19 กันยายน 2554 19:41 น.

อทิสมานกาย ๑๐๔

แก้วประเสริฐ

 
            อทิสมานกาย  ๑๐๔

   เมื่อรถแล่นผ่านเข้ามายังสถานีตำรวจ  แล้วจอดลงยังที่เก็บรถซึ่งมี

ป้ายบอกว่าเป็นที่จอดรถของหัวหน้าสถานีตำรวจ  ผู้หมวดแฉ่งก็รีบ

ลงจากรถมาเปิดประตูรถด้านหลังพร้อมทำความเคารพ  ร่างชายหนุ่ม

บัดนี้ปราศจากหนวดเคราสร้างความแปลกใจแก่บรรดาตำรวจ

ทั้งหลายร่างที่ก้าวลงมาจากรถก็ทำความเคารพตอบ พร้อมทั้งออก

เดินไปยังบันไดสถานีพร้อมทั้งทอดหมวกออกหนีบไว้ข้างตัว ร่าง

ก้าวขึ้นบนบันไดโรงพักไป  ด้วยยังเช้านักจึงไม่ค่อยมีผู้คนมาใช้

บริการมากนัก  ชายหนุ่มมองไปรอบๆห้อง  เห็นโต๊ะร้อยเวรกำลัง

ยืนที่หน้าโต๊ะ พร้อมตำรวจหญิงที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ต่างทำ

ความเคารพ ชายหนุ่มก้มศีรษะลงพร้อมยิ้มให้ พลางเดินไปตบไหล่

เจ้าหน้าที่ พลางกล่าวว่า

   “ตามสบายนะทุกๆคนไม่ต้องเกร็งตัวหรอกเราพี่น้องกันแท้ๆนะ”

แล้วร่างชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาท่านรองและสารวัตรที่คอยต้อนรับ

     ซึ่งบัดนี้มีรองท่านรองวาสนาท่านสารวัตรพร้อมตำรวจทั้งหลาย

ออกมาตั้งแถวคอยต้อนรับพร้อม  ทำให้ประชาชนที่มาใช้บริการ

ต่างงุนงงสงสัยต่างพากันซุบซิบต่างๆนานาไปตามๆกัน 

ได้แต่เพ่งพิศ  ส่วนบรรดาตำรวจอื่นๆต่างนึกว่ามีเจ้าหน้าที่มาตรวจ

เยี่ยมหารู้ไม่ว่านี่คือผู้กำกับของเขาเอง  

     ต่างจ้องเขม็งไปยังร่างที่เดินมาหาบรรดาตำรวจที่คอยต้อนรับ

พร้อมทั้งทำความเคารพตอบ พลางเอ่ยขึ้นว่า

   “ท่านรองฯไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ ผมก็บอกแล้วว่า

ไม่ต้องเรื่องมากหรอก  เราคนกันเองทั้งนั้น อันที่จริงผมจะมาเอง

เสียด้วยซ้ำไปครับ”

   “เป็นพิธีการครับท่านผู้กำกับฯที่จะต้องกระทำตามประเพณีมา

ครับ ขอเชิญไปยังห้องท่านเลยครับ  ผมจะได้มอบเอกสารต่างๆให้

แก่ท่านได้ตรวจสอบ  บอกตรงๆผมแสนจะดีใจมาเหลืออีกไม่กี่วัน

แล้วซินะที่จะต้องพ้นหน้าที่ไป  ผมใฝ่ฝันอย่างพบเจอ

มานานแล้วครับ”

   “ผมก็มาหาเรื่อยๆแหละครับที่ร้านอาหารข้างโรงพักแหละครับแต่

ท่านวาสนาไม่รู้เองนี่นา”

    ชายหนุ่มตอบพร้อมหันไปยิ้มแก่สารวัตรทั้งสี่ที่ต่างยืนสำรวม

ด้วยสีหน้าเบ่งบานนัก   ชายหนุ่มพลางเดินไปหาสารวัตรสังวาลย์

พลางเอ่ยว่า

   “งานธุรการคงมากนะระยะนี้คงสร้างความลำบากใจ

แก่คุณมากนักนะ”

   “ไม่หรอกครับท่านผู้กำกับ  ผมทำตามหน้าที่เท่านั้นครับ”

   “อืมมๆๆๆๆเดี๋ยวสารวัตรชัชวาลย์กับสารวัตรทั้งสี่ท่านเดี๋ยวไปหา

ผมในห้องด้วยนะครับหากมีเวลาว่างขอเชิญจะปรึกษาอะไรหน่อย

นะด้วยมีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟังที่ห้อง”

   “ครับท่านแล้วเวลาเท่าไหร่ล่ะครับท่าน”

   “อีกประมาณสักชั่วโมงก็ได้นะ  จะขอคำปรึกษาหน่อยนะ”

   แล้วร่างชายหนุ่มก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับท่านรองผู้กำกับการ

ตำรวจทั้งสองต่างสนทนากัน ในเรื่องต่างๆ   เมื่อถึงยังบริเวณหน้า

ห้องที่ติดอยู่กับห้องท่านรองวาสนา   ชายหนุ่มก็เปิดประตูเข้าไปใน

ห้องส่วนตัวทั้งหมดจัด

ไว้พร้อมเสร็จสรรพด้วยท่านรองฯได้มีคำสั่งให้ทำความสะอาดดู

แลอย่าให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด  

ร่างชายหนุ่มก็ร้องเชิญให้ท่านรองฯนั่งส่วนตัวเขาก็เข้าไปนั่งยังโต๊ะ

ประจำตำแหน่งทันที

    ทั้งหมดต่างเจรจา ท่านรองฯขอตัวไปสักครู่ก็นำเอกสารต่างๆ

มามอบให้แก่เขาพลางเอ่ยว่า

   “นี่คืองานทั้งหมดที่ผมต้องมอบให้ท่านต้องดำเนินงานต่อไป

 โปรดตรวจสอบด้วยนะครับ หากจะมีอะไรแก้ไขโปรดแจ้ง

มาได้เลยครับ”

     ชายหนุ่มยิ้มพลางเอ่ยขึ้นว่า

   “ไม่ต้องหรอกครับผมจะลงนามรับมอบไม่ต้องตรวจผมก็

ทราบหมดแล้วครับเพราะเชื่อมั่นท่านรองมากๆอยุ่แล้วครับ


  ต่อไปนี้ท่านรองจะได้พักผ่อนก่อนจะปลดทำงานไป

อ้อสิ่งที่ผมให้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยังล่ะครับ”

   “ทุกๆอย่างที่ท่านสั่งมาผมจัดไว้เรียบร้อยแล้วครับ  

อยู่ในตู้เบื้องหลังท่านแหละครับ”

   “ขอบคุณมากนะครับ  และจะให้เกียรติท่านรองเป็น

ผู้ประดับยศตำแหน่งแทนผมด้วยหวังว่าท่านรองคงจะ

ไม่ขัดข้องนะครับ”

   “จะดีหรือครับ เพราะท่านผู้เป็นบังคับบัญชาดตรงตรงนี่ครับ”

   “เอาเถอะน่าไม่เป็นปัญหาหรอกเชื่อผมเถอะครับ เพราะตลอดเวลา

ท่านก็บังคับบัญชาอยู่แล้วนี่นา  นับเป็นเกียรติแก่ท่านเองด้วย”

   เล่นเอาท่านรองอ้าปาค้างจะกล่าวก็กล่าวไม่ออกนอกจากค้อมศีรษะ

รับทราบคำสั่ง  แล้วทั้งสองก็สนทนากันในเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ

ภายในเมือง  ชายหนุ่มบอกว่าเขารู้เรื่องราวหมด

สิ้นแล้วล่ะ  เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ก็มีผู้หมวดเข้ามารายงานว่า

ท่านสารวัตรทั้งสามมาขอพบ

   “ชายหนุ่มกล่าวว่า คุณวิชิต ซึ่งบัดนี้ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นรตท.ไปแล้ว  

เชิญให้เข้ามาได้แล้วนะ”

    “ขอรับท่าน พร้อมทำความเคารพแล้วเดินออกไป สักครู่หนึ่ง

สารวัตรทั้งหมดก็เดินเข้ามา   

    “ขอเชิญท่านสารวัตรนั่งได้แล้วครับไม่ตัองยืนหรอก”

  ดังนั้นสารวัตรทั้งหมดก็ต่างไปนำเก้าอี้มานั่งเรียงรายต่อหน้าโต๊ะ

ของชายหนุ่มทันที   ครั้นเมื่อนั่งครบเรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มก็เอ่ย

ขึ้นว่าหลังจากพวกเราลำบากกันมามากๆแล้ว  ผมได้ทำหนังสือลับ

ไปยังหน่วยเหนือเพื่อขอความอนุเคราะห์ในกรณีย์พิเศษก็ได้รับรับ

คำสั่งตกลงมายังผมแล้วล่ะ  ขอแสดงความยินดีกับทุกๆคนด้วยนะ

    แต่เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่ท่านรองฯซึ่งจะต้องพ้นหน้าที่ราชการ

ไปในอีกไม่ช้า  จะเป็นผู้ประดับยศตำแหน่งแทนผมก็แล้วกัน”

   เล่นเอาบรรดาสารวัตรทั้งหมดต่างหันมามองหน้ากันด้วยความ

ประหลาดใจนัก  เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เพราะถึงแม้

จะเป็นฤดูกาลเปลี่ยนแปลงก็จริงอยู่แต่ บางคนพึ่งได้รับมาไม่นาน

เท่าใดนัก  ก็จะได้เลื่อนขึ้นอีก   ชายหนุ่มมองหน้าพลางอมยิ้มแล้ว

กล่าวแก่บรรดาสารวัตรทั้งหลายว่า

   “หากทุกๆคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียรด้วยความ

ซื่อสัตย์สุจริตก็จะมีผลดังเช่นนี้แหละ อีกประการหนึ่งภายในจะมี

การเปลี่ยนแปลงไปจะใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้  ในเมื่อมี

โอกาสที่ดีเช่นนี้ ยังพอจะช่วยเหลือได้ผมก็จะช่วยเหลือเท่าที่ความ

สามารถผมจะทำได้  ฉะนั้นขอให้ทุกๆคนพึงรำลึกถึงคำว่าผู้พิทักษ์
-
สันติราษฏร์เอาไว้ให้มากๆ  อย่าหลงระเริงไปในตำแหน่ง

ยศฐาบรรดาศักดิ์อีก  จงคิดเสียว่าให้ทำหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นที่พึ่งแก่

ประชาชน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ต้องคอยช่วยเหลือเขาไว้อย่าได้

เห็นแก่อามิสสินจ้างใดๆทั้งสิ้น  ก่อนที่ผมจะเสนอไปยังเบื้องบนนั้น

ผมได้สำรวจ ประวัติท่านทั้งหลายไว้หมดแล้วล่ะ  ขอแสดงความ

ยินดีแก่ท่านทั้งหลายด้วยนะ”

   พลางชายหนุ่มก็หันหลังเดินไปเปิดตู้ที่ใช้สำหรับใส่เอกสาร

ด้านหลัง เปิดอ้าออกทั้งสองด้าน เพราะในตู้นั้นจัดวางเรียงเอกสาร

ต่างๆไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย  ทำเอาท่านรองฯถึงกับตะเหลือกปาก

อ้าตาค้างไปทันที  ด้วยเขาเองมาสำรวจตั้งหลายครั้งแล้วไม่ปรากฏว่า

มีเอกสารใดๆทั้งสิ้น แต่บัดนี้สิ่งที่มองเห็นกลับมีเอกสารจัดวางเป็น

ระเบียบมากมายนัก  สร้างความแปลกใจเป็นที่สุด  ชายหนุ่มก็หยิบ

พานออกมาแล้วปิดประตูตู้ทันที  พลางหันหลังกลับมาวางไว้หน้า

โต๊ะที่ท่านรอง พร้อมนำเอกสารออกมาจำนวน สี่แผ่นพร้อมเอกสาร

หลายแผ่นซึ่งนำมาวางไว้บนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้นทันทีว่า

   “ในคำสั่งนี้ให้ท่านลงนามรับทราบไว้ด้วย เพราะที่ต้องรีบทำนี้ด้วย

ป้องกันคนที่จะย้ายมาทดแทนตำแหน่ง เพราะอาจจะเป็นคนที่ผมไม่

ไว้วางใจได้ จึงขออนุญาตเป็นกรณีย์พิเศษดังรายนายต่อไปนี้

   ท่านสารวัตรชัชวาลย์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตอ.ฝ่ายปราบปราบ

 รักษาการณ์รองผู้กำกับการประจำสถานีนี้อีกทางหนึ่งด้วย

   ท่านสารวัตรสังวาลย์แผนกธุรการขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.ทำงาน

ในตำแหน่งเดิมไปก่อนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่

  ท่านสารวัตรจำลองให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.ช่วยฝ่ายปราบปราม

  ท่านสารวัตรจรัส ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.ฝ่ายสอบสวนสืบสวน

   ท่านสารวัตรวิบูลย์ ให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง พตท.หัวหน้าฝ่ายจราจร

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ผู้จะประดับยศนั้นคือท่านรองผู้กำกับการ

จะเป็นผู้ประดับยศให้  ขอเชิญท่านรองทำหน้าที่แทนผมด้วยครับ”

    แล้วชายหนุ่มก็หยิบพานที่ยศต่างๆยื่นส่งให้ทันที  ท่านรองก็บอก

ให้ทุกๆคนยืนเข้าแถว เรียงตามลำดับรายชื่อ  ครั้นท่านประยศเสร็จ

แล้ว  ชายหนุ่มก็ให้มาลงนามรับทราบคำสั่งต่อไปเป็นอันเสร็จพิธี

การ  ในระหว่างนั้นครั้นเมื่อประดับยศแล้วชายหนุ่มก็กล่าวอบรม

แก่บรรดาตำรวจทั้งสี่นาย พร้อมทั้งเข้าไปจับมือแสดงความยินดี

ด้วยพร้อมกับมอบหนังสือให้คนละฉบับ บอกว่าให้ไปติดตั้งตาม

คำสั่งแก่ลูกน้องต่อไป   

       การกระทำเช่นนี้ทำให้บรรดาสารวัตรต่างๆพากันน้ำตาคลอเบ้า

ด้วยความปิติยินดีในสิ่งที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย

ว่าจากการมาเป็นลูกน้องท่านผู้กำกับคนนี้ อะไรๆจะเปลี่ยนแปลง

ชีวิตของตัวเองได้ถึงเพียงนี้   ต้องน้อมคาราวะชายหนุ่มทันทีด้วย

ความจริงใจอย่างล้นพ้น พลางมองดูยศบนบ่าตัวเองแทบจะไม่เชื่อ

สายตาตนเองเลยว่าจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้  จึงต้องชะงักเมื่อได้ยิน

เสียงขายหนุ่มกล่าวขึ้นว่า

   “อย่าหลงระเริงต่อตำแหน่งนี้  ให้ทุกๆคนคิดว่านี่คือแค่หัวโขน

หัวหนึ่งเท่านั้น เวลาทำงานให้เราสวมใส่ไว้ แต่เวลาเลิกงานให้ถอด

 ทิ้งไว้หน้าห้อง อย่าคิดเอากลับไปบ้าน ไปบ้านให้วางตัวอีกลักษณะ

หนึ่ง  ก็จะทำให้จิตใจเราขาดความลุ่มหลงต่อยศฐาบรรดาศักดิ์ 

อย่าได้ลุแก่อำนาจของตัวเอง  ขอให้ทุกๆคนจงจำไว้ให้เสมอๆนะ

ผมหวังว่าคนที่ผมหวังไว้คงจะไม่ทำให้ผมต้องผ ิดหวังไปเสียล่ะ”

   “ครับผ๊ม พวกกระผมจะน้อมรับและจารึกคำสั่งสอนนี้ไม่ลืมเลือน

จะถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดครับผ๊ม”

   “ให้ท่านกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ผมมอบหมายให้เสร็จ

เรียบร้อยเสียก่อน  อ้อๆเดี๋ยวที่โรงอาหารคผมขอฉลองให้แก่พวก

ท่านทุกๆคนก็แล้วกันนะ ตลอดจนบรรดาลูกน้องท่านด้วยล่ะ และ

ผมเป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมดนะไม่ใช่ท่านจ่ายนะ”

    ทุกๆคนๆมองหน้ากัน พลางกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า

   “ครับผ๊ม   มือเที่ยงนี้ผมจะคอยรอต้อนรับท่านครับผ๊ม”

   “ดีล่ะ งั้นเรื่องนี้ก็จบแล้วล่ะผมจะได้เริ่มทำงานสักที ขอให้ทุกๆคน

ออกไปทำหน้าที่ของตนได้แล้วล่ะ”

   “อีกประการหนึ่งขอให้พวกเราทุกๆคนรักกันสามัคคีกันหนักนิด

เบาหน่อยให้อภัยกันและกันเสียล่ะ ให้คิดว่าพวกเราทุกๆคนคือพี่น้อง

กันและกัน และสั่งให้ลูกน้องทุกๆฝ่ายทราบด้วยนะ ไปได้แล้วล่ะ”

   ภายหลังจากทั้งหมดออกไปจากห้องแล้ว  ชายหนุ่มก็หันมาทางเจ้า

แสงสีสินชัยว่า  มีอะไรอีกหรือ???.....

   “ได้ข่าวว่าทางไอ้เล้งมันจะไปลำเลียงยาเสพย์ติดที่ลูกน้องไอ้เม้ง

มันซุกซ่อนไว้ตามเขา  อาจารย์จะให้จัดการอย่างไรล่ะครับ???...”

   “อ้อๆๆเรื่องนี้ไอ้เปล่งมันจัดการแล้วล่ะ  อีกอย่างหนึ่งว่าจะระเบิด

ทิ้งให้หมด  ข้าเปลี่ยนใจแล้วให้ยึดมาให้หมดเพื่อเป็นหลักฐานเสนอ

ต่อผู้บังคับบัญชาเบื้องสูงต่อไปก็แล้วกัน ส่วนคนเฝ้าจะจัดการ

อย่างไรก็ให้พวกเจ้าดำเนินการได้ตามสถานะการณ์ก็แล้วกัน

  ให้ไปบอกเจ้าเปล่งด้วยว่าให้เหลือคนไว้บ้างเพื่อเป็นพยานด้วยนะส่ง

คนคอยดูแลไว้ด้วย หลักจากทำงานเสร็จแล้วให้นำของทั้งหมดมาวาง

ไว้หน้าป่าที่เจ้าเปล่งอยู่ก็แล้วกัน   ข้าจะได้ให้ตำรวจไปยึดมันและเอา

ส่วนหนึ่งไปไว้บ้านไอ้เม้งมันด้วยส่วนหนึ่ง  เวลาเข้าตรวจค้นจะได้

พบสิ่งของนี้   ให้สินชัยและเจ้ารีบไปบอกเดี๋ยวนี้เลยเดี๋ยวจะไม่ทัน

การณ์นะ”

    “ครับอาจารย์ผมจะได้รีบไปบอกเจ้าเปล่งและพวกมันให้รู้ อ้อๆ

พวกที่มันมาเอาล้วนเป็นทหารพรานที่ปลดแล้วร่วมกับตำรวจชั่วอีก

ด้วยจะเก็บไว้หรือเปล่าล่ะ????อาจารย์”

   เจ้าสินชัยเอ่ยถามขึ้น

   “เรื่องนี้คิดว่าอย่าให้เหลือ ส่งคนไปเฝ้าไอ้เล้งไอ้เม้งไว้ด้วย

 เพื่อว่ามันจะหลบหนีไปเสียก่อน  พวกเจ้ารีบไปแล้วล่ะ”

   “ครับอาจารย์ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละและจัดกำลังไปเฝ้าไอ้

เสี่ยทั้งสองอีกด้วย”

   “อืมมๆๆดีแล้วล่ะ  งั้นรีบไปได้แล้วนะ”

      ฉับพลันร่างของเจ้าแสงสีสินชัยก็ค่อยๆจางหายวับไปทันที..........

                      แก้วประเสริฐ.

Cartoon_Animation_08.gif				
13 กันยายน 2554 18:46 น.

อทิสมานกาย ๑๐๓

แก้วประเสริฐ


               อทิสมานกาย ๑๐๓

   ฉะนั้นตำรวจเราต้องทำหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับการไว้วางใจจาก

ประชาชนด้วยจริงใจสุจริต ช่วยเหลือหาใช่ไปคิดรับใช้พวกนายทุน

ดังที่ข้าพเจ้าได้ทราบมา  พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะเริ่มต้นวางแผนใหม่ขอเรียก

ให้ทุกๆท่านที่เป็นหัวหน้าเข้าประชุมยังห้องประชุมทุกๆนายด้วย

   หากท่านใดที่ทำผิดไปข้าพเจ้าจะไม่ย้อนหลังแต่ขอให้กลับใจเสีย

ใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยทุกๆคนด้วย  หากตำรวจผู้ใดทำหน้าที่โดย

ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ข้าพเจ้ารับรองว่าจะพิจารณาให้เป็นกรณีย์

พิเศษไม่มีการลุแก่อำนาจทั้งสิ้น  ดังนั้นขอท่านที่มีหน้าที่ใดกระทำ

จงเจริญก้าวหน้าด้วย  ข้าพเจ้าขอกล่าวไว้แต่เพียงเท่านี้สวัสดี

   แล้วร่างของผู้กำกับฯก็หันไปไหว้ท่านรองที่จะปลดเกษียณอายุแล้ว

ทั้งสองก็เดินลงจากเวที   คงปล่อยให้พวกดนตรีดำเนินการเล่นต่อไป

ร่างทั้งสองลงมาร่วมโต๊ะเดียวกัน ต่างสนทนากันในเรื่องหน้าที่และ

สิ่งภายในเมืองนั้น  ท่านรองจะอธิบายสิ่งต่างๆให้ทราบ แต่ชายหนุ่ม

ยกมือห้ามกล่าวขึ้นว่า

   “ไม่ต้องหรอกครับท่านรองฯผมทราบเหตุการณ์ภายในเมืองหมด

แล้วรวมทั้งฝ่ายดีและไม่ดีแล้วครับ”

   “แล้วท่านจะมารับหน้าที่พรุ่งนี้เลยหรือ???...ครับ”

   “ครับผมจะมารับงานต่อจากท่านพรุ่งนี้แหละครับ  คงจะได้มีเวลา

สนทนากันอีกมากมายนักครับ”

   “ผมถามจริงๆเถอะครับท่านว่าใบหน้าท่านนั้นเป็นแบบนี้หรือครับ

ด้วยผมเองเห็นภาพถ่ายท่านไม่ใช่แบบนี้เลยนี่ครับ”

   “ท่านปลอมตัวมาครับท่านรอง  เพราะไม่ต้องการให้พวกที่มา

ร่วมงานได้รับรู้ครับ”

   สารวัตรชัชวาลย์เอ่ยขึ้น   ทำเอาชายหนุ่มหัวร่อฮึๆๆพลางหันไป

มองท่านรอง พลางก้มไปกระซิบให้ท่านรองฯฟัง  ทำเอาท่านรอง

ถึงกับอ้าปากค้างหัวร่อทันที

   “ผมก็นึกแล้วว่าเชียวว่าท่านคงปลอมตัวมาครับ แต่เพื่อควาแน่ใจ

จึงได้ถามขึ้นครับท่าน”

   “ผมไม่อยากให้ใครเห็นสภาพอันแท้จริง เพราะที่นี่ล้วนแล้วแต่

พ่อค้าและมีทั้งดีและไม่ดีครับ”

   ครั้นได้เวลาอันสมควรด้วยดึกแล้ว  ชายหนุ่มจึงได้กล่าวขึ้นว่า

   “ถ้าอย่างนั้นท่านรองและสารวัตรช่วยดูแลงานด้วยนะผมจะกลับ

แล้วล่ะ  แต่แล้วชายหนุ่มก็ชะงักพลางพยักหน้ารับทราบ   แล้วชาย

หนุ่มก็ไปกระซิบกับสารวัตรชัชวาลย์ทันที  แม้กระนั้นก็ทำความ

สงสัยแก่บรรดาตำรวจทั้งหลาย  ยกเว้นสารวัตรชัชวาลย์ จำลองและ

จรัสเท่านั้นที่พอจะรู้อะไรๆบ้าง แต่ไม่ได้กล่าวอะไรขึ้น  ดังนั้นชาย

หนุ่มจึงเดินไปยังโต๊ะต่างๆพลางกล่าวคำอาลาแก่บรรดาตำรวจทุก

นายและพ่อค้าทั้งหลาย แล้วเดินออกจากประตูรั้วไป  ตำรวจที่เฝ้า

หน้างานพลางตะเบ๊ะพรึบด้วยรู้ว่า  ชายหนุ่มเป็นใคร ครั้นเดินทาง

ไปที่รถก็ขึ้นขับออกไป แต่ทางตำรวจที่เฝ้ามองอยู่เห็นท่านไปคน

เดียว  เพราะไม่เห็นร่างเจ้าแสงสีสินชัย   เจ้าแสงสีก็เอ่ยขึ้นว่า

   “อาจารย์ครับมีคนคอยดักปองร้ายเราระหว่างทาง ผมให้เจ้าสินชัย

ออกไปแจ้งแก่พวกเราแล้วครับ”

   “ไปบอกพวกเราด้วยว่าให้เก็บไว้คนหนึ่งส่งไปให้เจ้าเปล่งมันสอบ

สวนหาต้นตอแล้วมารายงานข้าด้วยนะ”

   “ครับอาจารย์ มันมาทั้งหมด 6 คนล้วนนั่งรถมอเตอร์ไซค์มา คง

เป็นพวกเดียวกับที่มันเก็บกำนันมั่นนั่นแหละเครับ เป็นทหารพราน

ที่ถูกไล่ออกจากราชการครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นเป็นคนของไอ้เล้งคงไม่ใช่คนของไอ้เม้งหรอกเพราะ

ว่ามันจะไปขนของที่คนไอ้เม้งซุกซ่อนไว้ และทางเราได้วางระเบิด

ไปแล้วล่ะ  อ้อๆๆๆให้บอกเจ้าเปล่งจัดกำลังคนไปจัดการไอ้เล้งก่อน

ที่มันจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ลงมือคืนนี้เลยนะ  ไอ้นี่เอาไว้ไม่ได้

เพราะมันเป็นเอเย่นต์ใหญ่อยู่ด้วย  ที่มันเข้ากรุงเทพฯไปเพราะไปติด

ต่อกับพรรคพวกมัน  ฉะนั้นปล่อยมันไม่ได้หรอก”

   “ครับผมจะไปบอกเจ้าเปล่งเองครับ”

เจ้าสินชัยรายงานรับอาสาทันที

   “ดีแล้วล่ะมันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แต่ไม่อยากให้เรื่องมัน

ใหญ่โตเท่านั้นเอง  ส่วนทางนี้นั้นไม่ต้องหรอกแค่แสงสีคนเดียวก็

คงจะพอนะ ในเมื่อเราจะจัดการไอ้เล้งแล้วไม่ต้องเหลือไว้ก็ได้นะ

   “ครับอาจารย์ ผมคิดว่าพอถึงที่เปลี่ยวๆระหว่างทางแยกเข้าบ้าน

นั้นแหละมันคงจะลงมือ  อาจารย์ส่งผมลงปากทางนะครับ”

   “อืมม!!!!!!.....ข้าจะขับรถช้าๆลง”

      พลางจะหันไปทางเจ้าสินชัยก็ปรากฏว่าสินชัยหายไปเสียแล้ว

ดังนั้นชายหนุ่มจึงขับรถไปอย่างช้าๆ  มองกระจกด้านหลังเห็นมีรถ

มอเตอร์ไซค์กำลังวิ่งตามมาห่างๆ  จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ในช่วงระยะ

นี้ถนนสายนี้เปลี่ยวจริงๆ  เพราะดึกมากแล้วนานๆจะมีรถวิ่งสวนมา

คันหนึ่ง    คงมีเสียงรถที่วิ่งของชายหนุ่มและมอเตอร์ไซค์เท่านั้น

   ครั้นถึงปากทางจะไปสู่วัด ชายหนุ่มก็ชะลอรถลง  เจ้าแสงสีก็คว้า

อาวุธลงไปทันที แล้วชายหนุ่มก็ขับรถล่อพวกมันไปเรื่อยๆ  พอรถ

เลี้ยวเข้าทางไปไม่เท่าไหร่   เสียงปืนก็ดังขึ้นทันทีเป็นเสียงรัวพรืดๆๆ

รถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่คิดจะแซงหน้ารถของชายหนุ่มยังไม่ทัน

แซงก็ล้มคว่ำลง เลือดสาดกระจาย  ร่างมันทั้งสองต่างกระเด็นไปฟุบ

ลงทั้งรถทั้งคน เสียชีวิตไปหมด  คันที่สอง พอเลี้ยวเข้าซอยมาก็ถูก

เจ้าแสงสีซึ่งสุ่มอยู่ข้างทาง พอรถผ่านหน้าก็ถูกยิงร่วงไปอีกสองทั้ง

รถและคนกระเด็นไปคนละทาง  รถมอเตอร์ไซค์คันที่สามแล่นตาม

มาก็ชะงัก   เมื่อพวกมันเห็นรถสองคันล้มขวางทางไว้และร่างคนก็

ต่างกระเด็นร่างมันหายไป   ก็รีบหันรถกลับหวังจะหนีไปให้พ้น

เพราะมันทั้งสองรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่พวกมันแล้ว เพื่อหวังกลับไป

รายงาน  แต่แล้วพอมันหันกลับรถได้ก็เร่งเครื่องทันที คนขับเบรค

รถพรืดด้วยเห็นร่างสูงชะลูดยืนขวางถนนไว้  มันต่างร้องลั่น

   “เฮ้ยๆๆๆนั่นมันผีนี่หว่า เสือกมาขวางทางกูยิงแม่งมันเลยว๊ะ”

   “เสียงปืนเอ็ม 16  ก็ดังขึ้นกระสุนส่งไปยังร่างของแสงสีที่ยืน

ทะมึนขวางหน้ารถมันไว้ แต่กระสุนนั้นก็ปราศจากประโยชน์ใดๆ

เสียงหัวล่อดังลั่นมาจากร่างที่สูงชะลูด  มันรีบกลับรถจะหนีแต่แล้ว

มันก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงปืนดังถี่ยิบ พรืดๆๆๆ ร่างมันทั้งสองก็โดน

ลูกปืนกระเดินตกจากรถทั้งสองทันที  รถไปทางหนึ่งตัวมันไปคน

ละทาง ร่างมันชุ่มไปด้วยเลือดจากกระสุนปืน   เจ้าแสงสีไม่ไว้ใจ

พลางส่งกระสุนซ้ำลงไปอีกที่ใบหน้าจนใบหน้าทั้งสองเละเทะไป

หมด   แล้วร่างนั้นก็ค่อยๆหดตัวลง  พลางเดินไปทางรถอีกสองคัน


พบร่างทั้งสี่ก็ส่งกระสุนปืนใส่ย้ำขึ้นอีกไปบนใบหน้ามันจนดูไม่ได้

       แล้วร่างเจ้าแสงสีก็หายวับไปทันที  ไปปรากฏยังข้างกายชาย

หนุ่มทันที พลางรายงานเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มทราบทันที  

ชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วก็เร่งขับรถไม่นานนักก็

ถึงบ้าน  แล้วเอารถไปเก็บไว้ทั้งหมดก็ขึ้นบ้าน พ่อแม่และทุกๆคน

ต่างนอนหลับไปหมดแล้ว ครั้นเมื่อเข้าไปยังห้องนอนก็เห็นเทพ

อัปสร  กำลังสนทนาคุยกันอยู่หันหน้ามามองชายหนุ่มพลางหัวร่อ

แล้วทั้งหมดก็เข้าไปนอนด้วยกันทันที  ด้วยชายหนุ่มบอกแม่นางทั้ง

สองว่าต้องเดินทางไปรับหน้าที่ในตอนเช้าตรู่

    ครั้นเวลาเช้าตรู่ ขณะที่แม่นางบงกชและสาวชะบาต่างลำเลียง

อาหารมาเพื่อร่วมรับประทานอาหารร่วมกันตามปกติ  แม่เข็มพ่อ

เชียรก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาภายในบริเวณบ้าน เป็น

รถเก๋งตำรวจ  เจ้าชัยไปเปิดประตูให้เข้ามามันก็งุนงงเหมือนกันแล้ว

รีบขึ้นไปรายงานให้พ่อแม่ทราบทันที  ร่างผู้กองคนหนึ่งก็ก้าวลงมา

จากรถ พลางยืนรออยู่ไม่เดินขึ้นมาบนบ้าน

   “พ่อๆๆๆรถตำรวจมาทำไมหรือ????.....”

   “แม่เข็มเห็นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน  เราก็ไม่มีเรื่องอะไรกับใคร

นี่นาทำไมถึงมีรถตำรวจมาบ้านเราล่ะ”

   “พ่อแม่ๆ ตำรวจมาบ้านเราทำไมหรือพ่อ”

เจ้าชัยเอ่ยรายงานด้วยความสงสัย แต่แล้วความสงสัยทั้งหลายก็หาย

ไปทันที เมื่อหันหลังกลับไปเพื่อจะเรียกลูกชายตน ต่างก็พากันตก

ตะลึงกันอ้าปากค้าง  เมื่อแลเห็นร่างของชายหนุ่มแต่งกายในชุด

ตำรวจเต็มยศ พร้อมหนีบหมวกไว้ข้างๆก้าวเดินออกมาจากห้องนอน

เล่นเอาแม่บงกชถึงกับตกตะลึงถึงแม้ว่าหล่อนจะแต่งงงานแล้วก็ตาม

แต่ในส่วนลึกๆแล้วหล่อนชอบชายหนุ่มมากกว่าเจ้าชัยผัวมันเสียอีก

พลางนึกในใจว่า เราช่างไร้วาสนาเสียจริงๆ   ร่างที่สูงสง่าใบหน้าคม

คายงดงาม ยิ่งแต่งชุดตำรวจนายพลอีกด้วย สง่าราศรีส่งประกายออก

มา  ถาดกับข้าวแทบจะหลุดจากมือหล่อนให้ได้ จนต้องรีบบังคับใจ

ไว้มือไม้ค่อนข้างสั่น  ส่วนสาวชบานั้นหล่อนอีกวางสีหน้าปกติ

เหมือนกับไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น

    ชายหนุ่มยกมือไหว้พ่อแม่แล้วกล่าวขึ้นว่า

   “วันนี้ผมเห็นจะทานข้าวร่วมไม่ได้แล้วครับเพราะต้องมีงานเร่งทำ

อีกมากด้วยครับ”

   “อ้าวๆๆๆ!!!!....พ่อเชียรแม่เข็มอุทาน”

   ด้วยเห็นการแต่งกายชุดของชายหนุ่มไม่เหมือนกับตำรวจทั่วๆไป

ด้วยเครื่องประดับบนบ่าไม่เหมือนกับตำรวจทั่วๆไป แต่ก็ไม่วายเอ่ย

ถามลูกชายขึ้นว่า

   “พ่อแปลกใจทำไมเครื่องแต่งกายลูกถึงไม่เหมือนตำรวจทั่วๆไปล่ะ

ด้วยมันมีประดับเยอะแยะจริงๆ”

   “นั่นซิลูกแม่เองก็สงสัยเหมือนกันเพราะ ตำรวจก็เห็นมามากแล้ว

ล่ะหมวกของลูกก็ไม่เหมือนตำรวจทั่วๆไปมีช่อสองช่อซ้อนๆกัน”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ นี่คือเครื่องแต่งกายของตัวตำรวจชั้นนายพล

ส่วนหมวกนั้นต้องเป็นนายพลตั้งแต่ระดับ พล.ต.ท.ขึ้นไปครับ”

   “เหรอๆๆๆพ่อแม่ก็พึ่งเห็นนี่แหละ  ดูเจ้ามีสง่าราศรีจับมากเลยนะ”

   “งั้นผมไปก่อนนะครับ เด็กเขามาคอยรับแล้วล่ะครับ”

   “รถเก๋งตำรวจนั้นหรือ พ่อเรียกเจ้ามาเพื่อจะถามว่ามาบ้านเราทำไม

กัน เพราะเราก็ไม่ได้ทำในสิ่งกฏหมายใดๆนี่นา อ้อๆๆอีกอย่างหนึ่ง

ก่อนนี้เจ้าบอกว่า มียศแค่ พล.ต.ต.เท่านั้นเองนี่นา”

   “ผมได้เลื่อนตำแหน่งมานานแล้วครับแต่ไม่ได้บอกให้ทราบไว้

เท่านั้นเองแหละครับ”

   “งั้นหรือแล้วไม่กินข้าวกันก่อนหรือไม่หิวข้าวหรือไงล่ะ”

   “ไม่หรอกครับผมจะไปทานข้าวกับท่านรองฯครับ”

   “แล้วจะพักที่โน่นหรือเปล่าล่ะ เห็นเขาเล่าว่าระดับนี้จะมีบ้านพัก

ของตัวเองด้วยนะ”

   “ไม่หรอกครับพ่อแม่  ผมจะมาพักที่นี่ประจำครับ ส่วนที่นั่นนอก

จากงานเร่งด่วนเท่านั้นเองครับ”

   “อย่างนั้นตามใจลูกก็แล้วกันนะ  รีบไปเถอะเห็นตำรวจคอยอยู่

แหละ  เจ้าชัยบอกให้ขึ้นมาเขาบอกว่าจะรอที่นี่แหละรู้สึกจะเป็นนาย

ร้อยตำรวจนะ”

   “ครับร้อยตำรวจตรีแฉ่งครับ พึ่งได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นมาครับ”

   “ไปเถอะลูกเขาคอยนานแล้วล่ะ  อ้อๆๆๆระวังตัวไว้ด้วยนะลูก”

แม่เข็มเปรยๆขึ้นอย่างไรหากมาพักไม่ได้ก็ให้ใครมาบอกให้พ่อแม่รู้

ด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

   “ครับหากงานเร่งด่วนผมจะให้เด็กมาบอกให้ครับไม่ต้องห่วงนะ 

อ้อๆๆ....”

   ชายหนุ่มหันไปทางหญิงสาวทั้งสองพลางเอ่ยขึ้นว่า

   “แม่บงกชและแม่ชบาฝากพ่อแม่ด้วยนะท่านอายุมากๆแล้ว เจ้าชัย

ด้วยพี่ไปก่อนนะ สงสัยจะกลับค่ำๆแหละ”

   “จ๊ะๆครับๆ....พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับเดี๋ยวผมจะออกไปให้พ่อแม่

อยู่ที่นี่แหละไม่ต้องไปช่วยงานในไร่นาสวนหรอกครับ”

   “เออๆๆดีแล้วล่ะ แล้วจะมีน้องหรือยังล่ะแม่บงกช”

   “ยังจ๊ะพี่ สงสัยพี่ชัยจะเป็นหมันกระมัง”

หล่อนตอบด้วยสีหน้าเอียงอาย  ส่วนแม่สาวชบาหล่อนทราบดีว่าเขา

นั้นไม่ต้องห่วงอะไรหรอก แต่ก็อดกล่าวไม่ได้ว่า”

   “พี่เองถึงจะเก่งอย่างไร ก็อย่าประมาทนะพี่นะไปเถอะพี่ชบาจะทำ

หน้าที่ให้ดีที่สุดจ๊ะ”

   “พี่เชื่อน้องมากๆจ้า  ยิ่งชบารับปากอย่างนี้พี่ก็หมดห่วงแล้วล่ะ”

   “ผมไปล่ะครับ สงสัยจะกลับมืดๆหน่อยนะไม่ต้องห่วงหรอก”

   กล่าวแล้วชายหนุ่มก็ยกมือไหว้พ่อแม่  ส่วนพ่อเชียรและแม่เข็มลืม

ตัวจะยกมือขึ้นไหว้ตอบ ก็ชะงักนึกได้ว่าเป็นลูกจึงลดมือลง  แล้วร่าง

ชายหนุ่มก็ก้าวลงบันไดไปข้างล่าง  ทั้งหมดก็ตามมาส่งที่บันไดบ้าน

   ครั้นชายหนุ่มพอพ้นบ้านก็สวมหมวกมันที   ทั้งหมดก็แลเห็นร่าง

ตำรวจวิ่งเหยาะๆเข้ามาพลางทำความเคารพตะเบ๊ะพรึบด้วยอาการ

ทะมัดทะแมง  ชายหนุ่มก็ตะเบ๊ะตอบแล้วเดินก้าวไปที่รถ  ผู้กองก็

รีบไปเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มทันทีแล้วปิดประตูรถ แล้วออกมาเปิด

ประตูด้านคนขับ   ขับรถออกจากบ้านไปทันที................

                แก้วประเสริฐ.

Cartoon_Animation_08.gif				
5 กันยายน 2554 01:22 น.

อทิสมานกาย ๑๐๒

แก้วประเสริฐ


                         อทิสมานกาย ๑๐๒

   ข่าวการตายของกำนันมั่นกระจายไปทั่วบรรดาพวกพ่อค้ายา

เสพย์ติดทั้งหลาย  เสี่ยเม้งงุนงงสงสัยจนกระทั่งเมื่อเสี่ยเล้งมา

พบและได้สนทนากันถึงรู้สาเหตุการตายของกำนัน แต่ส่วน

เรื่องลูกชายนั้นกำนันเล้งบอกว่า คนของเขาไม่ได้ทำแต่ไม่รู้สาเหตุ

การตายของลูกกำนันและพวกเกิดขึ้นได้อย่างไรของก็ถูกทำลายไป

หมดแล้วด้วย พบแต่รอยระเบิดและบรรดาศพเท่านั้นเอง

   “อั้วสงสัยตอนที่มันมาแจ้งแล้วว๊ะไอ้เม้ง  กูอ่านคนไม่ผิดหรอกว่า

หากกูจะนำไปแล้วมันจะเอาของมาขายให้ลูกค้ามันได้อย่างไร  กูผ่าน

เรื่องนี้มามากต่อมากแล้วว๊ะ”

   “แล้วไอ้กำนันมันเอาไปเก็บซ่อนที่ไหนล่ะก็มันถูกยึดไปหมดแล้ว

นี่นา  กูบอกว่าให้มันเหลือไว้เพียงจำหน่ายเท่านั้นเอง แต่ในหนังสือ

มันบอกว่าพวกใครก็ไม่รู้ขนไปหมดแล้ว ก็เลยไม่สงสัยอะไรกำนัน

มันว๊ะ  แล้วเอ็งให้ใครไปทำงานล่ะ???...”

   ไอ้เล้งไม่ตอบพลางยกเหล้าขึ้นกระดกจนหมดแก้ว สาวๆก็เข้ามา

เติมให้จนเต็มอีก  พลางคีบอาหารใส่ปาก แล้วแหกปากหัวร่อลั่น

   “ก็มึงมันทำงานแบบนี้นี่หว่า ไว้ใจคนจนเกินไป ไอ้ห่ารากทำงาน

มาจนหัวหงอกแล้วไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมคนบ้างเลยหรือว๊ะ”

   “กูกับกำนันมันก็ทำงานมาจนไว้เนื้อเชื่อใจได้แล้วจึงไม่สังหรณ์

ใจว๊ะ  ว่ามันจะคิดหักหลังกู” 

   “อันที่จริงกูก็ไม่สงสัยอะไรมันหรอก แต่เห็นอาการลุกรี้ลุกรนของ

มันนี่แหละ   จึงลอบใช้คนไปสังเกตุการณ์เท่านั้นหากมันปกติก็ให้

กลับมา  แต่หากสงสัยก็ให้เก็บเสียก็เท่านั้นเองว๊ะ”

   “แล้วเรื่องที่มึงจะไปนำของมามึงคิดแผนการณ์ไว้หรือยังล่ะ”

   “กูวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ  โดยกูจะแบ่งกำลังฝ่ายกูออกเป็น

สี่ส่วน เป็นคนที่กูไว้วางใจได้  ส่วนมึงก็สั่งให้คนของมึงนำทางไป

ก็แล้วกัน   เราไม่ต้องไปดูมันคอยฟังข่าวที่นี่ก็พอว๊ะ  มึงเห็นว่าเป็น

อย่างไรว๊ะไอ้เม้ง”

   “อืมม!!!!!!....ก็ดีเหมือนกันว๊ะ  กูได้ข่าวมาจากคนของผบก.ว่า

คนที่เคยร่วมทำงานกับกูถูกคำสั่งย้ายด่วนว๊ะทั้งสองคนเลย ฝ่ายปราบ

ปรามและฝ่ายสอบสวนภายใน 3 วัน  แต่ว่ากูได้ข่าวว่าทางกรุงเทพฯ

กำลังมีเรื่องวุ่นวายจริงหรือว๊ะไอ้เล้ง???...”

   “อือ???...กูก็ได้ข่าวจากเด็กเหมือนกันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่

หมดว๊ะ  ตอนนี้ให้ระวังการขนของเอาไว้ด้วย   เห็นว่าจะมาทั้งสอง

ทางโว้ย  แล้วค่อยลำเลียงเข้ากรุงเทพฯแถบชานเมืองว๊ะ”

  “นี่ก็ใกล้ๆจะเกษียณอายุท่านรองผู้กำกับการแล้วคงจะได้รู้

เหมือนกันว่า  เป็นใคร  อ้อๆๆๆกูเองก็สงสัยยังไม่ถึงฤดูย้ายหรือ

แต่งตั้งตำแหน่งเหตุใดจึงทำได้ว๊ะ”

   “อันนี้กูก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ  ถึงแม้ว่าทางการเมืองกูจะเส้นไว้

ก็ตามแต่ลึกๆนั้นมันไม่ได้บอกกับพวกกูว๊ะ  ทางกลุ่มกูก็ยังสงสัย

เหมือนกันว๊ะ”

   เมื่อไอ้เล้งตอบไอ้เม้งก็ไม่รู้จะถามอะไรดีอีก  ต่างคนต่างนั่งดื่มกัน

คุยกันเรื่องสัพเรเหระไป  ไอ้เม้งก็เอ่ยขึ้นว่า

   “ทางศาลออกหมายศาลประกาศยึดบ้านที่ดินเป็นของหลวงไปว๊ะ

ด้วยไม่มีญาติคนใดมารับสมอ้างเลยสักคนเดียว หรือว่าจะกลัวก็ไม่รู้

เพราะไอ้กำนันมันทำสัญญากู้เงินและยึดโฉนดล้วนแล้วแต่ไม่ถูกต้อง

ทั้งสิ้นเลย  เห็นทางนายอำเภอจะให้คนที่จำนองไว้นำใบสัญญามารับ

โฉนดที่ดินคืนไป ส่วนที่ขายไม่ถูกกฏหมายก็จะทำการทำการ

แบ่งแยกกันให้คนที่ไม่มีที่ทำกินแบ่งกันต่อไป”

   “เออ????...เรื่องของมัน  มึงไม่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวหรอกเพราะมันมีข่าว

ว่ามีอาวุธร้ายแรงไว้มากมายพร้อมถุงยาเสพย์ติดอีกด้วย ช่างมันเถอะ

เอ็งมาพูดเรื่องของเราดีกว่า  ก็ชักไม่ไว้วางใจถิ่นแถบนี้เสียแล้วว๊ะ”

   “ทำไมหรือว๊ะไอ้เล้ง  กูก็เห็นไม่มีอะไรนี่นา”

   “ไอ้ห่าเอ๋ย!!!!!.....มึงไม่สังเกตุบ้างหรือว่า กำนันที่ตั้งขึ้นมา

ใหม่ๆนั้น  ล้วนแล้วเป็นคนของทางการทั้งนั้น แล้วอย่าเสือกไป

ติดต่อกับพวกมันล่ะ มันจะเข้าตัวมึงและพวกว๊ะ”

   เมื่อไอ้เล้งกล่าวเช่นนี้ทำเอาไอ้เม้งถึงกับอ้าปากตาค้างไปทั้งๆที่มัน

คุมในบริเวณแถบนี้เรียกได้ว่าเกือบทั้งหมด  ไอ้ห่าเล้งมาไม่เท่าไหร่

กับรู้เหตุการณ์มากกว่ามันเสียอีก  สมแล้วที่มันเป็นเจ้าพ่อที่ทรง

อิทธิพลทางกรุงเทพฯ

   “เออ???...กูจะทำตามคำสั่งและสั่งให้ลูกน้องกูระวังตัวไว้ด้วยนะ

แล้วมึงจะเอาคนไปกลุ่มล่ะเท่าไหร่ล่ะ???....”

   “กูคิดว่าทั้งฝ่ายจนและป้องกันคงกลุ่มล่ะ 50 คนก็พอว๊ะ ต้อง

กระจายกันไปตรวจสถานที่อีกด้วย ทำงานทั้งที่อย่าไว้วางใจอีกไม่ใช่

ถิ่นของกูเสียด้วย ขนาดถิ่นของมึงยังพลาดได้นี่นา”

   คราวนี้ไอ้เม้งเงียบกริบทันที  ไม่อาจจะโต้เถียงไอ้เล้งได้อีกจริงของ

มันที่ถูกจริงๆ   พลางยกเหล้าขึ้นจิบแล้วก็ได้ยินไอ้เล้งกล่าวว่า

   “แล้วคนของมีล่ะจะไปกลุ่มล่ะกี่คนล่ะ สถานที่นั้นให้ทำแผนที่มา

ให้กูด้วยนะอาณาเขตรอบๆไว้ด้วยตลอดเส้นทางทั้งหมดด้วยนะ เผื่อ

เหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น  ยิ่งกูเห็นหนังสือลายเซ็นต์ด้วยแล้วยิ่งไม่ค่อย

ไว้วางใจเท่าใดนักว๊ะ”

   “เรื่องนี้เดี๋ยวกูเขียนให้ก็ได้ทางหนีทีไล่นะ  แถบนี้กูชำนาญด้วยซิ

เพราะหัวหน้ากลุ่มกูมันทำไว้ให้กูเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเพื่อไม่ให้เสีย

เวลากูจะให้คนของกูไปนำมาให้นะ”

   “เออ????...ก็ดีว๊ะ  จะได้ไม่ต้องเสียเวลามากนัก  เอามาให้กูตอนนี้

เลยก็ยิ่งดีว๊ะไอ้เม้ง”

    เมื่อไอ้เม้งได้ยินเช่นนั้นก็หันไปเรียกเด็กที่ยืนอยู่ข้างหลังมันมา

พร้อมกระซิบสั่ง พลางล้วงกุญแจส่งให้มัน บอกให้รีบไปรีบกลับ

เด็กของไอ้เม้งก็พยักหน้า พลางรับกุญแจมาแล้วก็ออกไปพร้อมคน

อีกคนที่เฝ้าหน้าห้องไว้ 
 
   ครั้นเมื่อเด็กไปแล้วทั้งสองก็หาความสนุกสนานกับบรรดาสาวๆ

ไอ้เล้งมันเป็นคนมากราคะดังนั้นมันจึงบอกไอ้เม้งว่า

   “งั้นเดี๋ยวกูเอาเด็กสาวมึงสองคนนี่แหละว๊ะไปห้องทำธุระหน่อย

นะโว้ย  แล้วอย่าเสือกแอบดูเสียล่ะ มึงติดกล้องไว้หรือเปล่าแต่กูว่า

มึงติดแน่นอน  ให้มึงสั่งให้ปิดกล้องวงจรไว้ด้วยนะ”

   ไอ้เม้งพลางแหกปากหัวร่อลั่น  พร้อมร้องว่า

  “ไอ้ห่าเรื่องของมึงกูไม่อยากดูหรอกว๊ะ”

   พลางเรียกเด็กหน้าห้องมากระซิบสั่งไว้แล้ว แล้วหันมาบอกไอ้เล้ง

ว่า  มึงต้องการเลือกเอาว๊ะใครก็ได้หรือมากกว่านี้ก็ได้ว๊ะตามสบาย

โว้ย   กูไม่ไม่ยุ่งหรอกว๊ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเรื่องนี้นะ”

   “เออ???...ขอบใจว่าวีดีโอก็ห้ามด้วยนะโว้ย หากวันหลังกูรู้มึงเอ๋ย

อย่าหาว่ากูใจร้ายก็แล้วกันนะไอ้เม้ง”

   “เออนะมึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  กูไม่ชอบดูใคร หากต้องการกู

แสดงเองดีกว่าว๊ะ แต่ไม่ใช่ที่นี่ว๊ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ......”

    “กูรู้ว่าอย่างไรมึงก็ต้องมีแน่นอนเพราะกูก็ทำเหมือนกันว๊ะ”

       แล้วไอ้เล้งก็ดึงมือสองสาวที่คอยปรนนิบัติมันเดินออกไปนอก

ห้อง  หล่อนทั้งสองรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นและที่ไหนจึงนำหน้าเสี่ยเล้ง

เดินออกไปทันที

       ครั้นไอ้เล้งหายไปพร้อมกับบรรดาสาวๆแล้ว  ก็ยกมือถือส่ง

สัญญาณไปให้  ไอ้เซี๊ยะ ไอ้เช้ง ไอ้มุ้ย และไอ้สุย เตรียมคนไว้ว่า  

ไอ้เล้งจะส่งคนไปสมทบเพื่อขนของตามที่ได้เคยบอกไว้แล้วล่ะ

     เวลาผ่านไปสักชั่วโมงกว่าๆเด็กของไอ้เม้งก็นำเอกสารทั้งหมดมา

มอบให้ทันที 

   “แล้วมึงยุ่งกับเซฟหรือเปล่าว๊ะ  ไอ้หว่า ไอ้เจียง”

   “โถๆๆๆเสี่ยก็รู้นิสัยผมแล้วนี่มีหรือจะกล้า สู้ขอเสี่ยไม่ดีกว่าหรือ”

   “เออ????กูก็ถามไปอย่างนั้นแหละว๊ะ  มึงนั่งกินเป็นเพื่อนกูหน่อย

ไม่รู้ไอ้ห่าเล้งมันเกิดคึกอะไรขึ้นมา  มันพาเด็กๆไปล่อเสียแล้วล่ะโว้ย

ป่านนี้ยังไม่เห็นลงมาเลยว๊ะ”

    เสี่ยเม้งพูดไม่ทันขาดคำเท่าใด  ร่างเสี่ยเล้งก็เดินเข้ามาคนเดียวแล้ว

มานั่งข้างเสี่ยเม้ง   มันมองไปที่บริเวณโต๊ะอาหารเห็น ไอ้หว่า ไอ้เจียง

ซึ่งกำลังลุกขึ้น จะเดินออกไป  แต่ไอ้เสี่ยเล้งยกมือห้ามไว้

   “พวกมึงนั่งกินตามสบายเถอะว๊ะไม่ต้องลุกไปแล้วล่ะ เรียกอีกสอง

คนมานั่งกินเป็นเพื่อนก็ได้ว๊ะกูไม่ถือหรอกโว้ย”

    ดังนั้นไอ้หว่าจึงหันไปเรียก ไอ้เม้งจ่าย กับไอ้ใช้มาร่วมกินกันด้วย

คงปล่อยให้ลูกน้องทั้งสี่คอยดูแลแทน

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเสี่ยเม้งก็ยืนหนังสือแผนที่ทั้งหมดที่

ลูกน้องมันทำไว้ให้ส่งให้ไอ้เล้งทันที  ไอ้เล้งนำมาดูทีละแผ่นๆก็เก็บ

ไว้ในกระเป๋าเอกสารมันทันที  พลางกล่าวขึ้นว่า

   “อย่างนั้นพรุ่งนี้ใกล้ค่ำๆหน่อยสักทุ่มกว่าๆให้ไปรอพบกันนอก

เมืองก็แล้วกันะ   ให้หัวหน้ากลุ่มมึงนำทางไปส่งเด็กกูจะแยกออก

กลุ่มล่ะสองพวก คอยระวังหลังให้ด้วย”

   “อย่างนั้นตามใจมึง กูโทรฯไปบอกพวกมันให้เตรียมตัวไว้แล้วว๊ะ

เดี๋ยวจะโทรฯไปกำชับเวลามันอีกทีหนึ่ง”

   “เออ????...ดีว๊ะ  งั้นเท่านี้กูรบกวนมึงเท่านี้แหละว๊ะจะได้ให้

หัวหน้ากลุ่มกูดูแผนที่แต่ละแห่งของใครของมันว๊ะจะได้เตรียม

ตัวและรถไว้พร้อมจะได้ไม่หลงกัน  อย่างนั้นกูไปก่อนล่ะอ้อๆๆ

ขอบใจเด็กมึงเจ็งจริงๆว๊ะ เยี่ยมโว้ย”

       ไอ้เล้งกล่าวพลางลุกขึ้นไปพยักหน้ากับเด็กที่อยู่ด้านหลังสี่คน

ต่างก็เดินกันออกไปจากร้านอาหาร  คงเหลือไอ้เม้งและพวกเท่านั้น

ไอ้เม้งก็โทรฯไปย้ำหัวหน้ากลุ่มมันทันที  จวบจนดึกๆดื่นๆมันจึงได้

ออกเดินทางกลับบ้านพร้อมด้วยมือปืนทั้งสี่คนไป

     ที่สถานีตำรวจหลังจากที่ พตต.อำนวยและ พตต. วิเชียรย้าย

ไปประจำการพ้นจากหน้าที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นภายใน

สถานีนั้น  พตต. สังวาลย์หัวหน้าธุรการซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น

พตท.แต่ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายธุรการตามเดิม ส่วนผู้กอง

จำลองและผู้กองจรัสก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็นสารวัตรพร้อมๆกันด้วย

ส่วนสารวัตรชัชวาลย์ก็เลื่อนขึ้นเป็น พตอ.พร้อมด้วยข้าราขการ

ตำรวจบางนายที่ได้เลื่อนยศขึ้นไปด้วย จากจ่าก็เป็นนายร้อยไปด้วย

ที่มีผลงานจากการปราบปรามป่าไม้เถื่อนและยาเสพย์ติดที่จับได้มา

เป็นจำนวนมาก  ตำรวจทั้งหมดต่างได้เลื่อนยศทั้งสิ้น

    ดังนั้นจึงได้มีงานฉลองยศและเป็นการอำลาท่านรองวาสนาที่

รักษาการณ์แทน พล.ต.ต. วีระโชติ  ที่ลานบริเวณหน้าสถานีได้ถูกจัด

งานขึ้นอย่างเรียบง่ายๆ  ไม่ครึกครื้นแต่อย่างไรแต่เหล่าร้านค้าต่างๆก็

เข้ามาร่วมแสดงความยินดีและงานเลี้ยงส่งที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ ซึ่ง

คิดว่าจะทำแบบเรียบๆง่ายๆ บรรดาพ่อค้าในเมืองต่างช่วยกันหาสิ่ง

ต่างๆมาอำนวจความสะดวกโดยจัดมีการเลี้ยงค่อนข้างจะยิ่งใหญ่

เพราะจะมีเวทีปราศัยและวงดนตรีลูกทุ่ง พร้อมอาหารโต๊ะจีนจาก

บรรดาพ่อค้าที่ต่างเสนอหน้าออกมารับหน้าที่แทน   ครั้นเวลาตก

บ่ายๆจวนจะใกล้ค่ำ  บริเวณงานก็เต็มไปด้วยแสงไฟสีต่างๆเต็มไป

หมดหลายหลากสี  บนเวทีก็เริ่มมีการแสดงร้องเพลงดนตรีลูกทุ่ง

   เหตุนี้บริเวณหน้าสถานีก็เต็มไปด้วยโต๊ะต่างๆจนล้นออกมาบน

ถนนบริเวณหน้าเวทีก็ประกอบไปด้วยตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่างนั่งบน

โต๊ะคุยกัน  และบรรดาพ่อค้าที่มาช่วยงานก็เข้ามานั่งสนทนากันด้วย

ความสนุกสนานครึกครื้น   เสี่ยเม้งก็นำของขวัญเข้ามามอบให้แก่

ท่านรองวาสนาที่จะพ้นอายุราชการในวันสองวันนี้และก็เข้ามานั่ง

คุยด้วย  เหตุที่มาเพราะได้ข่าวว่าจะหัวหน้าผู้กำกับสถานีมาแสดงตน

ด้วย  ดังนั้นเสี่ยเม้งจึงเหลียวซ้ายแลขวาตลอดคล้ายจะค้นหาใครคน

หนึ่ง   มีชาวบ้านบางคนก็เข้ามาแสดงความยินดีกับท่านรองด้วยสิ่ง

เล็กๆน้อยๆที่หามาได้ตามอัธยาศัยเท่านั้น แต่ท่านรองยิ้มพลาง

ขอบคุณผู้ที่นำมามอบให้ด้วยสีหน้าแย้มยิ้มตลอดเวลา
   
   จนกระทั่งเวลางานใกล้ที่จะได้เวลาที่ท่านรองผู้กำกับจะขึ้นไป

กล่าวคำอำลาชีวิตราชการนั้น  แต่หามีใครสนใจชายสามคนไม่เพราะ

แอบเข้ามานั่งอยู่ทางด้านหลัง  การแต่งตัวเรียบง่าย หนึ่งในนั้นไว้

หนวดครึ้มนั่งกระขนาบข้างด้วยชายสองคน  ทั้งหมดได้แต่ดื่มน้ำส้ม

เท่านั้น  บรรดาคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้จักว่าใคร

เป็นใคร  ชายทั้งสามนั่งเงียบไม่สนทนากับใครๆเพียงแต่ตาจ้องไปดู

การละเล่นของวงดนตรีเท่านั้นเอง
 
    ครั้นได้เวลาพิธีกรก็ขึ้นไปจับไมค์โครโฟนแสดงถึงงานในวันนี้

เป็นการอารัมบทต่างๆนาๆ ขอบใจผู้ที่มาช่วยเหลืองานนี้ทั้งสิ้น

ครั้นกล่าวอารัมบทเรียบร้อยแล้ว ก็เชิญท่านรองผู้กำกับการมากล่าว

คำเปิดงานแล้วกล่าวคำอำลาหน้าที่ราชการทันที

    “ด้วยบัดนี้เป็นเวลาอันสมควรแล้วที่จะขอเรียนเชิญท่านรองผู้

กำกับมากล่าวเปิดงานและเป็นการอำลาชีวิตราชการตำรวจ  ข้าพเจ้า

ขอเรียนเชิญ ท่านพล.ต.ต.วาสนา เอี่ยมละออ มาเปิดงานด้วยขอรับ

ท่านตลอดจนจะมีผู้มามอบของที่ระลึกแก่ท่านด้วยครับ”

   ท่านรองหันไปทางสารวัตรชัชวาลย์ทันทีพร้อมกล่าวว่า

   “เห็นคุณบอกว่า  ท่านหัวหน้าจะมาป่านนี้ยังไม่เห็นท่านเลยผม

อยากจะพบหน้าท่านสักหน่อยจริงๆนะคุณ”

   “ท่านเรียนว่าท่านมาแน่ๆครับท่านรองไม่ต้องห่วง ผมคิดว่าท่าน

คงจะมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนครับท่าน”

   “หากขณะผมกล่าวผมพยายามจะพึงคำพูดไว้  หากท่านมาขอให้

สารวัตรช่วยนำขึ้นมาพบผมด้วยนะ”

   “ครับผ๊ม  ผมคิดว่าท่านคงจะมาแล้วล่ะครับเดี๋ยวผมจะให้สารวัตร

จำลองกับสารวัตรจรัส ออกค้นหาดูครับ”

   “ขอบใจมากครับ ช่วยผมด้วยนะครับ อย่างไรก็ตามก่อนวันเกษียณ

ผมตั้งใจมากอยากจะพบหน้าท่านสักครั้ง  มิฉะนั้นหากไม่ได้ท่านผม

คงไม่มีโอกาสเช่นนี้หรอก  คุณช่วยเหลือผมด้วยนะครับ”

   “ครับผ๊มท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

   แล้วสารวัตรชัชวาลย์ก็หันไปทางสารวัตรจำลองและสารวัตรจรัส

ให้ช่วยออกตรวจตามโต๊ะต่างๆทันที   เมื่อสารวัตรทั้งสองได้ยิน

เช่นนั้นก็ต่างรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมออกเดินค้นหาทันที

  เมื่อท่านรองเห็นสารวัตร จำลอง จรัส ออกค้นหา ก็ค่อยๆเดินขึ้นไป

บนเวที พลางของคุณพิธีกร แล้วหันไปทางหน้าเวที พลางทำความ

เคารพแขกผู้มาในงานทุกๆคน แล้วก็ค่อยๆกล่าวอารัมบทตั้งแต่รับ

ราชการมาจนมาถึงตำแหน่งนี้  หากสิ่งใดผิดบกพร่องก็กล่าวขออภัย

ทุกๆคนด้วย  เสียงปรบมือกันลั่นไปทั่วบริเวณงาน ด้วยงานนี้ทุกๆ

คนไม่ได้แต่ยศเครื่องแบบ  แต่ทุกๆคนอยู่ในชุดไปรเวททั้งสิ้น ท่าน

รองพยายามดึงโน้มน้าวงานในหน้าที่การงานและอารัมบทต่างๆ

   เวลาไม่นานนัก สารวัตรทั้งสองก็มาพบชายหนุ่มนั่งแอบอยู่ในแนว

มืดๆแต่  สารวัตรจรัสจำเจ้าแสงสีได้ ก็ ทำเป็นเดินเลี่ยงไปแล้วไปหา

สารวัตรจำลองทันทีว่าพบแล้วหัวหน้าเรา  ดังนั้นทั้งสองรีบมายังที่

โต๊ะนั้นทันที แต่เขามิอาจจำหน้าชายหนุ่มได้เนื่องจากไว้หนวดเครา

ครื้มและอยู่ในที่ค่อนข้างสว่างน้อยที่สุด  ดังนั้นสารวัตรทั้งสองจึงไป

ตบไหล่เจ้าแสงสี สินชัยทันที  ทั้งสองสะดุ้งพลางเหลียวมามองดูครั้น

เห็นสารวัตรทั้งสองก็ยกมือไหว้ ส่วนชายหนุ่มนั้นก็เงยหน้าขึ้นยิ้มกับ

สารวัตรทั้งสอง   ทำเอาสารวัตรทั้งสองตลึงทันที  ที่ใบหน้าของ

หัวหน้าได้เปลี่ยนไป  พลางยกมือขึ้นไหว้แล้วร้องด้วยความดีใจ

   “หัวหน้าครับทำไมมารูปแบบนี้ล่ะครับ ผมแทบจำไม่ได้เลยล่ะ”

   “ผมไม่อยากให้เป็นที่เอิกเกริกไปนะซิสารวัตร  สบายดีอยู่หรือ”

   “ครับหัวหน้าท่านรองท่านอยากพบหน้าหัวหน้าอยู่ท่านพยายามดึง

เวลาให้ช้าๆครับ   หากพบให้พาหัวหน้าไปพบด้วยครับ”

    ชายหนุ่มหันมายิ้มพลางลุกขึ้นติดตามด้วยเจ้าแสงสีสินชัย  ก็ออก

เดินตามสารวัตรทั้งสองไป แต่อยู่ทางด้านหลัง  ทำเอาบรรดาตำรวจที่

นั่งสนทนากันต่างมองดูกันเป็นแถวด้วยความแปลกใจเสียงสนทนา

กันเงียบกริบทันที   สารวัตรจำลองก็ชี้ไปยังโต๊ะของสารรวัตร

ชัชวาลย์ทันที แล้วถอยออกมา  ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปหาสารวัตร

ชัชวาลย์ทันที   ครั้นสารวัตรชัชวาลย์เห็นชายหนุ่มเดินเคียงข้างมากับ

สารวัตรจำลองและจรัสก็รู้ทันที  ด้วยความเผลอตัวทั้งๆที่แต่ง

ไปรเวทอยู่ก็ตะเบ๊ะพรืบ พลางกระพริบตาถี่เหมือนจะไม่เชื่อสายตา

ตัวเอง   ด้วยลักษณะการแต่งกายของชายหนุ่มผิดปกติไปมากทีเดียว

   “คุณชัชวาลย์นี่นอกเครื่องแบบนะ”

เสียงชายหนุ่มกล่าวพลางหัวร่อ   ดังนั้นสารวัตรชัชวาลย์รีบเข้าไป

สวมกอดชายหนุ่มทันที  ชายหนุ่มรีบกระซิบให้สารวัตรชัชวาลย์

ทราบอีกว่าหลังผ่าน กตร.จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของคุณด้วย

แต่ยังไม่บอก ด้วยผมไม่ไว้วางใจ จะให้คุณเป็นรองผมจึงจำเป็นต้อง

ปรับแผนการณ์ใหม่ มิฉนั้นหากตำแหน่งท่านรองว่างลง ทาง

กรุงเทพฯจะส่งคนมาใหม่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรจำเป็นต้องเสนอ

คุณไว้ก่อน  ซึ่งท่านก็รับปากไว้แล้วเสนอไปยังนายกฯท่านแล้วด้วย

คุณอาจจะโชคดีสองชั้น ขอให้เก็บเป็นความลับไว้ด้วยนะ  ทำเอา

สารวัตรชัชวาลย์ถึงกับปากอ้าตาค้างไปทันที

    ส่วนบนเวทีท่านรองกำลังรอรับของขวัญอย่างเชื่องช้า  จนกระทั่ง

สารวัตรจรัสไปข้างหน้าเวทีบอกว่า หัวหน้ามาแล้ว นั่นแหละท่าน

รองจึงรีบรับของขวัญ ซึ่งมีคนมารับต่ออย่างรวดเร็ว พลาง ก้มลงถาม

สารวัตรจำลองทันทีว่า

   “สารวัตรแน่นใจนะว่าหัวหน้าเรา”

   “ไม่ผิดหรอกครับท่านรอง  ท่านมานานแล้วล่ะแต่ไปนั่งแอบๆที่

มืดๆไม่ได้เข้ามาครับ”

   “อย่างนั้นเชิญท่านขึ้นมาบนเวทีได้เลย   ผมจะได้รีบกล่าวสรุปเสีย

ทีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปนาน”

   “ครับท่านรอง ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

  แล้วท่านรองก็ไปยังไมโครโฟนกล่าวสรุปผลงานของท่านจนจบ

แล้วกล่าวขึ้นว่า

   “แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายและบรรดาตำรวจทั้งหลาย บัดนี้หัวหน้า

สถานีของเราท่านได้มาปรากฏตัวแล้วเพื่อจะได้ทำหน้าที่จากผม

ต่อไป และจะขอแนะนำให้ท่านรู้จักกับ พล.ต.ท. วีระโชติ วิเชียรเข็ม

สกุล  ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถานีนี้และให้ผมรักษาการณ์แทนเสีย

เป็นเวลานาน   บัดนี้สมควรที่ท่านทั้งหลายจะได้รู้จักหัวหน้าสถานีที่

แท้จริงเสียที”

     บรรดาแขกและตำรวจทั้งหลายต่างเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้น

เลยทุกๆคนต่างมองดูว่าหัวหน้าของสถานีตำรวจที่แท้จริงคือใครกัน

แน่   แม้แต่เสี่ยเม้งเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยที่จะได้รู้จักเสียทีว่าเป็น

ใครกันแน่  แตทว่าการแต่งตัวหนวดเคราบดบังใบหน้า

อันเท้จริงทำให้เสี่ยงเม้ง ฉงนมันนึกในใจว่านี่หรือหัวหน้าสถานี

ตำรวจไหงดูไปคล้ายๆมหาโจรดีๆนี้เอง ใช่หรือว๊ะมันนึกในใจ

แต่เมื่อท่านรองผู้กำกับการสถานีรับรองเช่นนี้มันถึงแน่ใจ

   “ข้าพเจ้าขอเรียนเชิญท่านหัวหน้าขึ้นมากล่าวกับบรรดาแขกผู้มี

เกียรติและผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยครับท่าน”

   ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากโต๊ะของสารวัตรชัชวาลย์พลางเดินขึ้นไปบน

เวทีอากัปกิริยาเปลี่ยนไปทันที ร่างที่งองุ้มกับผึ่งผายทันที ทั้งสาม

สารวัตรก็เดินตามหลังก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วย ส่วนเจ้าแสงสีสินชัยก็

รีบเข้าไปประกบเสียเม้งมิให้รอดสายตา ด้วยเจ้าเม้งนั้นมีคนนั่งอยู่

ด้วยสี่คน กระจายกันมันรู้ด้วยฌานทันทีว่าย่อมไม่ดีแน่จึงไม่วางใจ

    เมื่อชายหนุ่มก้าวขึ้นไปบนเวทีแล้วก็ตรงเข้าไปยกมือไหวท่านรอง

ทันที  ทำเอาท่านรองทรุดตัวลงทันทีพร้อมทั้งกราบไปยังชายหนุ่ม

จนชายหนุ่มต้องรีบพยุงร่างท่านรองให้ขึ้นมา บนใบหน้าท่านรองนั้น

เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งลูกผู้ชายด้วยความปิติยินดียิ่ง นึกว่าจะไม่

มีโอกาสพบผู้มีพระคุณอีกแล้ว  แล้วดึงร่างชายหนุ่มเข้ามาสวมกอด

  “หากผมไม่ได้หัวหน้าผมคงคิดว่าจะไม่ได้นายพลกับเขาแล้ว ท่าน

หัวหน้ามีเมตตาบุญคุณกับผมมากครับ ขอบคุณอย่างสูงครับท่าน”

 ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆแล้วกล่าวขออภัยท่านรองที่ทำให้ต้องลำบากมา

นานแสนนาน  แล้วชายหนุ่มก็ก้าวไปที่ไมโครโฟนพลางกล่าวขึ้นว่า

   “ก่อนอื่นข้าพเจ้าต้องขออภัยต่อพี่น้องทุกๆคนที่ให้เกียรติสร้างงาน

นี้เป็นการไว้อาลัยแก่ท่านรองที่จะพ้นหน้าที่จากการเป็นตำรวจตาม

วาระไป ทำให้นึกเสียดายนายตำรวจดีๆหายากยิ่ง ในยุคนี้  น้อยคน

นักที่จะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่เห็นแก่อามิสสินจ้างใดๆ

นับได้ว่าเป็นนายตำรวจ่ที่ดีเด่นคนหนึ่งทำหน้าที่สมกับคำว่า

ผู้พิทักษณ์สันติราษฎร์ ปกป้องกำหราบคนชั่วปกป้องคนดีไม่ถือว่า

มีอำนาจกฏหมายอยู่ในมือจะใช้ในทางอันมิชอบ คอยช่วยเหลือชาว

ประชาให้ร่มเย็นเป็นสุข จนเมืองนี้ลดน้อยถอยพวกมิจฉาชีพลงไป

มาก มิได้เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อยด้วยคิดเสมอว่ากินเงินเดือนจากชาว

ประชาชนทั้งหลาย  และข้าพเจ้าขอฝากไปถึงพวกตำรวจทั้งหลาย

ด้วยว่า หลังจากนี้เป็นต้นไปที่ข้าพเจ้าเข้ามารับหน้าที่โดยตรง ซึ่ง

ข้าพเจ้ารู้ว่ายังมีตำรวจบางคนยังขูดรีดประชาชนอยู่ หากข้าพเจ้าเข้า

มาแล้ว สิ่งใดทำไปก็ขอให้หยุดเลิกเสีย  ข้าพเจ้าจะไม่ไว้แม้หน้า

อินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น ให้ตำรวจทุกๆนายที่อยู่ ณ ที่นี้ทราบด้วย

ว่าเราเป็นคนของประชาชนก่อนมาเป็นตำรวจก็เป็นประชาชนมา

ก่อนเพียงแต่เรามีหน้าที่รักษากฏหมายไว้  อย่าคิดว่าตัวเองอยู่เหนือ

ประชาชน กินเงินเดือนเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียก็เงินของประชาชน จงคิด

เสมอว่าเราคือประชาชนคนหนึ่ง  ไม่ได้เหนือไปกว่าประชาชนใดๆ

ทั้งสิ้นเพียงแต่เราเขามอบให้มาทำหน้าที่รักษากฏหมายเพื่อปกป้อง

เขาไว้เท่านั้น   หากวันใดข้าพเจ้าทราบว่ายังมีการรับส่วยจากบ่อน

การพนันหรือพวกผิดกฏหมายใดๆทั้งสิ้นอย่ามาหาว่าข้าพเจ้าใจร้าย

เพราะข้าพเจ้าคือประชาชนคนหนึ่ง ย่อมต้องปกป้องคนดีคอยช่วย

เหลือประชาชน   หากตำรวจคนใดที่ทำไว้ก็จงเลิกเสียประพฤติตน

ใหม่  ข้าพเจ้าขอกล่าวไว้เพียงเท่านี้  และขออวยพรให้ท่านรองท่าน

จงมีชีวิตยั่งยืนสุขภาพแข็งแรงเป็นมิ่งขวัญของครอบครัวต่อไป”

            แก้วประเสริฐ.

1139348gm3744qpip.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ