1 มิถุนายน 2550 11:49 น.

หนูขอโทษ

ใบคา

แสงสีขาวจ้า.. ทำให้เธอไม่สามารถลืมตาขึ้นมองสิ่งรอบข้าง พยายามเบิกตาสู้เท่าไหร่ก็ไม่อาจทนทานต่อแรงแสงจ้านั้นไหว จำต้องทำให้เธอหลับตาอยู่อย่างนั้น แต่หูเธอยังคงได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งพูดจาสับสนวุ่นวาย ไม่อาจจับต้นชนปลายได้ เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าเป็นเสียงของผู้หญิงหรือเสียงของผู้ชายเพราะว่ามันแผ่วเบาเหลือเกิน แผ่วเบาในความสับสน ยิ่งเพ่งฟังยิ่งปวดหัวปวดตาจนไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกจากการนอนนิ่งๆ ปล่อยให้ตัวเองหลับไป เพราะมันเป็นฝันร้ายเหมือนทุกๆ คืน ฝันที่เหมือนจริง เหมือนมีใครมานอนทับร่าง ไม่สามารถร้อง ไม่สามารถขยับ หรือแม้กระทั่งลืมตามอง ทำได้เพียงนอนทำใจนิ่งสงบนึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เอาไว้ ท่องนะโม นะโม  นะโม จนคล้อยหลับ มาทราบเอาทีหลังว่านอนทับแขนตัวเองอยู่จึงโล่งอก เธอเริ่มทำอย่างที่เคย ท่อง นะโม นะโม ใจเริ่มสงบเริ่มเคลิ้มหลับ 

เสียงเหล็กเล็กๆ กระทบกันดังกริ๊กๆ เธอสะดุ้งตื่นเฮือก! ทันที  ไม่! เธอตะโกนสุดเสียง ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครได้ยิน ไม่แม้กระทั่งลมกระทบเพดานปากและลิ้น เธอดิ้นเพื่อให้ตัวเองตื่น ตื่น ตื่น เสียที ใครมาทับร่างของเธอไว้ เธอดิ้นสุดแรง ร่างเธอกระตุก  ตึก!

หมอตกใจ คนไข้ช็อกรีบฉีดยา หมอเร้าพยาบาล
ยาวิ่งเข้าร่างเธอ รู้สึกสบายไม่อึดอัด คนที่ทับร่างเธอก็หายไปแล้ว เธอคิดว่าคงเป็นเพราะแรงดิ้นของเธอบวกกับคุณพระรัตนตรัย ทำให้สบายอย่างนี้ เธอลืมตาได้แล้ว แม้จะเห็นแต่สีขาวไปทั่วทุกสารทิศ แต่มันก็ไม่แสบตาเหมือนครั้งแรก ไม่มีเสียงคนคุยกัน ไม่มีเสียงกระทบของเหล็กเล็กๆ เธอง่วงอยากจะหลับ อยากล้มตัวลงนอนตรงนั้นบนแสงนวลขาว รู้สึกเมื่อยเหนื่อย ตื่นขึ้นมาแม่คงต้มโจ๊กร้อนๆไว้รอแล้วเธอก็คล้อยหลับไป

เธอตกใจตื่นอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ พยายามพลิกตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ ร้องเรียกแม่เพราะรู้สึกกระหายน้ำเหลือเกินก็ไม่เป็นผล เธอไม่มีเสียง เธอได้แต่หันหน้ามองซ้ายแลขวามองรอบๆ มันไม่ใช่ห้องของเธอ ห้องของเธอไม่ขาวอย่างนี้และไม่มีกลิ่นยาเช่นนี้ด้วย  นี่มันโรงพยาบาล!เธออุทาน

เฝือกอันโตโดยมีขาขาวเธออยู่ข้างในถูกห้อยสูงอยู่เหนือกว่าระดับลำตัวทั่วตามร่างกายของเธอมีบาดแผลและผ้าพันแผลอยู่แทบนับไม่ถ้วน แต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือเป็นเพราะว่ามันปวดจนชาไปหมดแล้วจึงไม่รู้สึกเจ็บ
คำถามแรกผุดขึ้นมาในหัวทันที ทำไมเธอจึงมานอนอยู่ที่นี่? ก็เมื่อคืนเธอกำลังกลับบ้านหลังจากที่ ผับ ปิด  พี่เอก เป็นคนอาสาขับรถไปส่งเธอถึงบ้าน แม้ว่า พี่เอกจะเมาก็ตามแต่เขาก็ยังขับรถได้หนำซ้ำยังขับเก่งกว่าตอนไม่เมาเสียด้วย และยังกล้ากว่าเก่า ขับปาดซ้ายปาดขวาไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย หรือถ้ามันจะเกิดก็คงจะเกิดตั้งแต่ครั้งแรกที่ พี่เอก ขันอาสาพาเธอกลับบ้าน แล้วเธอร้อง กรี๊ด! ออกมาสุดเสียงด้วยความกลัวอันเกิดจากการขับรถโฉบเฉี่ยวของ พี่เอกและนับจากวันนั้นเป็นต้นมาทำให้เธอชอบมันทันที

ไม่  เธอไม่อยากคิดต่อ ว่าทำไมถึงมานอนอยู่ที่แห่งนี้ได้ เธอปวดหัว ขอหลับอีกสักงีบ น้ำไว้ตื่นขึ้นมาดื่มก็ได้ตอนนี้มันก็ยังไม่สว่างดี

เธอไม่อาจหลับลงได้ดั่งใจหมายเนื่องจากการครุ่นคิดถึงภาพลางๆ ที่พยายามรื้อฟื้นมันออกมา เธอได้แต่คิดว่าทำไมมีผ้าพันแผลและบาดแผลเต็มกายเช่นนี้ แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บเลย ไม่รู้สึกเจ็บ เจ็บ! ใช่! เธอเคยพูดคำนี้ก่อนที่จะหลับและตื่นขึ้นมาเจอแสงสีขาวจ้า..จนแสบตา รถของพี่เอกชนเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างจังตอนที่ขึ้นแซงสิบล้อแต่บังเอิญมีรถสวนทางมาด้วยความเร็วเช่นเดียวกัน เธอไม่รู้ว่ารถคันนั้น ยี่ห้ออะไร ชนิดใด กระบะหรือเก๋ง รู้แต่ว่าเมื่อเห็นแสงแสดเข้าหน้าความดังก็เกิดขึ้นความชาทั่วร่างก็เกิดตามมา รู้ตัวอีกทีเธอคว่ำหน้าอยู่กับรถตัวงอเหมือน มีอะไรหนักๆ คงจะเป็นของอะไรสักอย่างของพี่เอกที่วางไว้เบาะหลังทับหลังอยู่พี่เอกหายไปไหนไม่รู้ จะร้องเรียกหาก็สุดกำลัง ได้แต่บ่นว่า เจ็บ! แล้วไม่มีสติจำอะไรไม่ได้เลย

เธอได้แต่นอนครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนซึ่งเหมือนกับมันหล่นหายไปกับความเร็วของเครื่องยนต์เพราะคิดเท่าไหร่เรื่องราวเหล่านั้นก็ไม่อาจผุดขึ้นมาได้หมดสักที เธอหวังเพียงว่าจะมีคนที่เห็นเหตุการณ์มาเล่าให้ฟังไม่วันนี้ ก็พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ เป็นแน่

รีบตื่นทำไม นอนต่อสิลูก

แม่ เสียงของแม่ เธอจำได้ดี แม่คงนอนเฝ้าทั้งคืนและคงออกไปเดินเล่นข้างนอกมาเมื่อเห็นเธอหลับอยู่และคงจะเบื่อจึงออกไปข้างนอก เธอไม่ทักไม่มองหน้าได้แต่ขบกรามแน่นจนดังกรอดเบือนหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้น้ำอุ่นๆ ไหลออกมาจากตาอย่างสุดกลั้นไหลนองทั้งสองแก้มแล้วหยดแมะลงหมอนและเตียง มืออันอบอุ่นของแม่เข้ามาลูบหัวเธอพร้อมปลอบประโลมแต่นั่นเหมือนกับการตีบ่อน้ำตาให้แตก เธอสุดกลั้นปล่อยโฮออกมาสุดเสียง มีแต่น้ำตาและการสะอื้นไห้ซึ่งเสียงร่ำไห้ของเธอ

หลับเถอะ แม่พูดพร้อมนั่งลงข้างๆ หัวเตียง

เธอชำเลืองตาและจ้องตาแม่เหมือนต้องการคำตอบอะไรบางอย่าง

หมอบอกว่ากระดูกสันหลังลูกได้รับการกระกระแทกอย่างหนักอาจเดินไม่ได้และแม่นิ่งไปกลัวอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว แม่ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาสักพักแล้วฝืนพูดไปด้วยเสียงกลั้วน้ำลาย อาจพูดไม่ได้ด้วย

แต่ไม่เป็นไรหมอคงรักษาให้หายได้ เรามีเงินซะอย่าง แม่ปลอบใจ

เธออยากถามต่อว่า พ่อ รู้หรือยังแล้ว พ่อ จะมาเยี่ยมเธอไหมหรือพ่อจะมาเพียงแค่ทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วทำอาการฟึดฟัด ก่อนที่จะพูดว่า กูบอกมึงแล้วแล้วเดินออกไปเหมือนอย่างเคย เหมือนอย่างทุกครั้งที่เธอขัดใจพ่อแล้วนำเรื่องมาให้ ไม่ว่าจะถูกจับเพราะฉี่สีม่วงเมื่อปีก่อน หรือโดนเชิญผู้ปกครองเมื่อครั้งอยู่ชั้น ม.ปลาย เธอได้แต่ถอนหายใจทั้งที่น้ำตายังนองหน้าเมื่อนึกถึงภาพที่พ่อจะกระทำในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า


สายๆ พ่อของเธอเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับเหมือนอย่างที่เธอคาดคิดไว้ยืนจ้องหน้าเธออยู่ขอบเตียงตรงที่แม่เคยนั่งคุยกับเธอแต่คราวนี้แม่ยืนมองอยู่ห่างๆ พ่อเงื้อมมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ และพูดเหมือนแม่ทุกอย่าง แต่ทว่าพ่อไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ปล่อยมันไหลลงมาช้าๆ พร้อมพูดทั้งน้ำตาว่า พ่อบอกลูกแล้ว

หนูขอโทษ! เธออยากร้องไห้ดังๆ โผเข้ากอดพ่อแต่เธอทำได้เพียงปล่อยน้ำตาให้มันไหลไปให้มันไหลจนเหือดแห้งไปจากบ่อน้ำตา เธอคิดจะขอโทษพ่อมานานแล้วแต่ตั้งแง่ไว้ว่าพ่อต้องพูดกับเธอดีๆ ก่อน และตอนนี้เธอได้ทำแล้วได้ขอโทษพ่อในใจ ถึงแม้ตะโกนเพียงใดก็มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ออกมา

หมอไม่อาจทำให้เธอกลับมาเป็นปกติได้ แต่พ่อและแม่ก็เฝ้าปลอบเธออยู่ทุกคืนวันถึงแม้ว่าเธอจะหมดหวังกับการขอโทษพ่อแม่ด้วยวาจาแล้ว เธอคิดว่าการที่เธอเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันเรื่องทำงานพ่อแม่ไม่ต้องกังวลก็ได้เพราะเงินมีเหลือกินเหลือใช้อยู่แล้วแต่เธอชอบน้ำตาพ่อแม่หลั่งไหลให้เธอไม่ใช่เพราะสงสารแต่เพราะความรัก  ชอบโจ๊กจากการป้อนด้วยมือแข็งกระด้างของพ่อเพราะเมื่อมันเข้าปากแล้วนิ่มเสียยิ่งกว่าสิ่งใดชอบคำพูดหวานๆ ของพ่อและแม่ที่ไม่ต้องกลั่นกรองแต่มันออกมาจากใจ

เธอคิดได้ว่าความรักที่จะมอบให้กันได้มันต้องสูญเสียไปก่อนหรือจึงจะออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะชอบโจ๊กจากมือพ่อโดยมีน้ำตาของเธอแทน ซอส มันอร่อยอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอก็ไม่อาจลืมคำที่ จะรู้ว่าสิ่งนั้นสำคัญ ก็ต่อเมื่อเสียมันไป ได้

**********				
Lovers  0 คน เลิฟใบคา
Lovings  ใบคา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟใบคา
Lovings  ใบคา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟใบคา
Lovings  ใบคา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงใบคา