25 กรกฎาคม 2548 10:54 น.

หนึ่งรัตติกาล

แทนคุณแทนไท

กลอนเจ็ด...
ค่ำหนึ่งพระอาทิตย์ที่ ๑๙
๑...
โพล้เพล้ พลบค่ำ รำงำเงียบ
เย้าเยียบ เฉียบเย็น แทบเป็นบ้า
เหงาง่าย เจ็บง่าย ธรรมดา
หยดหยาด ทรมา เหว่ว้านัก
๒...
เกิดแสง แห่งดาว พราวสวรรค์
ผลิค่ำ รำพัน ผันหน่ายหนัก
ส่องสวย สรวงฟ้า มาทายทัก
ลึกล่วง ห้วงรัก ถักทอกาล
๓...
เก็บสาย สร้อยฟ้า มาร้อยสรวง
วาดดวง ดาวขาว ที่พราวผ่าน
กระซิบ รินร่ำ เล่าตำนาน
หมื่นล้าน ผสานเสียง จินตนา
๔...
ดั่งรส บทกวี ที่รินรื่น
ฉ่ำชื่น คืนใจ เคยปวดปร่า
เพียงเพลง บรรเลง ดาริกา
ดารดาษ ดารา บุพผาเพ็ญ
๕...
กล่อมใจ ให้ห้อม หอมห่อห่ม
พรายพรหม ห่มใจ ให้ไหวเต้น
ดาวเคลื่อน เดือนคล้อย ยังลอยเด่น
พินิจพิศ แสงเย็น เพ็ญจันทร์ราย
๖...
เพ่งพิศ ยิ่งคิด ยิ่งพิศพบ
งดงาม สงบ แต่เรียบง่าย
ความมี ยังมี ไม่มีคลาย
เพียงโยก ย้อนย้าย ไปตามกาล
๗...
สาดสวย สดใส ในราตรี
ดั่งว่า วนาลี คลี่ผสาน
โอบอ้อม ห้อมอุ้ม คลุมผืนธาร
ฉ่ำชื่น ชื้นบาน ก่อนต้านลม
๘...
รัตติกาลผ่าน รัตติกร
หนุนนอน ผ่อนคลาย คล้ายผวยห่ม
อุ่นไอ ใจช้ำ ระบำบม
คืนขม คืนขื่น ในคืนนี้

................................
แหละวันนี้ พระจันทร์ที่ ๒๕ กรกฏาค์ ๔๘
ถึงดวงดาวดวงนั้นที่ฝั่ง ฟากฟ้าทะเลไกล

บทส่งใจ...
โพล้เพล้นั้น ความเงียบสร้างความรู้สึกในด้านที่ไม่คิดหมายได้มากนัก... 
นี่กระมังครับ หลายคนจึงเตือนฝากไว้ คนเหงาง่ายอย่าอยู่กับเงียบให้นานนัก
....
เมื่อฟ้าสิ้นแววแห่งระวีแล้ว 
ช่วงเวลาแห่งรัตติฯก็มาเยือน ดั่งมีรัตติกรมาปลอบปลุก ประคองความหวั่นนัยก่อนค่ำนี้ 
....
มองออกไปไกล ณ ปลายฟ้าเบื้องหน้า มิตรผู้มากด้วยความรู้สึกแห่งวาสนาแห่งการเจอเคยกล่าวไว้สั้นๆในการออนไลครั้งก่อน ว่าการได้รู้ว่าได้ทำสิ่งเดียวกันกับอีกหนึ่งดวงใจแม้อยู่ไกลกัน ก็เป็นความสุขครับ 
....
ราตรีกาลนี้เราคงนั่งมองดาวดวงเดียวกันนะคุณคนไกล...
....
ในรัตติกาลหนึ่งคงมีอีกหลายชีวิตกระมัง ที่มานั่งปล่อยจินตนาไปไกลๆเช่นนี้ และคงมีไม่น้อยที่พบความงามง่ายใต้รัตติกาลนั่น... ท่านทั้งหลายก็คงเคยเป็น
แต่บางรัตติกาลของบางคน อาจกำลังจดจ่อกับการงาน หรืออยู่บนท้องถนนที่มีแต่ดวงไฟสองฝั่งฟาก ไม่มีแม้เวลาได้แหงนหน้าดูความสวยงามบนฟ้านั่น... คุณทั้งหลายก็เช่นกัน อาจมี
เหนื่อยนักก็พักกันนะครับ...

ขออวยพรให้ดวงใจสวยๆทุกดวง ได้สัมผัสกับทุกรัตติกาลที่หมายใจ พิเศษเฉพาะคุณคนซึ่งในรัติกาลหนึ่งซึ่งกำลังทำบางประการเพื่อวันนี้ที่ดีกว่าวันวาน... สำหรับผม ดวงใจคุณสวยจังครับ

ด้วยรัตติกาลแห่งอารมณ์

แทนคุณแทนไท				
21 กรกฎาคม 2548 11:04 น.

อย่าท้อ

แทนคุณแทนไท

อีกสักครั้งสำหรับวันหนึ่งนี้
พระฤหัสที่ ๒๑ กรกฏาค์ ๔๘

ส่งถึงความหน่วงหนักในวันนี้
หนึ่งความปรารถนาดี มีมาฝาก
จากฝั่งฟ้าฝั่งหนึ่งซึ่งไกลมาก
พี่อยากร้อยคำหลากฝากความใน

ที่อีกฟากของฝั่งฟ้า
กำลังล้นทรมา ใช่หรือไม่
หรือกำลังท้อไปหมดรันทดใจ
เพราะเหตุหนึ่งเหตุใดในวันวาน

นี่ก็อีกฟากของฝั่งฟ้า
เคยท้นท้อทรมาไม่กล้าผ่าน
แต่ด้วยขืนยืนหยัดตัดทัดทาน
ทุกข์ที่ทับกับกาลก็ผ่านไป

ไม่มีวิญญาณใดไม่เคยโศก
ตราบเท่าโลกทั้งโลกยังหลับใหล
ทุกน้ำตาไม่ว่าของใครใคร
ใช่จะหลั่งตลอดไปตลอดกาล

ไม่มีวิญญาณใดไม่สร้อยเศร้า
ตราบรู้เท่าไม่ทันกับวันผ่าน
ที่ทิ้งไว้แค่ภาพฝันเป็นตำนาน
ที่คอยจารใจให้จำ...และรำลึก

ตื่นทีเถิด แม้เกิดความทุกข์ทับ
อย่าปล่อยใจไปกับทุกรู้สึก
ในความเงียบเชียบนั้นมันเฉียบลึก
ในคืนเดี่ยวเปลี่ยวดึกยังมีดาว

ตื่นทีเถิด แม้เกิดความทุกข์ทับ
จงนอบรับกับทุกข์ที่รุกผ่าว
ทุกวันรุ่งพรุ่งนี้มีไฟพราว
ยังมีหลากเรื่องราวในก้าวนั้น

มาเถิดมาจันทร์จ๋าถ้าว้าเหว่
นอนในเปลพี่จะเห่ให้หลับฝัน
ในห้วงสุขนี้จักงามเป็นนิรันดร์
หลับตา...เถิดจันทร์อย่าหวั่นเลย
				
19 กรกฎาคม 2548 18:30 น.

อีกครั้งถึงฝั่งทะเลไกล

แทนคุณแทนไท

พระอังคารนี้อีกครั้งกับความรู้สึกนั้น 
กรกฏาคมที่ ๑๙ - ๔๘

๑
อยากจะซับน้ำตาให้คลายหมอง
ทอข่ายทองคล้องรักสลักฟ้า
ร้อยถ้อยรสพจสร้อยอักษรา
ผ่านเขาเขินเนินพนาไปหานาง
๒
ส่งไปทุกความปรารถนามี
ถึงฝั่งฟากฟ้าที่แม้ไกลห่าง
ด้วยคะนึงถึงเจ้าไม่จบจาง
ส่งข่าวให้รู้บ้างเป็นอย่างไร
๓
ว่าในความเหนื่อยหนักในวันนี้
เธอจะมีรู้สึกระลึกไหม
ว่าอีกฟากฝั่งนี้ที่ฟ้าไกล
มีอีกความห่วงใย...มอบให้เธอ
๔
ความเจ็บปวดแม้รวด จนปวดร้าว
จะบอกเล่าทุกอย่างกระจ่างเสมอ
อย่าสงสัยหัวใจในมือเธอ
และอย่าเพ้อเผลอทิ้งทุกสิ่งนั้น
๕
อยากจะซับน้ำตาให้คลายเศร้า
ในทุกข์ความรุมเร้าที่หวามหวั่น
เห็นไหมหนอนั้นหนึ่งความ อัศจรรย์
ที่ขอบฟ้าไกลนั่นฉันทอดาว
๖
อยากให้เงยหน้าพริ้มยิ้มอย่างเก่า
อย่าซึมเศร้าเหงาโศกดั่งโลกร้าว
ในคืนมืดแม้มันจะยืดยาว
แต่ต้องมีวันเช้าในพรุ่งนี้
๗
เงยหน้าพริ้มยิ้มเถิดเมื่อเกิดทุกข์
จะได้เข้าใจสุขมากกว่านี่
พี่จะกล่าวปรารถนาอย่างไรดี
นอกจากฝากถ้อยวลีนี้มาหา
๘
หวังจะแต้มแก้มเศร้าเย้าให้ยิ้ม
หวังจะเห็นเรียวอิ่มพริ้มดวงหน้า
หวังปลุกปลอบให้คลายท้อทรมา
เสมือนข้ามขอบฟ้ามาดูแล
 

----------------------------------------
บทส่งใจ...
วรรคทองในอดีตที่คุ้นคำกวีปลอบใจกวีไว้...

แด่คุณ

อยากให้เงยหน้าพริ้มยิ้มอย่างเก่า
อย่าซึมเซาเพียงหายสเน่หา
อย่าร้องไห้ตาจะช้ำเปลืองน้ำตา
อย่าเหว่ว้าวุ่นวายให้อายคน...

เป็นดั่งนี้แหละครับ เมื่อเจอวรรคช้ำๆ ก็อดหวั่นไปตามคำที่ยลไม่ได้ จึงเขียนปลอบซะทั้งที่ไม่เห็นว่า แท้แล้วคนเขียนงานอีกฟากหนึ่งของฝั่งฟ้าจะช้ำ หรือกำลังชุ่มใจด้วยรสสุขกันแน่!!!  นี่แหละใจ..

ปล...
คิดถึงท้องทะเลยามใด เหมือนได้พบความรู้สึกที่แสนรัก
ถ้ายามนี้ ที่ฝั่งฟากทะเลนั่น มีใครสักคนที่ท้อทน
ฝากสายลม "ทนหน่อยเถิดเจ้า แล้วพรุ่งนี้จะสุขกว่าที่คิด"

ด้วยใจระลึกถึง / ดั่งทะเลสีน้ำเงิน				
18 กรกฎาคม 2548 10:44 น.

ขุ่นขึ้งถึงนัย

แทนคุณแทนไท

พระจันทร์ที่ ๑๘ กรกฏาค์ ๔๘

สัญญาครารักสลักนั้น.....แค่คนรักกัน
แปรผันตามกาลเวลา
...
ความจริงจึงท้อทรมา.....ชิงชังนักหนา
โอ้ว่าอารมณ์ห่มใจ
...
เจ็บปวดรวดร้อนก้อนนัย.....ดั่งดวงหฤทัย
เจ็บใจดั่งใครย่ำยี
...
สิ้นแล้วแก้วแววมณี.....แหลกยับกับที่
ตรงนั้น!ตรงนี้!ตรงไหน?
...
ที่หว่างกลางดวงห้วงใน.....เคยงำรำไพ
ไร้ประโยชน์ใดใจเอ๋ย
...
แค่คำสัญญาคราเคย.....อย่ามั่นมันเลย
เราคนแค่เคยรักกัน
...
ตอบตามความในปัจจุบัน.....อย่าแสร้งแกล้งหวั่น
เรามันเปลี่ยนผันไปแล้ว
...
วาดหวังพังไม่เหลือแวว.....สิ้นทุกถิ่นแนว
ดั่งแก้วมณีปี้ป่น
...
อย่ามาให้เย้าให้ยล.....ต่อไปคงพ้น
เหลือแค่คนเคยรักกัน
...
เจอหน้าก็อย่าว่ากัน....ถ้าเปรียบเธอนั้น
ไม่มีอยู่ในโลกนี้
...
ไม่โกรธเกลียดดอกคนดี......แต่ใจพี่นี้
มันมีแต่แค้นแน่นใน
...
อย่าเย้ายั่วยามย่ำไย.....พอใจหรือไม่
นี่ไงหัวใจคนแพ้

หมดรักมิพักชายแล



				
11 กรกฎาคม 2548 09:55 น.

ไม่เคยลืม

แทนคุณแทนไท

ขณะนี้ พระอาทิตย์ที่ ๑๐ กรกฏาค์ ๔๘ ไม่เลย ไม่เคยลืม
๑...
ไม่เคยลืมเบญจมราชูทิศ
ไม่เคยลืมค่อนชีวิตที่ล่วงผ่าน
ไม่เคยลืมความรักที่มัดมานย์
ไม่เคยลืมไทสารจารหัวใจ
๒...
ไม่เคยลืมเสื้อคอซองที่ครองเจ้า
ไม่เคยลืมถิ่นเก่าที่เราใกล้
ไม่เคยลืมหอห้องพักพำนักใจ
ไม่เคยลืมยิ้มละไมแม้ไกลกัน
๓...
ไม่เคยลืมสายฝนที่พรมร่าง
ไม่เคยลืมแก้มนางคิดพลางสั่น
ไม่เคยลืมอุ่นเนื้อยามเกื้อกัน
ไม่เคยลืมแววตานั้นวันอำลา
๔...
ไม่เคยลืมคำความตามจดหมาย
ไม่เคยลืมดวงดอกไม้เมืองสงขลา
ไม่เคยลืมดาวเกลื่อนเป็นเพื่อนฟ้า
ไม่เคยลืมความเหว่ว้าคอยท่าเธอ
๕...
ไม่เคยลืมโพสการ์ดกระดาษขาว
ไม่เคยลืมถ้อยคราวพี่บ่าวเพ้อ
ไม่เคยลืมกล่องดนตรีมีให้เธอ
ไม่เคยลืมวันละเมอเพ้อฝากความ
๖...
ไม่เคยลืมคืนหนาวทุกคราวดึก
ไม่เคยลืมความรู้สึกพี่นึกหวาม
ไม่เคยลืมตู้โทร์ศัพท์ส่งรับความ
ไม่เคยลืมหลังสองยามตามคอนโด
๗...
ไม่เคยลืมเสียงท้องเมื่อร้องหิว
ไม่เคยลืมไส้ที่กิ่วยามหิว...โถ่!
ไม่เคยลืมหมูกระปุกยามอดโซ
ไม่เคยลืมคำโก้โก้ โม้ปลุกใจ

มีเงินจักมีประโยชน์ใด 
หากขาดซึ่งคนรู้ใจ 
ชีวิตก็ไร้ซึ่งความหมาย
๘...
ไม่เคยลืมกระเป๋าใบละหลายพัน
ไม่เคยลืมมือที่สั่นวันที่จ่าย
ไม่เคยลืมตั๋วรถทัวร์ตั๋วรถไฟ
ไม่เคยลืมหาดใหญ่ เมือง มอ.(มอ ออ)
๙...
ไม่เคยลืมคืนวันอันงามงด
ไม่เคยลืมท่ารถ บขส.
ไม่เคยลืมน้ำตาพรากที่หลากออ
ไม่เคยลืมทุก พศ. ที่รอกัน
 ๑๐...
ไม่เคยลืมเส้นถนนสาย ๑๐๘ (ร้อยแปด)
ไม่เคยลืมอุ่นอายแดดของที่นั่น
ไม่เคยลืมหอ ๓ ของจอมจันทร์
ไม่เคยลืมหลายค่ำนั้นร้านน้ำชา
๑๑...
ไม่เคยลืมกลิ่นไม้ ร้านป่ายาง
ไม่เคยลืมกลิ่นนาง สิเนหา
ไม่เคยลืมหมี่ไก่ไปอิ่มมา
ไม่เคยลืม ฯนาฬิกา ที่หน้าเมือง
๑๒...
ไม่เคยลืมมนต์ความรักสลักไว้
ไม่เคยลืมสาวทุ่งใหญ่ในเมืองเขื่อง
ไม่เคยลืมสมิหลาอันลือเลื่อง
ไม่เคยลืมนามกระเดื่องคนเมืองคอน
๑๓...
ไม่เคยลืมคำความทุกวลี
ไม่เคยลืมบทกวี ในวันก่อน
ไม่เคยลืม สร้อยคำ ที่ย้ำกลอน
ไม่เคยลืม ร้อยอักษร อ้อน รวี
๑๔...
ไม่เคยลืมคำปลุกปลอบมอบดวงขวัญ
ไม่เคยลืมราตรีนั้นจันทร์แจ่มศรี
ไม่เคยลืมคำตราตรึงถึงฤดี
ไม่เคยลืมคืนชวนชี้ชมฟ้างาม
๑๕...
ไม่เคยลืมเสียงคลื่นที่คืนฝั่ง
ไม่เคยลืมภาพความหลังยังใจหวาม
ไม่เคยลืมสัญญาทุกคำความ
สุดจะห้ามหักรักผลักพ้นใจ
๑๖...
นิจจาเอ๋ยคนเคยรักด้วยหนักแน่น
กลับมาแคลนคลอนกัน ผันไปได้
๙ พศ. พี่รอรัก เจ้าหักใจ
ตัดอาลัยในสัมพันธ์ร่วมกันมา
๑๗...
ใจ ขนอม ตรอมใจ ทุ่งใหญ่เอ๋ย
ไม่คิดเคย จะคุ้นชิน ความสิ้นท่า
ความทรงจำที่ย้ำชิดติดตรึงตรา
โอ้ สงขลา พยานรักหลักชีวิต
๑๘...
ผลสัตย์ซื่อถือมั่น มันสาสม 
สุดระทม จะข่มหัก ก็หนักจิต
เพราะเธอมอบใจให้ใครไม่ตรองคิด
ให้อีกหนึ่ง ชีวิต สุดจะลืม

 เนื้อใจหนึ่งเคยเชื่อมั่นสิ่งหนึ่ง 
สิ่งซึ่งหลายดวงใจมักเรียกว่า ความรัก มาอย่างยาวนาน 
แต่เพียงชั่วขณะกระพริบตานั้น ศรัทธาค่อนชีวิตนั้น พังทลาย หายวับ 
กลายกลับเป็นสิ่งต้องห้าม แหละดั่งถูกรอนสิทธิด้วยเธอผู้เป็นที่รัก 
เคว้งนักศรัทธาในยามนั้น 
มีแต่คำถาม ที่สุดท้ายกว่าจะพบคำตอบนั้น 
ใจก็ได้แต่สะท้อนและน้อมรับเสียงข้างในนั้น 
สาสมแล้ว สำหรับความมั่นคงที่เย่อหยิ่งของแก

ปล...พจณานุกรมแทนคุณแทนไท
๑... ไทสาร วารสารฝากความสมัยมัธยมศึกษาตอนปลาย เบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช (บม.)
๒...รวี มักใช้แรกแทนชื่อหญิงนั้นที่รักเป็นหนักหนา
๓...ขนอม บ้านเกิดของลูกผู้ชายดั่งทะเลสีน้ำเงินของน้องรักนางหนึ่งผู้มีแต่ความปรารถนาดี
๔... ทุ่งใหญ่ อำเภอเล็กๆ ใน จว.นคร ที่ซึ่งเธอกำเนิดเกิดกายที่นั่น
๕... มอ. มหาลัยสงขลานครินทร์ ถิ่นซึ่งไปเยือนสม่ำเสมอ เป็นค่อนศรัทธาของชีวิต
๖... แหละขอบคุณความทรงจำหลากสถานที่เหล่านี้ ซึ่งอยู่ฝั่งฟ้านั้น ณ หาดใหญ่ เมืองสงขลา ซึ่งจักเป็นตำนานสำหรับผมนิจนิรันดร์ ร้านอาหารป่ายาง กลิ่นไม้กลิ่นดอกยางหอมมาก ร้านหมี่ไก่ หมี่ก้อนใหญ่เหลือกำลัง หอนาฬิกาที่ซึ่งได้อาศัยรถตู้กลับเมืองคอนทุกครา ถนนร้อยแปด ชุมชนเล็กๆแต่อบอุ่นข้างมหาลัยนาง ร้านน้ำชาในมอ. ชื่อโวกฟ์ซินะ หอหญิงตึกสาม ท่ารถ บขส. สถานีรถไฟหาดใหญ่ หาดสมิหลาฯลฯ และทุกสถานพำนักยามไปเยือนแม้จ่ายแลกด้วยเงินตราแต่ถึงว่ายังคงระลึกถึง

ปล...
ท้ายสุด ขาดไม่ได้ขอบคุณเธอผู้เป็นอีกครึ่งหนึ่งของตำนานรักที่ผมมีในทุกขณะหายใจจนถึงปัจจุบันใจนี้น้องมอมแมม ด้วยตั้งจิตและคิดดี ขอให้ทุกความเป็นไปของคุณมีแต่ความงดงามนะครับ

เขียนด้วยระลึกถึง สุดหัวใจ.... 
				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแทนคุณแทนไท
Lovings  แทนคุณแทนไท เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแทนคุณแทนไท