12 มิถุนายน 2553 22:42 น.

เพียงบางช่วง...ของชีวิต

แมงกุ๊ดจี่




บางที...
การดำเนินชีวิตก็มีเป็นบางช่วงที่มีความสุข


แต่ความสุข...
ช่างสั้นนักผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ความเศร้าสิ   เนิ่นนานกว่าจะผ่านพ้น...


เหนื่อยมั้ย..?
อยากร้องตะโกนใส่หน้าว่าเหนื่อยมากมาย
แต่ก็ทำได้เพียงซ่อนไว้..


ซ่อน...
"อารมณ์"
"เศร้าหมอง"
"ขมขื่น"
"หน้า"


เมื่อออกจากห้องสี่เหลี่ยม
ต้องหยิบหน้ากากมาสวมเพื่อความอยู่รอด

เบื่อ
และ
เหนื่อย...
กับสิ่งที่พยายามเป็น...
ทุกข์ใจก็สิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง...


แต่นั้นคือความสุข...
การสร้างความสุขแก่ผู้อื่น
คือกุศล  มิใช่หรือ...


แล้วหัวใจใยจึงทุกข์...

จึงเก็บเอาภาพที่สุข  สุขตัวเองมาเผยแพร่...
หากว่าทำร้ายจิตใจ  หรือสายตาผู้ใด  ขออภัยไว้  ณ  ตรงนี้นะคะ
แบบว่า....เจ้าของ  Pic  แอบมั่นใจอย่างแรง...อิอ


อ่ะนะ  

ก็...


คิดถึงบ้าง   อะไรบ้าง...เท่านั้นเอง




page-1.jpgpage-2.jpgpage-3.jpg				
1 เมษายน 2553 23:34 น.

[เพรงพรหม] ตอนคุณปลัด.....

แมงกุ๊ดจี่

wow_by_maria_abagnale.jpg

รถญี่ปุ่นสีบรอนซ์คันงามตระหง่านอยู่หน้าอาคารเรียน   
หากมองจากชั้นสองจะเห็นได้ชัดเจน
ชายหนุ่มสูงร่างโปร่งยืนพิง กับตัวรถด้วยกิริยาสง่าผ่าเผย    
แสดงถึงความเป็นบุรุษเต็มภาคภูมิ
การแต่งการที่ดูเรียบแต่บ่งบอกว่าเนี๊ยบ   มองแล้วเจริญตา  
ยิ่งเสริมให้ชายหนุ่มนั้น
ดูภูมิฐาน   และมีราศี   ยิ่งขึ้นอีก...

ดารินมองผ่านหน้าต่างออกไปก็จะเห็นพอดี  
หญิงสาวยิ้มสดชื่นเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้มาเยือน
ทำให้เร่งมือเก็บของบนโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย     
เพื่อไม่ให้คนมารอคอยนานเกินไป

"สวัสดีค่ะ  คุณปลัด"   เสียงดารินทักทายสดใส
"สวัสดีครับ  คุณครู"   ชายหนุ่มทักทายพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น  อ่อนโยน

"ผมมารับกลับบ้านครับ  คุณผู้หญิง"   ชายหนุ่มเปิดประตูรถ  แล้วยืนโค้งคำนับตามด้วยผายมือ
เชื้อเชิญให้ดารินนั่ง    ดารินยอมแกมขำกับกิริยาที่ชายหนุ่มทำ  แต่ก็ไม่ได้เคอะเขินอะไร  
เพราะเป็นเรื่องปกติที่ทั้งคู่หยอกล้อกัน

"วันนี้  ฝนฟ้าทำท่าจะตกนะ  รู้แร่ะว่าทำไม?"   ดารินก็หัวเราะร่วน    ด้วยความสนิทสนมทำให้
ดารินสดใส  และหัวเราะได้เสมอเมื่ออยู่กับเขา    เขาเองก็หัวเราะกับอาการกิริยาของหญิงสาวที่นั่ง
อยู่ข้าง ๆ 

"ภู  มาถึงกี่โมงเหรอ? "  พูดจบดารินจ้องหน้าชายหนุ่มที่ตั้งหน้าขับรถอย่างใช้สมาธิ
"อ้อ  มาถึงเมื่อตอนบ่ายครับ "  ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับชำเหลืองมองใบหน้าหญิงสาวแบบผ่าน ๆ
"งั้นดีเลย   เย็นนี้ไปงานแต่งงานเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ"   แกมบังคับเห็นๆ  เลยนะเนี๊ย
"ยืมควงออกงานหน่อยนะค่ะ  คุณปลัด"   ดารินเย้าเล่น   พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
"คร๊าบ....ได้ครับคุณผู้หญิง"   แล้วเขาก็หัวเราะ  ชอบใจ


ในงานเลี้ยงของโรงแรม   ที่จัดอย่างหรูหราเพราะเป็นงานเลี้ยงของลูกสาว สส.  
นับว่าเป็นงานใหญ่ระดับจังหวัด    ผู้คนในงานก็มักเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มาในงาน  
ทำให้งานนี้  ดูเป็นพิธีการค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ดารินควงคู่มาพร้อมชายหนุ่มสูงโปร่ง  ที่สมาร์ทในความเป็นบุรุษหนุ่ม  รูปงามแบบยาก
หาคนกระทบไหล่เชียวแหละ   ในชุดสูทแบบทันสมัยที่เข้ากันกับชุดราตรีสั้นผ้าซีฟรองพลิ้ว
สีชมพูโอรสที่ขับผิวให้ผ่องยิ่งขึ้นเมื่อโดนแสงไฟในงาน   ยิ่งทำให้ดารินดูเด่น  งดงาม  
สวยสง่าอยู่ในงาน   สายตาของชายหนุ่มหลายคู่ที่มองมา
ต้องอิจฉาปลัดหนุ่มที่ดูเหมาะสมกันอย่างยิ่ง    
สายตาที่ที่มองมาทำให้ดารินแทบจะสะดุด  ขาตัวเองลม  แต่ก็ยังมีชายหนุ่มข้าง ๆ   
เป็นหลักให้ยึดไว้บ้าง

หนึ่งในสายตานั้นมีสายตาอีกคู่ของชายหนุ่มที่ยืนหลบอยู่อีกมุมของงาน  ในชุดสูทภูมิฐาน
รณช   ยืนถือแก้วไวน์มองภาพที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความหวั่นไหวในหัวใจ   และทำให้รู้สึกหงุดหงิด
ที่เห็นหญิงสาวสวยที่เขาหมายปองคล้องแขนชายอื่นเข้ามาในงาน   ทั้งที่ชายคนนั้นควรจะเป็นเค้า
ไม่ใช่นายหน้าเจี้ยมเจี๋ยม   ที่ยิ้มแต้ตระง่านเคียงหล่อนอยู่แบบนั้น...

รณช  ยกแก้วไวน์ดื่มรวดเดียว   ในทันทีได้ส่งแก้วให้บริการในงานพอดี    
เขาปลีกตัวออกไปเพื่อหายใจหายคอให้โล่งสบาย   เพื่อดับอารมณ์ที่เป็น   
ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าอาการที่เป็นนี้  คืออะไรเป็นต้นตอ    ผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลต่อหัวใจ  
ความรู้สึกเขามากขนาดนี้  หรืออาจเพราะ  เขาต้องการเอาชนะหล่อน  เพราะความท้าทายที่มีนัยยะของมันเอง

แต่คืนนี้...
เขาเองก็ไม่ได้เฉิดฉายมาเพียงลำพัง   เขาควงคู่ขาที่เพิ่งควงกับไม่นานหลังจากที่เขาได้พบกับดาริน
ในขณะที่ดารินไม่สนใจเขา   ยังไม่พอยังทำลายความซื่อสัตย์ของเขาด้วยประโยคที่ตัดสะบั้นจนแทบ
ไม่เหลือความรู้สึก  แต่เขาก็ยืนยันจะเอาชนะเธอและเขาก็ได้ประกาศไว้ให้เธอได้ทราบแล้วนั้น


"รณชขราาาาาาาาา  ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ"   เสียงเจื้อยแจ้วมาจากด้านหลัง
"เปรม   คุณมาตามผมหรอ"  เขาถามหญิงสาวสวยจัดจ้าน   ที่ยืนกอดอกอยู่เบื้องหน้า
"ค่ะ    ก็คุณหนีเปรมออกมาทำไมค่ะ  หันมองคุณอีกทีก็หายไปซะแล้ว"  หล่อนทำเสียงเง้างอด
"ผมแค่อยากออกมาสูดอากาศเท่านั้นเอง"  เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ  ที่ตอบเปรมศินีไป
"เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ   นะคะ   รณช"   หล่อนอ้อนคล้องแขนเขาเดินเข้าไปภายในงาน

รณช   จำต้องเข้าไปในงานเพราะนั้นคือสิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำเป็นที่สุด
เมื่อเข้ามาเขาก็อดไม่ได้ที่จะ  มองหาเจ้าของประโยคแทงใจ  ที่หล่อนอวดอ้างว่าเป็นน้องไม้บรรทัด
เขามองก็ยิ่งหงุดหงิดในหัวใจ   เมื่อเห็นทั้งคู่ยืนคู่กันไม่ห่างเลย   เขายังจำได้ว่าเจอดารินครั้งแรก
ก็ที่แห่งนี้    ในงานแต่งงานแบบนี้    แต่บรรยากาศและสถานการณ์ไม่เป็นเช่นเดิม
แต่ครั้งนี้หล่อนมีเพื่อนมาด้วยใครใครในงานต่างก็มองว่าเป็นคู่รัก  
หรือเป็นคนที่หล่อนคบหาดูใจ    เกิดเป็นคำถามกวนประสาทเขาอยู่ไม่หาย


แต่เมื่อทั้งสองมาประจัญหน้ากัน...
กับทำให้ทั้งคู่เฉยชาต่อกัน   แต่ดารินนั้นต้องตะลึงเมื่อเจอหน้าเขา
เพราะไม่คิดว่าจะเจอเค้าในงานนี้    เพราะเขาไม่น่าจะอยู่ที่นี่  ในเมื่อเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ  
แต่ดารินสามารถปรับสีหน้า  และแววตาได้   แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาทก็จำต้องทักทาย
ตามประสาคนเคยรู้จักกัน...เพราะจะเฉยเสียเลยก็ไม่ได้...

"สวัสดีค่ะ  คุณรณช"   หญิงสาวในชุดราตรีสวยงาม  ไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่า
เขารับไหว้หล่อนแต่สายตาก็ชำเหลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ  เป็นเชิงคำถามว่าใครเหรอ?

"คุณรณชค่ะ   นี่ปลัดฯ  ภูมินทร์ค่ะ"   หลอ่นแนะนำชายหนุ่มที่ควงมาในคืนนี้แบบทางการแก่เขา
ปลัดฯภูมินทร์ไหว้รณช   เพราะเขาน่าจะอาวุโสกว่า  รณชจำต้องรับไหว้เสียไม่ได้   แต่ก็รู้สึกแปลก...ในรู้สึก

เปรมศินี   ถามด้วยสายตาเหมือนเป็นนัยคำถามว่าใครกัน  ทั้งที่สองหนุ่มสาวก็สบตาเพื่อหาคำตอบ
"เปรม  นี่คุณดาริน   และปลัดฯภูมินทร์ครับ"  เขาแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันไว้


แต่ยังไม่ทันได้สนทนา
ดารินก็ขอปลีกตัวออกมา  เพราะอึดอัดใจและหงุดหงิดในอารมณ์
ที่เห็นสาวสวยเซ็กซี่  แต่งหน้าจัดจ้าน    คล้องแขนรณชจนแทนจะเลื้อยรอบตัวอยู่แล้ว
หล่อนเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่   ว่าจะไปหงุดหงิดทำไมกัน.... 


"พี่ริน   เป็นอะไรหน้างอเป็นม้าหมากรุกเชียว"   ปลัดฯ หนุ่มเอ่ยถามคนทำหน้าอยู่ที่นั่งคู่
"พี่แค่หมั่นไส้ยายนั่นดูสายตาที่มองมาสิ   ยี้....ขยะแขยงจริง ๆ"   หล่อนทำท่าขนลุกซู่ซะแบบเหมือนจัด
"ผมว่า  พี่รินมีอะไรแปลก ๆ  แล้วนะ  นายรณช  คนนี้หรือเปล่าลูกป้าศรีพรรณที่แม่เล่าให้ภูฟัง"   
เขาถามให้หายข้องใจ   ว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่ากับข้อมูลที่รับมา
"ใช่หน่ะสิ    คนนี่แร่ะ  มันน่านักมาเมื่อไหร่กัน"  หล่อนบ่นอุบอิบ ในลำคอ
"ผมว่า   พี่รินเปลี๋ยนไป๋"   ภูมินทร์หัวชอบใจกับที่รับรู้เป็นเรื่องราวใหม่  และอาจจะน่ายินดี
"นายยิ้มอะไร  นายภูขับรถไปไม่ต้องมามอง"   หญิงสาวจ้องหน้าพลขับอย่างคาดโทษ   
แล้วหน้าก็ยิ่งงอหนักกว่าเดิม  จนถึงบ้าน


เสียงรถเข้ามาจอดฟังเสียงเดาได้ว่าจอดหลังรถของหล่อน    
ทำให้สงสัยว่าใครมาบ้าน   วันนี้มันวันหยุดนี้   ดารินเดินมาคลี่ผ้าม่านมองลอดบานหน้าต่างใส
เห็นรถของคู่อริมาจอด   ก็หงุดหงิดใจอีกแร่ะ   พลางนึกในใจจะมาทำกันน๊า   น่าจะกลับกรุงเทพฯไปซะ


รณช   มาบ้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่บ่อยมากนัก
นาน ๆ   ครั้งจะมาแวะหาได้มาต่างจังหวัดเขาต้องอยู่ดูแลงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
เห็นคนเดินออกมาต้อนรับเป็นภูมินทร์เดินมาต้อนรับก็หงุดหงิดในหัวใจแต่ก็ต้องทำเป็นเฉยซะ
ก็เขาเป็นผู้ใหญ่มากพอแล้ว   ไม่ใช่เด็ก ๆ  ที่จะต้องมากระฟัดกระเพี้ยดใส่ใคร...

"สวัสดีครับคุณรณช   เชิญครับ" ภูมินทร์เดินมาต้อนรับพร้อมเชิญเข้าบ้านเหมือนเป็นเจ้าของบ้านซะเอง
รณชนึกหมั่นไส้อยู่ในทีว่าเกินไปแล้วนะ    นายคนนี้อยากจะต่อยหน้าให้สักหมัดจริงเลยน๊า


ดารินลงมาต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วยหน้าแจ่มใสผิดกับเมื่อคืนที่ทำหน้างอตลอดทางจนถึงบ้าน
"มาเยี่ยมคุณพ่อหรือคะ"  หล่อนเดินมาพร้อมน้ำเย็นต้อนรับแขก (หน้าตาดี  555)
"ครับมาเยี่ยมคุณลุง  คุณป้า  และคุณด้วย"  เขามองสบตามีนัยทำให้อีกคนยิ้ม...
"คุณพ่ออยู่สวนกล้วยไม้หลังบ้านค่ะ  คุณจะไปคุยกับท่านมั้ยค่ะ  เดี๋ยวฉันพาไป"  หล่อนแจง
"เอาสิ  คุณนำทางผมไปเลย"  


เมื่อคุยสัพเพเหระ  สาระตะต่างๆ  ปาร์นนท์ก็ชวนรณช  ทานข้าวเย็นด้วย   
พรุ่งนี้เขาก็จะกลับกรุงเทพฯ   นานๆ  มาที่ควรจะอยู่กินข้าว  เพราะปาร์นนท์ก็พอใจรณช
เสียแต่ลูกสาวไม่ได้เรื่องเลย   เขาเองก็อดเสียดายไม่ได้หากรณชจะไม่ชอบพอลูกสาวของตน


หลังจากคุยกันปาร์นนท์ก็ทำให้  รณช   รู้ว่า  "ภูมินทร์"  เป็นลูกชายของบ้านนี้
ทั้งหมดเขาคิดไปเอง    มันยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าดารินเป็นหญิงสาวที่เขาควรจะพึงใจและหมายปอง


dancingcolor_by_maria_abagnale.jpg



"คุณนี้ร้ายจริง ๆ  นะ ไม่บอกผมเลยว่า  ภูมินทร์เป็นน้องชายคุณ"  เขามองจ้องใบหน้างาม
"คุณถามฉันเหรอ? "  ดารินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ไม่ต้องมาเฉไฉเลยนะ  บอกว่าเป็นน้องชายก็จบนี่แนะนำซะเป็นทางการนะคุณ"
ดารินหัวเราะชอบใจ     กับชัยชนะที่ตัวเองได้รับแต่ดารินจะรู้หรือไม่ว่าได้แพ้    รณชซะแล้ว




				
30 มีนาคม 2553 23:30 น.

"ทำไม...น้องไม่แต่งงาน"

แมงกุ๊ดจี่

1268135168.jpgได้การ์ดแต่งงานตั้งกะปีที่แล้ว
ยาวนานมาจนถึงปีนี้เยอะมาก  ยาวมาจนถึงปลายเมษานี้...
ภาษีสังคม...แต่คิดว่าคงจะห่างไปแล้วมั่ง   เพราะที่โสด ๆ   ก็แต่งใกล้จะหมดแล้ว
งานที่ถูกเชิญไปจัดในโรงแรมหรูระดับจังหวัด   ห้องใหญ่   แอร์เย็น  เวทีกว้าง
โอ่อ่ามาก ๆ   งานนี้ที่ถูกเชิญไปเป็นงานที่   ห้าแล้วล่ะในปีนี้


เพราะเป็นงานแต่งของน้อง  ในที่ทำงานจึงต้องไป  และทุกงานด้วยสิ
ถ้าไม่ไปก็มองหน้ากันไม่ได้อีกต่อไป    ก็สนิทชอบพอกันพอสมควรนะ
คนส่วนใหญ่ในงานก็มีแต่คนในที่ทำงานของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว
เจ้าสาวเป็นครู   เจ้าบ่าวเป็นหนุ่มแบงค์    เจ้าสาวเป็นคนน่ารักนะ   จึงต้องไป


งานแต่งนี้น่าไปกว่างานแต่งลูกสาว ส.ส. ซะอีกนะ
พ่อถามว่าจะไปมั้ยงานแต่งงาน   กลับตอบปฏิเสธไปซะง้าน   ลูกพี่ลูกน้องอีกคน
โทร.มาไปงานแต่งงานด้วยกันป่าว    ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะเขาก็รู้ว่าทำไม ?


การไปงานแต่งงานของคนใกล้ชิดแบบญาติมันลำบากใจนี่นา...
เพราะการตอบคำถามบางคำถามมันน่ากลัว    เพราะสามารถตอบได้เพียง
ยิ้มแทนคำตอบ   ที่ผู้ใหญ่ชอบถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานซะที   น่านเอาแล้วไง...


กลับมาที่งานแต่งที่ไปดีกว่านะ
ไปแต่หัวค่ำ    แล้วก็อยู่เก็บโต๊ะช่วยพนักงานซะง้าน
แขกที่มาในงานก็มีแต่ครูอาวุโสทั้งนั้น   เพราะพ่อแม่เจ้าสาวก็เป็นครูทั้งคู่
งานก็เลยเต็มไปด้วยลูกศิษย์และครู  โอ่ววววว   ไหว้กันเมื่อยมือไปโลดเด้อ...
เวลาที่เราไปงานแต่งงานนี้ดีอย่างหนึ่งมันเจริญหูเจริญตาดีนะ


ก็เพราะสาว ๆ  ที่มาในงานก็แต่งตัวสวย  ๆ   กันทั้งนั้นเลย
ส่วนหนุ่ม ๆ  ก็ไม่แพ้กัน   แต่งกันมาซะหล่อกระชากใจเชียวแหล่ะ 
แหล่กันไป   กันมา    มันก็สนุกดีนะ   เห็นสาว ๆ  หนุ่มไปเต้นรำ
แต่ไอ้เราไม่ได้เต้นนี่สิ   มันปวดขานี่ส้นสูงปรี๊ดดดดด  ทำให้ลำบากจริง ๆ
พอผ่านช่วงพิธิการไปก็ถึงชั่วโมงของหนุ่มโสดสาวโสด  รู้ว่าใครโสด
ก็คราวนี้แร่ะ   สาว ๆ   น้อง ๆ  พากันไปรับช่อดอกไม้   คึกคักกันใหญ่
แต่เราก็สนุก    ก็ปล่อยให้คนมีคู่เค้าไปรับช่อดอกไม้ซะ    มันคงเป็นเรื่องที่ไกลตัวซะแล้ว
โสดแต่สว. (สวยโว้ย)   อิอินั่งเฝ้าโต๊ะ     ปล่อยให้เด็ก ๆ  เค้าไปรับช่อดอกไม้กันโลด


คนรับช่อดอกไม้ได้ก็เป็นน้องคนที่เตรียมการไว้แล้ว    
วางแผนไว้แล้วว่าปลายปีนี้
จะประกาศเป็นทางการว่าจะสละโสดแล้ว   งั่นก็ปล่อยน้องเค้าไปรับเถอะ  555
เล่าแบบรีบ ๆ   แร่ะกันนะ   เดือนนี้ก็มี  สองรายที่จะประกาศสละโสด
แบบเป็นทางการ...


เราอยู่เก็บโต๊ะช่วยพนักงานซะง้าน...
ก็อยู่ส่งแขกเป็นให้เจ้าสาวซะงั่นเนาะ   เมื่อดึกได้ที่เราก็  ก็........
แล้วเราก็ไปหาแสงสว่างที่  "ตะวันแดง"   เป็นซะง้านไปเลย 555

ไปมันทั้งชุดราตรีกระโปรงบานนี่แร่ะ  
ปวดขาก็ปวดเพื่อน ๆ  น้องๆ   ก็ยังอยากลากไป  
ดีแต่ว่าเป็นวันเสาร์พอดีอ่ะนะ   เลยได้เลยไปก็ไปน้องเอ้ย...



ทำไม?   น้องไม่แต่งงาน....
คำถามนี้ถูกถามมานานหลายปีแล้ว   คนถามก็เบื่อจะถามแล้ว  555
เจอหน้าที่ไร   มักทวงซองทุ๊กทีคำตอบมักจะได้แต่รอยยิ้ม...อย่าถามเลยไม่มีคำตอบ...


เพราะว่า....
วาดภาพหน้าเจ้าบ่าวไม่ออกว่าจะเป็นไง
วาดภาพตัวเองเป็นเจ้าสาวไม่ออก  จะเป็นไง
วาดภาพไม่ออกเลยว่าความรักจะเกิดขึ้นเพื่อการแต่งงานหรือไม่
วันนี้...
ก็เลยเลิกวาดภาพนั้นไปแล้วอ่ะ




1268135262.jpg				
28 มีนาคม 2553 16:34 น.

"ผมกับเธอ"

แมงกุ๊ดจี่

1267371936.jpg

"คิดถึงนะ"

ผมกับเธอ...ในมิตรภาพคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
เราคงเป็นได้เพียงเพื่อนที่ดี   ที่คิดถึงกันถามข่าวกันผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์


ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นด้วยบางประโยค  ที่คนทั้งโลกอ่านได้  และยาวนานมาหลายปีแล้วมันเป็นเพียงไมตรีแห่งมิตรภาพ  ที่สามารถมองเห็นได้จากตัวหนังสือผ่านสายเคเบิลผ่านจอมอร์นิเตอร์สัมผัสได้ด้วยสาย   แต่ไม่อาจอ่านสัมผัสโดยผ่านแวว...


ถึงตรงนี้ผมและเธอ  ก็คงความเป็นเพื่อนที่แสนดีไว้เพียงแค่   "เพื่อนออนไลน์"
นั้นสินี่คือความจริง    แม้ว่าในหัวใจถามตัวเองว่า  
"ถ้ารักคนนี้  ชีวิตผมจะเปลี่ยนไปอย่างไร"
แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้น   หลายต่อหลายครั้งที่ผมตัดพ้อผ่านอักษรที่เป็นเพียงภาพมายาให้เธอเพ้อตามว่า "เว้นระยะห่าง"   ไม่หรอกมันเป็นผมเองที่พยายามเหวี่ยงไปให้เธอรับไว้แต่แท้จริงแล้วผมเอง ที่เว้นไว้และกำหนดระยะห่างเอาไว้ มันเป็นผมเอง  เราอย่าเอ่ยถึงมันเลยมันยิ่งทำให้ผมเจ็บปวด


การรู้สึกดี  หรือพิเศษกับใครไม่ใช่เรื่องง่าย   ไม่ว่าจะในสถานะไหน?  หรือในเวลาไหน?  ที่ไหนอย่างไร

 
แต่ว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะดำเนินมันต่อไปอย่างไร    วาสนาหรือพรหมลิขิต  อืม..ยอมรับว่าผมเชื่อเรื่องพวกนี้พอสมควร   จึงยอมรับว่าวาสนามีอาจได้พานพบหากว่าจบคงหมดวาสนา...(มันคงจริงมั่ง)   ผมก็ไม่เคยพิสูจน์ว่าจริงเท็จแค่ไหน

"ระหว่างเรา...เหมือนอะไรดีล่ะ   คงเหมือนลมกับใบไม้  ผมเหมือนลม   เธอคงเป็นเหมือนใบไม้ที่ใกล้ร่วงหล่นเต็มทีละมั่ง"


ระยะห่าง   ทั้งที่ความเป็นจริงเราไม่เคยใกล้   แม้ว่าพยายามใกล้แต่ก็ไกลออกไป  อุปสรรคของความรัก.....คงไม่ยิ่งใหญ่เท่าอีกฝ่ายไม่ได้รัก   นั่นคือความจริงที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้หรอก


บางทีการมีใครให้คิดถึงมันก็ดีอย่างน้อยก็มีคนให้คิดถึง   เป็นเหมือนยาเศษชะโลมใจ ให้ฉุ่มฉ่ำได้แต่อาจเศร้าใจนิดหน่อยที่ไม่มีทางได้อยู่เคียง   แต่ผมก็มีหลายคนไว้ให้คิดถึง   "ผมไม่แคร์"  ว่าเธอจะคิดถึงผมหรือไม่แต่มันก็ดีแล้วสำหรับความเป็นตัวผมเอง...หนึ่งลมหายอาจมีไว้เพียงแค่คิดถึงเธอหลายคนที่ผมไม่รู้จักไง   เพียงเท่านั้น


กำแพง...ที่ไม่มีทางรู้ว่ามันกั้นไว้กี่ชั้นกัน...
แต่ก็เหมือนมีลางสังหรณ์บอกว่า  "ไม่มีทางข้ามผ่านกำแพง"  
เพื่อไปถึงอีกหัวใจได้หรอก...


แบบไหนนะ  ที่เค้าเรียกกันว่าความรัก...
แต่สำหรับผมและเธอนั้น   "ไม่ใช่ความรัก"    
ซึ้งเป็นอะไรเธอไม่มีวันได้รู้   แต่ผมคิดว่าผมรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่คืออะไร?   


สัมพันธภาพของคนสองคนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน   จนยากจะเข้าถึงซึ่งหัวใจของกันและกันหากในโลกความเป็นจริงมีสิ่งใดซ่อนเร้นอยู่หรือ?  เธอบอกเองว่าไม่ต้องการค้นหาคำตอบหรอก  เธอเพียงแค่อยากให้มันเลือนหายไป  


เหมือนประโยคหนึ่งที่ว่า  "เผื่อวันไหนเราตายไปจะได้ไม่เสียใจไง"  เธอรู้ว่าสักวันมันจะต้องเลือนหายไป  สักวันหนึ่งผมกับเธอคงเหมือนตายจากกันไป    ยิ่งเรียนรู้มันยิ่งผูกพันจุดจบนั้นก็รู้ว่าต้องปวดใจ  เธอควรจะขอบคุณผม   ที่ทำให้มีช่วงเวลาดีดี   ผมและเธอคงมีเพียงสิ่งนี้ยื้อกันไว้ในไมตรีและมิตรภาพต่อกัน แม้ว่ามันจะไม่ค่อยสมบรูณ์สำหรับผมมันยังดีที่หัวใจได้เบิกบานเปลี่ยนจังหวะการเต้นไหวในบางช่วงเวลาบ้าง
  


"คิดถึงนะ"   ผมและเธอมักใช้ส่งผ่านสายตาสู่หัวใจ   มันซึมลึกสู่หัวใจเธอแต่หัวใจผมมันเข้าไม่ถึงผมเริ่มไม่แน่ใจในเจตนาแห่งสัมพันธภาพที่ผมพยายามจะให้เป็น  ว่าควรจะเป็นในระดับไหน   หรือดำเนินไปอย่างไร


"คิดถึงนะ"  คำนี้เธอบอกว่าเธอยิ้มได้เมื่อได้รับรู้  แต่มันก็คงทดแทนสิ่งที่ต้องการไม่ได้ แต่ผมก็บอกเธอไปอย่างนั้นเองว่าผมรู้สึกดีแค่ไหนที่เธอส่ง "สิ่งที่ส่งมาด้วย"   คือ  "คิดถึง"   ผมรู้ว่าการใช้หัวใจรักเพียงฝ่ายเดียว   รู้สึกเพียงฝ่ายเดียวนั้นมันเจ็บปวดและเมื่อถึงเวลานั้น   ผมคิดว่าเธอคงจะต้องยอมรับมันได้
แม้ไม่อยากยอมรับก็ต้องรับสิ่งที่เป็นไปสิ่งที่เปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาให้เรียนรู้   ผมรู้เธอเข้มแข็ง


"การคิดถึงใครสักคนอาจเกิดขึ้นง่ายดาย   
แต่ว่าไม่ใช่ง่ายที่จะ  "คิดถึง" ด้วยหัวใจทั้งดวง"


ผมรู้ว่าผมทำร้ายหัวใจผู้หญิงคนหนึ่ง    แต่ผมหยุดมันไม่ได้   เพราะมันกำลังสนุกกับสิ่งที่ผมกำลังทำ แล้ววันหนึ่งเธอคงจะเลือนผมออกไปจากใจได้ในสักวัน   ผมคิดว่าเช่นนั้น    แค่โลกออนไลน์ผมไม่เคยรักใครจริงสักคน...				
19 มีนาคม 2553 21:14 น.

สตรีที่รักสนุก

แมงกุ๊ดจี่

193254791253.jpg

"สุดที่รักโทร.มาช่วยรับหน่อย ฯ "  เสียงโทรศัพท์ดังจนแสบแก้วหู
ก็นะคนแก่แล้วหูมักตึง  บลา  บลา ๆๆๆ    ก็เปิดมันให้ดัง ๆ  อยู่ตรงไหน?
ของบ้านก็ให้ได้ยิน...ฮ่า ๆๆๆ  


แต่ว่าวันนี้มันอยู่ข้างหูตรูนี่หว่า...
หลังจากคุยโทรศัพท์   ก็หลับโดยไม่รู้  อิเหน่   เหอ ๆ    
"ส้มฉุน   มึงอยู่ไหน?ตอนนี้"  เสียงอิเพื่อนสาวแว๊กมา
"หือ...กุอยู่บ้านทำไมว่ะ"  เสียงส้มฉุน   ฉุนเหมือนชื่อ
"เออ....ดีเดี๋ยวกุไปถึงมึงอาบน้ำแต่งตัวรอกุ"  หล่อนพักเสียงแล้วพูด
"ขับรถ 5 นาทีกุถึง"  เสียงบอกมาทำเอาอีกฝ่ายงงว่ะค่ะ   เมิงเหาะมาไงว่ะค่ะ
"รายว่ะ   มึงขับรถดี ๆ นะโว้ย"   อิเพื่อนบร้ามันเป็นไรอีกแล้ว...


เสียงแตร๊   บีบดังก้อง 
"อิเพื่อนห่า   มันจะทำไรว่ะ  กุรู้แล้ว"   บ่นพึมพรำ  ขมุบขมิบ... 555

ส้มฉุนเปิดประตูนั่งลงข้างคนขับ   แล้วเพ่งมองหน้าอิเพื่อนบร้า...
อ้าวอินี่มันร้องไห้มานี่หว่า    จะโว้ยมันส้มฉุนอดเลย   เออมันคงมีเรื่องมา...
แล้วอิเพื่อนมันเล่นเข้าเกียร์..กะจึก ๆ  กะจั๊ก ๆ   หยังว่ะค่ะ..

"กิ๊ฟ    มึงให้กูขับดีกว่าว่ะ"   ส้มฉุนเสนอ...
"มึงไว้ขับตอนกุเมาดีกว่า  ตอนนี้กุขับได้  กุไม่เมา  กุแค่มึน"  เออดูอิเพื่อน
"มึงแน่ใจ   กุยังอยากใช้ชีวิตโสดกุนาน ๆ  นะมึง"   ส้มฉุนบอกปนเซ็ง ๆ
"เออ  มึงได้อยู่นานแน่  ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวมึงกับกุโสดนำกัลลล"  แล้วอิเพื่อนมันเก๊าะหัวเราะร่วน
"ชีวิตจะหาไม่   ป่าวว่ะค่ะ   อิเพื่อนห๊ะ"  อิชั้นก็บอกมันไป  มันน่ากลัวอะหลีเด้อ
"เชื่อกุดิ "   ควรเชื่อมันป่ะเนี๊ย...
"เออ...กุเชื่อมึงขากลับกุได้ขับแน่"   ประชดไปนิดโหน่ย..


พอขับไปได้สักพักมันเริ่มพร่ามล่ะอิเพื่อน  อิชั้นก็ต้องฟัง  และฟังมันแบบเต็มใจ
ไม่เต็มใจก็ต้องฟังมันอ่ะว่ะค่ะ   บลา..บลา...

"วันนี้มึงต้องกินเหล้าเป็นเพื่อนกุนะ  รู้ป่าว"  เอ๋าอิเพื่อนได้ไงว่ะค่ะ
"ได้ไง  กุไม่สบายมึงก็รู้"   อิเพื่อนกะฆ่าเพื่อนทางอ้อม
"กุรู้มึงแกล้ง   มันไม่ได้เกี่ยวกะโรคมึงเลยนะ  เหล้าหน่ะ  เหล้า"  อิเพื่อนพล่ามต่อ  บลา
"ไว้ให้กุขับรถกลับให้มึงไม่กว่าเหรอว่ะ"  หาเหตุผลมายกใหญ่
"มึงดูทางหน่อยกิ๊ฟ     กุยังหาฝาชีบ่ได้เด้อ"  ฉันลองเปลี่ยนเรื่องเข้ารกเข้าพง
"มึงจะเอาไปอะไรฝาชี   กั้นได้แต่แมงวัน  อิบร้า"   แล้วอิเพื่อนก็หัวเราะเยาะ
"อ่าว  อ่าว..."  ร้องเสียงหลงเหมือนเพลงสากลที่ฮอตเพลงหนึ่ง   แล้วมันก็หัวเราะร่วนสะใจ
"มึงนะ   จะหาฝาชี   มึงมาหาตอนนี้เหรออิส้ม"  ขำ  ขำเข้าไป
"เอ่อสิว่ะ   ความฝันสูงสุดนะเว้ย"  ความนัยใจจากอิชั้นถึงอิเพื่อนเลยล่ะ

แล้วมันก็ขำไม่หยุดเลย  ไม่รู้มันตลกตรงไหน  อิเพื่อนทรพีนะมึง
"กุว่ามึงอยู่แบบนี้ดีแล้ว  มึงอยากเป็นแบบกุหรือไงห๊ะ"   ทำท่าจะบีบน้ำตารินซะ
"ก็กุกลัวมึงเกินหน้าเกินตากุนิ "  เหตุผลส่ง ๆ
"เออ...เชื่อกุมึงอยู่แบบนี้ดีแล้ว   กุขอร้อง"  แล้วมันก็มองด้วยหางตา
"เอ้าถึงแล้วได้แล้วอิเพื่อน"   เสียงอิเพื่อนอิชั้นสั่งการ


รถจอดเข้าซองได้เป๊ะ ๆๆๆ    ตอนมันไม่เมาไม่เห็นมันจอดได้งี้ว่ะ
เราสองคนมาถึงผับแห่งหนึ่ง   ออกจะขาประจำแต่ห่างหายไปช่วงที่ไม่สบาย
หาโต๊ะนั่งได้ก็สั่ง  Rad  มันสั่งของแพงอีกแร่ะ ขวด สามสี่ร้อยมึงไม่กินนะอิเพื่อน
เวลาผ่านไปเหมือนเพิ่งผ่านไปเรามาถึงที่แห่งนี้  เวลา 22.50 PM  เวลาผ่านมาถึง
เวลา  00.40   AM   แต่เหมือนเวลาเพิ่งจะไม่กี่นาที....อันนี้มันสำหรับเพื่อนสาว
ที่ตอนนี้มันฟุบไปแร่ะ  หลังจากที่มันเต้นกระจาย   แต่อิชั้นนั่งดู....
ก็ต้องหิ้วมันกลับไปนอนบ้านเหมือนที่อย่างเคย    สุดท้ายก็ต้องได้ขับรถให้แกจริงอินังกิ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

เมื่อก่อนเราในกลุ่มเพื่อน   เจ็ดคนทุกศุกร์เราจะโทรหากันนัดมิตติ้งกันอยู่เสมอ ๆ
ก็ประมาณว่าโสด  เป็นสตรีที่รักสนุกกันทุกนาง   ก็เที่ยวไปตามวิถี  
บางทีก็นัดเที่ยวแบบสร้างสรรค์ก็มีบ้าง  ส่วนใหญ่จะแบบเสเพมากกว่า  
ก็มันรวดเร็วทันใจนึก  ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก


แต่วันเวลาผ่านไปทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่ไปตามกาลเวลา   แต่งงานมั่ง  มีแฟนไปมั่ง
แล้วพวกมันก็ทิ้งชีวิตโสดไปมีคู่กันซะนี่    แต่อีกคนในกลุ่มเป็นมะเร็งตายไปแร่ะ
ผู้หญิงเที่ยวกลางคืนมักเป็นมะเร็งแต่ยังสาว  อันนี่หมอบอกมาอ่ะค่ะ   
แต่ก็ไม่วายหยุดเที่ยว  ยังคงเที่ยวกันสม่ำเสมอ   ไม่ตายเพราะมะเร็ง  ก็พิษสุรา
หรือไม่ก็อุบัติเหตุตาย   อิเพื่อนมันบอกงี้อ่ะ   เออ...ไม่มีใครกลัวตายกันเลยสักคน
แต่ตอนนี้ก็เหลืออยู่สามนาง   ที่โสดจริง ๆ  ไม่อิงนิยายแต่อีกนางไปอยู่ที่ภาคเหนือ
และอีกคนก็ไปเป็นคุณครู   มันเสเพไม่ได้แล้วมันบอก    มาสำนึกทำความดีเป็นแบบอย่าง
มันว่างี้อ่ะค่ะ   และสุดท้ายก็อิชั้น   ที่ร่อนเร่  ทำงานอิสระแบบว่างแผนวางระบบให้คนอื่นเค้าอ่ะค่ะ
แต่ปัจจุบัน   วางแผนชีวิตตัวเองไม่เคยได้อ่ะค่ะ

แต่วันนี้อิเพื่อนมีปัญหาชีวิตรักกะผู้ชายร้อยเปอร์เซ็น  ประเด็นคือชายแท้เกินไปว่ะค่ะ  เอิ๊ก...
ไม่อยากจะบอกว่าโหดได้จิต   เหี้ยได้ใจ  เอิ๊ก ๆ   แต่มันก็รักของมันอ่ะว่ะค่ะ   

"เป็นกุลสตรีที่รักสนุก ชอบไปบุกตามผับ ตามบาร์
ฉันชอบคุยกับคนแปลกหน้า ชอบเฮฮา แต่ไม่บ้าผู้ชาย...."

อิชั้นก็ประมาณเพลงนี้ล่ะค่ะ  เอิ๊ก ๆ  (เมามันส์   ไม่ใช่เมามาย   แต่คิดว่าน่าจะเมาเหล้า)
ไม่   วันนี้ไม่มีสาระก็แค่อยากพล่ามไปเรื่อย ๆ   บางอย่างก็จริงเน้อ  บางอย่างก็ใส่สีตีไข่เน้อ
ก็จริงมั่ง  อะไรมั่ง  เดา ๆ   เอาเน้อว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ...ฮ่าาา ๆ    แต่อย่าร้อนนะค่ะ    


แค่นี้คนทั่วไปก็หงุดหงิดจะแย่แร่ะ
ก็มาระบายมั่ง   โม้มั่ง   อะไรมั่ง   ให้มันมั่ง   อุ๊ยส์มิซ่าย  ใหันมันผ่อนคลาย...(คลายจริงป่ะเนี๊ย)   เอิ๊ก ๆ 



				
Calendar
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟแมงกุ๊ดจี่
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
Calendar
Lovings  แมงกุ๊ดจี่ เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแมงกุ๊ดจี่