28 กันยายน 2552 12:09 น.

..ภูมิพลมหาราชา..

แม่จิตร

สรรดาวทิพย์ ณ สวรรค์ประพันธ์บทกวี
น้อมกราบพระภูมี.....................วิมล

เทิดเอกวีระกษัตริย์พิพัฒน์นิกรชน
แม้คราจลาจล..........................สมาน

ปราชญ์เปรื่องศิลป์วิทยากิฬาและกรรมฐาน
สามโลกก็โจษขาน....................นิยม

ถิ่นใดแล้ง ธ ก็ดาลประทานพิรุณพรม
พืชพันธุ์ก็งามสม.......................สมัย

ยามเกิดเหตุธรรมชาติอนาถอุทกภัย
ทรงห่วงและแก้ไข......................เสมอ

กี่โครงการอุปถัมภ์กระทำแนะนำเสนอ
แด่ชนและปรนเปรอ...................ไผท

ทรงเปี่ยมล้นทศธรรมและล้ำคติสมัย
พอเพียงประจักษ์ใจ.....................อนันต์

ข้าฯขอน้อมสดุดีพระภูมิพลขวัญ
ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์.....................มิคลาย

โอมเทพทุกทิศรักพิทักษ์พระวรกาย
จินต์จงประสงค์หมาย...................เถอะเทอญ				
22 กันยายน 2552 23:32 น.

..วัฒนธรรมกวี..

แม่จิตร

วัฒนธรรมกวี
คือไม่มีความคิดริษยา
มีแต่ดวงจิตรคิดเมตตา
คอยชี้แนะภาษาให้แก่กัน

เปี่ยมไปด้วยน้ำใจใสสะอาด
เหมือนฝนหยาดรินให้ต้นไม้นั่น
พร้อมคติอริยะมหัศจรรย์
ฝากกำนัลเอาไว้ในโลกา

วัฒนธรรมกวี
คือไม่มีเลียแข้งเลียขา
เพื่อให้ได้เกียรติยศเงินตรา
กลับฟันฝ่าตัวตนนัยผลงาน

มีแต่วิจัยเงื่อนงำคำกวี
ด้วยศักดิ์ศรีปัญญากล้าหาญ
เขียนคำแปลกใหม่จินตนาการ
สะเทือนใจผู้อ่านอกาลิโก

วัฒนธรรมกวี
คือไม่มีวางเขื่องเรื่องยโส
ไม่กลับกลอกระยำทำคุยโว
ไม่อวดโอ้พยาบาททาสอัตตา

วัฒนธรรมกวี
ล้วนน้องพี่ทุกเชื้อชาติศาสนา
แลกเปลี่ยนความรักความศรัทธา
เชื่อมภาษาวรรณกรรมอันล้ำลึก

ทุกทุกคำกวีที่สรรค์สร้าง
คือแนวทางสะอาดนัยหยาดหมึก
ที่จรรโลงสิ่งดีงามตามสำนึก
หลอมผนึกปณิธานงานกวี

จึ่งเกิดเป็นวัฒนธรรม
ซึ่งเลิศล้ำอัตลักษณ์ในศักดิ์ศรี
เป็นความภาคภูมิใจแล้วชาตินี้
กับการสั่งสมบารมีกวีเอย				
15 กันยายน 2552 10:07 น.

..กล่อมขวัญ..

แม่จิตร

๏ หยุดเศร้าเถิดดรุณีเพราะพี่ทะนุถนอม
และเลิกวิตกเพราะโอษฐ์จะหอม..จะกล่อมขวัญ
ด้วยฤดีเพาะรักมหัศจรรย์
พร้อมศรีกวีฉันท์..................วิไล

๏ ซึ่งเห็นเจ้าขณะทุกข์จะปลุกอุปนิสัย
ระรื่นภิรมย์อุดมละไม...............หทัยหวาม
พิศสิเนตรละมุนจะคุ้นนิยาม
หัตถ์สองตระกองความ...........รตี

๏ อย่าหวั่นเลยนะจ้ะเจ้าจะเอานยะฤดี
และเล่านิทานสราญทวี.............วิถีธรรม
แทรกวิธีฉลาดและอาจจะขำ
ขับกล่อมและน้อมนำ...............เสมอ

๏ เห็นไหมดาวนภะตกและนกก็จะละเมอ
จะหยิบเสาะดาวสกาวเจอะเจอ......เสนอนวล
แต่จะต้องยะแย้มแฉล้มและสรวล
ถึงโฉมจะสมควร...................จะครอง

๏ หากเจ้าหนาวก็จะกอดตลอดปิติสนอง
จะเมื่อยจะทนมิบ่นตริตรอง........มิหมองหมาง
ด้วยฤทัยเพราะหวงและห่วงมิวาง
ต่อรักพิทักษ์นาง....................อนงค์

๏ อบอุ่นแล้วสิสมรเถอะนอนและละพะวง
เพราะหัตถะไล้หทัยประสงค์....จะเยียวยา
แม้นผิว์หลับและเกิดสะดุ้งผวา
กล่อมแล้วนะแก้วตา..............อนันต์

๏ ที่พี่เฝ้าปฏิบัติอนงค์พิถิพิถัน
เพราะรักนะรักจะรักนิรันดร์......และสัญญา
หวังอนงค์จะหายสบายอุรา
จุมพิตและนิทรา...............นะครับ ๚ะ๛				
8 กันยายน 2552 23:13 น.

..วงศ์กวี..

แม่จิตร

แม้เราต่างเลือดเนื้อเชื้อไข
ทว่าใจเราร่วมสร้างวรรณศิลป์
ปลอบประโลมสามหล้าคู่ฟ้าดิน
ปลดปล่อยจินตนาการงานประพันธ์

โดยนำเรื่องมากมายหลายฟากฟ้า
เรียงร้อยสู่ภาษาบุปผาสวรรค์
ด้วยมุมมองผองกวีมหัศจรรย์
มุ่งสร้างสรรรค์มอบไว้ในชาตินี้

มุ่งสร้างสรรค์มอบไว้ในชาติหน้า
แม้นว่าพบพระนิพพานอันสุขี
ทุกทุกชาติได้สะสมบารมี
ไว้ในงานสุนทรีย์ที่แสนรัก

เขียนไว้ในงานสุนทรีย์ที่แสนโศก
เขียนบอกโลกบอกใครคลายทุกข์หนัก
เขียนบอกสิ่งต่างต่างเช่นทางมรรค
อาจเป็นวรรคทองให้จิตรได้คิดนึก

มาเถิดเหล่าผองเพื่อน
เสมือนเราเป็นญาติมิตรน้ำหมึก
ทุกอักษรจักรวาลงานบันทึก
หลอมผนึกอารมณ์จ่อมจมแล้ว

เหมือนสุรีย์จุมพิตดอกน้ำค้าง
ให้สวยพร่างล้ำค่ากว่าเพชรแก้ว
ฉันใดภาษากวีที่เพริศแพร้ว
ย่อมฉายแววอยู่ในหัวใจมนุษย์

ย่อมฉายแววกว่าดาวพร่างพราวฟ้า
ด้วยปรัชญาภาษาวิเศษวิศิษฏ์
จากรุ่นสู่รุ่นมรดกวลีนิรมิต
จากดวงจิตรน้อมนำห้วงสำนึก

มาเถิดเหล่าผองเพื่อน
เสมือนเราเป็นญาติมิตรน้ำหมึก
ทุกอักษรจักรวาลงานบันทึก
หลอมรู้สึกหอมหวานคู่กาลเวลา

ฉันขอกู้เกียรติให้...........วงศ์กวี
คือผลิตงานสุนทรีย์.........ค่าฟ้า
เจืออุดมคติวิถี................ดับทุกข์  เป็นสุข
ปลอบปลุกสามโลกหล้า.....ชาติหน้ายังสนอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแม่จิตร
Lovings  แม่จิตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแม่จิตร
Lovings  แม่จิตร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแม่จิตร
Lovings  แม่จิตร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแม่จิตร