อยุธยามหามงคล ไหว้พระ ๙ วัด

อัลมิตรา

  ช่วงนี้เราออกเดินทางบ่อย ๆ บางครั้งก็ไปธุระปะปังเกี่ยวกับกิจการงาน
บางครั้งก็หลบฉากจากสังคมเมืองไปปลีกวิเวกตามป่าตามเขา
และก็บางครั้งก็ท่องเที่ยวเชิงหาความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์
นับไปนับมา ตั้งแต่ต้นปี เรามีการแบกกระเป๋าสะพายเป้เดินทางจำนวนกว่าสิบครั้ง
รองเท้าผ้าใบคู่เก่ง เห็นที่จะได้โอกาสโล๊ะทิ้งเสียที เพราะเมื่อคราวล่าสุด
มันกลายเป็นรองเท้าปากอ้าไปแล้ว .. ฮ่วย !!..  เสียดายแท้ 
				
  
เริ่มจากต้นปีไปหนาวยะเยือกที่ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ..
ยังไม่พ้นเดือนก็ไปสะเมิงเชียงใหม่ไปบริจาคของ 
ถัดมาไปย่ำต๊อกที่หาดเพชรบุรี จากนั้นไปแถบปากช่องเที่ยวตามฟาร์ม 
ไปเก็บเปลือกหอยที่ทะเลพัทยา ลัดเลาะข้ามขอบฟ้าไปอีกซีกหนึ่งของโลก
ถัดมาก็ไปเช็คเวลาเช็คสถานที่ตากฝนปรอยตอนเซอร์เวย์ชัยภูมิ 
และไปทำโครงการเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ชัยภูมิ แล้วก็ไปเชียงใหม่อีกหน 
ไปป่ายปีนหน้าผาที่ป่าหินงามจนหัวเข่าถลอกหน้าแข็งเป็นแผล 
ไปล่องแพท่องไพรเดินดูปราสาทที่เมืองกาญ 
และท้ายสุดไปไหว้พระ ๙ วัดที่อยุธยา  ส่วนทริปเดือนหน้า จะไปสังขละ  
ส่วนเดือนพฤศจิกาว่าจะไปแม้วนอนกลางแข้งกลางขาที่ทุ่งบัวตองสักหน่อย
				
  
แต่ละครั้งแต่ละคราวที่ได้ไปเที่ยว ก็มีความสุขดี (ถ้าไม่สุขแล้วจะไปทำไม เนอะ)
กลับมาก็มีแรงทำงานต่อ ส่วนความยุ่งเหยิงเราก็ไม่ได้พกพาไปด้วย 
กลับมาค่อยสะสาง คลี่คลายได้บ้างไม่ได้บ้าง.. ตามเรื่องตามราว				
  
ถ้าถามว่า .. เหนื่อยป่าว เที่ยวตะลอน ๆ อย่างนี้ ไม่เหนื่อยหรือไง

ตอบได้นะ .. เหนื่อยดิ ถามได้ ... 
สังขารล่วงผ่านมาแต่ละวัน ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเดิม
ตะก่อนสามารถเดินได้ทั้งวัน ขึ้นเขาลงห้วย เดินไปร้องเพลงไป เสียงไม่มีสะดุด
ตอนนี้ล่ะเหรอ ได้แต่อ้าปากหอบอย่างเดียว ร้องเพลงไม่ไหวแล้วล่ะ
				
  
ถ้าถามว่า .. แล้วยังจะคิดออกไปพเนจรท่องเที่ยวอีกหรือเปล่า

ตอบได้นะ .. ถ้ามีโอกาสก็อยากไป 
ก็อย่างแผนของเดือนหน้าที่จะไปสังขละ ที่เมืองกาญจน์
ถัดไปอีกเดือนกำลังเล็ง ๆ ทุ่งบัวตอง นัดเพื่อนไว้ว่าจะเอาผ้าห่มไปบริจาค
เดือนธันวาคงไม่ว่าง งานคงวุ่น นโยบายปรับเปลี่ยนอย่างกะชีพจร 
ปลาย ๆ มกราอาจจะพอเคลียร์งานได้ นัดกับพี่ชายไว้แล้ว จะเข้าป่าปราจีนบุรี

ยังไม่หมดนะ เพื่อนชวนยิก ๆ ให้ไปภูกระดึง .. 
อันนี้ไม่ได้รับปาก เพราะคราวที่แล้วยังเข็ดไม่หาย
ปวดขา ปวดเขา ชะมัด.. เดินแทบน็อตหลุด 
ขาเดินขึ้นภู ก็ได้อันดับโหล่ ขาลงก็โหล่เหมือนเดิม
ไม่ไหว ไม่ไหว .. แค่นึกก็ขยาดแล้วล่ะ อีกอย่างบรรยากาศเมื่อยสุดขีดขนาดนั้น 
ทำให้เรามองไม่เห็นว่าจุดชมวิวที่นั่นจะสวย 
เดินไปได้ไง คนละซีกภู เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตก .. บ้าตาย !! ..
				
  
นั่น .. ว่าจะเล่าเรื่องไหว้พระ ๙ วัด ที่อยุธยาสักหน่อย 
ไหง๋เราพาเถลไถลออกนอกเส้นทางซะขนาดนั้น
ในตอนแรกก็ว่าจะไม่เขียนหรอก 
เพราะคุณกุ้งหนามแดงบอกว่าจะเป็นคนเขียน ประเดี๋ยวซีนซ้ำ .. ฮา
แต่นี่รอมาสองวัน คุณกุ้งหนามแดงยังไม่ได้ลงหน้าเวป 
เห็นทีจะต้องเบียดโค้งสุดท้าย หน้าถลำมาเขียนป่วนสักหน่อย

๑ กันยายน ๒๕๕๐ ฤกษ์ดี .. 
เรากับเพื่อนอีก ๕ คน รวมแล้วเป็น มีนัดกันตอน ๗.๓๐ น ที่หน้ารั้วบ้านเรา
แต่ละคนก็รักษาเวลาดีมาก (ความจริงกลัวตกรถ)  
หลังจากที่เลียบริมรั้วไปทานมื้อเช้าอุ่นเครื่องกันแล้ว 
ก็พากันขึ้นรถยูโรสาย ๗๗ ที่จอดรออยู่แล้ว 
(รถยูโร ๖ คัน เลขสายไม่ซ้ำกันแฮะ)  วันนี้จะไปอยุธยา
				
  
ตามกำหนดการณ์จะไปที่วัดมเหยงศ์ก่อน 
แต่เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนทริปแบบปัจจุบันทันด่วนจนเรางง
วัดมเหยงศ์ไม่ได้ไป เรายกมือถามมัคคุเทศน์ถึงเหตุผล 
ก็ได้รับคำตอบว่า วันนี้ทัวร์ลงเยอะ ต้องจอดรถไกลเป็นกิโล
เรารู้สึกมึนนิดหน่อย เพราะนอกจากวัดมเหยงศ์แล้ว 
วัดอื่น ๆ ก็ตามทริปบ้าง ไม่ตามทริปบ้าง เหตุผลต่างกันไป

เหตุเพราะมึนก็เพราะเราเป็นห่วงเพื่อนอีกคนที่จะขับรถแยกมาต่างหาก 
นัดกันไว้แล้ว เจอกันที่วัดมเหยงศ์
ความที่ว่า .. ทริปเปลี่ยนแปลง มันก็เลยทำให้เราเกิดความกังวลใจ 
กลัวว่าจะคลาดกันกับเพื่อน จึงติดต่อเป็นระยะ ๆ
				
  
หนำซ้ำ .. อาการเมารถดันกำเริบอีกแน่ะ พะอืดพะอมน่าดู 
คุณกุ้งหนามแดงกับน้องต้นปีหันมามองเราบ่อย ๆ 
เราเองก็ย่ำแย่เต็มทน กระทั่งน้องต้นปีเห็นสภาพเราแล้ว 
ดูท่าจะไม่รอด จึงเตรียมถุงพล๊าสติกไว้ให้ ยังดี..ที่รอด

เพื่อนที่แยกมาต่างหากมาถึงแล้ววัดกลางปากกรานแล้ว .. โล่งอกไป 
ดีใจที่ได้เจอเพื่อน เพื่อนก็ยิ้มแต้รับมาแต่ไกล เราก็ยิ้ม 
แต่ยิ้มแบบระโหยแรง ยิ้มเสร็จ รีบวิ่งไปที่โคนต้นไม้ทันที
จัดการเอาโจ๊กออกจากลำคอ .. เฮ้อ !! วัดแรกนะเนี่ย .. 
				
  
หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้น ไม่รู้สึกมวนท้อง ไม่รู้สึกเหงื่อแตกพลั่ก .. 
คงเป็นเพราะชงยาหอมกิน (อย่างกะคนแก่เลยวุ๊ย)
วัดถัดมา วัดกษัตราธิราช วัดท่าการ้อง  วัดตูม วัดป้อมรามัญ วัดคลองสระบัว  
วัดราชประดิษฐาน วัดมงคลบพิตร วัดสมณโกฏฐาราม ๙ วัดเป๊ะพอดี
(ท่องมาเป็นอย่างดี รับรองว่า เรียงลำดับไม่ผิดวัดแน่ 
แต่อย่าถามเรื่องประวัติความเป็นมาของวัดเชียว ขี้เกียจนั่งเทียนตอบ)

อันที่จริงก็กลัวเหมือนกันว่าจะเรียงลำดับไม่ถูก 
พอดีว่า ในแต่ละวัดมีจุดให้ประทับตรา ก็เลยมีตัวช่วยทรงจำน่ะ

				
  
๙ วัด .. 
ซึ่งคลาดวัดพนัญเชิง วัดภูเขาทอง วัดมเหยงค์  วัดใหญ่ไชยมงคล วัดหน้าพระเมรุ
ตามทริปที่เขากำหนดไว้ตั้งแต่แรก ทางมัคคุเทศน์เองก็ชี้แจงเหตุผลนะ  
เรายอมรับในเหตุผลทุกประการ แต่ก็มีลูกทัวร์หลายคนรับไม่ได้ 
หน้าหงิกหน้างอกันตามกัน บ่นกันอุบอิบ ชักสีหน้าทำนองว่าไม่พอใจ

ทำให้เรานึกย้อนถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ที่เราศรีสะเกษ-อุบลราชธานี ซึ่
งไปไม่ได้ตามทริป สถานการณ์คงคล้ายกัน
 
สักพักเราก็เห็นว่าลูกทัวร์ที่ขี้โมโหเหล่านั้นยิ้มได้ คงเป็นเพราะคิดได้ว่า 
ทำบุญ ๙ วัด วัดไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเลือกวัดดัง ๆ 
เมื่อใจอิ่มบุญแล้ว สติคงมี ปัญญาคงมา ..
				
  
รายละเอียดของแต่ละวัด พอเล่าได้คร่าว ๆ นะ 
(อะไรที่ไม่เกี่ยวกับประวัติที่มาของวัด .. พอจะโม้ได้อยู่หรอก ฮา ..)

วัดแรกเลยนะ วัดวัดกลางปากกราน .. 
เป็นวัดที่เราได้กระทำการอุกอาจ โดยการอาเจียนที่โคนต้นไม้ 
วัดนี้มีศาลาสองชั้น เขาบอกว่าเพราะน้ำท่วมทุกปี 
พระประธานก็เลยต้องอยู่ด้านบน ด้านล่างมีโรงทานด้วยนะ
แต่เราไม่ได้ทาน ทานได้ไงไหว ท้องไส้ยังปั่นป่วนอยู่ 

ส่วนเพื่อน ๆ น่ะเหรอ
พอรถยูโรจอดสนิทเท่านั้นแหล่ะ .. หาย... 
เจอกันอีกที ก็ตอนเขาประกาศให้ขึ้นรถแล้ว 

อ้อ !! อย่างที่เกริ่นไปในตอนแรก 
เพื่อนทีนัดกันไว้ก็มาเจอกันที่วัดนี้ด้วย เพื่อนที่อยู่ร้านอาหารครัวกระชาย
เพื่อนเตรียมอาหารมาให้เยอะแยะเลย ใส่ถุงมาให้เรียบร้อย 
เพื่อนบอกเพิ่งทำเสร็จตะกี้ เราชะโงกไปในรถของเพื่อน 
หอมปลาทับทิมทอดจัง .. เพื่อนบอกว่า นั่น ของคุณนาย ฝากไปให้ด้วย
และก็ยังมีอีกนะ มีแกงคั่วหอยขม ห่อหมดทอด กุ้งผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 
สามอย่างนี้มีสามชุด  เผื่อคุณกุ้งหนามแดงกับน้องต้นปีด้วย
สำหรับเรามีพิเศษหน่อยตรงที่มีปลาทับทิมสามรสนั่นไง
				
  
เล่าถึงกับอาหาร เป็นไง น่าสนบ่ .. 
เรามีคดีกับแกงคั่วหอยขมนะ ตอนแรกเรากล้า ๆ กลัว ๆ เพราะไม่เคยทาน
อีกอย่างตอนเล็กฝังใจกับเรื่องของหอยจุ๊บ ใช่มั๊ย 
หอยที่ต้องเอาไม้จิ้มฟันมาเขี่ยแล้วดูดจุ๊บเข้าไปน่ะ
ตอนเล็ก ๆ ดูดแล้ว มันไม่ยักจะจุ๊บเข้าปาก .. 
ทีนี้ ก็ปล่อยพลังดูดเต็มที่ ปรากฏว่า หอยเข้าปาก แต่ทว่ามันโผล่มาทางจมูก
สุดสยองสยึมกึ๋ยส์ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าลองแกงหอยอีกเลย .. 
๕๕๕ ประมาณว่า..ฝังใจชะมัด

				
  
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร .. เป็นวัดที่ไม่ไกลจากวัดแรก 
ใกล้เสียจนตกใจด้วยซ้ำไป ผ่านวัดใหญ่ไชยมลคงก่อน แต่ไม่ได้แวะเข้าไป

วัดนี้เพื่อนสนิทคนหนึ่ง แนะนำว่า ให้ไปทานอาหารที่ร้านคุณแสงชัย สุนทรวัช 
แต่เราไม่ได้ไปหรอก เพราะเรากลัวตกรถ ต้องรักษาเวลา 
อีกอย่างยังไม่หิวเท่าไหร่
เราถามเพื่อนว่า แนะนำจัง มีส่วนลดพิเศษหรือไง เห็นเชียร์มาตั้งสองครั้ง
เพื่อนก็บอกว่า..แค่ให้บอกชื่อเพื่อนเท่านั้นแหล่ะ รับรองว่า ..
ราคาอาหารจะแพงขึ้นอีกเท่าตัวทันที แถมล้างจาน ฮา.
				
  
วัดท่าการ้อง .. วัดนี้มีมุมต้นไม้สวย ๆ หลายจุด 
มีตุ๊กตาดินเผาน่ารัก ๆ มีปลา(หิน)ที่อยู่บนบกได้ด้วย
ห้องน้ำห้องท่าล่ะก็เจ๋งที่สุดในบรรดาวันที่ไปในวันนั้น 
เป็นห้องแอร์ แต่เราไม่ได้ใช้บริการหรอก

ที่นี่ เราได้ทำสังฆานที่โบสถ์เก่า 
เพื่อน ๆ แยกย้ายกันไปไหนไม่รู้ เดินเดี่ยวดุ่ม ๆ หาเพื่อนไม่เจอ
เป็นแบบนี้ทุกที ลงจากรถปั๊บ ก็สลายตัวแทรกหายไปกับฝูงชนทันใด 
ที่วัดนี้ เราบริจาคเงินทำทานซื้อผ้าขาวห่อศพและโลงศพสำหรับ ศพที่ไร้ญาติ  
ซึ่งโดยปกติแล้วเราทำทุกปี ที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ใกล้ ๆ วัดหัวลำโพง 
แต่ปีนี้ยังไม่ได้ทำ ก็เลยถือโอกาสทำซะที่นี่
				
  
วัดตูม ..ตอนที่ถึงวัดตูมตอนนั้นก็เที่ยงแล้ว
เราคิดว่าจะได้อาหารกล่องซะที แอบรู้มาว่าเป็นข้าวหมูอบ
แต่เขายังไม่แจก ต้องหิ้วท้องรอไปก่อน ชักจะน่ามืดตาลายแล้ว 
เรารีบเข้าโบสถ์ไปกราบหลวงพ่อสุขสัมฤทธิ์ แล้วก็ออกมาดื่มน้ำประทังชีวิต
อากาศร้อนนะในตอนนั้น แต่ก็ยังดีกว่าฝนตกเนอะ

เอ .. ใช่วัดนี้หรือเปล่าหนอ ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดร้าง 
น่าจะใช่แฮะ ไม่ผิดแน่ .. ฮา จำได้ว่าตะวันตรงหัวพอดี
ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาเป็นเหมือนภาพย้อนแสงหมด 
องค์พระพุทธรูปที่ประดิษฐานที่วัดร้างก็ถ่ายได้ภาพไม่ชัด
แต่ก็ให้แสงสีสวยไปอีกแบบ 
ปกติเป็นคนไม่ชอบข้ามถนนนะเนี่ย .. อุตส่าห์ลงทุนเดินข้ามถนนไป ฮา..
จากนั้นก็ไปที่วัดป้อมรามัญต่อ

				
  
ที่วัดป้อมรามัญ .. อาจจะเป็นเพราะกำลังหิว ก็เลยได้ยินไม่ชัดเจน 
ฟังว่า วัดมอญรามัญ ใจก็ยังคิดเลย มอญ+รามัญ ???
ที่ไหนได้ ป้ายหน้าวัดเขียนว่าวัดป้อมรามัญ 
เห็นว่าเป็นวัดที่สมบัติ เมทินีมาบ่อย ๆ ลูกชายของเขาก็เคยบวชอยู่ที่นี่

ที่วัดนี้เจ้าอาวาสได้ให้ของขลังกับคณะทัวร์ทุกคน เราก็ได้ ได้สองชิ้น 
ชิ้นแรกอยู่ในซองสีแดง ๆ ตอนหลังถึงได้รู้ว่าเป็นจตุคาม
และชิ้นที่สองได้จตุคาม (ใหญ่กว่าในซอง แถมใส่กรอบเรียบร้อย) 
เราเองก็ไม่เคยมีจตุคามหรอก ไม่คิดจะแสวงหา
แต่ก็ดีที่ได้มาจากการทำบุญ นี่ก็ยังอยู่ในเป้อยู่เลย 
ยังไม่ได้เอาไปไว้ที่ห้องพระ อยู่ไงก็ยังคงอยู่อย่างงั้น
				
  
อ่า .. ขึ้นรถหลังจากภาระกิจเรียบร้อยที่วัดป้อมรามัญ 
ก็ได้รับอาหารกล่องแล้ว หลายคนทานในรถ รอดตายแล้วเรา
แต่เราทานบนรถไม่ได้ ช่างเป็นเวรเป็นกรรมแท้หนอ 
ขืนทานในรถ มีหวัง เฮ .. ล้างรถแน่ ๆ  

ยังดีที่เพื่อน ๆ อีก ๕ คน นัดแนะกันว่า 
เมื่อถึงวันคลองสระบัว เราจะหามุมทานอาหารกลางวันกัน

บ่ายสอง ก็ถึงจุดหมาย .. 
ทันทีที่ลงจากรถ ด้วยอารามที่หิวจัดหรือไงเนี่ย 
มองไปอีกด้าน เห็นเขาตากปลาสลิดไว้บนโต๊ะกลางแจ้งเพียบ
เรากับเพื่อน ๆรีบแจ้นไปหลังโบสถ์หามุมใต้ต้นไม้ เพื่อจัดการกับข้าวกล่องก่อน
และอาหารที่เพื่อนครัวกระชายจัดเตรียมมาฝาก หิวนะ ตอนนั้น หิวมาก .. 
อาหารอร่อยทุกอย่าง เจ้าของอาหารก็ยิ้มแต้ดีอกดีใจที่พวกเราเอร็ดอร่อย
และเจริญอาหารกันซะขนาดนั้น 

ตอนนั้นเราเล่าเรื่องวีรกรรมตอนเด็ก ตอนที่กินหอยจุ๊บ 
แรก ๆ เพื่อน ๆ ก็นึกภาพตามไม่ทัน เราก็พยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบาย 
ท้ายสุด ขำกันระนาว แล้วก็ร้อง ยี้แหยะ กันทุกคน
				
  
เมื่อหนังท้องตึงแล้ว เป็นอันว่าวัดนี้พวกเราไม่ได้เข้าโบสถ์ 
เพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับอาหารหลังโบสถ์ 
พอจะมีเวลาอยู่บ้าง จึงพากันเดินไปเรียบ ๆ เคียง ๆ ปลาสลิดที่เห็นตากไว้
ที่ไหนได้ .. มันไม่ใช่ปลาสลิดซักหน่อย ..  
มันเป็นรูปที่เขาดักถ่ายกันแล้วทำเป็นจานวางแบไว้ขายน่ะ
โธ่ถังกาละมังรั่ว .. 
เห็นเป็นปลาสลิดไปได้ !!! ..
				
  
พอขึ้นรถ .. เราก็ถามคนนั้นคนนี้ว่า ได้ไปดูรูปที่เขาแอบดักถ่ายหรือเปล่า 
รู้สึกว่าจะถ่ายที่วัดกลางปากกรานนะ ..ปรากฏว่า หลายคนเป็นงง 
แล้วถามว่า รูปที่ไหน อย่างไร พอเราชี้ไปทางทิศนั้น 

เขาก็พากันบอกว่า 
"ปลาสลิดไม่ใช่หรือนั่น" 
ฮา .. ซุปเปอร์ฮา .. ที่แท้ เกือบทั้งคันรถก็คิดเหมือนเรา บ้าตาย ..
				
  
อิ่มแล้ว ทีนี้ไปไหนไปกัน 
ถัดจากนี้ไปที่วัดราชประดิษฐาน แปลได้ลงตัวเป๊ะ น่าจะเป็นวัดที่พระราชาสร้าง
วัดนี้หากใครดูภาพยนตร์เรื่องสุริโยทัย คงจะพอนึกออก 
คือวัดที่พระเทียรราชาออกผนวชเพื่อลี้ราชภัยนั่นเอง

นึกไปนึกมา วัดนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ในสมัยนั้น 
(รายละเอียดไม่ขอเล่าดีกว่า เดี๋ยวมั่ว)

บ่ายสามกว่า ๆ แล้ว ทางวัดเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว 
แต่เราก็อิ่มมาก ๆ ก็เลยเดินโต๋เต๋ย่อยอาหารในละแวกนั้น

พลัดกับเพื่อนหายตามเคยสิน่า 
ก็เลยเดินเลี่ยงไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย เดินจนเหงื่อโซมตัวเชียว

ที่ศาลาพระภิกษุรูปหนึ่งเรียกให้ไปหา และมอบเชือกถักให้แก่เรา 
ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอก พอดีเสื้อสีม่วง เราก็เลยบอกสีม่วงได้มั๊ย 
ที่ไหนได้ เขาต้องใส่ให้ตรงสีประจำวันเกิด เปิ่นชะมัดเลยเรา

ถ้าเพื่อนไม่บอก ก็ไม่รู้นะเนี่ย แต่ก็ยังดี 
ไปเปลี่ยนเป็นสีฟ้าได้ แถมเพื่อนยังให้น้ำมนต์มาอีกขวดด้วย
				
  
เป้าหมายต่อไปคือวัดมงคลบพิตร 
ตอนที่อยู่บนรถยูโร เขาก็ซาวน์เสียงกันว่าจะนั่งรถรางกันไหม นั่งก็นั่ง
คนละ ๒๐ บาท เก็บเงินกันเดี๋ยวนั้นเลย พอรถยูโรจอด 
รถรางก็มาเทียบให้ขึ้นได้ทันที ยี่สิบบาทไปไม่ไกลนะ

รู้งี้ไม่นั่งรถยูโรดีกว่า ทำให้มีเวลาเดินที่วัดพระศรีสรรเพชรนิดเดียวเอง 
ยังเดินไม่ทั่วเลย ขนาดที่ว่ารองเท้าเจ๊งไปแล้วนะเนี่ย

ที่วัดพระศรีสรรเพชรนี้ เราถ่ายรูปค่อนข้างเยอะกว่าวัดใด ๆ 
เพราะเราต้องการภาพมาประกอบโคลงสี่สุภาพ
เราร่างโคลงเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 
อันที่จริงเราเคยเขียนโคลงเกี่ยวกับ อลังการอโยธยามาแล้ว
แต่ในความรู้สึก ยังอยากเขียนต่อ อยากเล่า อยากบรรยายอีก  
ท่าจะเป็นเอามากแฮะ อาการโคลงขึ้นสมองเป็นพัก ๆ
				
  
เขานัดกันขึ้นรถตอน ๑๖.๔๐ น. 
แต่หลาย ๆ คนมาขึ้นรถช้า (คันอื่น ๆ น่ะ ไม่ใช่คันสาย ๗๗)
ทำให้ผิดแผนกันไปหมด วัดพนัญเชิงที่ตั้งใจว่าจะได้ไป ก็เลยอดไป 
เพราะกว่าจะครบคนก็ปาไปห้าโมงเย็นกว่า ๆ ทางวัดปิดทำการแล้ว

ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ หงุดหงิดกันนะ
ตรงนี้แหล่ะที่ทำให้เราได้คิด การเดินทางกับคนหมู่มาก 
การรักษาเวลา ความพร้อมเพรียง เป็นเรื่องที่สำคัญจริง ๆ
เราเข้าใจว่า ทาง ขสมก. พยายามอย่างเป็นที่สุดแล้ว
ที่จะให้บริการคณะลูกทัวร์ ซึ่งมัคคุเทศน์ก็ถามขึ้นมาว่า
มีทางเลือกสองทางคือ ..
ไปวัดอื่น ซึ่งวัดอื่นก็คือวัดสมณโกฏฐาราม หรือว่าจะกลับบ้าน .. เรายังไม่ตอบ
เราฟังคนอื่น ๆ พูดก่อน มีคำต่อว่าต่อขานลอยมาเป็นระยะ ๆ

 ..วัดโน้นก็ไม่ได้ไป.. วัดนี้ก็แทรกมา ..คนอื่นบ่นกันอย่างนั้น.. 
แต่เรากับเพื่อนอีก ๕ คน สงบและตั้งใจฟังคำอธิบาย
วัดภูเขาทอง .. พอดีว่าวันนี้มีงานวัด จึงไม่สามารถลงทัวร์ได้
วัดมเหยงค์ .. พอดีว่าทัวร์ลงเยอะมาก จนต้องจอดรถไกลราว 1 กม. ไม่สะดวกนัก
วัดใหญ่ไชยมงคล .. วัดร้าง ไม่มีอะไร ไปทำบุญที่วัดจน ๆ กันเถอะ
วัดหน้าพระเมรุ .. พอดีว่า เวลาเต็มเอี๊ยดมากแล้ว 
อีกอย่างวัดกลางคลองสระบัวขอแทรกมาเพื่ออนุโมทนาบุญ
วัดพนัญเชิง .. ไม่เปิดให้เข้าหลังจากห้าโมงเย็น
				
  
เห็นป่ะ เหตุผลทั้งหมดนี่ ฟังขึ้นทั้งนั้น .. 
เราว่าเราไม่มีปัญหานะ ยังไงก็ได้ พาไปแล้วขอให้พากลับด้วยละกัน

แต่ลูกทัวร์บางคนโดยเฉพาะกลุ่มที่นั่งด้านหลัง 
รู้สึกจะอารมณ์ขุ่น ๆ อยู่ มีเสียงบ่นเล็ดรอดมาเป็นระยะ ๆ
				
  
เอาล่ะ วัดสุดท้ายแล้ว วัดสมณโกฏฐาราม 
พอไปถึงทางเข้าจะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆพระพิชิตมารโมฬี 

โบสถ์ของวัดนี้เป็นอิฐแฮะ อิฐทั้งหลังเลย 
ให้ความรู้สึกขรึมไปอีกแบบ เราถ่ายรูปหมู่กับเพื่อน เพราะว่าเป็นวัดสุดท้ายแล้ว
ความจริงตั้งใจจะไปถ่ายรูปหมู่กับเพื่อน ๆที่วัดพนัญเชิง 
แต่ก็ช่างเหอะ โอกาสหน้ายังมี 

เพื่อนอีกคนที่ขับรถมาเอง ก็แยกตัวกลับไปก่อน
เราเห็นลูกทัวร์ที่ขี้บ่นขี้โมโหบางคนไม่ยอมลงจากรถ 
ไม่รู้จะอารมณ์เสียไปถึงไหนกัน มาทำบุญแท้ ๆ ยังไม่ทำจิตใจให้ผ่องใสอีก 

พิลึกจัง
แต่ก็ช่างเหอะ เรื่องแบบนี้ ยุ่งด้วยไม่ได้หรอก ใจใครใจมัน
				
  
อิ่มบุญก็จริง แต่ก็หมดแรงกันไปตาม ๆ กัน  
นี่ยังดีนะที่เราไม่ต้องเดินทางหลังจากที่ลงจากรถยูโรแล้ว เพราะจอดหน้าบ้าน

ส่วนเพื่อนอีก ๕ คน ต้องตะหรัดตุเป๋กลับบ้านของแต่ละคนไป
ซึ่งแต่ละคนก็หิ้วโน่นหิ้วนี่ตามประสาขาช็อป
เราเองก็ไม่ใช่ย่อย ทั้งอาหารจากครัวกระชายและขนมของฝากเพียบ 
หิ้วจนเดินตัวเอียงเข้าบ้านเหมือนกัน
				
  
สบายใจจัง .. รู้สึกดี .. ขอบคุณนะ 
คุณกุ้งหนามแดง คุณต้นปี คุณปลาตากลม คุณจูกัดเหลียง คุณหนอนหนังสือ
ที่เป็นเพื่อนทัวร์ไหว้พระ ๙ วัดด้วยกัน .. 
"แล้ววันหน้าพวกเราไปด้วยกันอีกนะ "เพื่อนบอกแบบนี้พร้อมกับโบกมือลา				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
				
comments powered by Disqus
  • ครูพิม

    4 กันยายน 2550 20:56 น. - comment id 97438

    1.gif
    การได้ท่องเที่ยว
    โดยเฉพาะไปวัด ไหว้พระทำบุญ
    ชอบมากเลย แต่ด้วยภาระหน้าที่ไม่อาจไปบ่อยได้
    อิจฉาอัลมิตรและเพื่อนเล็กๆๆ
    เพราะอาทิตย์ก่อนก้ไปไหว้พระพุทธชินราช
    ที่พิษณุโลกมา...สุขใจ..ได้ทำบุญ..ถวายสังฆทานด้วย
    ก่อนกลับบ้านก๋แวะไวหว้พระธาตุศรีสองรัก
    อธิษฐานขอพร..แล้วก็กลับบ้าน.
    การเดินทางเป็นกำรของชีวิต
    ให้รางวัลแก่ตนเองด้วยการเข้าวัดทำบุญ
    ดีนะคะ..
    จะรอชมภาพสาวๆๆนะคะ
  • กุ้งหนามแดง

    5 กันยายน 2550 07:08 น. - comment id 97440

    ..เปิดทางให้เขียนน่ะคร๊าบ..
    
    ..ความจริงจำไม่ได้ว่าไปไหนมาบ้าง...ข้าพเจ้าเลอะเลือนปานนั้น..
    
    ..เราสลดใจมากเลยตอนที่รถรางพาเราชมรอบๆ เมือง และเจอซากปรักหักพังยังงั้น ...จะแค้นก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่เสียดายมากกว่า..คิดถึงสภาพเมืองตอนที่อยู่ในยุคเฟื่องฟู และความสูญเสียของเรา....ทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาฟังบรรยายก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเพราะมัวแต่คิด..เรื่องเก่าๆ ครั้งกะโน้น.
    
    ..ว่าแล้วก็เขียนไม่ออกซะงั้น..
    ..
  • แม่มดใจร้าย

    5 กันยายน 2550 07:35 น. - comment id 97441

    งานนี้อยากไปด้วยแต่ติดที่ว่าต้องไปวัดเหมือนกัน เลยอดไปด้วยกัน ไว้คราวหน้านะจะไม่ให้พลาดโอกาส 11.gif
  • ทักทาย

    5 กันยายน 2550 14:39 น. - comment id 97447

    สวัสดีคุณอัลมิตรา คุณ คุณ ทุกท่าน
    
    รูปภาพถ่ายพระที่ รูปที่20  ทักขนลุกเลยค่ะ
    
    ขอบคุณที่มีภาพสวยๆ ที่น่าทึ่งมาให้พวกเราได้ชื่นชม                 ขอบคุณค่ะ
  • แทนคุณแทนไท

    5 กันยายน 2550 17:51 น. - comment id 97450

    คิดว่า ชื่อรุ่นอยุธยามหามงคล 
    
    เกือบจองเนื้อดำมหาอำนาจสักองค์1.gif
  • คน..ไม่ว่างแล้ว..

    5 กันยายน 2550 19:48 น. - comment id 97452

    หนีเที่ยวก่อนเลยนะ.. นัดกันเดือนหน้านะเนี่ยะ..ไม่ชวนกันเลย...
  • อัลมิตรา

    5 กันยายน 2550 21:10 น. - comment id 97455

    คุณครูพิม..พระพุทธชินราชจำลอง 
    อัลมิตราได้รับมอบจากเพื่อนคนหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิด เมื่อปีกลาย
    ความจริงก็เคยเดินทางผ่านพิษณุโลกและแวะไปไหว้พระพุทธชินราชที่นั่นค่ะ 
    ตอนนั้นไปแม่สาย จำได้ว่ายังแวะทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขาแถว ๆ นั้นเลย อร่อยดี
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีโอกาสไปไหว้พระ ๙ วัด แรก ๆ ก็ไม่ได้ชวนใครหรอก
    อัลมิตราซื้อบัตรเพียง ๑ ใบ สำหรับตัวเอง .. จากนั้นก็ได้คุยกับคุณต้นปี
    พอดีว่าคุณต้นปีสนใจที่จะไป และถัดมาคุณกุ้งหนามแดง,คุณจูกัดเหลียง,
    คุณหนอนหนังสือ,คุณป.ปลาตากลม รวมแล้วอายุเกินสองร้อย เอ๊ย รวมแล้ว ๖ คน
    รูปสาว ๆ ไม่ค่อยมี อย่างที่อัลมิตราเขียนเล่าค่ะ พอลงจากรถ ก็กระจายหายไปหมด
    ก็กะว่าจะไปถ่ายรูปหมู่ที่วัดพนัญเชิง นัดแนะกันเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับเพื่อนที่ขับรถมาเองด้วย
    ที่ไหนได้ .. ไปไม่ถึงวัดพนัญเชิง .. ฮา จะมีตอนรวมหมู่ได้ตอนเดียวคือตอนทานอาหารบ่ายสอง
    ตอนนั้นอารามมัวแต่ทาน เลยไม่ได้ถ่ายรูปอีกต่างหาก .. ฮา ตลกจัง
    อัลมิตราถ่ายรูปมาเยอะนะ มีกล้อง ๓ ตัว รวมแล้วเพียบ แต่ขี้เกียจลงแล้วอ่ะ เพราะมึนค่ะ
    
    คุณกุ้งหนามแดง .. ได้โคลงสามบทแล้วล่ะ แต่ยังไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่ เลยยังไม่ลง
    ประมาณว่าพอเขียนถึงซากอิฐ ซากโบราณสถานแล้ว สะเทือนใจยังไงไม่รู้เหมือนกัน
    
    คุณแม่มดใจร้าย .. คราวหน้าเราไปด้วยกันนะจ๊ะ
    
    คุณทักทาย .. รูปนั้นถ่ายตอนเที่ยงตรงค่ะ เป็นวัดร้าง 
    
    คุณแทนคุณแทนไท .. โธ่ ที่ไปด้วยกันน่ะ หาดำ ไม่มีเลยอ่ะ
    
    คุณคนไม่ว่าง..แย้ว .. โอ๋ๆๆๆๆ เดือนหน้าจะพาไปขี่ช้างนะ โอ๋ๆๆ
  • น้องต้นปี

    6 กันยายน 2550 19:39 น. - comment id 97466

    กลับมาถึงกรุงเทพ แล้วอยากไปบวชเลยแหละ กะว่าบวชแล้วจะไม่สึกเลยน่ะเนี้ย ซึ้งในรสพระธรรมอย่างมากๆๆๆๆๆ ถ้าไม่มีใครโทรมาตามก็คงอยู่ที่วัดเลยละมั้ง
  • คนมัน..ว่าง

    6 กันยายน 2550 19:47 น. - comment id 97467

    ขอชมอีกอย่าง ...
    ถ่ายรูปได้สวยมาก ...
    ขอจองให้เป็นตากล้องทริปหน้าด้วยนะ..
    
    6.gif6.gif
  • อัลมิตรา

    7 กันยายน 2550 07:49 น. - comment id 97469

    คุณต้นปี .. ฮา .. ล้อเล่นน่า ก็ตอนนั้น คนเขาขึ้นรถกันครบ
    ก็เหลือแต่น้องต้นปีนี่แหล่ะ ยังไม่ขึ้นรถสักที นึกว่าจะไม่ยอมออกจากวัดซะแล้ว
    
    คุณคนมัน..ว่าง .. ได้เลย .. ผิดตกยกเว้นนะ .. รับแต่ชอบละกัน .. ฮา
  • อัลมิตรา

    7 กันยายน 2550 09:31 น. - comment id 97471

    ลืมบอก .. ๗ ตุลาคม .. ก็ว่าจะไปลดไขมันลดวัยที่ ดรีมเวิร์ล นะ
    ใครสนใจก็ติดตามกันได้ที่
    
    http://www.aacp.co.th/th/ac_vi_family_june.asp?page=ac&subpage=ac_vi
    
    ถ้าใครทำประกันกับอยุธยา อิลิอันซ์ อยู่แล้ว ก็เข้าไปซื้อบัตรตามเวป
    หรือจะติดต่อสอบถามไปยัง 1373 ก่อนก็ได้
    
    อัลมิตราซื้อบัตรไว้แล้ว เจอกันที่ดรีมเวิร์ล นะ
  • 14กันยา

    13 กันยายน 2550 10:02 น. - comment id 97573

    ขอบคุณมากค่ะที่นำข้อความและภาพมาลงให้ชมอยากไปไหว้พระ9วัดอยู่เหมือนกันแต่ไม่มีเพื่อนไปเมื่อดูแล้วเหมือนได้ไปมาด้วยตัวเอง  ขอบคุณ  ขอบคุณ
  • ฟ้า

    16 เมษายน 2553 10:06 น. - comment id 116553

    ไปมาแล้วสวยกว่าในรูปอีกคะ41.gif16.gif6.gif60.gif27.gif31.gif55.gif64.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน