย่างไม่มีโอกาสที่ตัดสินใจทำได้เลย.........จึงต้องทนกันไปอย่างนี้
    //*****/*********//*****///****************
  • tiki

    9 มีนาคม 2548 09:28 น. - comment id 83371

    อยู่บนตาชั่งแห่งชีวิตจริงๆ
    มีเขา มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีเรา
    เอาไงดี....ปล่อยไปตามยะถากรรม
    แต่ ธุรกิจที่บิดผันนั้นคุณมันช่วยทำให้
    บิดเบี้ยวเหลือเกิน เกินจะทน
    
          ขอสงบสติอารมณ์ชั่วคราว
    เลิกหวีด เลิกวีน ยิ้ม หน้าผ่องเลยน้อง
    ทำ มะ ชาด คะ  หน้าผ่องจนเห็นชัดเลย
    
             เขาว่าแล้ว โลกนี้ หาคู่ยาก คู่อยู่บน
    สวรรค์น่ะซี น้อง
    
    ขอบคุณที่แวะมานะคะ
  • tiki_ทิกิ 4895 unlogged_in

    29 มกราคม 2554 20:05 น. - comment id 121979

    ขอบคุณเว็บไทยโพมที่เก็บเรื่องราวดีดีนี้ไว้ให้แก่ข้าพเจ้า เมื่อกลับมาได้อ่าน เพิ่งรู้ว่าตัวเองยังมีบุญที่ยังมีคนดีอยู่คนเคียงข้างไม่ว่าเมื่อใด... เกือบไปแล้วไหมละ่ะเรา
  tiki

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน