21 มกราคม 2552 10:09 น.

...ผ่านเงา...

เสี้ยว

เป็นธรรมดา
ชีวิตนำทางไปสู่ทิศตะวันตก
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามาจากเบื้องหลัง
ท้องฟ้าสลัวลางยามรุ่งสาง
ก่อเงาเร้นลับทอดยาวอยู่เบื้องหน้าดูคล้ายความฝัน

...

สองเท้าก้าวไปเบื้องหน้าไม่หยุด
เงาดำเหมือนฝันล่อหลอกให้ไล่จับ
น่าติดตาม น่าค้นหา น่าไขว่คว้าสุดขอบโลก
จึงออกวิ่งไล่ล่าจับสุดขอบเงาบนพื้น

...

สองเท้าก้าวเข้าใกล้เงาหัวตัวเอง
พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงอยู่เบื้องหลัง
อีกนิด อีกนิด อีกนิด
ไอแดดแผดกล้าจนเหงื่อไหล
ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ ไม่แพ้ วิ่ง วิ่ง วิ่ง

...

และแล้ว 
อาทิตย์ก็ลอยเด่นอยู่ตรงหัว
เงาทอดยาวเมื่อต้นทางนั้น หดสั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้า
ไล่ล่าวิ่งจับ แลกมาด้วยชีวิต จนสำเร็จ 
เหน็ดเหนื่อย ร้อน ล้า
แดดยังแผดเผา เหงื่อยังท่วมกาย

...

หากถนนแห่งชีวิตยังคงเคลื่อนต่อ
มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก
แม้เหยียบเงาดำลึกลับนั้นไว้มั่น แต่กลับเหยียบไว้ไม่อยู่
ความสมหวัง ความภาคภูมิ
หรือเพียงผ่านมาให้ชื่นชมเพียงครู่ยาม

...

วันเวลาบังคับให้ก้าวเดินต่อ
ถีบถองจนซวนเซออกจากเงาฝันใต้ฝ่าเท้า
เงาดำจึงคล้อยหลัง พร้อมๆกับความฝันที่คล้อยผ่าน
ถนนเบื้องหลังเหลือไว้เพียงตำนานที่ไร้ชีวิต

...

พระอาทิตย์เบื้องหน้าคล้อยต่ำ
ท้องฟ้าสลัวลางยามพลบ
ก่อเงาเร้นลับทอดยาวอยู่เบื้องหลังดูคล้ายความฝัน
หันกลับไปมองเห็นเพียงเลือนๆ 
ได้แค่มอง ย้อนกลับไปหาเงานั้นไม่ได้อีกแล้ว

...

ยามอัสดง หากหัวใจไม่ปฏิเสธ 
จะคงเหลือแค่เพียงลมหายใจของประสบการณ์ 
ที่ผ่อนแผ่วอยู่ในลำแสงอ่อนนุ่มของความจริง
ถนนเบื้องหน้าเงียบเหงา แต่งดงาม
มุ่งทอดทางกลับสู่ความเป็นจริง
เพื่อลาลับไปพร้อมลำแสงสุดท้ายแห่งชีวิต

...				
20 มกราคม 2552 10:44 น.

ฟ้าใส...กลางแดดแผดดาว

เสี้ยว

มันมีเรื่องดีๆ บางเรื่อง
ที่เกิดขึ้นเพียงในคืนบางคืน
บนท้องฟ้า...
ที่เริ่มผละจากหน้าหนาว 

นอกหน้าต่างบานกว้าง
นึกว่าตาฝาดเมื่อเห็นระบำดาว
กระพริบล่อหลอกให้ลุกขึ้นเพ่งมอง
นาน... จนเห็นระยิบดาวโผล่พ้นแสงไฟ 

มือเอื้อมปิดม่าน หากใจค้าน
แม้ไม่พึงใจแสงแสบตาเมื่อยามตื่น
แต่ชั่วขณะออกเดินทางสู่นิทรา
ก็อดจะอาวรณ์กำมะหยี่สีมืด
กับเพชรเม็ดพราวที่ติดอยู่บนนั้นไม่ได้ 

ด้านซ้ายของกรอบกระจก
พระจันทร์โผล่หน้ามาทักเพียงครึ่งดวง
หากกระต่ายครึ่งตัวในนั้น
ก็ยังโบกมือหยอยๆ ให้ร่าเริงยิ่ง 

ฟ้าใส... ที่ทำให้กลางวันแดดร้อน... เกินไป
จนคร้านจะลุกจากเตียงในตอนเช้า
กลับเป็นฟ้าสวย ที่ทำให้ยามค่ำคืน
ฟ้ามืด มีดาวสว่างกว่าเคย 

คงเหมือนกับที่เขาว่า
ความปีติ และความบูดบึ้ง
ล้วนไหลจากก๊อกเดียวกัน
มีเพียงสองทางเลือก 
คือเปิดรับ หรือปฏิเสธ
แต่จะไม่น่าเสียดายหรือ 
หากการตัดตนเองออกจากความบูดบึ้ง
ทำให้ต้องอดสัมผัสความปีติไปด้วย 

จึงเอนกายกลางไอล้อมของแสงดาว
ที่สาดแสงผ่านเข้ามา
ทางหน้าต่างห้องที่เปลือยเปล่า
และเตรียมพร้อมน้อมรับยามเช้า
ที่ต้องตื่นขึ้นในสายแดดเผา
จากฟ้าใส... ผืนเดียวกัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสี้ยว
Lovings  เสี้ยว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสี้ยว
Lovings  เสี้ยว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสี้ยว
Lovings  เสี้ยว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเสี้ยว