ไร้เหตุผล

Yossakorn

ไร้เหตุผล

            คุณคิดว่าอะไรบ้างในโลกนี้ที่จะทำให้คนคนหนึ่ง ต้องลงทุนออกตามหา ยอมสละในสิ่งที่ตนมีเพื่อออกตามหามัน และมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องออกค้นหา สิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งล้ำค่า อำนาจ บารมี ทรัพย์สินเงินทอง หรือที่จริงแล้ว สิ่งนั้นอาจเป็นเพียงแค่สิ่งธรรมดาๆสิ่งหนึ่ง ซึ่งใครหลายคนยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริง บางคนบอกว่าสิ่งนั้นนำมาซึ่งความสุข บ้างก็ว่าเป็นต้นเหตุของความทุกข์ แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นคืออะไรก็ตาม แต่มันก็ทำให้คนหลายคนออกตามหา และอาจใช้เวลาชั่วชีวิตนั้นในการตามหาเลยด้วยซ้ำ สิ่งนั้นคือ “ความรัก” นั้นเอง

                เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้น ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 วันนี้เป็นวันที่อากาศแจ่มใส นักเรียนหลายๆคนต่างพากันตื่นเต้นและรอคอยวันนี้มานาน บางคนออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อซื้อดอกไม้ให้แฟน บางคนก็รอจังหวะที่จะบอกรัก และหลายๆคนก็มองว่าวันนี้เป็นเพียงแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง แต่ไม่ว่าใครจะมองวันนี้เป็นอย่างไร แต่วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของคนคนหนึ่ง ซึ่งรอโอกาสที่จะทำอะไรบางอย่างในวันนี้ ฟิล์ม เด็กหลังห้องคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กนักเรียนที่พึ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนี้ เขาเป็นคนเงียบขรึม ลึกลับ เรียนไม่เก่ง และเป็น “ เด็กมีปัญหา” เขาตั้งใจที่จะบอกรักคนที่เขาแอบรัก นั่นคือ แบม เพื่อนร่วมห้องของฟิล์ม แบมเป็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เพียบพร้อม เป็นผู้ดี อีกทั้งยังเป็นที่หมายปองของนักเรียนชายหลายต่อหลายคนอีกด้วย แบมสามารถทำให้หนุ่มๆหลายต่อหลายคนตกอยู่ในภวังค์ได้เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเธอ รอยยิ้มของเธอนั้นวิเศษเหมือนมีเวทมนต์และราวกับว่าจะไม่สามารถหารอยยิ้มแบบนี้ได้บนโลกอีกแล้ว ทำให้ใครหลายคนอยากที่จะมองรอยยิ้มของเธออยู่เสมอ แววตาซึ่งแฝงไปด้วยประกายซุกซนของเธอช่างสุกสกาวราวกับว่าโลกใบนี้มีแต่เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนี้ทุกๆวัน  ดวงตาคู่นั้นสามารถจ้องทะลุเข้าไปในใจของหนุ่มๆและขโมยมันมาได้เพียงแค่มองด้วยหางตา จนทำให้ใครหลายคนคิดว่าเธอเป็นนางฟ้าเลยทีเดียว

                เช้าวันนี้ ฟิล์มรีบตื่นนอนและเดินทางมาถึงโรงเรียนเร็วกว่าปกติ เขามาถึงโรงเรียนก่อนจะสว่างเสียอีกซึ่งถือว่าเร็วกว่าปกติมาก เมื่อมาถึงเขาก็ขึ้นห้องเรียนเพื่อเก็บของตามปกติ เขามาถึงโรงเรียนเป็นคนแรกของห้องในวันนี้ ซึ่งในขณะที่เขากำลังขึ้นบันไดนั้น เขาได้เจอกับ บอส เพื่อนสนิทของเขา

“แหม๋ วันนี้มาโรงเรียนเร็วจังนะฟิล์ม” บอสพูดหยอกฟิล์ม

“นิดหน่อยน่ะ นายก็มาเช้าเหมือนกันนะ” ฟิล์มพูดด้วยน้ำเสียงหอบเพราะกำลังขึ้นบันได

“อ๋อ! พอดีวันนี้พี่ชายที่แสนดีของเรากำลังเห่อรถใหม่ที่พึ่งซื้อ เลยพาเราออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 แล้วมาทิ้งเราไว้ที่โรงเรียนนี้แหล่ะ” บอสตอบด้วยน้ำเสียงเฮฮา

“เอิ่ม..เรามีอะไรอยากจะให้นายช่วยหน่อยนะบอส นะๆถือว่าเราขอ” ฟิล์มพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“เอ่อ…ได้ๆ…ว่าแต่ให้ช่วยอะไรเหรอ?”  บอสถาม

“ไม่มีอะไรมากหรอก เดี๋ยวถึงห้องแล้วจะบอกนะ..” เมื่อพูดจบฟิล์มก็วิ่งนำบอสไป ทิ้งให้บอสยืนงงอยู่คนเดียว

“อ้าว..กรรม ไม่รอกันเลยเว้ย” บอสพูดตัดพ้อ

                เมื่อถึงห้องเรียน บอสพบฟิล์มกำลังนั่งเขียนการ์ดติดช่อดอกไม้ช่อหนึ่ง เป็นช่อดอกกุหลาบ    สีแดงสลับกับดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ตรงกลางนั้นมีตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง บอสรู้ทันที่ว่าเพื่อนผู้เงียบขรึมของเขากำลังมีความรัก

“เอ๊ะ!….นี่นายมีความรักเหรอเพื่อน?” บอสถามแบบสงสัย ฟิล์มรีบหันมาด้วยท่าทางตกใจ

“ชู่ว!! เบาๆสิ เดี๋ยวก็มีใครมาได้ยินหรอก”ฟิล์มพูดปรามบอสไว้

“แล้วที่บอกจะให้ช่วยนี่คือ..ช่วยอะไรเหรอ?” บอสถาม ว่าแล้วฟิล์มก็วิ่งไปหน้าประตูหันมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะกระซิบบอส

“ก็ไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่อยากให้นายช่วยเราหน่อย…คือ…เรากำลังจะบอกรัก..เอ่อ..แบมน่ะ” ฟิล์มกระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ห้ะ! แบม!? จริงเหรอเนี้ย?” บอสถามกลับด้วยความตกใจ เพราะรู้ดีว่าโอกาสที่แบมจะชอบฟิล์มกลับนั้นน้อยมากจนถึงแทบจะไม่มีเลย ฟิล์มพยักหน้าอย่างช้าๆเมื่อได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงแบบนั้น

“เราก็แค่ …  อยากจะบอกรักคนที่เรารักสักครั้ง ก็เท่านั้นเอง” ฟิล์มพูดด้วยน้ำเสียงปนเศร้า

เมื่อบอสได้ฟังดังนั้นก็เห็นใจฟิล์ม และได้ช่วยฟิล์มโดยการคิดวางแผนในการบอกรักครั้งนี้

                เวลาเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงเวลาเข้าแถว ในแถววันนี้เพื่อนหลายคนเริ่มถือดอกกุหลาบบ้างแล้ว บางคนก็มีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดตามเสื้อ บางคนลากตุ๊กตาหมีตัวยักษ์เข้ามาในแถว เดือดร้อนเพื่อนคนอื่นไม่มีที่จะยืน ทำให้เป็นการเข้าแถวที่แปลกกว่าทุกวัน แต่ก็ผ่านมาได้อย่างปกติ

“เอาไงดีบอส เราไม่ค่อยกล้าเลย” ฟิล์มเริ่มหวาดกลัว

“เอาหน่า ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที ไม่ว่ายังไงจะ..อุ๊บ!” ฟิล์มเอื้อมมือมาปิดปากบอส

“หยุดร้องเถอะ ในโทรศัพท์เรามี” ฟิล์มพูด

“ขอโทษๆ แหะๆ ก็มันติดลม” บอสพูดไปพลางหัวเราะไป

“เอาหน่าๆ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี” บอสพูดปลอบใจฟิล์ม

                เวลาเรียนคาบเช้าในวันนี้ช่างเดินช้าเหลือเกินสำหรับฟิล์ม และที่น่าหดหู่ยิ่งกว่านั้นคือฟิล์มได้เห็นเพื่อนในห้องคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬารูปหล่อนำตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ไปให้แบม ซึ่งทำให้เกิดเสียงกรี๊ดขึ้นในห้องอย่างแสบแก้วหูโดยกลุ่มเพื่อนสาวของแบม ซึ่งพวกเธอก็กรี๊ดเสียราวกับว่าเป็นคนได้รับตุ๊กตาเอง

“ใจเย็นๆเพื่อน แบมไม่เลือกไอ้หมอนั่นหรอก วันๆอยู่แต่กับลูกบาสอย่างนั้น”บอสพูดปลอบใจ

ฟิล์มหันมามองหน้าบอสแล้วก้มกลับไปทำงานต่อ

                เมื่อถึงตอนพักเที่ยง แบมเอาปิ่นโตมาทานที่โรงเรียนเหมือนทุกวัน ตอนนี้บอสก็ได้พยายามชวนเพื่อนทุกคนออกจากห้อง จนเหลือแค่แบมกับฟิล์ม 2 คน

“วันนี้ไม่ไปกินข้าวเหรอฟิล์ม?” แบมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ราวกับเสียงพิณที่ดังออกมาจากโรงละครที่ไหนสักแห่ง ฟิล์มตกอยู่ในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบ

“อ๋อ พอดีวันนี้เราไม่ค่อยหิวน่ะ”ฟิล์มตอบ แปลกที่วันนี้ ฟิล์มมีความกล้าที่จะชวนแบมคุย และแล้ว ฟิล์มก็เดินไปหยิบดอกไม้ช่อนั้นมาให้แบม

“ดอกไม้ช่อนี้…เราให้เธอนะ”..จากนั้นฟิล์มตัดสินใจพูดไปว่า ..“เรา...เอ่อ..เรารักเธอนะแบม”

                บรรยากาศรอบๆเงียบสงัดในพริบตา เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน วินาทีนั้น ฟิล์มไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้กระทั้งเสียงหัวใจตัวเอง แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น….ดอกไม้ในมือของแบมตกพื้น ทันใดนั้น แบมวิ่งมาสวมกอดฟิล์มอย่างแรง

“เราก็รักเธอเหมือนกันนะฟิล์ม”แบมพูด

 หัวใจของฟิล์มพองโตขึ้นมา เขาทั้งดีใจและประหลาดใจมากที่เด็กมีปัญหาอย่างเขากลับได้รับความรักจากนางฟ้าอย่างแบม น้ำตาของฟิล์มเริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขานั้นมันคือความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนฟิล์มไม่ทันตั้งตัว เขาทั้งคู่ก็ได้เป็นแฟนกันในวันนั้นนั่นเอง

เย็นวันหนึ่ง ในขณะที่ฟิล์มเดินไปส่งแบมหน้าประตูโรงเรียน เพราะคุณพ่อแบมขับรถมารับ หลังจากนั้น หมิวซึ่งทำงานอยู่บนห้องก็ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากหน้าต่างห้องเรียน ..มีรถเบนซ์คันหนึ่งแล่นมายังหน้าโรงเรียนและรับฟิล์มไป รถรุ่นนี้มีมูลค่าเกือบ 10 ล้าน หมิวเอ่ะใจ

“นี่บ้านหมอนี่รวยถึงขนาดนั้นเลยเหรอ…อาจจะเป็นคนรู้จักก็ได้มั้ง” หมิวพูดกับตัวเอง

                หมิวกลับไปทำงานต่อ ระหว่างนั้นเธอได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น Facebook จู่ๆเธอก็เห็นภาพในเพจของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเพจนั้นมีรูปของ…ฟิล์ม หมิวพบว่าฟิล์มเป็นนักเรียนเก่าดีเด่นของโรงเรียนนั้น เธออึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เพราะคิดว่าฟิล์มซึ่งเป็นเด็กมีปัญหา สอบออกมาก็ตกพรวดทุกวิชา แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นนักเรียนเก่าดีเด่นของโรงเรียนแห่งนั้นได้

                เธอได้แชทกับเพื่อนที่อยู่โรงเรียนนั้นทันที และพบว่าฟิล์มสมัยที่อยู่โรงเรียนเก่านั้น เรียนเก่งระดับ Top ของสายชั้นเลยทีเดียว ที่บ้านมีฐานะดี แต่อยู่ๆก็ลาออกโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ หมิวได้เอาเรื่องนี้ไปคุยกับแบม แบมรู้สึกโกรธที่ฟิล์มไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับตน และคิดว่าฟิล์มหลอกตนมาโดยตลอด แต่จริงๆแล้วปัญหาแค่นี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องใหญ่เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะแบมรักฟิล์มมาก จึงทำให้โกรธและเสียใจ ถือเป็นการโกรธที่ไร้เหตุผลที่คนอื่นจะเข้าใจมากที่สุด แบมไม่ยอมฟังคำแก้ตัวจากฟิล์ม หลังจากนั้นแบมก็เลิกยุ่งกับฟิล์ม ฟิล์มเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

“เราแค่อยากจะตามหารักแท้ เลยทำแบบนี้ อยากหาคนที่เขาไม่ได้รักในความเก่งของเรา ไม่ได้รักในเงินทองของเรา แต่รักที่เราเป็นเรา เราไม่ได้คิดจะหลอกแบมเลยนะ”ฟิล์มพูดตัดพ้อให้บอสฟัง

“เราก็ไม่เข้าใจอารมณ์แบมเหมือนกัน เฮ้อ แต่นายก็น่าจะหาวิธีอื่น เป็นใครเจอเรื่องแบบนี้เข้าก็คงรู้สึกไม่ดี”บอสพูดปลอบใจฟิล์ม

                หลังจากนั้น…หนึ่งสัปดาห์ต่อมา แบมไม่มาโรงเรียนติดต่อกันหลายวัน ฟิล์มรู้สึกกังวลมาก สาเหตุก็เพราะ…เขายังคงรักแบมอยู่เสมอ ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แบมหยุดเรียนแม้กระทั่งหมิว เพื่อนสนิทของแบม ….แล้วในวันต่อมา บอสก็ได้มาเล่าให้ฟิล์มฟังว่าสาเหตุที่แบมไม่มาเรียนก็เพราะ แบมมีปัญหาทางบ้าน คุณพ่อของแบมถูกฟ้องล้มละลาย และได้รับโทษฐานฉ้อโกง ทำให้ตอนนี้เพื่อนๆของแบมต่างก็พากันตีตัวออกห่างจากแบม ฟิล์มเมื่อรู้เรื่องราวต่างๆก็ทำให้ยิ่งเสียใจและรู้สึกเจ็บแทนแบม ฟิล์มไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่เขาก็พบคำตอบในใจตัวเองว่า เพราะเขานั้นยังรักแบมอยู่นั่นเอง

เย็นวันนั้นก่อนกลับบ้าน ฟิล์มรอให้เพื่อนๆกลับบ้านก่อน โดยที่ตัวเองนั่งทำงานให้ห้องเรียนต่อไป เมื่อเพื่อนๆทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ฟิล์มจึงตัดสินใจโทรหาแบม

“แบม..เราฟิล์มนะ เธอโอเคไหม?” ฟิล์มถามแบมดื้อๆโดยไม่มีการเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้น

“ขอบคุณนะฟิล์ม..เราโอเค..เอิ่ม...ขอบคุณจริงๆนะที่โทรมาหา” แบมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอิดโรย

                แบมตอบฟิล์มพรางร้องไห้ไปด้วย ฟิล์มได้เล่าให้แบมฟังว่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทั้งคู่ได้คุยกันอยู่สักครู่หนึ่ง ฟิล์มจึงได้รู้อีกว่าไม่มีเพื่อนคนไหนโทรมาหาแบมเลยนอกจากฟิล์ม ก่อนวางสายฟิล์มได้ทิ้งท้ายไว้ว่า

“เรารักแบมนะ เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ..”

                สัปดาห์ต่อมา แบมกลับมาเรียนตามปกติ ทุกอย่างเป็นปกติจริงๆเพราะเธอกลับไปคุย เล่นกับเพื่อนๆของเธอเหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฟิล์มรู้สึกสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงเข้าไปคุยกับแบม

                แบมยอมรับกับฟิล์มว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น เรื่องการถูกฟ้องร้องของคุณพ่อแบม หรือเรื่องปัญหาต่างๆนั้น แบมเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง….เพื่อพิสูจน์ฟิล์ม

“เรารู้เรื่องที่ฟิล์มที่ฟิล์มจะพิสูจน์รักแท้หมดแล้วนะ เธอไม่เห็นต้องลงทุนมากมายขนาดนั้นเลย” แบมพูด

“แบมไม่โกรธเราใช่ไหม ? เราไม่ได้อยากจะทำให้เธอเสียใจเลย…จริงๆนะ” ฟิล์มพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด จากนั้น แบมใช้นิ้วชี้ของตนขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากฟิล์ม

“ไม่โกรธหรอกฟิล์ม เราก็แค่อยากรู้เฉยๆเหมือนกันว่าสมมติถ้าเราไม่เหลืออะไรชีวิตแล้ว ฟิล์มยังจะรักเราอยู่ไหม” แบมพูด

                สายตาของแบมในตอนนี้ประสานเหมือนเป็นสายตาคู่เดียวกันกับของฟิล์ม ราวกับว่าวันเวลาไม่มีผลอะไรแล้วกับความรักของเขาทั้งคู่

“เพราะลึกๆแล้ว…เราเห็นตัวตนของเธอนะฟิล์ม ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสถานะไหน  เราก็จะรักฟิล์ม ..แต่อย่าถามว่าเรารักฟิล์มตอนไหนนะ และรักเพราะอะไรด้วย เพราะคำว่า “รัก” มันเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุหรอก แม้ว่าบางครั้ง มันจะเริ่มมากจากความประทับใจ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่สุดท้าย ถ้าเกิดรู้สึกรักขึ้นมา มันก็ไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้นเหมือนกัน”

                เมื่อแบมพูดจบ ฟิล์มก็กอดแบมไว้แน่น ท้องฟ้าเวลานั้นดูสดใสกว่าทุกวัน แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาราวกับว่าเป็นพยาน มีสายลมพัดผ่านเข้ามาในห้อง เหมือนจะโอบเขาทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ฟิล์มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้แบม

“เรารักแบมนะ”ฟิล์มพูด

แบมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ..

“เราก็รักฟิล์มเหมือนกัน”

หลังจากนั้นเขาทั้งคู่ก็จูงมือกันเดินออกจากห้องเรียน

สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะได้พบความรัก ซึ่งอาจไม่เหมือนเรื่องราวความรักของคนอื่นๆและไม่มีใครตอบได้ว่าเขาทั้งคู่จะรักกันยืนยาวสักเพียงใด แต่ก็ถือเป็นเรื่องราวของบทพิสูจน์รักอันบริสุทธิ์อีกบทหนึ่ง จริงๆแล้ว บางคนอาจจะนิยามว่าความรักเป็นเรื่องบังเอิญ เป็นเรื่องของพรหมลิขิต หากแต่ที่จริงแล้ว ความรักอาจเป็นเรื่อง “ไร้เหตุผล” เท่านั้นเอง เพราะคำว่ารัก ไม่ต้องมีคำว่า “เหตุ” ไม่ต้องมีคำว่า “ผล”

…แต่มีเพียงแค่คำว่า “รัก” เกิดขึ้นในหัวใจ..ก็พอแล้ว…

comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน