27 พฤษภาคม 2550 17:12 น.

เรื่องของยาย...ที่อยากขยายต่อ

โคลอน

เรามียายอยู่คนเดียว(ถ้ามีสองคนคงบ้านแตกไปนานแระ...อิอิ) เราจะพูดแทนชื่อตัวเองกับยายว่า"ลูก"เสมอ เหมือนที่พูดกับพ่อและแม่ ไม่รู้ว่าเราเริ่มแทนตัวเองว่า"ลูก"เวลาพูดกับยายตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยายก็ให้ความรู้สึกว่า เหมือนแม่ ได้จริงๆ สรุปก็คือเรามีแม่ที่อบอุ่นจนเผาเราเกรียมได้ตั้ง 2คนแน่ะ....:p
เมื่อก่อนตอนยายแข็งแรง ยายจะทำอาหารให้เรากับน้าทานเสมอไม่ว่าจะอยากกินอะไร ขอให้บอก ยายเนรมิตรได้อย่างใจ ยายดูมีความสุขเวลาทำอาหาร ยายไม่เคยขอร้องให้ใครไปช่วย หรือเป็นลูกมือเลย 

เราอยู่กับน้าที่ปากเกร็ดและยายจะลงมาจากเชียงรายเป็นพักๆ มาทีไม่ต่ำกว่าเดือนขึ้นไป ช่วงที่ยายมาอยู่ด้วย สวนจะสวยไม่มีใบไม้แห้งหล่นให้รกตาเลย บริเวณรอบๆต้นไผ่ที่รายล้อมไปด้วยหินเล็กๆยายยังสามารถพลิกก้อนหินทีละก้อนเพื่อคุ้ยหาใบไม้แห้งมาทิ้งขยะได้เลย ยายสามารถอยู่ข้างบ้านดูแลสวนอยู่กับต้นไม้ได้เป็นวันๆ ความสุขของยายมีไม่กี่อย่างจากที่เราสังเกตุ

เราเคยถามยายว่า เวลาปวดท้องคลอดลูกเจ็บมั๊ย เพราะยายต้องคลอดตั้ง8คน แต่ยายกลับตอบหน้าตาเฉยว่า"ไม่เจ็บ...เหมือนปวดท้องอึนั่นแหละ..." เรายิ่งเป็นคนจินตนาการกว้างไกลอยู่ด้วย มีรึจะไม่คิดตาม555 ถูกแล้วเรานึกภาพ แม่เรากับน้าๆ(แม่เราเป็นลูกคนโต)เป็นอุนจิ...แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว...หารู้ไม่ว่ามีสายตาอำมหิตคู่หนึ่งจับจ้องอยู่เหมือนจะรู้ทันความคิดเรา...55555(ขากรรไกรจะค้าง...ไม่รู้สึกรู้สา)...ยายช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริงๆเพราะสมัยเรียนมัธยมเราเคยดูวิธีคลอดลูกโดยวิธีรรมชาติแล้วมัน สยึมกึ๋ย มากเลยอ่ะ ^~^" ติดตาแต่ไม่ติดใจ 

ยายมักมีมุขเด็ดมาเป็นระยะๆ อย่างตอนที่ ยายไม่สบาย ไม่ยอมเช็ดตัวเลย3-4วัน คิดดูเดินไปไหนแมลงวันตอม(ตอนนี้ยายอยู่เจียงฮายปู๊นนนน...เต็มที่ๆ...อิอิ)^A^ แล้วอยู่ดีๆยายก็ร้องเพลงหนึ่งที่พ่อเราเคยร้องสมัยเป็นทหารแล้วต้องติดอยู่ในป่าว่า

"เจ็ดวันอาบน้ำหนเดียว...เจ็ดวันอาบน้ำหนเดียว....ใครๆก็ไม่แลเหลียว....อาบน้ำหนเดียวอยู่ได้เจ็ดวัน"

จากที่เรากำลังจะแกล้งเอามือปิดจมูกแซวยายเล่นเรื่องไม่ยอมอาบน้ำทั้งๆที่หายไข้แล้วกลับต้องเอามือมากุมท้องเพราะหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งแทนซะนี่

ตอนนี้ยายไม่ค่อยแข็งแรงเพราะอายุ 78 แล้วเดินทางก็ไม่ค่อยไหวยายก็เลยไม่มาหาเราแล้วแต่พวกเราต้องเป็นฝ่ายไปหายายแทน
แต่เดือนมีนาที่ผ่านมา น้าๆมาเที่ยวก็เลยคะยั้นคะยอให้ยายมาด้วยแล้วบอกยายว่า สงกรานต์ค่อยกลับเชียงรายพร้อมกัน...ยายถึงยอมอยู่ด้วย

เรากับน้าคุยกันว่าต่อไปนี้จะทำอาหารให้ยายทาน เพราะตอนที่ยายแข็งแรงยายยังทำให้พวกเราทานได้เลยแล้วทำไมพวกเราจะทำอาหารให้ยายทานไม่ได้ล่ะ...

ปีนี้รู้สึกยายไม่ค่อยสดใส ดูซึมๆไม่ค่อยพูด ไม่มีอารมณ์ขันเหมือนก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าหูยายไม่ค่อยได้ยินแล้วก็เป็นได้

ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า...คนเราถึงจะสดใส แข็งแรงขนาดไหนก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อถึง วัย วันและ เวลา ซึ่งพวกเราก็คงหนีไม่พ้น

จากที่ยาย ชอบทำอาหาร ก็เหลือแต่ ทานอาหารตามเวลา

จากที่ยายชอบ ปลูกต้นไม้ ชอบขลุกอยู่ในสวน ก็เหลือแต่ นั่งมองเฉยๆข้างหน้าต่าง

จากที่ยายชอบมีมุขเด็ดๆมาให้ขำ ก็เหลือแต่ ความเงียบ สงบ และสายตาที่เหม่อมองออกไปไกลๆ

 เราไม่รู้ว่ายายกำลังคิดอะไรอยู่...และไม่กล้าถามด้วย...ได้แต่ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยและสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วเพราะ ยายแก่ลงมากเลยปีนี้เวลาพูดก็ต้องเข้าไปใกล้ๆเสียงดังๆถึงจะได้ยิน

สิ่งที่เราจะทำเพื่อยายได้ตอนนี้ก็คือ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าและดูแลยายอย่างที่ยายเคยดูแลเราขณะที่ท่านยังแข็งแรงอยู่

เรายังจำ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ สายตาที่อบอุ่นแม้บางครั้งจะแอบมีรังสีอำมหิตแผ่มาให้เสียวสันหลังวูบเวลาทำอะไรไม่ถูกใจยายบ้างก็ตาม 
ถึงแม้วันนี้ยายจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่เราก็เชื่อว่า ยายคงรับรู้ได้ว่า ลูกๆหลานๆทุกคนรักและเป็นห่วงยายแค่ไหน เพราะพวกเรา รักนะ...แต่แสดงออก...(^v^)...ให้ยายรู้ ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะดูแลยาย แม้ยายจะไม่ได้ดูแลเราอีกแล้วก็ตาม

บางครั้งเวลา...จะเป็นตัวกำหนดด้วยตัวของมันเองว่า เราควรทำอะไร ตอนไหน อย่างไร เพื่อใคร 

เมื่อก่อนเรากับน้าไม่ต้องทำอาหาร อย่างเก่งก็เป็นลูกมือเล็กๆน้อยๆ แต่ช่วงที่ยายมาอยู่ด้วยเมื่อเดือนมีนาพวกเราจะเช่วยกันทำอาหารให้ยายทาน...เราไม่รู้หรอกว่าอาหารถูกปากยายหรือเปล่า แต่แค่ยายทานหมดจาน...แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว ถึงแม้อาหารที่ทำจะเทียบไม่ได้เลยกับที่ยายเคยทำให้เราแต่เราก็ทำด้วยหัวใจและยายคงจะรับรู้ได้(^8^)เมื่ออ่านจากสายตา

เราไม่เคยรู้ว่าเวลายายทำอาหารร้อนขนาดไหน ทุกครั้งเวลายายทำอาหารเสร็จจะมายืนอยู่หน้าพัดลมด้วยชุดที่ชุ่มเหงื่อไปทั้งตัว...แต่ยายก็ยังมีรอยยิ้มเสมอ...(o^______^o)

ตอนนี้เรารู้แล้วว่า การทำอาหารหากไม่ใช้หัวใจทำ  เราจะไม่สามารถยิ้มออกได้เลย ภายในห้องครัวที่ร้อนอบอ้าวเพราะไอร้อนจาก อาหารและเตาเหล่านั้น คงเป็นเพราะรอยยิ้มของยายที่ออกมาจากห้องครัวทุกครั้งทำให้เราซึมซับอย่างไม่รู้ตัวว่า...การทำอาหารอย่างคนที่ใช้หัวใจทำเป็นอย่างไร...ตอนนี้ฝีมือของเราพัฒนาจนยายเอ่ยปากชมว่า"อร่อย"แล้ว...โย่ว์ (*^o^*)/

ถ้าหากคำกล่าวที่ว่า"คนเรายิ่งแก่ตัวลงจะยิ่งเหมือนเด็กเป็นเช่นนั้นจริง...ก็ขออย่าได้พรากความสดใสเหมือนเด็กไปจาก ยาย ของเราเลย"
				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโคลอน
ไม่มีข้อความส่งถึงโคลอน