Home บ้านรักในรอยแค้น ตอนที่ 1

สมภพ แจ่มจันทร์

ตอน ที่ 1

                เข็มนาฬิกาเลยสองยามไปไม่กี่วินาที สายลมเอื่อยๆ พัดอ้อยอิ่งล้อเล่นกันในยามวิกาล ท้องฟ้ากระจ่างด้วยแสงของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือม่านเมฆ ซุ่มเสียงของความเงียบเป็นดั่งบทเพลงขับกล่อมยามนิทราของใครต่อใครในวินาทีนี้ ในช่วงเวลาดึกสงัดเช่นนี้น่าจะเป็นชั่วโมงแห่งการหลับใหลอันแสนรื่นรมย์ของใครหลายต่อหลายคน แต่ในความเงียบนั้นกลับมีกังวานหนึ่งแอบแฝงมากับความมืด

“พวกแกรักกันมาใช่ไหม ฉันเกลียด....เกลียดความรัก พวกแกต้องตายเพราะความรัก”

ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันโหยหวน...

มนทิราผวาตื่นขึ้นกลางดึก เสียงนั้น ในโสตประสาท มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน น้ำเสียงที่ฟังดูดุดัน แข็งกร้าว และจริงจัง นับตั้งแต่คืนแรก จนถึงคืนนี้มันเป็นคืนที่สามแล้วที่เธอต้องผวาตื่นด้วยเสียงอันน่าหวาดกลัวนี้ น้ำเสียงมันทวีความน่ากลัวยิ่งขึ้น ยากเย็นเหลือเกินที่เธอจะข่มตาให้หลับต่อไปได้

“วิทย์ค่ะ” หญิงสาวเขย่าแขนสามี

ชายหนุ่มงัวเงียตื่นขึ้นมา ฝ่ายภรรยาลุกขึ้นไปเปิดไฟให้สว่างทั่วห้อง พร้อมกับเล่าเรื่องเสียงยามวิกาลนั้น แต่ทว่าฝ่ายสามีกลับดึงร่างของภรรยาให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แล้วบอกให้ผู้เป็นภรรยานั้นนอนเสีย

“นอนเถอะมน คุณเหนื่อยและฝันร้ายเท่านั้นเอง”

ผู้เป็นภรรยาจำใจเอนตัวลงนอนในก้อมกอดผู้ที่เป็นสามี ทั้งๆ ที่ในยามนี้หล่อนกลัวเหลือเกิน กลัวซุ่มเสียงยามวิกาลนั้นจะกลับมากังวานอีกครา

“วิทย์คะ มนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ นะคะ มนไม่ได้โกหกหรือคิดไปเอง”

มนทิรา กล่าวกับสามีอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้นแต่ทว่าสามีกลับนิ่งเงียบ และปลอบใจผู้เป็นภรรยาว่าคงจะแปลกที่จึงนอนไม่หลับแล้วคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นานา แต่อันที่จริงแล้วเขาเองต่างหากที่ได้ยินเสียงนั้นก่อนที่มนทิราจะได้ยิน ทว่าเขาตัดสินใจที่จะไม่บอกภรรยา เพราะเกรงเธอจะเสียขวัญจนไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้

วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่ประวิทย์และมนทิราย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ แม้ว่าบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านมือสอง แต่ทว่าสภาพยังใหม่มาก ป้าเจ้าของบ้านบอกว่าหลานสาวอยู่ได้เพียงสองปี ก็แต่งงานและไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ บ้านหลังนี้จึงไม่มีใครอยู่ ทั้งคู่จึงตัดสินใจประกาศขาย

หากเปรียบเทียบตัวเลขกับบ้านในโครงการใหม่ๆ ในละแวกนี้ บ้านหลังนี้ก็ยังราคาถูกมากกว่าครึ่ง ประวิทย์และมนทิรา จึงตัดสินใจรวบรวมเงินเก็บทั้งหมดที่มีอยู่และกู้เงินเพิ่มอีกเล็กน้อย มาซื้อบ้านหลังนี้แม้ว่าจะอยู่ชานเมือง แต่ทั้งสองก็มีรถจึงทำให้ไม่ลำบากในการเดินทาง เพราะนับตั้งแต่แต่งงานกันมาหนึ่งปี เขาและเธอเช่าคอนโดอยู่ หากเทียบราคาค่าเช่าคอนโดกลางใจเมือง เดือนหนึ่งก็พอๆ กับผ่อนบ้านแถบชานเมืองเลยทีเดียว และเมื่อทั้งคู่อยากจะมีลูกขึ้นมา จึงเริ่มจะขยับขยายพื้นที่สำหรับครอบครัวเล็กๆ ของเขาและเธอ

สภาพบ้านแม้ว่าจะดูใหม่ ด้านนอกมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กและสวนขนาดย่อมที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม แต่สำหรับมนทิราแล้ว เธอรู้สึกแปลกๆ กับบ้านหลังนี้ โดยเฉพาะในห้องนอน เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มันยากที่จะอธิบายเหลือเกิน เมื่อครั้งที่ทั้งคู่มาดูบ้านเธอพยายามคิดว่าเป็นเพราะบ้านถูกปิดไว้นาน จึงทำให้อากาศไม่ถ่ายเท แต่เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ เวลาแค่เพียงสี่คืนเท่านั้น ความอึดอัดเริ่มทวีขึ้นหลายเท่าพร้อมกับเสียงลึกลับยามวิกาลนั้นที่ทวีความน่ากลัวขึ้น

 “วิทย์ค่ะ เรายังไม่ได้ทำบุญบ้านเลย มนว่าเราน่าจะนิมนต์พระมาทำบุญบ้านนะคะ” ฝ่ายภรรยาเสนอความคิดเห็น

“ผมก็เห็นด้วยนะมน แต่ผมว่าเอาไว้ทำทีเดียวตอนสงกรานต์จะดีกว่าไหม เหลืออีกไม่กี่เดือนเอง ญาติๆ คุณกับผมก็จะได้มาพร้อมกันด้วยไง รออีกสักเดือนกว่าๆ นะที่รัก”

มนทิราเห็นตามสามีอีกครั้ง เหลือเวลาอีกเดือนกว่าเท่านั้นก็จะถึงเทศกาลปีใหม่ไทย เมื่อทั้งสองตัดสินใจซื้อบ้าน บรรดาญาติๆ ของทั้งสองตกลงกันว่าจะมาเยี่ยมทั้งสองในวันปีใหม่ไทยที่ใกล้จะถึงนี้ มันก็คงเป็นการดีหากจะเอาถือเอาวันปีใหม่นั้นเป็นวันทำบุญบ้าน อีกทั้งในวันนั้นก็จะเป็นรวมตัวญาติๆ ของทั้งสองฝ่าย มนทิราเห็นคล้อยตามสามี เธอจึงได้แต่ยิ้มและพยักหน้าแทนคำตอบรับ

“มน...เย็นนี้ผมจะรีบกลับนะ คุณเตรียมทำอาหารไว้ เราจะดินเนอร์ริมสระน้ำกัน”

ประวิทย์บอกภรรยาก่อนออกไปทำงานตอนเช้า มนทิราเลื่อนปิดประตูรั้วหน้าบ้าน แต่ยังไม่ทันปิดสนิท ประวิทย์ผู้เป็นสามีกลับลดกระจกรถลง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยใบหน้าออดอ้อน

“คุณลืมอะไรหรือเปล่า”

มนทิราก้าวเดินไปหาสามีที่รถ พร้อมกับประทับรอยจูบลงที่แก้มของฝ่ายชาย

“ขับรถดีๆ นะคะ เย็นนี้เจอกัน”

หญิงสาวอมยิ้มเล็กๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ เพราะแม้เธอกับประวิทย์จะแต่งงานกันมาเป็นสามปีแล้ว แต่ประวิทย์ยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเพิ่งจีบกันใหม่ๆ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอรักผู้ชายคนนี้จนหมดหัวใจ

มนทิราตระเตรียมอาหารที่สามีชื่นชอบ ดอกกุหลาบดอกโตสีแดงถูกตัดจากกระถางหน้าบ้านมาปักไว้บนแจกันแก้วใบกะทัดรัด เธอหันไปมองภาพถ่ายในวันแต่งงานที่ถูกนำมาติดไว้ในห้องรับแขก แล้วยิ้มเล็กๆ

“วิทย์ค่ะ มนรักคุณค่ะ”

มนทิราเอ่ยอย่างแผ่วเบา ในจิตใจขณะนี้เบ่งบานไปด้วยความรัก ความสุข และความสมหวัง รอเพียงวันเวลา ที่เธอจะมีเจ้าตัวน้อยเท่านั้น ชีวิตของเธอคงจะมีความสุขอย่างหาใครเปรียบมิได้

ความรักที่ผนึกอยู่ในหัวใจของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ในใจของหญิงสาวอีกหนึ่งนั้นกลับตรงกันข้าม

“ที่จริงมันต้องเป็นฉัน ต้องเป็นฉันที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ต้องเป็นฉันคนเดียว”

กังวานเสียงที่แผดก้องอยู่ในอากาศ แต่ทว่ามนทิรากลับไม่ได้ยินอะไรเลย

“ฉันเกลียดความรัก ในเมื่อฉันไม่มีความรัก ก็อย่าให้ใครมีความรักเลย”

ในกังวานนั้นมีเสียงหัวเราะแผดขึ้นมาสลับกัน ร่างๆ นั้น ใกล้มนทิราเข้าไปทุกที ดวงตาที่ไร้แววจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหาร

“สามีเธอกำลังมีคนอื่น สามีเธอกำลังมีคนอื่น” เสียงๆ หนึ่งแว่วมาในโสตประสาท

มนทิราหันมองซ้ายทีขวาที แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ในบ้านนี้มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น แล้วที่ได้ยินนั่นเสียงใคร หญิงสาวหันไปมองซ้ายทีขวาที

“สามีเธอกำลังมีคนอื่น”ริมฝีปากซีดเผือดนั้นกระซิบที่ข้างหูของมนทิรา โดยที่เธอไม่สามารถมองเห็นได้เลย

 เสียงนั้นกำลังดังขึ้นๆ จนเธอรู้สึกได้ว่าต้นเสียงมาจากในห้องครัวนี่เอง

 แล้วเป็นเสียงใคร?

หญิงสาววางมีดลง แล้วเดินอย่างรวดเร็วไปที่โต๊ะรับแขกที่โทรศัพท์มือถือวางอยู่ แล้วรีบกดโทรศัพท์หาสามีทันทีแต่โทรศัพท์ปิดเครื่อง เธอพยายามติดต่ออีกหลายครั้ง กระทั่งตัดสินใจโทรเข้าเบอร์บริษัทก็ได้ความว่าผู้เป็นสามีกำลังประชุมอยู่ เธอจึงได้แต่ฝากข้อความไว้

“หรือเราจะประสาทหลอน”

หญิงสาวพยายามโกหกตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเสียงที่เธอได้ยินได้มิได้เกิดจากอาการประสาทหลอนอย่างที่เธอคิด เธอแก้ปัญหาด้วยการหยิบยาแก้ปวดศีรษะมารับประทาน มันช่วยได้ในระดับหนึ่ง เธอเลือกที่จะเอนหลังที่โซฟามากกว่าจะเข้าไปที่ห้องนอน หนังตาเริ่มหนักขึ้นๆ และหลับไปในที่สุด

ภาพของประวิทย์สามีสุดที่รัก กำลังเคล้าคลออยู่กับหญิงอื่น ปากก็พร่ำบอกแต่คำรักต่อกัน ฝ่ายชายโอบกอดฝ่ายหญิงไว้แนบแน่น “ผมรักคุณ” ประโยคที่เธอคุ้นเคยจากปากฝ่ายชาย แต่บัดนี้ผู้รับฟังหาใช่เธอไม่ กลับเป็นหญิงอื่น ที่เธอไม่รู้จัก

“ไม่จริง สิ่งที่เสียงนั้นบอกมันเป็นความจริง ประวิทย์กำลังนอกใจเราหรือนี่”

เธอพยายามพาตัวเข้าไปหาคนทั้งคู่ แต่ทว่าร่างกายกลับขยับไม่ได้สักนิด มีเพียงดวงตาเท่านั้น ที่เพ่งมองทั้งคู่ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก

“ไม่จริง”

กังวานนั้นแผดออกมาสุดเสียง เหงื่อกาฬเม็ดโตผุดขึ้นจนเนื้อตัวชุ่มโชกหญิงสาวลุกพรวดขึ้นจากโซฟารับแขก มองไปรอบๆ ตัว มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ไม่มีประวิทย์ไม่มีหญิงคนนั้น

ใช่! มันคือความฝัน แต่มันเหมือนจริงมาก หญิงสาวเหลือบมองดูนาฬิกาข้างฝาผนังเกือบสี่โมงเย็นแล้ว พลางมองหาโทรศัพท์แล้วรีบกดไปหาสามีอีกครั้ง

“วิทย์คะ คุณอยู่ที่ไหน”

“ผมกำลังจะกลับ มีอะไรหรือเปล่า ผมเห็นคุณโทรมาตอนผมประชุมหลายสาย โทรกลับไปคุณก็ไม่รับ คุณไม่สบายหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรค่ะ คุณรีบกลับบ้านนะคะ มนทำอาหารที่คุณชอบไว้เยอะเลยค่ะ”

“เชื่อฉัน เขากำลังมีคนอื่น เธอต้องเชื่อฉัน สามีเธอโกหก” เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นแว่วมาอีกครา

หญิงสาวสะดุ้งมาอีกครั้ง คราวนี้เธอรีบก้าวออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว แหงนมองไปที่ตัวบ้าน บ้านนี้ต้องมีอะไรแน่นอน มันคือความคิดที่เธอต้องบอกสามีในอีกไม่กี่นาทีที่สามีกำลังจะมาถึง

 

 

comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน