::เอ็กซ์ บาร์เบอร์::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

เรื่องนี้ผมยืมชื่อเรื่องและตัวละครบางตัวจากสมุดวาดภาพลายเส้นของเด็กชายชาญวิชช์  นามโนรินทร์ ชั้น ป.5 โรงเรียนเชิงชุมราษฎร์นุกูล อ.เมือง จังหวัดสกลนครมาครับ   ค่าลิขสิทธิ์ชื่อเรื่องและชื่อตัวละครบางตัว ผมขอจ่ายเป็นค่าขนมให้เขานะครับ
000
    เอ็กซ์ บาร์เบอร์  เป็นชื่อเด็กหนุ่มแว่นหนา และเป็นชื่อกลางเรียกกลุ่มคนที่รับจ้างตัดผมทุกดาวจักรด้วย   เขาสวมเสื้อผ้าคงเอกลักษณ์  ผมสีทองอันดกแน่นตั้งชูราวกับเคลือบเจลมาแรมปี  ความจริงไม่ใช่  เขามีวิธีที่จะคงทรงของผมให้เป็นอย่างนั้น และเขาก็เป็นหนึ่งในช่างตัดผมธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะเขาออกแบบและสร้างยานบินข้ามตะวันไปตัดผมให้ใครต่อใครก็ได้ที่ปรารถนาฝีมืออันสุดเนี๊ยบได้  
    ยานบินของเอ็กซ์  บาร์เบอร์ใช้น้ำเป็นเชื้อเพลิงด้วยหลักการที่นักวิทยาศาสตร์ยุคพิกโกเทคโนโลยีสั่นหัวปนส่ายหน้าต่อการอธิบายให้เข้าหลักของทฤษฎีการเปลี่ยนรูปพลังงานทุกเชิง   คุณเคยเห็นยานบินของเอ็กซ์ บาร์เบอร์หรือยังครับ   วันมะรืนถ้าเอ็กซ์บาร์เบอร์ ผ่านมาทางนี้ผมจะถ่ายรูปมาฝากนะครับ
     เสียงยานบินของเอ็กซ์ บาร์เบอร์เงียบฉี่เหมือนเสียงแมลงหวี่ตอมใบหู ความเร็วของยานไวปานหนังตากระพริบก่อนที่จะโดนแมลงกลิ่นพริกเข้าตา  รูปแบบยานแบบทรงกระบอกออกจะแหกจากกฎแอโรไดนามิกอยู่บ้างแต่เมื่อทำความเร็วได้พอเหมาะยานบินก็ไม่ต่างจากยานเหาะที่จะเคลื่อนในทิศทางใดๆก็ได้ทั้งแบบใบไม้ร่อนร่วงหรือนกกระเต็นดิ่งธารจับปลาซิวชะตาขาด
      ยานบินของเขาแม้จะเทียบกับไทม์แมชีนไม่ได้ก็ใกล้เคียง  ถ้าเพื่อนต่างดาวจักรเป็นมนุษย์นิยมผมยาวไว้หนวดไว้เครารุงรังงานของเอ็กบาร์เบอร์ก็คงไม่รุ่ง แต่นี่ทุกคนนิยมแบบหัวเกือบเกรียนช่างตัดผมอย่างเขาจึงยังคงต้องเดินทาง   อาชีพนี้ถึงจะไม่สงวนไว้สำหรับมนุษย์บางชนชั้น ก็เข้าใจเอาได้เองว่า คนมีฝีมือแบบเขาและผองเพื่อนเท่านั้นที่มีคุณค่าที่คู่ควรกับหัวของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาของทุกดาวจักร
       บรรดาอาชีพทั้งหมดในยุคของเอ็กซ์ บาร์เบอร์ นั้น   ช่างหากินกับหัว คืออาชีพที่สูงส่งและทำเงินสูงสุด  ข้อแม้ที่แม้ไม่ใช่กฎเหล็กสำหรับอาชีพนี้ที่ห้ามไม่ให้มีเมียนั้นได้ทำให้ผู้หัวใจไม่ซื่อถึงกับมือตกเอาดีไม่ได้ในการตัดผมมานักต่อนัก จนพวกเขาต้องละอาชีพนี้ไปสู่อาชีพที่ต่ำต้อยทั้งมวล
    เศรษฐีผู้มีอันจะกินอยู่บ้างในดาวจักรของเอ็กซ์บาร์เบอร์มักนิยมเดินทางระหว่างดวงดาวเพื่อใช้เงินรักษาสมดุลของเวลาของเซลล์คุมชีวิตและเซลล์อันเกี่ยวเนื่องกับการนึกคิดของตน    อันจะกินซึ่งเอ็กซ์ บาร์เบอร์หมายความถึงคือของกิน ที่เศรษฐีเลือก ไม่ใช่พืชผักที่ปลูกด้วยกรรมวิธีเชิงเคมี แต่เป็นผักธรรมชาติที่เป็นคู่เอื้อของกลุ่มจุลินทรีย์กลุ่มไม่พิสมัยออกซิเจน   ซึ่งผักพวกนั้นคนจนทุกคนทุกดาวจักรไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกและเกือบไม่มีสิทธิ์ที่จะกิน เนื่องจากราคาที่แพงแสนแพง   ผู้ผูกขาดความรู้และอุตสาหกรรมเกษตรสืบเนื่องกับอาหารจึงเป็นกลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลยิ่งในดาวจักรที่สรรพชีพต้องบริโภคอาหาร อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยกคนอย่างเอ็กซ์ บาร์เบอร์ไว้สูงกว่าเพราะสัมผัสสัมพันธ์กับหัวซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของความทรงภูมินั้น
     ถ้าจะนึกเทียบให้ง่าย เอ็กซ์ บาร์เบอร์ก็ไม่ต่างจากนักบวชที่แม้มาจากวรรณะที่ใครก็ไม่อยากแตะต้องเพราะต่ำต้อย เมื่อบวชแล้ว  ผู้คนกลับยกย่องยอมก้มกราบไม่เขินอายแม้ตนมาจากวรรณะสูงส่งกว่า
    เอ็กซ์ บาร์เบอร์   อืม...คุณไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขาหรือครับ
     
    ไม่เป็นไรครับ
    เดี๋ยวเราก็จะได้รู้จักเอ็กซ์ บาร์เบอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ  
     คุณเคยคิดอยากเป็นช่างตัดผมหรือเปล่าครับ   ผมเคยคิดอยากเป็นนะ  ตอนที่ต้องไปรอคิวตัดผมนานเป็นชั่วโมง ๆ    แต่ตอนหลังเมื่อเห็นกับตาว่าช่างตัดผมทั้งหลายล้วนตัดผมให้ตัวเองไม่ได้ ผมก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นช่างตัดผม  หรือว่าแท้ที่จริงแล้วที่เอ็กซ์ บาร์เบอร์ไว้ผมทรงนั้นเป็นเพราะเขายากลำบากที่จะตัดผมตัวเอง  อืม..น่าคิดนะ
    ครั้งหนึ่งพรรคพวกของเอ็ก บาร์เบอร์พูดติดตลกกันว่ามหาเศรษฐีหัวเกือบเกรียนร้อยทั้งร้อยผ่านมือของเอ็กซ์ บาร์เบอร์มาแล้วทั้งนั้น  และว่าข้อที่จะพิสูจน์คำอ้างนี้คือถ้าคุณสามารถวัดความยาวของเส้นผมทุกเส้นบนหัวของใครก็ตามที่คุณสงสัยว่าเป็นฝีมือคอนโทรลปัตตาเลี่ยนของเอ็กซ์ บาร์เบอร์หรือไม่   ถ้าผมทุกเส้นบนหัวยาวเท่ากันหมด ผิดพลาดบวกลบไม่เกิน 0.09 ไมครอน อันนั้นเชื่อได้เลยว่าผมบนหัวนั้นผ่านการวาดปัตตาเลี่ยนฝีมือของเอ็กซ์ บาร์เบอร์แน่นอน   ณ นาทีนี้ถ้ามีคนวิจารณ์ ว่า เอ็กซ์ บาร์เบอร์คือนักตัดผมแห่งดาวจักรทางน้ำนมผู้สูงส่งเกินกว่าที่จะเรียกช่างผู้หากินบนหัวคนธรรมดา  คุณนึกอยากจะเห็นด้วยไหมครับ   ถ้ายังตอบไม่ได้ฟังเรื่องของเอ็กซ์ บาร์เบอร์ต่อครับ
        ผมได้ยินเพื่อนห่าง ๆ ของเอ็กซ์ บาร์เบอร์พูดคุยกันในทำนองที่ว่ารูปทรงของหัวและทรงผมของเหล่าชน   บางทีก็เป็นเครื่องหมายบ่งบอกสถานะในดาวจักร   ถ้าคุณสังเกตจะพบว่ากลุ่มชนยากจนข้นแค้นทุกขอบเขตของดาวจักรมีรูปทรงหัวที่บิดเบี้ยวทั้งนั้น  ยิ่งกว่านั้นเส้นผมที่ประกอบอยู่บนหัวก็แข็งกระด้างเหยิงยุ่งราวไม่เคยสัมผัสกับน้ำยาปรับสภาพผมยี่ห้อใด ๆ เลย    คงด้วยเหตุนั้นมั้งมหาเศรษฐีทั้งหลายจึงระมัดระวังเรื่องรูปทรงของหัวของลูกหลาน ไม่ให้ผิดพลาดบิดเบี้ยวเสียรูปเสียทรงอย่างเด็ดขาด
     เอ็กซ์  บาร์เบอร์  ในบางมุมนั้นละม้ายผู้ทรงศีลผู้นุ่งห่มถือครองผ้าย้อมฝาด  ยิ่งนัก  แต่ในมุมอื่น ๆแล้ว เขาก็เหมือนคนหนุ่มทั้งปวงที่มีพลังของวัยที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และคิดไปข้างหน้า
      เขายังปรับปรุงยานบินของเขาให้สามารถขับเคลื่อนได้นุ่มนวลขึ้นแม้ทิศการบินจะหักมุมฉีกกระชากอย่างไรก็ตาม    ส่วนหนึ่งที่ทำให้เอ็กซ์ บาร์เบอร์ คิดสิ่งใหม่ได้ไม่รู้จบ อาจเป็นเพราะเขามีวิธีทางจิตที่เฉียบคมอยู่ในตัว  ซึ่งสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่มีขึ้นหรือหามาได้ง่ายดายแบบใครๆก็มีได้ หรือทำได้  บรรดาความคิดและกระแสจิตอันเฉียบคมส่วนสำคัญล้วนมาจากการฝึกฝนทวนซ้ำอย่างฉกาจดุจการลับมีดสุดประณีตด้วยเป้าหมายที่จะผ่าครึ่งอณูของละอองฝนสาธิต
    เอ็กซ์  บาร์เบอร์ จึงมีฝีมือที่แตกต่างจากช่างตัดผมคนอื่นๆ   และนั่นจึงคล้ายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้มหาเศรษฐีทุกดาวจักรนึกถึงเขาแม้ผมบนหัวจะยังไม่ยาวถึงเกณฑ์ที่จะถากไถด้วยปัตตาเลี่ยนให้เกือบเกรียนแบบสกินเฮ้ด
    อา... โน่นไงครับ
    คุณได้ยินเสียงแมลงหวี่ไหม    ยานของเขาคงจะตรงมาทางนี้แล้ว    ถ้าโชคดีและเขามีเวลาพอเราอาจได้ทักทายพูดคุยกับคนหนุ่มที่มีชั่วโมงบินในเขตไร้อากาศมากกว่าใครที่สุด
    เสียงแมลงหวี่เงียบไปแล้ว  ยานบินของเอ็กซ์ บาร์เบอร์คงลงจอดเงียบเชียบใต้ร่มไม้ต้นใดต้นหนึ่ง   ใบไม้แห้งสองสามใบขยับเปลี่ยนตำแหน่งราวลมหนาวปลายเดือนกุมภาพันธ์กระซิบจะลาเหมันตฤดูสู่คิมหันต์  แผ่วเบาเพียงเท่านั้นเราก็รู้แล้ว ว่าวัตถุทรงกระบอก ยานบินของช่างตัดผมผมทองได้เข้ามาอยู่ในระยะสัมผัสของจักษุประสาทแล้ว
     ไม่ผิดจากที่นึกเลยครับ   ก่อนที่จะมองเห็นยานบินทรงกระบอกของเขา เราได้มองเห็นเจ้าของยานก่อนเสียอีก    เขาปรากฏตัวขึ้นราวลอดออกมาจากหน้าต่างมิติ   เสียงเดินที่เบาปานเท้าเลี่ยดิน  นั้นดูขัดกันยิ่งกับจังหวะและท่าเดินแบบคชสารสืบเท้า    สิ่งที่ชัดแจ่มที่สุดตรงหน้าเวลานี้คือใบหน้าของผู้มาเยือน   ความผ่องใสนั้นปานเดือนคืนเพ็ญ  มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ
    "สบายดีนะครับพี่"   เอ็กซ์  บาร์เบอร์ทักทายคนอื่นก่อนเสมอ   "คุณพ่อของพี่ยังอยู่ข้างในใช่ไหมครับ"
     ผมตอบแล้วเป็นฝ่ายเดินนำเขาเข้าไปข้างใน  พ่อยังหลับตานั่งสมาธิอยู่ในบ้าน   
     "ผมนึกอยากมาไหว้ท่านนานแล้ว  เพิ่งสบโอกาสวันนี้เอง  ผมเพิ่งกลับมาจากแวะไปดูแลทรงผมให้ ฯพณฯท่านที่ทำเนียบเลยผ่านมาคารวะพ่อของพี่ด้วย  ดีใจครับที่ได้เจอพี่อีก"
     บทสนทนาของผมกับเอ็กซ์ บาร์เบอร์ ไม่สั้นไม่ยาวไปกว่าที่เขียน  คนที่เอ็กซ์ บาร์เบอร์อยากสนทนาด้วยคือฤาษีที่อยู่ในบ้านของผมต่างหากครับ ไม่ใช่นักเล่าเรื่องที่เอ็กซ์ บาร์เบอร์เรียกพี่คนนี้เลย
     "เข้ามาซี หนุ่ม   เออตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ"   พ่อว่าและลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่ละจากสมาธิ
 
     "เพิ่งบ่ายโมงตรงครับ"   เอ็กซ์  บาร์เบอร์ตอบโดยไม่ดูนาฬิกาแขวนผนัง  เข็มนาฬิกาบอกเวลาตามนั้นเป๊ะ
      ผมเลื่อนเก้าอี้หวายให้คนต่างวัยได้นั่งสนทนากันสะดวกสบายก่อนที่จะขยับไปทำหน้าที่ชงชาสำหรับทุกคน     ถ้าไม่สนใจสิ่งอันไม่เป็นสาระของรูปแบบของการแต่งตัว   ถ้อยคำปุจฉาวิสัชนาในวาระนี้ของฤาษีกับเอ็กซ์ บาร์เบอร์นั้นไม่ต่างอันใดกับอรรถธรรมที่นักบวชผู้ชาญวิมุติโต้ตอบกัน
      คำถามและความสงสัยในใจของผม  ได้รับการคลี่ให้คลายกลายเป็นความเข้าใจกระจ่างแจ้งอย่างกับทั้งคู่รู้วาระแห่งจิตของผู้ฟังการสนทนา
     หน้าปัทม์นาฬิกายืนยันได้ว่าเวลาผ่านไปแล้วเกือบสามชั่วโมง   แต่คนอยู่ในเหตุการณ์นี้รู้สึกเหมือนมันผ่านไปเพียงสามนาที
      "ดาวจักรอื่นตื่นตูมเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนพวกเราไหม"  คนไว้หนวดเครายาวสลวยถามก่อนจิบน้ำชา
      "ไม่ดอกครับ  คงเป็นเพราะพวกเขาฉลาดเกือบเท่ากัน  ต่างคนต่างก็คิดอะไรได้เกือบเท่ากัน  แต่ของเรา คนคิดอะไรใหม่ได้เรื่อย ๆ อาจจะมีวงจำกัดอยู่แค่พวกอารยันกลางกับพวกคอเคซอยไกล  เลยทำให้พวกนั้นช่วงชิงกันเพื่ออวดว่าตนคิดได้ก่อน  แต่ว่า คนที่ได้ประโยชน์จริง ๆ จากการจดสิทธิบัตรความคิด กลับไม่ใช่พวกนั้นนะครับ  เป็นพวกผิวสามสีตามเกาะเล็ก ๆ แถบทะเลที่แมกม่ายังคึกอยู่ตามรอยแยกของแผ่นเปลือกโลก    พวกนี้เป็นนักค้า"
       "อืม..เห็นภาพชัดมาก    แล้วตอนนี้งานของเอ็กซ์ เป็นไงบ้าง"  ฤาษีลูบเคราเบา ๆ และมองคู่สนทนาอย่างชื่นชมและเมตตากรุณา
       "เรื่อย ๆ ครับ  แค่จัดคิวให้แต่ละคนได้มีโอกาสตัดผม ที่จริงก็คือการชื่นชมรูปทรงของหัวของตนและให้คนอื่นชื่นชมตามได้  ผมก็ยังสามารถทำงานที่คนยกย่องกันนักหนานี้ได้อีกหลายหมื่นพันวัน   ถ้าผมไม่สนใจอะไรอย่างอื่นไปเสียก่อนน่ะนะ"
        "ฮ่า ๆ อย่าพูดเล่นไป  ถ้าดาวจักรของเราขาดคนมือถึงแบบเอ็กซ์ บาร์เบอร์แล้วใครล่ะจะมาเป็นนักตัดผมที่ค่าตัวแพงที่สุด คนยกย่องนับถือที่สุด"
         ฤาษีว่าไปยิ้มไป  คนฟังก็ยังยิ้ม
         "คงมีอีกแยะครับ   เหมือนบัวบางหมู่ที่รอเวลาเบ่งบานแทนบัวหมู่ที่กำลังจะโรยลงสู่ปลักโคลนอีกคราว"
          "ฮ่า ๆ  นั่นคงไม่ใช่ความหมายที่ว่าเอ็กซ์ บาร์เบอร์จะเปลี่ยนใจไปครองชีวิตแบบคนมีพันธะ"
          "ไม่ดอกครับ   ณ นาทีนี้ผมไม่ได้ต่างจากมหาเศรษฐีผู้กำลังจะละลมปราณไปสู่ที่อันตนสงสัย  เขาเสียดายเวลามากกว่าเสียดายเงินที่หามาทั้งชีวิต   แม้นแลกกันได้มหาเศรษฐีเหล่านั้น ๆ คงเลือกเอาเวลามากกว่าเลือกเอาเงิน   ส่วนผมเลือกอิสระครับ ผมเป็นอัครมหาเศรษฐีด้านความเป็นอิสระ  ผมไม่เลือกพันธะ"
          ถ้าใครเดินผ่านมาทางหน้าบ้านผมตอนนี้ก็คงแปลกใจว่าฟ้าส่งเสียงคำรามครืนมาจากทางไหนในยามที่จะผลัดหนาวเข้าสู่ฤดูรุ่มร้อน   เสียงหัวเราะดังสุดเสียงของผู้ถึงธรรมทั้งคู่ต่างหากหรอกครับ  ที่กังวานก้องอยู่แถวนี้   นาทีนี้
          ถ้าผมไม่ได้ฟังถ้อยสนทนาในวันนี้  ผมอาจจะไม่มีทางรู้เลยก็ได้ว่าฤาษีเคราขาวที่ผมทำหน้าที่ปฏิบัติวัฏฐากแทนแม่นั้นคือคนแบบเอ็กซ์ บาร์เบอร์ที่เปลี่ยนใจในบั้นปลายกลับคืนสู่โคลนตมฝีมือตก ไม่มีมหาเศรษฐีของดาวจักรใดสนใจใยดีที่จะเอ่ยถึงให้รู้สึกเป็นเสนียดต่อจิตว่าเขาเคยก้มหัวให้ชายผู้นี้ถากหัวให้เกือบเกรียน
          นาทีที่ผมรู้นั้นเอ็กซ์ บาร์เบอร์รุ่นพ่อกับเอ็กซ์ บาร์เบอร์รุ่นหลังหัวเราะดังปานฟ้าคำราม  พร้อมกัน
          เอ็กซ์ บาร์เบอร์ ไม่อยู่กินมื้อเย็นกับเรา   เพราะมีนัดที่จะไปดาวจักรหมาใหญ่   ตอนนั้นผมเองก็รู้สึกใจหายเหมือนเพื่อนบางคนกำลังจะเดินทางไปนานและไกล
           5 โมง58 นาที  วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ฤาษีกับผมเดินไปส่งเอ็กซ์ บาร์เบอร์ที่ยานทรงกระบอก ที่จอดอยู่ใต้ร่มขนุนใหญ่หลังบ้าน เอ็กซ์ บาร์เบอร์โบกมือให้เราก่อนเคลื่อนยานออกไปอย่างเงียบเชียบ  ผมยังจำถ้อยคำและน้ำเสียงสุดท้ายของเขาได้แจ่มชัด
     "พี่คงรู้แล้ว เอ็กซ์ บาร์เบอร์รุ่นใหญ่ยืนอยู่กับพี่ตรงนี้แล้ว   แม้นพี่สงสัยอันใดต่อวิถีของเอ็กซ์ บาร์เบอร์ พี่ถามเขาเอาเองก็แล้วกัน"
     พ่อหันมาทางผม เอื้อมมือมาตบไหล่ แล้วยิ้ม   
     "เดี๋ยวค่อยคุยกันลูก"
      ฤาษีเคราขาวที่อยู่ตรงหน้าคงรู้แล้วถึงปรัศนีย์ในหัวใจของผม
      เมื่อยานทรงกระบอกของช่างตัดผมแห่งดาวจักรลับตา  พ่อลูกผมยาวก็เดินกลับเรือนอย่างเงียบงัน				
comments powered by Disqus
  • ช่ออักษราลี

    5 มีนาคม 2551 23:48 น. - comment id 99323

    สวัสดีค่ะ คุณก่อพงษ์ แวะมาทักทายก่อน
    ไปนอนค่ะ พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาอ่านใหม่
    ราตรีสวัสดิ์ค่ะ36.gif36.gif36.gif36.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    5 มีนาคม 2551 23:50 น. - comment id 99324

    ราตรีสวัสดิ์ครับคุณช่ออักษราลี
  • รอยทาง

    6 มีนาคม 2551 00:50 น. - comment id 99325

    สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์
    
    แวะเข้ามาอ่าน  ท่าทางจะสนุก รอติดตามคะ
  • สีน้ำฟ้า

    6 มีนาคม 2551 01:14 น. - comment id 99329

    อ้าว.. งั้นรออ่านตอนต่อค่ะ..
    
    41.gif  เขียนสดสิเนี่ย...โอ้ๆๆๆๆ ทึ่งจริงๆ
    คุณก่อพงษ์ชักจะทำให้สีน้ำฟ้าขยันขึ้นแล้วสิเนี่ย..
    
    เพราะว่าเห็นแค่ภาพวาด ก็มาต่อได้เป็นเรื่องเป็นราว ของแจมนะ มีวัตถุดิบเพียบ แต่ใช้ไม่เป็น  
    
    พรุ่งนี้ๆๆ เดี๋ยวจะไปแวะไปหาข้อมูลเขียนเรื่องท่องเที่ยวซะหน่อย อย่างนี้ต้องคลิกบ้านกลอนไทยบ่อยๆ ซะแล้วล่ะค่ะ
    
    จะได้ไฟแรงเหมือนเดิม..  สีน้ำฟ้าถือว่าเกิดจากบ้านกลอนไทยค่ะ.. 
    
    36.gif  ขยันๆ นะ จะมาขออาศัยกำลังใจ กำลังแรงงานแถวๆ นี้
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    6 มีนาคม 2551 07:21 น. - comment id 99332

    อรุณสวัสดิ์ครับคุณรอยทาง
    
    อากาศเช้านี้หนาวเย็นพอดู  ตอนสายๆลมพัดแรง   ครั้นใกล้เที่ยงแดดกลับร้อนเปรี้ยง  ดีที่ไม่มีฝนตก  ไม่งั้นคนล้มป่วยกันเยอะแน่  ดินฟ้าอากาศปีนี้แปลกเปลี่ยนไมเยอะเลยครับ
    
    สวัสดี่ครับคุณสีน้ำฟ้า
    
    ผมทดลองเขียนสดครับ
    มีตัวละครและแก่นเรื่องไว้แล้วก็ค่อยๆ ให้เขาขยับตัวครับ   แม้จะดูเหมือนหุ่นยนต์ไปซักนิดแต่ผมก็คิดว่าเขาล้ำยุคไปกว่าผม
    
    ผมจะพยายามเป็นนักเขียนนะครับ
    
    ขอความมั่นคงแห่งความมั่นใจจงเสถียรอยู่นานเถิด ha
    
    
    ขอบคุณครับ
  • มายอามีน

    6 มีนาคม 2551 09:25 น. - comment id 99333

    สวัสดีค่ะคุณก่อพงษ์
    
    ผสมผสานกฎของฟิสิกส์กับเนื่อเรื่องได้อย่าง
    
    ลงตัวมากค่ะ
    
    วันมะรืน
    
    มีนจะรอดูรูป เอ็กซ์ บาร์เบอร์ค่ะ
  • หลังม่าน

    6 มีนาคม 2551 13:08 น. - comment id 99336

    แวะมาทักทายคะ
  • ..สายลมทะเล..

    6 มีนาคม 2551 15:17 น. - comment id 99338

    เป็นงานเขียนที่น่าสนใจครับ..
    อ่านแล้ว..ต้องอ่านให้จบ
    
    ไม่ได้กลัวคาราคาซัง แต่กลัวมันคาใจครับ
  • การัณยภาส

    6 มีนาคม 2551 15:56 น. - comment id 99340

    สวัสดีค่ะ
    เจอกันอีกครั้งนะคะคุณก่อพงษ์ คราวนี้เป็นเรื่องแนวคอมเมดี้ อ่านสนุกๆคลายเครียด น่ารักดีเหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยสาระน่าคิดอีกตามเคย เด็กๆอ่านแล้วต้องชอบแน่ๆค่ะ
    จะเป็นกำลังใจให้ทุกครั้งค่ะ
  • โคลอน

    6 มีนาคม 2551 16:21 น. - comment id 99344

    แปะโป้งค่ะแปะโป้งพรุ่งนี้มาอ่านนะคะ46.gif36.gif
  • ยังเยาว์

    6 มีนาคม 2551 16:40 น. - comment id 99346

    สวัสดีตอนบ่ายแก่ๆ นะคะ
    
    แวะมาเยี่ยมเยียน เอารอยยิ้มมาฝากค่ะ
    แต่คงไมมีโอกาสใช้บริการนายเอ็กซ์ฯ
    เพราะเขาคงทำกิจการบาร์เบอร์อย่างเดียว ไม่ทำซาลอน
    อีกอย่างยานฯ ก็ไม่รู้จะไปหาจากไหนอีกล่ะค่ะ
    ข้ามดาวไปเยี่ยมไม่ได้แน่ๆ
    
    คิดฮอดเพลงอ้ายพีนะคะ
    นอกจากช่างตัดผมบ่ยอมก้มหัวให้ใครจริงๆ
    
    44.gif
    
    มาเขียนต่อนะคะ ไว้แวะมาอ่านอีกที
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    6 มีนาคม 2551 19:28 น. - comment id 99355

    สวัสดีครับคุณมายอามีน
    
    วันมะรืน  ถ้ากล้องที่ผมมีความเร็วชัตเตอร์ต่ำเกินไปหรือถ่ายไม่ติด  ผมจะขอยืมรูปที่ชาญวิชช์เขียนลายเส้นไว้มาให้ดูแทนนะครับ
    
    ========
    
    สวัสดีครับคุณหลังม่าน
    
    ===========
    
    สวัสดีครับคุณ..สายลมทะเล.. 
    
    ขอบคุณครับ ที่ให้ความเห็นไว้
    
    =======
    
    ทักทายคุณการัณยภาส 
    
       ผมก็คาดหวังอย่างนั้นครับ   คืออยากให้ลูกมีจินตนาการไกลออกไปอีก
    
    ขอบคุณสำหรับแรงใจแรงเชียร์ครับผม
    
    =====
    
     สวัสดีครับคุณโคลอน
    
    46.gif
    ผมส่งยิ้มไว้ก่อนนะครับ
    
    ====
    
    ทักทายคุณยังเยาว์
    
    นอกจากช่างตัดผมบ่ยอมก้มหัวให้ใครจริงๆ
    
    อืม..มีเพลงแบบนี้ด้วยหรือครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    6 มีนาคม 2551 23:01 น. - comment id 99358

    สวัสดีครับคุณรอยทาง
    
    ตอนผมเป็นเด็ก ยามไปตัดผม  ช่างตัดผมมักชวนพูดคุย  เขาคุยไปตัดไป  ทำให้ลูกค้าเพลินลืมความเจ็บจากฟันปัตตาเลี่ยนถลกหนังหัวได้พอสมควร    ประสบการณ์คราวโน้นเอามาเขียนเรื่องสั้นนี้ได้ครับ
    
    
    ผมเคยถามลุงคนตัดผมว่า
    ทรงผมของลุงลุงออกแบบเองหรือ
    
    เขาก็ว่า
    
    ไม่ดอกบัก   หัวเจ้าของออกแบบเองบ่ได้
    ต้องให้คนอื่นตั๊ด ha
  • รอยทาง

    6 มีนาคม 2551 22:50 น. - comment id 99359

    สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์  
    
    คุณก่อพงษ์  เขียนเรื่องสั้นได้เก่งนะคะ  อ่านไปก็อดคิดไม่ได้  เกิดเป็นช่างตัดผมแต่ตัดให้กับตัวเองไม่ได้ เหมือนกับเราคอยแก้ปัญหาให้กับคนอื่น  พอถึงตาตัวเองกับแก้ไม่ได้
    
     นี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งของดิฉัน เกี่ยวกับร้านตัดผม    หาช่างที่ตัดถูกใจยากและต้องพลอยอารมณ์เสียไปด้วย  ก็เลยใช้กรรไกรมาตัดเป็นทรงของตัวเองเลยคะ  ถูกใจไม่ถูกใจเราตัดเอง  สมัยทำงานอยู่เมืองไทยก็ตัดเอง    ยิ่งอยู่ต่างประเทศค่าตัดผมอยู่บ้านเรากินได้เป็นเดือนคะ  ไม่ไหว  
    
    ขอบคุณคะ
  • โคลอน

    7 มีนาคม 2551 08:09 น. - comment id 99365

    เค้าโครงเรื่องน่าสนใจนะคะ "เอ็กซ์บาร์เบอร์"
    
    แต่ก็จริงค่ะที่คนเราจะเคารพหรือยอมรับกันที่สถานะในปัจจุบันหาใช่อดีตไม่
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 มีนาคม 2551 20:07 น. - comment id 99393

    สวัสดีครับคุณโคลอน
    
    คุณว่าเข้าทีดีมาก
    
    เอาไปเขียนเป็นเรื่องสั้นอีกเรื่องได้เลย
    
    
    อากาศหนาวจังนะครับวันนี้  ผมแรงด้วย
    
    ผมจะเขียนเอกซ์ บาร์เบอร์ต่อแล้วครับ
  • ฉางน้อย

    7 มีนาคม 2551 23:04 น. - comment id 99398

    ย่องๆเข้ามาแอบอ่านเรื่องสั้นค่ะพี่ก่อพงษ์
    
    รออ่านตอนต่อไปนะคะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 มีนาคม 2551 23:06 น. - comment id 99399

    สวัสดียามดึกครับคุณฉางน้อย
    
    หลายวันต่อไปนี้ผมคงมีความสุขกับการนอนดึกๆล่ะครับ
    
    เพื่อเขียน
    
    ยามดึกมันสงบเงียบดีครับ
  • ยังเยาว์

    7 มีนาคม 2551 23:45 น. - comment id 99400

    http://music.mcine.net/Luktung/Gmm/Pee/Gmm-P001.htm
    
    แวะมาอ่านต่อ
    แล้วก็เอาเพลงมาฝากค่ะ
    
    46.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 มีนาคม 2551 23:54 น. - comment id 99401

    ขอบคุณครับคุณยังเยาว์
  • รอยทาง

    8 มีนาคม 2551 05:25 น. - comment id 99410

    สวัสดีคะ คุณก่อพงษ์
    
    ตอนนี้ 6 ทุ่มครึ่ง บ้านเราก็คงกำลังเช้า  เคยขับรถเดินสายงานไปแถวๆ ภูพาน ชอบบรรยากาศมากเลยคะ
    
    แล้วเรื่องนี่จบหรือยังคะ  อ่านไปก็เพลินไปคะ
    
    ขอบคุณคะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    8 มีนาคม 2551 07:43 น. - comment id 99411

    สวัสดีครับคุณรอยทาง
    
    ผมชอบบรรยากาศของเทือกเขาภูพานครับ
    
    ถิ่นเกิดของผมอยู่ทุ่งแล้งแถวอีสานกลาง
    ตอนเป็นหนุ่มเคยอยู่ในกกลุ่มเพื่อนที่ชอบการออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านแถบบนี้  เมื่อมีอายุมากขึ้นผมโชคดีได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่  หลัง ๆ ก็ไม่คิดจะไปที่ไหนอีก   ที่ที่อาจจะเคยคิดไปทำไร่สตรอเบอรี่ก็พับโครงการไปแล้ว เพราะข่าวอากาศที่นั่นเปลี่ยนรุนแรงขึ้น  ผมอยู่ที่นี่สบายดี   ตอนเช้าตะวันขึ้นสวย  ตอนเที่ยงเงาเมฆที่ทอดไปตามภูเขาสุดงาม ยามเย็นก่อนเห็นเดือนเพ็ญตะวันก็กลมโตดึงดูดตา   รวมๆแล้ว   ที่นี่สวยงามต่อหัวใจทุกนาที   ผมคงไม่หนีไปไหนแน่แล้ว
    
    ชีวิตของเอ็กซ์ บาร์เบอร์ยังคงดำเนินไปครับ
    แต่ผมขอหยุดเขียนไว้ก่อน ทำนองหยุดภาพให้นิ่งไว้เพิ้อจะได้ดูต่ออีกเมื่อถึงเวลาสมควร
    
    ขอบคุณครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน