.. วันที่ไม่มีอะไร ..

keekie

.. เดินทางมานานๆ  ฉันเริ่มเห็นด้วยกับถ้อยคำที่เคยอ่านเจอในหนังสือว่า .. 
เราควรมีวันหยุดคิดและหยุดเจออะไรใหม่ๆ .. เพื่อพักบ้าง ..
หลายคนใช้วันอย่างนี้เป็นวันซักผ้า .. อ่านหนังสือ .. จิบกาแฟ ..
หยุดหาอะไรใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มจังหวะการเต้นของหัวใจ .. 
พักหัวใจให้กลับไปเต้นในจังหวะเดิม แล้วค่อยออกเดินทางอีกที .. 
ลืมตาตื่นมาเพราะได้ยินเสียงตอกตะปูดังแว่วอยู่ปลายหู ..
มันค่อยดังขึ้นๆ ตามระดับสติสัมปะชัญญะของฉันที่เริ่มฟื้นตัวจากการหลับลึก .. 
.. ทำให้ฉันได้รู้ตัวว่า เสียงที่กำลังได้ยินนั้นมันเป็นความจริงมิใช่ความฝัน ..  
หลายครั้งที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในที่ๆ มิใช่ห้องนอนของตัวเอง ..
แต่น้อยครั้งนักที่เมื่อลืมตา .. ภาพที่ปรากฏตรงหน้าจะกลายเป็นขื่อไม้เก่าๆ อันเขื่องกับหลังคาทรงสูง .. ฉันกวาดสายตารอบตัว .. พบว่าตัวเองนอนซุกตัวอยู่บนเตียงในมุมหนึ่งของห้องโถงโล่งกว้างกลางบ้านแบบสมัยเก่า บนฝาบ้านมีแต่ภาพถ่ายบรรพบุรุษเก่าๆ และภาพถ่ายของลูกหลานติดเต็มพื้นที่ ซึ่งหากได้เดินไปพินิจดูใกล้ๆ จะมีรูปเด็กหญิงตัวดำๆ ในชุดกางเกงขาสั้น ยิ้มฟันหลอ .. อยู่ด้วย .. 
โป๊กๆๆๆๆๆ ..  เสียงตอกตะปูดังขึ้นอีกระลอก 
ฉันลุกขึ้นจากเตียงเดินหาที่มาของเสียง .. จนเมื่อฉันโหนตัวกับลูกกรงพยายามก้มลงไปมองบริเวณใต้ถุนบ้าน .. ภาพที่เห็นคือปู่กำลังง่วนอยู่กับการทำราวบันได โดยใช้ไม้หน้าสามหยาบๆ ตอกติดกับซี่ลูกกรงที่ไสพอเป็นรูปทรงสวยงาม .. 
หิวข้าวหรือยัง? ..  เสียงถามเป็นภาษาพื้นเมืองที่ดังขึ้นด้านหลัง .. ทำฉันสะดุ้งจนแทบหัวคะมำตกลงไปใต้ถุนบ้าน
ปู่ทำอะไรแต่เช้าคะ? .. อยากจะถามเป็นภาษาใต้เหมือนกันแต่ก็จนใจ แค่ฟังได้นี่ก็นับว่าบุญแล้ว 
สร้างเรือนหลังเล็ก ..  คำตอบดุจเป็นเรื่องธรรมดาที่ชายชราอายุ 90 ปี จะสร้างเรือนสักหนึ่งหลังด้วยตนเอง				
อย่างไม่ใส่ใจนัก .. มันคงเป็นเรื่องธรรมดาจริงแหละ .. 
เดินกลับไปหยิบของใช้จำเป็นเพื่อทำกิจวัตรยามเช้า .. พลางนึกถึงโปรแกรมตะลอนเกาะในวันนี้ ..
เหลือซอกไหนอีกหว่า? .. ที่ยังเหยียบไปไม่ถึง .. 

ตลอดเวลาที่รับประทานอาหารเช้า .. 
ทักทายคนในบ้าน .. 
เสียงตอกตะปูยังคงดังสม่ำเสมอ .. 

เมื่อวานตอนขับรถผ่านแถวละไม แอบมองเห็นป้ายเก่าๆ ซุกอยู่แถวหน้าประตูวัด

.. พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดละไม .. 

เอาล่ะ .. ไปสำรวจที่นี่ก็แล้วกัน .. หลังจากนั้นค่อยคิดกันใหม่ .. 

ฉันคว้าเป้ที่บรรจุสัมภาระจำเป็น .. เดินลงจากเรือน .. 
เสียงตอกตะปูยังคงดังไม่หยุด .. 

 ตื่นแล้วหรือ?..  คุณปู่ถามเป็นภาษาใต้สมัยโบราณ .. เอาแค่สมัยใหม่ฉันยังฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย .. 
ค่ะ .. ปู่ทำอะไรคะ?  ฉันนั่งบนบันไดขั้นสุดท้าย วางเป้ไว้ข้างตัว .. 
เรือนหลังนู้น .. คุณปู่ชี้มือไปที่เรือนหลังเล็กตรงหน้า .. 
หีดเขามาช่วยทำโครงเรือน แล้วก็หล่อบันไดปูนให้ ..  พี่หีดเป็นหลานตาของปู่ .. 

ปู่วางฆ้อนในมือ .. ทิ้งตัวนั่งบนแคร่ ..
หยิบใบจากและยาเส้นจากกระเป๋าใบเล็ก .. มวนเข้าด้วยกันแล้วจุดไฟแช็ค .. 

คนแก่รุ่นปู่รุ่นย่าถ้าไม่ออกกำลัง .. ป่านนี้ไปหมดแล้ว .. คนอายุรุ่นเดียวกันนี่มีเหลือไม่กี่คน  ปู่คุยให้ฟังเรื่อยๆ .. 

คงเหลือไม่กี่คนจริงๆ .. เพราะเมื่อวานยามฉันมาถึงบ้าน .. มีปู่อยู่บ้านคนเดียว เพราะอาจุรีพาย่าไปงานศพเพื่อนบ้าน ซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคชรา .. 

ปู่โยนใบจากที่สูบอยู่ทิ้ง .. พลางคว้าฆ้อนทำงานต่ออย่างไม่ยอมเสียเวลา ..

ฉันนั่งมองปู่ทำงาน ..
พลางนึกถึงน้ำมันนวดจากวัดโพธิ์ที่ฉันอุตสาหะเสาะหาซื้อมาฝากปู่ ..
เพราะจำคำปู่เมื่อฉันมาเยือนครั้งที่แล้วได้ .. ปู่ปวดเข่า .. หีดเคยต้องอุ้มขึ้นรถไปโรงพยาบาล ให้หมอเอาเข็มเจาะแล้วดูดน้ำในเข่าออก .. มันปวดมาก เดินเองไม่ไหว .. 

คนทำงานเป็นเช่นนี้นี่เอง ..
หากร่างกายไม่ลงวัดพื้นเสียก่อน .. คงไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ..

ฉันนั่งมองปู่ถือฆ้อนด้วยมือขวา .. มือซ้ายถือราวบันไดที่นั่งตอกอยู่เมื่อสักครู่ ..
ปู่ก้าวเท้าได้สั้นๆ แต่กระฉับกระเฉง .. 

พลางคิดในใจ .. ปู่ปวดเข่าไม่จริงนี่นา .. 

ปู่เดินถึงเรือนหลังเล็ก .. ค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นบันได .. แล้วนั่งลง จับราวบันไดวางทาบ ..
ใช้ฉากเหล็กวัดระยะ ..

โอ้โหแฮะ .. ไม่ธรรมดา .. ไม่ได้ซี้ซั้วทำนะ ..  

ฉันละสายตาจากภาพปู่ที่กำลังวัดราวบันไดอย่างขะมักเขม้น .. 
มองเลยเรือนหลังเล็กนั่นไป .. เห็นไม้เถาซึ่งกำลังเลื้อยพันร้านที่ถูกสร้างขึ้นหยาบๆ จากไม้ไผ่ท่อนโต

เอ.. มัวแต่สำรวจทั่วเกาะ .. รู้หมดที่ไหนมีอะไร .. 
แล้วที่บ้านเราเนี่ยมีอะไรอยู่มั่ง .. ??? .. ดันตกสำรวจบ้านตัวเองซะแล้ว .. 

.. ช่างพิพิธภัณฑ์มัน!!! .. วันนี้จะอยู่สำรวจบ้านนี่ล่ะ .. 

เสียงตอกตะปูยังคงดังเป็นระยะๆ ในระหว่างที่ฉันเริ่มเดินสำรวจบ้าน .. 

ฉันเดินผ่านเรือนที่ปู่กำลังทำราวบันได ..				
เลยไปเป็นร้านสร้างหยาบๆ จากไม้ไผ่ที่มีเถาฟักทองเลื้อยพันระโยงระยาง 
มีดอกสีเหลืองดอกโตบานสะพรั่ง				
สัปปะรดติดลูกขนาดกำลังโตสวย				
มะเขือเปราะ และผักสวนครัวในบ้านมากมายหลายชนิด ..
เอาเป็นว่าหากจะทำแกงเขียวหวานไก่เป็นอาหารเย็น .. เพียงแค่ขโมยไก่จากข้างบ้าน (ก็ในบ้านมันไม่มีนี่ .. มีแต่หมา .. แกงเขียวหวานเนื้อหมาคงไม่อร่อยมั้ง) ก็เป็นอันว่าเครื่องปรุงทุกชนิดมีครบหมดไม่ต้องควักตังค์ซื้อ ..

เสียงตอกตะปูยังคงดังสม่ำเสมอ สลับกับเสียงเลื่อยไม้ ตลอดเวลาที่ฉันยังคงเดินสำรวจรอบบ้าน ..

บ่อน้ำบาดาล ..
ที่บ้านเคยมีน้ำประปาใช้ฟรี .. แต่เมื่อหลายปีก่อนเกิดเหตุเกี่ยวกับท่อน้ำ .. ทำให้น้ำประปาไม่ไหล
และเพราะประชาชนใช้ฟรีนี่แหละ .. ก็เลยไม่มีหน่วยงานไหนยื่นมือมาซ่อม ..
อาจุรีเล่าให้ฟังว่างั้นนะ .. ทำให้หลายปีมาแล้วที่ต้องสูบน้ำจากบ่อบาดาลขึ้นมาใช้ ..

ต้นมังคุดสูงใหญ่ .. ที่ฉันจำได้ว่า .. 
เมื่อสมัยยังเด็ก .. อายุเท่าในรูปถ่ายที่ติดฝาบ้านนั่นล่ะมั้ง ..
พ่อขึ้นมังคุดต้นนี้ เก็บลูกแล้วโยนลงมาใต้ต้น .. ที่มีฉันและน้องคอยแย่งกันรับ
หลายครั้งวิ่งหลบกันสนุกสนานเพราะพ่อเขย่ากิ่งใหญ่ ลูกมังคุดร่วงกราว .. 

ฉันยิ้มให้กับภาพที่เด่นชัดในความทรงจำ .. 

ปีนี้ติดลูกน้อยเพราะไม่ได้ใส่ปุ๋ย ..  
ย่าบอกเมื่อเห็นฉันยืนแหงนหน้ามองต้นมังคุดคอตั้งบ่า .. 

กินไหม .. ย่าเก็บให้ ..   ย่ายิ้ม .. รอยยิ้มย่าใจดี อบอุ่น .. 
คงเป็นเพราะเป็นภาษาพื้นบ้านด้วยล่ะมั้งที่ทำให้ฉันรู้สึกเช่นนั้น

เดี๋ยวหนูเก็บเอง .. ย่าจะไปไหน? ..  ฉันถาม
ไปช่วยปู่ ..  ตอบสั้นๆ แล้วก็เดินไป 

ฉันมองตามหลังย่าที่เดินช้าๆ แต่กระฉับกระเฉงเกินกว่าคนวัย 84 
พลางพยายามนึกภาพคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวง ..
อืมม .. คงจะหายากสักหน่อย .. เพราะเท่าที่เคยเดินดูตามฮวงซุ้ยหรือที่เก็บกระดูกในวัด ..
มากที่สุดที่เห็นจากอายุที่ติดไว้คือ มรณะตอนอายุ 80 ปี ..   

ภาพที่ปรากฏตรงหน้า ..
ทำให้ฉันเลิกสนใจต้นมังคุดกับเรื่องราวในอดีตที่หยุดอยู่เพียง ณ วันนั้น ..				
ความจริงมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองคนจะช่วยกันทำอะไรสักอย่าง ..
แต่สำหรับฉัน .. 

ภาพนั้นทำให้ฉันเดินเข้าไปร่วมวงอยู่ห่างๆ อย่างไม่รู้ตัว 
ไม่กล้ายื่นมือแตะต้องช่วยเหลือหรือเอ่ยคำใดๆ ทั้งสิ้นได้แต่นั่งฟังเงียบๆ 
สองคนคุยกันเป็นภาษาใต้ ฉันฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง .. 
จับความได้ว่า .. วางซี่ลูกกรงตรงหรือยัง? .. ต้องเอียงซ้ายหน่อย ขวานิด .. 

พอตอกซี่ลูกกรงได้ครบ ปู่ก็คว้าราวบันได ฆ้อน ตะปู เดินก้าวสั้นๆ จากแคร่ไปที่เรือนหลังเล็ก 
เหลือแต่ย่าที่นั่งมองตามปู่ ..

ฉันนั่งอมยิ้มมองย่า ..

ทำตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ..  ย่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม .. 
แววตาฉายประกายแห่งความรัก .. ความคุ้นเคย .. ความผูกพัน ..

เมื่อก่อนปู่กับย่าอยู่บนสวนมะพร้าว .. เรือนบนสวนปู่เป็นคนสร้างเองกับมือ .. นั่นเป็นเรือนหลังแรก 
ย่าเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ .. สายตายังคงมองปู่ที่กำลังตอกตะปูราวบันไดส่งเสียงโป๊กๆ เป็นระยะ .. 

พอมีลุงโกมินทร์ ก็ลงมาอยู่ที่เรือนหลังนี้แหละ .. ปู่ก็สร้างเองกับมือเหมือนกัน ..  ย่าเล่าต่อพร้อมรอยยิ้ม .. 
ย่าแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่คะ? ..  ฉันอดถามไม่ได้ 
สิบแปด ..  ย่าตอบ 

ฉันทำตาโต   66 ปี??  

ย่ายิ้ม .. ยังไม่ละสายตาจากปู่  ตอนหนุ่มทำงานยังไง แก่แล้วก็ยังทำยังงั้น ..  
พูดจบย่าก็เดินไปสมทบกับปู่ .. 

ฉันนั่งมองสองคนที่กำลังช่วยกันสร้าง ..
ช่วยกันวัด .. ช่วยกันดู .. ช่วยกันมอง .. ปรึกษาหารือ .. 

ในอดีตจนถึงปัจจุบันทั้งสองคนคงเป็นคู่รัก .. คู่สามีภรรยา .. และบัดนี้พูดได้เต็มปากว่า .. คู่ชีวิต .. 
ร่วมกันสร้างครอบครัว .. จนมาถึงรุ่นเจ้านี่ ..				
เจ้ากิ่ง .. เหลนทวดตา และ ทวดยาย .. 

เสียงเปิดประตูรั้ว ..
หนุ่มร่างสูงใหญ่ กำยำ หน้าตาคมสันในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืด .. 

หวัดดีค่ะพี่หีด ..  ฉันยกมือไหว้ พร้อมยิ้มให้หลังจากที่ไม่ได้พบกันมาเกือบสิบปีได้ล่ะมั้ง
เขายกมือรับไหว้ ทำหน้างง งง .. อ้อ .. น้องนั่นเอง .. จำแทบไม่ได้ .. มาเมื่อไหร่ 
เมื่อวานค่ะ ..   ฉันตอบ .. พี่หีดอายุห่างจากฉันสองปี .. 
อีกหน่อยฉันคงมีหลานเต็มเกาะเพราะพี่หีดก็เป็นนักสร้างเหมือนกัน .. ฮ่าๆๆๆ 

พี่หีดเดินไปหาปู่ .. 
พูดคุยภาษาลูกผู้ชาย ภาษาใต้กันเสียงดัง .. 

ไปทำงานก่อนละน้อง .. ตอนเย็นไปบ้านสิ กินข้าวกัน ..   พี่หีดชวน 
ค่ะ .. เดี๋ยวถามอาจุรีก่อนค่ะ ..  ฉันแบ่งรับแบ่งสู้ .. 
ปู่บอกว่าพี่มาช่วยทำเรือนหลังนั้นด้วย ..  ฉันชวนคุย 

ก็ช่วยแค่นิดหน่อย ปู่แกจะทำเอง ..  พี่หีดตอบยิ้มๆ ..
ปู่แกเป็นวิศวะ ..  พี่หีดทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินออกจากบ้านไป 

ฉันนั่งหัวเราะ ..				
วันนั้นดำเนินไปอย่างช้าๆ .. 
อากาศบริสุทธิ์ไร้ควันพิษเคลื่อนไหวอบอวลอยู่รอบตัว ..
และดูเหมือนฉันจะมีเวลาค่อยๆ สูดอากาศบริสุทธิ์นั้นอย่างดื่มด่ำ .. 

เสียงที่ได้ยินตั้งแต่เช้าจรดค่ำ คือเสียงตอกตะปูสลับกับเสียงเลื่อยไม้ของปู่ ..
เสียงเจ้ากิ่งขี่จักรยานเล่นกับเจ้าหมี่เกี๊ยวและเจ้าโต .. (หมาน่ะ ..) 

ฉันนอนอ่านหนังสืออยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน .. 

พลางนึกถึงคำที่ใครบางคนเคยบอก ยามเมื่อพบกัน .. 
คุณเดินเร็วจัง .. เป็นคนที่ใช้ชีวิตเร่งรีบนะเนี่ย ..  ฉันยิ้มให้กับคำนั้น .. 

สัญญาณที่บอกให้รู้ว่า .. วันนี้หมดวันแล้ว ..
ก็คือแสงตะวันที่ค่อยๆ ถอยแสงแรงจ้า .. จมตัวหายลับไปหลังเหลี่ยมเขา ..
ปู่หยุดปฏิบัติการนักสร้าง .. เตรียมตัวอาบน้ำ กินข้าว ..

ปู่หยุดยืนบนบันไดเรือนใหญ่ ..
สายตาจับจ้องไปเรือนหลังเล็กที่ปู่กำลังสร้าง .. 

ปู่หยุดยืนอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ .. 

จนฉันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องถาม ..ปู่มองมันทำไมคะ ..  

ปู่หันมาตอบพร้อมรอยยิ้ม .. 
ดูว่าที่ทำไปวันนี้มันดีหรือไม่ดี .. ถ้าดีก็คิดว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรต่อ ..
แต่ถ้ายังไม่ดี .. พรุ่งนี้ปู่จะได้แก้ไข ..  แล้วปู่ก็หันกลับไปมองเรือนหลังนั้นต่อ ..

เวลาที่นี่ดูเหมือนจะมีพอสำหรับที่จะหันมาพินิจพิจารณาในสิ่งที่ลงมือทำ ..
ว่าดีหรือไม่? .. และเวลาที่นี่ก็มีมากพอที่จะแก้ไขในสิ่งผิดก่อนที่เริ่มลงมือทำสิ่งต่อไป ..

ฉันคิด .. 
ฉันเคยแบ่งเวลามาใช้เพื่อการเหล่านี้บ้างหรือป่าวนะ? .. 

ฟ้ามืดแล้ว ..
ปู่กับย่าปิดไฟเข้านอนตั้งแต่ก่อนสองทุ่ม ..
ฉันเสียบหลอดไฟอันกะทัดรัดเข้ากับเล่มหนังสือที่อยู่ในมือ .. 

พลางคิดถึงสิ่งที่ฉันได้พบในวันนี้ ..

ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้ตัวเลขในบุ๊คแบงค์วิ่ง ..
ไร้เสียงโทรศัพท์มือถือ ..
ไม่ได้พบเพื่อนใหม่ หรือ connection ทางธุรกิจ ..
ไม่ได้ออกไปสำรวจสถานที่ใหม่ๆ บนเกาะ อย่างที่ตั้งใจไว้ .. 

ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันได้รับอะไรบ้างในวันนี้ ..

มันเป็นวันที่ไม่มีอะไรเลย .. 
จริงๆ ..				
บ้านของเจ้าหมี่เกี๊ยว กับ เจ้าโต ..
ฝีมือปู่อีกเหมือนกัน ..				
Project ต่อไปของปู่ ..				
มันเป็นวันที่ไม่มีอะไรเลย .. 

จริงๆ ..				
comments powered by Disqus
  • ละอองทราย

    24 มิถุนายน 2549 16:07 น. - comment id 91342

    เป็นวันที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนะคะ..แต่จริงๆแล้วมันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นมากมาย
       อ่านแล้วก็อดคิดถึงปู่กับย่าไม่ได้..พอดีว่าปู่กับย่าก็เป็นคนใต้เหมือนกันค่ะ..แต่ปู่เสียไป3ปีกว่าแล้ว  ปู่เป็นคนไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบหานู่นหานี่ทำตลอดเหมือนกันค่ะ ส่วนย่าก็ชอบปลูกต้นไม้  อ่านแล้วอยากกลับไปกอดปู่กับย่าอีกครั้ง..แต่กับปู่คงไม่มีโอกาสแล้ว...คิดถึงจัง
  • nig...

    25 มิถุนายน 2549 11:12 น. - comment id 91349

    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
  • เรไร

    25 มิถุนายน 2549 12:03 น. - comment id 91350

    
    บางวัน มีเรื่องราวยุ่งยากยุ่งเหยิง
    มีเรื่องราวมากมายให้คิด ให้ว่างแผน วันนี้เวลานี้ต้องทำอะไรก่อน หรือหลัง
    ...พอถึงจุด จุดหนึ่งมันก็อดไม่ได้
    ที่จะถามตัวเองว่า
    ....เรากำลังทำอะไร ทำเพื่ออะไร 
    และค้นหาสิ่งใดอยู่ เราอับจนปัญญา 
    ที่จะหาคำตอบ
    
    ในวันที่ไม่มีอะไร วันนั้นอาจเป็นวันที่เราค้นพบตัวเอง พบความต้องการของตัวเอง
    ว่าเราต้องการสิ่งใด ในหนึ่งวัน
    ก็ในวันนั้นแหละ วันที่ไม่มีอะไร
    
    41.gif41.gif41.gif
    ชอบเรื่องสั้นเรื่องนี้ เปิดมุมมองของความคิดได้ตั้งหลายอย่าง 27.gif
  • idaho

    26 มิถุนายน 2549 11:15 น. - comment id 91361

    เยี่ยมเขียนเก่งจัง
    นานๆจะอ่านเรื่องสั้นจากเน็ตสักทีนะเนี้ย  วันนี้มีอะไรเอาไปนอนฝันเลย
    
    ป.ล.  ที่จริงอ่านเมื่อคืนวันอาทิตย์แต่ไม่ได้โพสต์บอก29.gif11.gif6.gif
  • กีกี้

    26 มิถุนายน 2549 12:21 น. - comment id 91362

     ขอบคุณทุกท่านค่ะ .. 1.gif
  • Lillypen

    26 มิถุนายน 2549 14:29 น. - comment id 91363

    มีดิ ก็มาเขียนได้ตั้งยาว อิอิ21.gif
  • กีกี้

    27 มิถุนายน 2549 10:27 น. - comment id 91379

    คุณ Lillypen 
    
    จริงแฮะ ..
    มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ .. 
    น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง .. 
    
    ขอบคุณนะคะที่มาอ่านเรื่องยาวๆ อ่ะ .. 1.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน