ฟืนโชนไฟ

ตราชู

ฟืนโชนไฟ
ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๗๑
	๑.
	สายฝนเพิ่งพรากจากผืนฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครไปเพียงสัปดาห์เศษ ลมหนาวต้นฤดูเริ่มโชยเฉื่อย อีกไม่นานหรอก ความยะเยียบเฉียบเย็นคงแผ่คลุม ทว่า... สักกี่ลมหนาว สักกี่ความเย็น ก็มิอาจลดทอนดวงใจที่เต้นถี่ระรัว เร่งแรง และรุกเร้าของคนจำนวนมาก คนซึ่งหลากหลั่งจากหลายจังหวัด พรั่งพรูปานน้ำบ่า ตบเท้าพรึ่บๆเข้าสู่ที่นี่ สถานชุมนุมอันถูกขนานสมยา ทำเนียบประชาชน
	ประสิทธิ ทองสกุล แกนนำกลุ่มสหประชาธรรมนำประชาธิปไตยคนสำคัญ เพ่งมองกระแสคลื่นมหาชนอันทยอยทอยถี่ไม่ขาดระยะด้วยความพึงพอใจ เขาเพิ่งปราศรัยเสร็จ และสละเวทีให้แกนนำที่เหลือขึ้นพูด แน่หละ คำพูดของเขา รวมถึงแกนนำทั้งหมด คือเชื้อเพลิงปลุกเร้าให้มวลชนมีกำลังใจสู้ สู้ครั้งสุดท้ายแบบม้วนเดียวจบ
	ภายหลังจากสมาชิกสหประชาธรรมสองคนถูกยิงเสียชีวิตในเวลาไล่ๆกัน คือวานซืนกับเมื่อวาน ปราศจากข้อสงสัยอื่นจากฝูงชน นี่คือการกระทำของฝ่ายตรงข้าม มันกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวขึ้นอักโข ดังนั้น การเรียกระดมพลจึงไม่ยากนัก ขณะเดินกลับไปสู่ที่พำนัก คือห้องปรับอากาศห้องหนึ่งภายในทำเนียบ ประสิทธิ์ยิ้มอยู่คนเดียว ยิ้มให้กับความสำเร็จใกล้มือเอื้อม
	เมื่อเดือนก่อน น้องเก๋ กรรณิการ์ ธำรงเกียรติ ถึงแก่ความตายในเหตุจลาจล เธอกลายเป็นวีรสตรีของสหประชาธรรมในเวลาอันรวดเร็ว ความโศกเศร้ายังล่องลอยอ้อยอิ่งในหัวใจคนจำนวนมาก ไม่ทันไร ผู้ชุมนุมอีกสองดับดิ้นสิ้นชีพด้วยน้ำมือหมาลอบกัด ใช่... ต้องเรียกหมา หรือบางทีอาจเลวกว่า มันขี่รถจักรยานยนต์มายิงใส่แล้วเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆ ตำรวจควานไม่พบตัว ไม่พบแม้เบาะแสไอ้ฆาตกร เถอะ คอยดู พรุ่งนี้ ขบวนผู้ชุมนุมจะยกไปทวงถามหนี้เลือดหนี้ชีวิตจากฝ่ายรัฐ รัฐบาลจะต้องชดใช้ จะต้องชดใช้
๒.
	พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายครับ สำเนียงดุดันเหี้ยมหาญแกร่งกร้าวเฉียบขาด ดังเอะอะจากรถขยายเสียงซึ่งประสิทธิ์ ทองสกุล ยืนถือไมโครโฟนเด่นเป็นเป้าสายตาหลายแสนคู่ ท่ามกลางเปลวตะวันแผดเปรี้ยง อุณหภูมิอากาศ บวกอุณหภูมิวาจาร้อนรุ่ม ใจคนฟังทั้งหลายยิ่งรุ่มร้อนตาม นี่ย่างเข้าชั่วโมงที่สองแล้วที่เขาปักหลักโจมตีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่หน้าสำนักบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เราเสียเงินภาษีจ้างตำรวจมาดูแลเรา แต่พวกมันทำไหม ทำไหม คำขานตอบ ไม่ ไม่ กึกก้อง วันที่เจ็ดเดือนก่อน มันปล่อยให้น้องเก๋ถูกยิงโดยไม่ดูแล แล้วคงยังไม่พอใจ เห็นประชาชนตายแค่หนึ่งคนไม่สะใจ มันกระหายเลือด มันก็ปล่อยอันธพาลมาลอบยิงคนของเรา ตายไปอีกสอง ยิงต่อหน้าต่อตาพี่น้องในทำเนียบประชาชน พี่น้องจะเห็นนะครับ ตำรวจกับรัฐบาลมันสมคบกันฆ่าประชาชน ตำรวจฆ่าประชาชน สิ้นถ้อยบริภาษอันเอ็ดอึง ผู้ชุมนุมแซ่ซ้องตาม ทันใดนั้นเอง โดยไม่มีใครคาดคิด กระสุนปืนนัดหนึ่งระเบิด ปั้ง ร่างของประสิทธิ์ทรุดฮวบ เลือดทะลักพลั่กๆจากบาดแผล ความชุนละมุนอุบัติฉับพลัน คนแตกตื่นวิ่งพรู กรูเข้าหาแกนนำคนสำคัญซึ่งบัดนี้แกนนำอีกสี่คนกำลังประคอง ต่างเห็นคนเจ็บพยายามทรงตัวขึ้นยืน โซเซเข้าหาไมโครโฟน
	พี่น้องทั้งหลาย เขากัดกรามแน่น สำเนียงขาดเป็นห้วงๆ เหงื่ออันเกิดจากพิษความเจ็บปวดของบาดแผลอาบโซมร่าง โลหิตยังไหลปรี่มิหยุด เห็นหรือยังพี่น้อง มันต้องการฆ่าผม ไม่เป็นไร ให้มันฆ่า กายทรุดลงไปอีก ก่อนฝืนพยุงตัวขึ้นมาใหม่ ถ้าผมตาย ผู้พูดโงนเงนราวต้นไม้ใหญ่ต้องพายุกรรโชกเจียนโค่น ขอให้พี่น้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป รถพยาบาลมารับผมแล้ว ผมอาจไปตายที่โรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่การต่อสู้ของพวกเราจะต้องไม่ตาย แกนนำอื่นจะนำการต่อสู้ต่อจากผม สิ้นประโยค เขาก็หมดกำลังฟุบลงในอ้อมแขนแกนนำคนหนึ่ง สิ้นสติสมปฤดี เห็นประจักษ์แก่ตาทุกคนในที่แห่งนั้น
	เนื่องจากประสิทธิ์สิ้นความรู้สึกเสียแล้ว เขาจึงไม่เห็นหลายคนร้องไห้โฮ หลายคนวิ่งฮือเข้ามารายล้อม ใครคนหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นยืน ใบหน้านองน้ำตา มือซ้ายกำหมัดแน่น มือขวาซึ่งถือกำวัตถุอะไรสักอย่างยกชู เงยหน้า แหกปากออกไปอย่างสุดกลั้น
	ตำรวจ มึงฆ่าแกนนำพวกกู มึงต้องรับผิดชอบ วัตถุในมือขวาของเขาถูกขว้างหวือ พริบตาต่อมา มันก็กัมปนาท บึ้ม ถูกแล้ว ระเบิดขวด ระเบิดขวดบรรจุเชื้อเพลิง! เปลวไฟแลบโพลงทันใด
	เผามัน เผามันอย่าให้เหลือ ผู้ชุมนุมซึ่งบ้าคลั่งตะโกน ต่างลืมตัว ลืมตาย ลืมสติ ลืมทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง ต่อจากนั้น ไฟ ไฟ และไฟ ก็แลบเลียฟ้า เผา เผา และเผา คือสิ่งที่พวกเขากระทำ มิหนำ ซ้ำกระจายกำลังออก เจอสถานีตำรวจแห่งไหน โรงพักใด ก็ขว้างปา ทุบข้าวของแตกป่นปี้ จุดไฟได้ก็จุด เหตุการณ์ดำเนินต่อไปท่ามกลางวันมหานรก แก๊สน้ำตาไม่สามารถยับยั้งอะไรได้เลย มึงตูม กูเผา วิกฤตไปทั่วทั้งพระนคร!
	๓.
	เตียงของคนเจ็บเต็มไปด้วยกระเช้าดอกไม้ อีกทั้งสิ่งของสารพัด จนกินไม่ไหว ใช้ไม่หมด คนซึ่งมาเยี่ยมแทบล้นโรงพยาบาลเริ่มเดินทางกลับเมื่อหมดเวลาเยี่ยม คนไข้ต้องการเวลาพักผ่อน
	ประสิทธิ์ ทองสกุล หลับตานอนนิ่ง ดูผาดๆคล้ายกำลังเข้าสู่นิทรา หาก ในความเป็นจริง เขายังไม่หลับ ตรงกันข้าม หัวใจตื่นตลอดเวลา ตื่นเต้นกับชัยชนะ อะหา! ชัยชนะ ชั่งหอมหวานอะไรเช่นนี้หนอ สหประชาธรรมพิชิตรัฐบาลสำเร็จ เมื่อทหารเข้ายึดอำนาจ กลุ่มสหประชาธรรมสลายตัวไปในอีกไม่นาน วีรบุรุษ วีรสตรี เกิดขึ้นมากนาม ซากศพทบทวีอีกหลายศพเช่นกัน แต่จะอย่างไรก็ตาม มันก็คุ้ม ตำรวจถูกลงทัณฑ์จากสังคมเต็มๆในฐานะผู้ก่อเหตุยิงแกนนำก่อน จะมีสักกี่คนกันรู้เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลัง นอกจากเขากับบรรดาแกนนำ พวกนั้นไม่รู้ ไม่มีวันรู้เด็ดขาด
	นี่แปดเดือนกว่าเข้ามาแล้ว พวกมันยังหน้าด้านไม่ลาออก ยังจำได้ดี คืนนั้น คืนหารือวางแผน เขาโพล่งอย่างหงุดหงิดในที่ประชุม
	ใจเย็นๆ คุณสิทธิ์ พันตรีครรลอง สูรย์เรือง แกนนำอาวุโสที่สุดเตือนสติ มันต้องคิดให้รอบคอบ ใจเร็วด่วนได้จะเสียแผน
	ผมว่า ถ้าเราทิ้งระยะเวลานานออกไปโดยไม่เคลื่อนไหว อีกหน่อย คนจะลดน้อยลง เราต้องสร้างกระแส พินิจ ชัยธง อีกหนึ่งแกนนำปรารภข้อวิตก
	จะสร้างยังไงล่ะ เสริมสัตย์ โกศลกิจ แกนนำคนที่สี่ย้อนถาม เงียบ สมองทั้งห้ากำลังทำงานหนักหน่วง
	บางที ครู่ใหญ่ๆต่อมา พันตรีครรลองจึงทำลายความเงียบลง เขากล่าวช้าๆ เราอาจจำเป็นต้องเสี่ยง หยุดเว้นระยะนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ย พวกคุณยังจำภาษิตของพวกฝ่ายซ้ายสมัยก่อนได้ไหม ตายสิบเกิดแสน
	พี่ลองหมายความว่า ประสิทธิ์ตามทันบัดดล เขาสะดุ้งในใจ ฝ่ายนั้นยิ้ม ยิ้มเยือกเย็นแฝงความเลือดเย็น เสียอีกหนึ่งหรือสองชีวิต แลกกับชัยชนะ ปลุกกระแสมวลชน
	ด้วยวิธีไหน บุกสถานที่ราชการอีกหรือ แบบนั้นน่ะ ไม่ได้ผลหรอกพี่ ตำรวจมันรู้ทันแล้ว คงไม่กล้าสลายอีกสมบัติ วงศ์จำรูญ แกนนำคนสุดท้ายตั้งปรัศณีย์
	เปล่า พันตรีนอกราชการปฏิเสธ ยังไม่ใช่บุก ก่อนบุก เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มีการตายเกิดขึ้นที่นี่ มันจะเหมือนเราโยนฟืนติดไฟเร่งปฏิกิริยาให้ประชาชนเคียดแค้นรัฐบาล เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะพร้อมทำได้ทุกอย่างเพื่อแก้แค้น
	ถ้าพี่ลองทำอย่างนั้น มันไม่เท่ากับว่าเราฆ่าคนของเราเองหรือ เสริมสัตย์ท้วง
	มันจำเป็น คุณเสริม ผู้สูงวัยถอนหายใจหนักๆ แววรันทดผ่านไปในดวงตาแวบหนึ่ง เสียน้อย เพื่อให้ได้มาก พวกคุณจำเรื่องราวในพงศาวดารได้ไหม ตอนกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่หนึ่ง พม่าทำยังไง ก่อนส่งพญาจักรีมาเป็นไส้ศึก บุเรงนองถึงกับลงทุนตัดหัวทหารของตัวเองถึงสิบคนเอาไปปักบนเสาประตูค่าย แล้วถึงปล่อยพญาจักรีเข้ามาสวามิภักดิ์พระมหินทร์ทั้งๆอยู่ในเครื่องจองจำ พระมหินทร์ก็เชื่อว่าเสนาบดีเก่าของพ่อหนีมา เพราะหัวทหารยามพม่านั่นช่วยขจัดความสงสัยออกไป ในเมื่อกษัตริย์พม่าตัดหัวทหาร ก็แสดงว่าเป็นการลงโทษฐานปล่อยเชลยหนี ผลก็คือ พม่าชนะเราในปี พ.ศ. ๒๑๑๒ ถ้าพวกเราแกนนำสหประชาธรรมจะปรับแผนบุเรงนอง ไม่ใช่ซิ่ ต้องเรียก แผนยุทธศาสตร์สากลนี้มาประยุกต์ ก็จะได้ผล
	แต่ ผู้ชุมนุมไม่ใช่ทหารนะครับ พินิจโต้แย้ง
	ทำไมจะไม่ใช่ ครรลองแก้ เราเรียกพวกเขาว่านักรบประชาชนใช่ไหม นักรบ กับ ทหาร ไม่ต่างอะไรกันเท่าไหร่หรอก พวกเขามีหน้าที่ต้องเสียสละ อึ้งกันอีกหน ลำคอของแกนนำบางคนแห้งผากคลับคล้ายมีก้อนกรวดแข็งๆขวางคา
	ถ้ามันจำเป็นอย่างพี่ลองพูด ความเงียบงันครั้งนี้มลายหายเมื่อประสิทธิ์พึมพำแหบต่ำขึ้น เราก็ไม่มีทางอื่นเดิน แต่พี่ลองจะใช้วิธีไหน
	ไม่ยาก ผมหามือปืนที่ชำนานๆได้ ขี่มอเตอร์ไซค์มายิงแล้วเผ่นหนี สักคืนสองคืนหรือสามคืนก็เห็นจะพอ แล้วแพร่ข่าวออกไปให้หนัก ประชาชนไม่เชื่ออยู่แล้วว่าสหประชาธรรมจะฆ่ากันเอง รัฐบาลเป็นแพะบูชายัญของเราแน่ๆ คุณเชื่อซิ่ ปราศจากคนคัดง้าง ครรลองจึงสรุป
	เป็นอันตกลงตามนี้
	เดี๋ยวพี่ ประสิทธิ์ยกมือ ไหนๆเราจะโยนฟืนติดไฟแล้ว ผมขอเสนอฟืนท่อนใหญ่อีกท่อนหนึ่ง คือตัวผมนี่แหละ
	คุณจะทำอะไร นายทหารยศพันตรีฉงน
	ถ้าแกนนำถูกยิงต่อหน้าฝูงชน อะไรจะเกิดขึ้น
	คุณสิทธิ์ สี่แกนนำอุทานพร้อมกัน ทั้งคาดไม่ถึง ทั้งตระหนก เจ้าของแผนรีบยกมือโบก ไม่ถึงตายหรอกครับ คนแม่นปืน คร่ำหวอดอยู่กับมัน เขาย่อมรู้ดีว่าปืนขนาดไหน หัวกระสุนหน้าตัดแบบไหน แรงปะทะเท่าไหร่ เวลายิง กระสุนจะตีคว้านทะลุออกในลักษณะไหนบ้าง เขากะถูกว่าควรยิงผมยังไงให้บาดเจ็บ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือสาหัส มันย่อมมีผลต่อการชุมนุมของเรา
	แล้วคุณจะแน่ใจหรือในความปลอดภัยของตัวเอง ครรลองหยั่งอย่างไม่วายกังวล
	มันอยู่ที่ว่า พี่ลองจะหามือปืนระดับไหนมา ถ้าเก่งๆระดับมือพระกาฬ ผมเชื่อ ผมไม่ตาย มันถึงคราวต้องเล่น ก็ต้องเล่นกันให้ถึงที่สุด ม้วนเดียวต้องจบก็ต้องจบ เขาประกาศทิ้งท้าย นับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา กลยุทธ์ถูกวางโดยรัดกุม ทุกก้าวของการเดินหมาก ระแวดระไวมิให้พลาด กระทั่งประสบชัยชนะในบั้นปลาย
	ประสิทธิ์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เครื่องปรับอากาศครางเบาๆ ภายในห้องสลัวรางด้วยแสงไฟ ขณะภายนอก แสงสว่างแห่งวันเลือนดับลับลา เจ้าแม่รัตติกาลเริ่มคลี่แพรสีนิลห้อมห่มแผ่นฟ้าแผ่นดิน อีกมิช้า ความมืดจะมาเยือน มืด เหมือนประชาธิปไตยของประเทศไทย ต่างกันแต่ว่า พอพรุ่งนี้มาถึง ความมืดทั้งมวลจะแปรเปลี่ยนเป็นกระจ่างสว่างใส หาก... อรุโณทัยแห่งปวงประชาเล่า อีกเมื่อไรจะฉายฉาน หรือจะไม่มีวัน???
(๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
	เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่ออ่านสนุกๆทั้งสิ้น ตัวละครก็เป็นบุคคลที่ผมสมมุติเอาเองหมดเช่นกันครับ หากเหตุการณ์ใด นามใด กระทบกระเทือน หรือสอดคล้องพ้องกับท่านผู้ใด อันก่อให้เกิดความระคายเคืองแก่ท่าน ผมขอกราบขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับผม				
comments powered by Disqus
  • ลิลิต

    27 พฤศจิกายน 2551 13:48 น. - comment id 102587

    เนื้อเรื่องน่าอ่าน มีอิงการเมืองในมุมมองที่แตกต่างของผู้เขียน .การนำเสนอทำได้ดีทีเดียว
    
    ส่วนเนื้อหานั้น มันเป็นเพียงการจินตนาการที่อาจจะเป็นได้ หรือเป็นไปไม่ได้.ก็ได้ .
    ..แต่การเขียนเลียบ ๆเคียง ๆ กับชื่อของแกนนำนั้น..เมื่ออ่านประกอบเนื้อเรื่องแล้ว..ก็พอจะมองออกว่าต้องการสื่อถึงอะไร มันเป็นมุมมองหรือทัศนะคติของผู้เขียนเท่านั้นเอง..ถึงผมจะมีความคิดต่าง..แต่ก็รับได้
    
    ..เพราะในสถานการณ์เช่นนี้..การเสแสร้งหรือหลอกลวง..หรือที่เรียกว่ายุทธวิธีการต่อสู้ให้ได้รับชัยชนะนั้น มันก็ใช้กันอยุ่ทั้งสองฝ่าย 
    ...เมื่ออยู่ในภาวะสงคราม..สายตาคงมองอะไรได้ไม่ชัดเจน..คงต้องรอวันที่ควันไฟสงบลงเสียก่อน....41.gif41.gif
  • ตราชู

    25 ธันวาคม 2551 11:25 น. - comment id 103011

    สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน สวัสดีครับ คุณลิลิต
    
    	สงครามจบชั่วขณะแล้วครับ ช่วงเวลาต่อไป คือการเก็บซาก แหละการบูรณะชาติ ซึ่งเราคนไทยจะต้องร่วมกันทุกฝ่ายจึงจะสำเร็จครับผม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน