20 ตุลาคม 2547 22:11 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
รอยวัน  ตอนที่ 7  (เสี้ยวแรก สั้นๆ)
	เมื่อการฝึกงานจบลง ไข่เขียดเขียนใบสมัครงานในตำแหน่งผู้ประสานงานสนามยื่นไว้กับสำนักงานใหญ่ของพี่อ้วนก่อนเดินทางกลับ
	ถ้าสำนักงานใหญ่เขามีหนังสือไป เอ็งมาทำงานกับพี่นะ    หน่วยก้านอย่างเอ็งลุยงานแบบนี้ได้สบาย   ส่วนไอ้รอยเอ็งไม่ต้องห่วง  คนนี้มั่นคงดังภูเขา พี่เดาไม่ผิดหรอก  รอยรักเอ็ง
	พี่อ้วนโปรยยาหอมก่อนไข่เขียดจะกลับ
	กลับมาทำงานด้วยกันนะไข่  คำของนุช
	อย่าให้รอเปล่านะคะ   คำของรอย
OOO
	งานพัฒนาชนบทที่ไข่เขียดได้สัมผัสจากการไปฝึกงานหนนี้ทำให้ภาพที่เคยประติดประต่อเอาไว้แจ่มชัด เมื่อนึกทบทวนถึงบันทึกของพ่อก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนถึงอุดมคติของนิสิตนักศึกษาที่ต้องการเห็นสังคมสมดุลดีงาม  และยิ่งเมื่อคิดถึงหญิงสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เพิ่งได้รู้จักหัวใจก็ยิ่งทำให้ไข่เขียดเห็นความสำคัญของการเดินทางกลับไปที่พื้นที่ทำงานที่รอยวรรณเป็นผู้ประสานงานอยู่
	มหาวิทยาลัยที่ไข่เขียดลงทะเบียนเรียนทางไกลแจ้งผลการเรียนมาแล้วว่าไข่เขียดเก็บหน่วยกิตได้ครบ   -อ้ายไข่ได้ปลดปล่อยปมด้อยออกไปจากหัวใจเสียทีก็คราวนี้    ก็รอแต่หนังสือจากองค์กรเอกชนพัฒนาชนเรียกตัวมาเท่านั้น เขาก็จะได้กลับไปหารอยอีก
	ไข่เอ๊ย   น้องนักศึกษาที่ชื่อจารุวรรณกับเพื่อนๆ แวะมาที่บ้านเราอีก  แต่อาจารย์ไม่ได้มาด้วย  เขาถามหาแก
	เขาได้คุยกับพ่อไหม
	ไม่ได้คุย   พ่อไปดูงานเกษตรที่บางเขน กรุงเทพกับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เคยมาบ้านเรา
	เขาว่าไงมั่งครับแม่
	ก็ว่าไม่มีอะไร  เพียงอยากมาพูดคุยขอความรู้และประสบการณ์
	แล้วเขาถามอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่แม่ทำไหมล่ะ
	ก็ถามเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  การมัดหมี่  และอีกหลายอย่าง  น้อง ๆ เขาว่าจะเอาไปเขียนรายงาน  สัปดาห์หน้าจะแวะมาอีก
	หรือครับ   ผมคงไม่มีความรู้ที่จะให้ใครได้มั้ง  ถ้าเป็นพ่อคงได้ล่ะ   พ่อพูดได้ทั้งวัน   ผมฟังยังเพลิน   แม่เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ  ทำงานทั้งวันเลย
	ขอบใจจ้ะ แม่ทำเพลินๆ  ถ้าไม่ทำก็เพลีย
	อ๋อ   อันนี้ผมก็เริ่มเข้าใจครับ   ยิ่งทำยิ่งมีแรง   ยิ่งพักยิ่งเหนื่อยหนักและล้า   งั้นผมไปทำงานของผมนะครับ
	ไข่เขียดกลับไปที่โรงไวน์หม่อนของตัวเองอีกครั้งหลังจากห่างไปนาน  ถังไวน์สีขาวยังตั้งเรียงอยู่เรียบร้อยเหมือนหัวใจของคนที่ไม่สับสนยุ่ง
วันนี้คงได้เริ่มงานไวน์ถังที่ยี่สิบเอ็ดล่ะ   ลูกหม่อนยังสุกพราวเต็มสวน
                      
               ความฝัน  ความหวังของคนเราก็ควรจะสุกปลั่งเต็มหวังเต็มฝันแบบนั้น
ใช่ไหมไข่เขียด				
			 
			
				18 ตุลาคม 2547 09:24 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
พี่ใหญ่มาส่งแล้วก็กลับรถออกไป หญิงสาวทั้งคู่เดินตามไข่เขียดอย่างสำรวจเข้าไปในบ้าน
	ที่พักมีห้องนอนสองห้องอยู่ชั้นบน   ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นอย่างละห้องอยู่ข้างล่าง
	ห้องข้างบนทางขวามือรอยกับนุชพักตามสะดวกนะครับ แม่บ้านดูแลความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว ห้องน้ำอยู่นี่  ถือเหมือนบ้านคุณแล้วกัน	
ไข่เขียดนี่น่ารักเนาะ นั่นเป็นคำของนุช อ้าวมีกีตาร์ด้วยหรือ ดีจัง
ครับผม   เป็นของพี่พัฒนากรบ้านหลังโน้นครับ  แกถือมาเล่นและ ไม่ได้เอากลับสองสามวันแล้ว
ไข่ เล่นได้ไหมคะ  เพื่อนของรอยถามและนั่งลงอิงฝาหยิบกีตาร์มาประคองไว้  รอยวางข้าวของลงข้าง ๆ นุชแล้วนั่งเอนหลังพิงหมอนทรงสามเหลี่ยมหยิบนิตยสารในชั้นเตี้ยๆขึ้นมาเปิดพลิก
นิดหน่อยครับคุณนุช   หัดกับเพื่อนตั้งแต่เรียน ม.2  แต่ก็ไม่ก้าวหน้านัก
ไข่เล่นได้ รอยเคยฟัง รอยหันไปพูดกับเพื่อน
นั่นไง  คนเก่งมักถ่อมตัว  นุชว่าแล้วก็ยื่นกีตาร์มาให้
เพื่อนในวัยร่วมชั้นเรียน ม.3  มีคนเล่นกีตาร์ได้หลายคน  บางคนไปไกลถึงขั้นเล่นเป็นวงบนเวทีได้   ไข่เขียดไม่ถึงขั้นนั้นแต่ร้องเพลงใช้ได้ล่ะ
จะสารภาพรักกันก็อย่าเกรงใจนะเราเป็นพยานให้ได้ เพื่อนของรอยอีกนั่นแหละที่เป็นกองเชียร์ออกหน้าออกตา  รอยค้อนเพื่อน  ส่วนไข่-ผมไม่บอก
เมื่อไข่ไล้นิ้วเบา ๆ ไปบนเส้นสายก็ก่อเสียงอันพลิ้ว เพื่อนของรอยหันมาสนใจดูและฟังอย่างจริงๆจังๆ
 ไข่เก่งกว่าที่เราคิดอีก เธอว่า
รอยวางนิตยสารไว้ที่เดิมแล้วขยับมานั่งใกล้ไข่แค่คืบ
ไข่คะ  หญิงสาวเอียงหน้าหันมาพูดคุย รอยอยากขอโทษอีกที  ที่ไม่ได้แวะไปหาไข่หนนั้น
ไม่เป็นไรหรอกรอย  อย่าให้มันรบกวนใจเลยครับ  เราได้พบกันแล้วนี่ไง
รอยฟังเพลงนะเราจะร้องให้ฟังและไม่ต้องร้องแซงด้วย เธอหันไปทำตาขึงขังกับเพื่อนสาว   นี่ไข่เขียดรู้ไหม   รอยน่ะพูดถึงไข่เขียดบ๊อยบ่อยนะ   ได้เจอไข่เขียดวันนี้เราจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไม
ทำไม  ทำไม   คนพูดเอื้อมหยิบหมอนเหลี่ยมใกล้มุมห้องมาถือแล้วก็เปลี่ยนเป็นวางลง  เธอเอียงข้างลงนอนมองเพื่อนนักร้องของตัวเอง
ไม่บอก  - ขอเพลงสายลมแห่งรักนะคะไข่  คนขอเลื่อนหนังสือเพลงมาตรงหน้านักดนตรี   เธอเริ่มเสียงน่าฟังเชียวครับ
เดียวดายเหมือนนกไร้รัง.
อยากหวังมีรังเรือนรักพักใจ
ปลอบขวัญยามที่ฉันหวั่นไหว
ฉันไม่มีใครได้ไหม..ขอคิดถึงเธอ.
 ฯ
แววตาและรอยยิ้มของเพื่อนของนุชหวานยิ่งกว่าหวานครับเวลานี้
นี่ไงผู้หญิงที่ไข่เขียดรักมากที่สุด
นี่ ๆ อิจฉานะ หวานกันสองคนเองเหรอ  นุชมองเห็นไข่กับรอยยิ้มให้กัน    ดูเหมือนเธอว่าไปอย่างนั้นเอง  เพราะแววตาก็เหมือนเชียร์กันอยู่
เราสิควรอิจฉาตัวเอง  ร้องเพลงแล้วแถมมีคนเล่นกีตาร์เพราะๆให้   คราวนี้เพื่อนรอยยิ้มกว้างเลย
นอนข้างล่างนี่ก็น่าจะสบายดีนะ ใช่ไหม เพื่อนของรอยถาม
ครับ   ผมเอาผ้านวมมาปูนอนตรงนี้บ่อย
ถ้ามีแฟน   ขอมีแบบนี้ล่ะ นุชทำกรุ้มกริ่มคงอยากยวนๆกันเองนั่นเอง  มีแฟนนี่คงมีความสุขนะ  ใช่ไหม
ไม่มีคนตอบแต่ยิ้มกันทั้งสาม
นุชร้องเพลงโปรดจนอิ่มใจก่อนขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนเพื่อน
ตามสบายกันนะจ๊ะ   เราเป็นก้างอยู่นานก็จะบาปนานเปล่าๆ  คนพูดว่ายิ้มๆแล้วเดินขึ้นบันใดไป
ไข่คะ  ไข่เคยรักใครไหม คนถามเลื่อนหมอนหนุนมาใกล้ คนจะตอบ
ผมรักรอยครับ  รอยเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยหายไปจากหัวใจผมเลย  แต่ไหนแต่ไรมา  ผมรู้หัวใจตัวเองดี
ถ้าผู้หญิงที่ไข่รักแต่งงานไปแล้วล่ะ  ไข่ยังรักเขาไหม  คนถามเอามือกำหลวมๆตีหัวเข่าคนฟังเบาๆเหมือนบอกว่านี่ไม่ใช่อะไรที่เลื่อนลอยเหมือนความฝันในความหลับ
ความรักคืออะไรล่ะครับรอย    ถ้าคือการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมก็ไม่สิทธิ์อันใดใช่ไหม  แต่ความรักคือความใยดีนะครับ มันคงไม่อยู่ในเงื่อนทางสังคมอะไรมากมาย
รอยเคยคิดอยู่เป็นโสด   แต่มันเหงาเหลือ..
คนโสดมีอิสระล่ะ  แต่ก็ขาดแคลนเยื่อใดที่จะปลอบยามเหงา  ไข่คว่ำกีตาร์ลงกับตัก
ถ้าเราเป็นแฟนกันจริงๆและอยู่ห่างกันอย่างนี้รอยจะทำใจยังไง.. หญิงสาวยื่นมือมาให้ไข่ยุดเพื่อลุกขึ้นนั่งพิงฝา เคียงกัน
รอยจะทำงานที่นี่อีกนานหรือครับ  ไข่ถามแทนคำตอบ
สัญญาจ้างงานเหลืออีก 2 ปี  ก็นานล่ะ
คราวนี้ผมสมมติบ้าง  ถ้าผมมาทำงานเป็นเพื่อนรอย 2 ปี  รอยจะลำบากใจไหม
ไข่ไม่พูดเล่นใช่ไหม
ไม่หรอกครับ   รอยคงพอรู้  ตั้งแต่เรารู้จักกันมาในวัยเยาว์ผมพูดคำไหนคำนั้นกับทุกคน
ขอบคุณค่ะไข่   รอยรักไข่เขียดนะคะ
ผมก็รักรอยครับ				
			 
			
				16 ตุลาคม 2547 21:03 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
รอยวัน ตอนที่ 6
	รอยวรรณที่พี่เขาพูดถึงกันคือรอยวรรณคนเดียวกับที่ไข่เขียดรู้จักครับ	เธอเป็นผู้ประสานงานสนามในต่างอำเภอออกไป  
	ไข่เขียดเป็นนักศึกษาฝึกงานในหน่วยพัฒนาการอำเภอ  เขาเรียนรู้งานไวมาก  มาแป๊บเดียวก็ได้ข้อมูลชุมชนที่น่าสนใจทีเดียว พี่ร่างใหญ่แนะนำจนผมอึ้ง  
	หญิงสาวผิวเข้มตาคมกริบเพิ่งเดินทางมาจากอำเภอลาดยาว แต่ก็มาถึงที่ประชุมก่อนเวลานัดประชุมเกือบ 5 นาทีล่ะ  นี่ยังไม่ถึงเวลาประชุมดีหัวหน้าที่ประชุมก็เปิดประชุมก่อนเพราะสมาชิกครบองค์ประชุมแล้ว   หญิงสาวท่าทางยังเหนื่อยอยู่ทีเดียว แม้จะนั่งรถยนต์มาก็ตาม
	
	ดูเหมือนในนี้มีคนรู้จักกันด้วยใช่ไหมครับคุณรอยวรรณกับคุณไข่เขียด
	หญิงสาวยิ้มและว่า
	รอยไม่ใช่คนลืมง่ายพอที่จะลืมเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ชื่อไข่เขียด   
เธอหันมาทางผมแล้วส่งสัญญาณว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันส่วนตัว   เมื่อทุกคนยิ้มถ้วนหน้าแล้ว  การประชุมย่อยจึงดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง แต่โต้กันด้วยเหตุผลน่าฟังทุกคน
	การประชุมย่อยเลิกเอาเกือบบ่าย อาหารมื้อเที่ยงพี่ใหญ่เป็นคนเลี้ยงเองที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
	นายไปไงมาไง  รอยวรรณขยับมาถามที่ข้างหูผมขณะซ้อนท้ายเพื่อไปกินมื้อเที่ยง
	จะจบวิชาสุดท้ายต้องฝึกงานครับรอย
	แล้วรู้ไงว่ารอยอยู่นี่  เลี้ยวซ้ายแยกข้างหน้าค่ะ
	ไม่รู้   ถ้ารู้ก็มาหาแล้ว  แต่ไหนรอยว่าจะไปเยี่ยมไข่ไง
	งานรัดตัวมากเลยจ้ะขอโทษ   รอยก็รู้สึกผิด   แต่ต้องเร่งสรุปงบประมาณค่าใช้จ่ายให้สำนักงานใหญ่หัวหมุนเชียวค่ะ
	ไม่เป็นไรครับรอย ได้พบคุณนี่ผมดีใจมาก 
	รอยเองคงก็เช่นกันค่ะ
	รอยพักที่ไหนหรือครับ
	ถ้าเข้ามาสำนักงานใหญ่ก็พักค้างกับเพื่อนในเมือง   แต่ถ้ากลับสำนักงานสนามก็อยู่บ้านเช่า
	มีครอบครัวหรือยัง
	อะไรกันจ๊ะ  ถ้ามีแล้วเราจะไม่ส่งข่าวไข่เขียดได้อย่างไร  โน่นไงร้านอยู่ทางซ้ายมือ   
	ผมคุมรถเครื่องซึ่งมีหญิงสาวที่ผมคิดถึงซ้อนท้ายเข้าไปจอดเทียบรถเพื่อนของเธอ   พี่ร่างใหญ่และคนอื่นๆ รออยู่นั่นกันแล้ว
	มาช้านะคู่นี้     ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก  นานๆได้เจอกัน เป็นข้าขี่วนไปซักสองสามรอบค่อยมา
	พี่ใหญ่แซวคนที่เพิ่งไปถึง คนอื่นๆบ้างยิ้มบ้างหัวเราะ
	น้องกินอะไรสั่งเลย   มื้อนี้พี่เลี้ยง
	คนร่วมวงอาหารกินกันไปคุยกันไปแซวกันไป  ทุกคนถามนี่ถามโน่นกันไปมาไม่มีใครไม่มีความสำคัญ น่าประทับใจแท้
	ถามจริงๆ เถอะ รอยวรรณกับไข่เขียดนี่ชอบกันหรือเปล่า  พี่ตัวใหญ่แหละครับผ่าขึ้นมากลางปล้อง
	ถ้าชอบแล้วพี่เป็นเฒ่าแก่ให้ไหมล่ะ  คนนั่งข้างรอยว่า
	ได้  ไม่ยาก  พี่แถมข้าวให้อีกสองกระสอบ
	รอยวรรณไม่พูดแต่ยิ้ม  ส่วนอ้ายไข่เขียด-เขิน!
	อาหารเที่ยงจบเอาตอนบ่ายสองโมง  ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระและนัดจะกลับพร้อมกันตอนค่ำ   รอยบอกทุกคนว่าจะแวะเยี่ยมสำนักงานไพศาลีวันรุ่งขึ้น  เธอว่ามีเรื่องจะคุยกับไข่เขียดหลายอย่าง
	
	 
	OOO
	รอยวรรณกับเพื่อนสาวอีกคนเดินทางมาถึงครึ่งทางรถประจำทางเกิดเสีย เธอโทรศัพท์ให้เพื่อนร่วมงานออกไปรับ พี่ร่างใหญ่ในองค์กรเอกชนเป็นคนขี่รถเครื่องมาบอกผม  และแกก็จะออกไปรับด้วย
	จุดที่รถเสียห่างออกไปยี่สิบกิโลเมตรเศษ   ผู้โดยสารพากันหลบแดดตามร่มไม้ข้างถนน  รอยวรรณกับเพื่อนรออยู่ใต้ร่มไม้ใกล้รถโดยสารนั่นเอง
	รถเป็นไรวะ พี่ตัวโตถามเมื่อไปถึง
	เขาบอกสายคันเร่งขาด
	ไม่เป็นไรกันใช่ไหม
	ไม่หรอกค่ะ  นี่กว่าอีกคันจะมาคนรอคงร้อนแย่
	ไอ้รอยไปกับไข่เขียดนะส่วนนุชมากับพี่
	MTX ของพี่ร่างใหญ่ออกตัวสลับเบรก คนซ้อนท้ายทุบหลังให้หลายตุบ  ส่วน   DT-100 ออกตัวนิ่มนวล   
	รอยวรรณเกาะดีๆนะครับ  ไข่เขียดหันไปบอกลอดหมวกกัน
น็อค
	รอยเคยทำงานที่นี่นะก่อนย้ายไปที่อำเภอลาดยาว
	เธอขยับมาชิดเพื่อให้คุยกันได้ยิน  รถเครื่องของผมลดคั่นเร่งลงไปที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เธอยังเล่าต่อ
	ที่นี่เขาทำงานเป็นทีม   ผู้นำชาวบ้านเก่งมาก เออ..ไข่จะอยู่นี่นานไหม
	  อยู่เกือบเดือนครับรอย
	แล้วยังไงต่อ  ระวังสี่แยกข้างหน้านะ  ไฟแดงเสีย
	ครับผม ก็กลับบ้านและรอฟังผลจบ
	คงไม่มีปัญหามั้ง นายต้องทำได้แน่นอน
	ขอบคุณมากรอย  ผมมีแรงฮึดขึ้นมากรู้ไหม
	
	เรามาถึงสำนักงานสนามของพี่ร่างใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกันนั่นเอง  เพราะพี่แกก็ไม่รีบร้อนทั้งรอเราด้วยนั่นเอง
	
	พวกเองจะนอนที่ไหน ที่สำนักงานน่ะระวังผีเจ้าบ้านหลอกเอา
	บรื๋อ  ไม่เอาหรอกจ้ะ  บ้านพี่อ้วนก็ไม่ได้เพราะเมียพี่ดุ  เพื่อนของรอยว่า
	ถ้าไม่รังเกียจ บ้านพักของผมมีห้องนอนสองห้อง ผมแบ่งให้ห้องหนึ่งก็ได้ครับ
	ก็น่าจะดี นุชตัดสินใจแทนเพื่อน
	งั้นก็ได้ค่ะ  เรื่องที่อยู่ที่นอนคงไม่เป็นปัญหาแล้ว นุชจะไปกับเราไหม  เราจะพาไข่เขียดไปหมู่บ้านที่เราเคยอยู่กับชาวบ้าน   ตอนบ่าย ๆ จึงจะออกมา
	ไม่ล่ะ เป็นกอขอคอ มันบาป
	หญิงสาวที่ผมรู้จักค้อนเพื่อนขวับเลยทีเดียว แต่ก็เป็นชั่วแป๊บ เธอว่า
	งั้นนุชไปกับพี่อ้วนก็แล้วกัน  พี่แกจะเข้าไปพบกลุ่มผู้นำสัญจรทางตำบลวังน้ำลัดโน่น  ส่วนเราจะเข้าทางหนองไผ่  ตอนบ่ายๆเย็นๆค่อยเจอกันนะ OK ?
	
	รอยวรรณทำงานที่นี่มานานครับรู้จักพื้นภูมิของที่นี่ดีมาข้อมูลที่ผมต้องการเธอก็แนะได้  แต่เธอว่าให้ผมค้นพบเองดีกว่า   เธอเป็นคนพาไปพบผู้นำชาวบ้านและแนะนำให้ผมรู้จักผู้นำเหล่านั้นจนผมได้ข้อมูลชุมชนมากพอที่จะนำเสนอในที่ประชุมของพัฒนากรอำเภอในปลายเดือนนี้
	ผมกับรอยลาผู้นำชาวบ้านกลับออกมาในตอนบ่ายเกือบค่ำ  ชุดคำถามที่ผมเตรียมไว้มีคำตอบทุกคำถามพอที่จะปิดปะต่อเรื่องราวคร่าวของชุมชนที่ไปศึกษาได้
	พี่อ้วน  นุชและแฟนพี่อ้วนรอกินมื้อค่ำกับเรานะที่บ้านของแก อาบน้ำอาบท่าแล้วเราไปแวะบ้านพี่เขากัน
	นุชล่ะครับรอย
	รายนั้นไม่ต้องห่วงเธอหรอก   ไปไหนไปกันไม่กลัวใคร  ไม่ยอมเสียเปรียบใครด้วยถ้าไม่จำเป็น
	รอยนัดให้ผมมารับอีกทีตอนหนึ่งทุ่มเพื่อไปบ้านพี่อ้วน  เธอแวะสำนักงานเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนผมกลับบ้านพักพัฒนากร
	เอ้า..เชิญข้างบนเลยไข่เขียด  รอยวรรณ
	เจ้าของบ้านร้องเชิญมาจากบนบ้านใต้ถุนสูงทันทีที่เราไปถึง   คนบนบ้านมีนุช พี่อ้วน  แฟนพี่อ้วน กับเจ้าของบ้านเช่า
เจ้าบ้านปูเสื่อและเตรียมของกินประเภทจิ้มจุ่มรอไว้แล้ว
	เชิญนั่งน้องๆ รอย ไข่  พี่ยินดีมากที่ได้ต้อนรับน้องๆที่นี่   คนอื่นในสำนักงานพากันติดธุระหมด  จะกลับเข้ามาก็พรุ่งนี้บ่ายๆ พวกเราก็กินกันไปก่อน  พร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อไหร่ค่อยกินอีกที
	เห็นแก่กินจังนิ นุชว่า
	ก็กองทัพเดินด้วยท้องนี่อีนังหนู่นุช  พี่อ้วนทำท่าจะยีผม ก็ยั้งมือชำเลืองเมีย
	กินจิ้มจุ่มกันไอ้น้อง  แฟนพี่ทำอร่อย พี่อ้วนพูดยิ้มๆแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
	น้องมาฝึกงานหรือคะ เห็นพี่อ้วนว่าอย่างนั้น  แฟนพี่อ้วนถาม
	ครับผม  ฝึกงานเก็บหน่วยกิตสุดท้าย
	จบแล้วมาทำงานกับพี่สิพี่อ้วนเสนอ
	เออใช่ๆ  สำนักงานมีตำแหน่งใหม่สำหรับเขตอำเภอลาดยาวอีก 3 ตำแหน่ง นายสนใจไหมล่ะ
	นุชให้ข้อมูล
	น่าสนใจมากครับ  ให้ผมเขียนใบสมัครไว้ก่อนได้ไหมล่ะครับ  จบแล้วผมอาจจะมา
	ต้องมาสิ  ไม่ใช่อาจจะมา  พี่อ้วนว่า
	ที่ไข่เขียดตอบไปเช่นนั้นไม่ใช่ไม่อยากอยู่ใกล้รอย  งานในสวนในนาที่ลงแรงเอาไว้ก็เรียกร้องให้กลับไปทำอยู่เต็มๆ
	ที่บ้านเองทำอะไรวะไข่เขียด
	ทำสวนทำนาครับพี่
	รอยทำนาเป็นไหม  ไม่เป็นล่ะมั้งพี่ว่า
	ตอนเรียนม.3 เคยไปช่วยไข่เขียดเขาอยู่วันหนึ่งพร้อมกับเพื่อนๆ
	นั่นเขาไม่เรียกว่าทำเป็นหรอก
	เคยปักดำ   เจ้าของบ้านเช่าพูดยิ้มๆ
	ช่าย เสียงลากยาวของเพื่อของรอย
	ถ้าให้เลือกระหว่างทำงานต่อที่นี่กับไปกับไข่เขียด เองเลือกอย่างไหน  
	พี่ทายซิ  รอยรุกคืน
	พี่ว่าเองไม่กล้าตัดสินใจ
	พี่ทายผิด   รอยเลือกไปกับไข่ สีหน้าและน้ำเสียงของคนพูด ไข่เดาไม่ออก  ว่าเธอหมายความตามที่พูดหรือล้อเล่น เท่านั้นก็ทำให้อ้ายไข่รู้สึกชา ๆ ที่หน้า   ด้วยปมบางอยางที่ซ่อนเสียมิดมานานวัน
	อ้ายไข่พูดได้น้อยลงจนกระทั่งมื้อเย็นจวนจะจบพี่อ้วนจึงไขความ
	นี่ไข่เขียด   เอ็งเป็นคนโชคดีแล้วล่ะ   ผู้หญิงที่ชื่อรอยวรรณเป็นคนที่ตรงไปตรงมาอย่างที่สุด  ใครมาจีบรอยก็บอกเขาทุกรายว่ามีแฟนแล้วชื่อไข่เขียด	 อย่างนี้เองควรจะดีใจไหมวะ
	ไข่มันยิ้มแหยๆ ครับ  อย่างไรเสียนั่นก็มาจากปากคนอื่น   ที่สำคัญเขาและรอยก็ยังไม่เคยเอ่ยถ้อยถามถึงความรักที่ต่อกัน
	พี่อ้วนขับรถมาส่ง ส่วนรอยวรรณซ้อนท้ายไข่เขียด  คืนนี้ทั้งคู่จะพักค้างที่บ้านผม				
			 
			
				16 ตุลาคม 2547 08:17 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
นายไข่เขียด   กุศลอำนวย เลือกไปฝึกงานในหน่วยงานด้านการพัฒนาชุมชนของรัฐ  และอำเภอที่เลือกไปคือไพศาลี จ.นครสวรรค์  
หน่วยงานของเอกชนที่ทำงานด้านพัฒนาชนบทในแถบนั้นมีหลายองค์กร พัฒนากรอำเภอแนะนำผมแบบรวบสั้นแล้วให้ผมไปทำความรู้จักเอง  โดยให้ DT-100 กว่าๆ เป็นคู่ชีพในการเดินทางไปตามพื้นที่รับผิดชอบ เติมน้ำมันเองบ้าง เบิกเอาบ้าง  เขาให้แผนที่แผ่นหนึ่งกับรายชื่อผู้นำหมู่บ้านที่สามารถเข้าไปพูดคุยแนะนำตัวและขอข้อมูลความรู้  
 
ไข่เขียด ลุยทันทีในวันที่สองที่ไปถึง -ก็ตามคำสั่งครับ  งานที่ได้รับมอบหมายคือศึกษาชุมชนค้นหาผู้นำและรวมรวมแหล่งเรียนรู้ดูงาน-คำของพี่เขาทั้งหมดแหละครับ  ต้องนำเสนอให้ทันภายในการประชุมปลายเดือนจึงจะถือว่าผ่านงาน
ไข่เขียดต้องไปทุกตำบล หมู่บ้านเป้าหมายมีอยู่เป็นบางตำบล และมีบางหมู่บ้านด้วยที่หน่วยงานของรัฐร่วมกับเอกชนทำงานพัฒนาด้วยกัน
ไพศาลีเป็นที่ราบลาดเทลงทางทิศตะวันตก ที่ราบกว้างใหญ่นี้ต่อเขตกับอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอหนองบัว จังหวัดพิจิตร และอำเภอสำโรงชัย จังหวัดลพบุรี  ด้านตะวันออกมีภูเขาหินปูน เรียงตัวในแนวเหนือใต้ หลายลูก ถนนเชื่อมจังหวัดจากนครสวรรค์ตัดผ่านทุ่งนาท่าตะโก ไพศาลี ข้ามเขาเข้าเขตที่ราบเชิงเขาของอำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วไต่ขึ้นภูเขาสูงสู่ดินแดนที่ราบสูงในเขตจังหวัดชัยภูมิ
หมู่บ้านในเขตอำเภอไพศาลีมีทั้งหมู่บ้านทำนาและหมู่บ้านทำไร่   อาชีพนั้นสัมพันธ์กับสภาพพื้นที่  ถ้าเป็นที่ลุ่มก็หนักไปทางทำนา ถ้าเป็นที่สูงที่ลาดชันก็ทำไร่  หรือเลี้ยงสัตว์   ผู้คนในเขตนี้รักสงบแต่ก็มี หัวใจแกร่งแบบนักเลง 
  ไอ้น้องชื่ออะไร  มาจากพัฒนาชุมชนหรือ ถ้อยคำออกห้าวนั้นเป็นของชายร่างใหญ่ในองค์กรเอกชนที่สำนักงานสนามอยู่ใกล้กับที่ว่าการอำเภอที่สำนักงานพัฒนาชุมชนตั้งอยู่
ผม ไข่เขียด  เรียกไข่ก็ได้ครับ  มาฝึกงานใน หน่วยพัฒนาการอำเภอครับ   ได้รับมอบหมายให้ศึกษาชุมชนแบบเร่งด่วน และต้องเสนอรายงานครั้งแรกปลายเดือนนี้  คิดว่าพี่ซึ่งทำงานอยู่ในเขตนี้คงแนะนำผมบ้าง
เองเป็นคนที่ไหน กินเหล้าเป็นไหม
ผมตอบไปตามตรง ส่วนเรื่องเหล้าผมตอบอ้อมค้อมว่ากินบ้าง   
ชาวบ้านเขากินเหล้าดุนะ  ถ้ายังไม่เป็นก็หัดไว้มั่งจะได้คุยกับเขาสะดวก
พี่คนนั้นแนะนำผมอย่างกับพี่ชายแท้ๆ   เขาพาเข้าหมู่บ้าน  ขี่ Honda MTX พาไต่ไปตามคันนาสูง ๆ ต่ำ ๆ คอดๆกิ่วๆ สลับกัน  ผมพาเจ้า Yamaha DT ตามไปอย่างทุลักทุเล  จากหมู่บ้านนั้นออกหมู่บ้านนี้แนะนำให้ผู้นำในหมู่บ้านรู้จักตัวไว้ทั้งบอกความประสงค์ของการมาของผมด้วย งานของผมจึงสะดวกกว่าที่วิตกไว้ครับ  วันต่อมาเมื่อผมเข้าไปพบชาวบ้านเพื่อถามข้อมูลชุมชนจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผู้นำและชาวบ้าน  ตอนเย็นทุกวันพี่แกชวนดื่มกินและพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในองค์กรของเขาจนผมรู้สึกสนิทสนมราวคบกันมาเป็นปี
เองบอกว่าเองเป็นคนแถบเทือกเขาภูพานรึ พี่แกจิบเบียร์จากแก้วทรงสูงช้าๆ  ร้านลาบข้างสำนักงานเป็นร้านประจำของคนทำงานที่นี่
ครับผม ผมจิบช้ากว่า
ในสำนักงานใหญ่ในตัวจังหวัดมีคนมาจากทางโน้นด้วยสองสามคน เป็นเลขานุการผู้อำนวยการคนหนึ่ง  เป็นฝ่ายบัญชีคนหนึ่ง  และอีกคนเป็นผู้ประสานงานสนามแต่ทำงานอยู่คนละเขตกับพวกพี่   เดี๋ยววันหลังจะพามารู้จัก   เออ ไอ้รอยชือเต็มๆ ของมันว่าไงนะ พี่ร่างใหญ่หันไปถามเพื่อน
 อะไรน้องเขาซ้อนท้ายมาด้วยทุกบ่อย ทำแกล้งเป็นจำชื่อไม่ได้ไปได้
อ๋อ  เอ้อ.รอยวรรณ  อ้ายห่อ  กูไม่ได้คิดอะไรกะน้องเขาแบบที่ใครคิดนะโว้ย มึงอย่าว่าให้ใครเขาเสียหายแบบนั้น 
หัวใจของอ้ายไข่เขียดเต้นตูมๆ เลยครับ
ภาพของหญิงสาวผิวเข้มตาคมกริบชัดเจนขึ้นมาในห้วงนึกทันที   แทนที่จะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มผมกลับวางลง
เป็นไรล่ะอ้ายน้อง   เองรู้จักรอยวรรณใช่ไหม
ไม่แน่ใจครับว่าเป็นรอยวรรณที่ผมรู้จักไหม
คงไม่ผิดหรอกมั้ง  ชื่อแปลกๆแบบนี้มีกี่คนกันวะในประเทศไทย
พรุ่งนี้มีประชุมย่อยที่สำนักงานใหญ่ไปแวะก็ได้นี่ไข่เขียด  เพื่อนร่วมงานของพี่ร่างใหญ่แนะนำ
เออ  ดีจริง   คนบ้านเดียวกันรู้จักกันไว้แหละดีที่สุด
วงสนทนาแยกย้ายกันในตอนมืดค่ำ  ผมกลับบ้านพักหลังอำเภอ ส่วนพี่ๆในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทก็กลับเรือนรังของตนเอง
ตอนเช้าทุกคนจะเอารถเครื่องเข้าเมืองเพื่อไปประชุมย่อยที่สำนักงานใหญ่กัน  ไข่เขียดอาจได้เจอรอยวรรณที่เขาหวังพบก็คราวนี้				
			 
			
				14 ตุลาคม 2547 07:11 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
(โพสต์ครึ่งตอนก่อนนะครับ)
	อาหารมื้อปลื้มผ่านไปแล้ว สีหน้าของพ่อกับแม่ของไข่เขียดเหมือนลูกชายได้รับความสำเร็จทางการเรียน   อืม..ก็คงอีกไม่นานนักหรอกครับเพราะไข่เขียดลงทะเบียนเรียนและสอบเก็บหน่วยกิตไปเกือบครบแล้ว เมื่อผลการเรียนวิชาสุดท้ายออกไข่เขียดจึงจะบอกความข้อนี้แก่ใครสักคน      ถึงเวลานั้น   แม้ไข่ไม่ได้เป็นนิสิตก็คงไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่แล้ว-แฮ่
	
	อาจารย์และน้องนักศึกษาให้คำแนะนำแก่ผมเรื่องบรรจุภัณฑ์ทั้งบอกสถานที่ศึกษาดูงานเพิ่มเติมหลายแห่ง  ผมกำหนดในใจไว้แล้วครับว่าจะไปไหนบ้าง   เวลาเช่นนั้นผมอยากมีเพื่อนสักคนเคียงคู่ไปด้วยกัน  แบบเป็นคู่คิดหรือคู่สร้างก็ได้ถ้าเป็นได้ถึงขั้นนั้น   คงได้แต่คาดหวังแบบลมๆแล้งๆ  แหละไข่เขียดเอ๋ย
	ไม้ผลในสวนของไข่เขียดที่จะนำมาแปรรูปเป็นไวน์   น้ำผลไม้พื้นบ้านพร้อมดื่ม  น้ำผลไม้เข้มข้น  ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม มีหลายอย่าง   ที่คนนิยมแล้วก็มี  มะม่วงไข่คำ   หมากเม่า  หม่อน  ลิ้นจี่  หมากเบ็น  
	ไม้พวกนี้ปลูกง่ายดูแลง่าย  ไม่ต้องใช้สารเคมีฆ่าแมลง  ผมเองเคยคิดอยากปลูกองุ่นเหมือนกันแต่ไปดูงานหลายที่แล้วเห็นใช้ยาเคมีสารพัดชนิดก็หงอ  คนสวนที่ดูแลองุ่นหลายคนเจ็บป่วยด้วยโรคภัยแบบตายครึ่งซีก  จึงไม่เอาดีกว่า  ไม่แต่องุ่นหรอกครับ พืชผักของกินอย่างอื่นคนปลูกก็ตายคนกินคนขายก็โซกันทั้งนั้นเพราะใช้ยาพิษฆ่าแมลงเยอะเหลือเกิน  -อ้าวแล้วผมไม่ใช้เหรอ   มีสมุนไพรแยะไปครับที่ลดการทำลายของศัตรูพืชได้  แมลงที่เป็นศัตรูกันเองกินกันเองก็ช่วยได้  ความรู้พวกนี้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยใกล้บ้านอบรมให้ความรู้อยู่เป็นประจำ   แต่มักไม่ค่อยมีคนสนใจเอาไปทำหรอก  มันแพ้ความมักไวมั้งครับ
	อ้ายหนูไข่เขียด  พ่อเห็นเองสดชื่นแจ่มใสนะตอนที่น้องนักศึกษาเขามาแวะเยี่ยม
	พ่อสังเกตตอนไหน    
	ก็ตอนเองคุยกับเขาแหละ  คนที่พูดเก่งๆนะชื่อวรรณใช่ไหม  เขาชมเองนะว่าฉลาด
	อย่างผมหรือครับพ่อฉลาด
	บ๊ะ   อ้ายไข่   รู้จักพอใจในตัวเองเสียบ้าง เดี๋ยวก็เหงาหัวใจตาย
	อืม คนเรานี่ต้องรู้จักชื่นชมตัวเองบ้าง   ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองด้อยมันก็จะยิ่งดึงตัวเองลงจนต่ำต้อย  หมดกำลังแรงใจ ผมไม่ขัดพ่อแล้ว
	รอยวรรณ เขาไม่ส่งข่าวมาอีกเลยใช่ไหม
	  ครับ   ว่าจะมาก็ไม่มา
	อย่าไปคาดหวังเขาเลย   บางทีภาระหน้าที่ในชีวิตก็บีบรัดคนจนไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง   ถ้าเองเป็นเขาก็คงเหมือนกัน
	พ่อพูดคุยกับผมแล้วก็ผละไปทำงานของตัวเองคือแต่งกิ่ง ทาบกิ่งต้นไม้เพื่อเลี้ยงไว้ขาย  ส่วนผมก็ทำไวน์หม่อนของผมต่อ    จะสิบห้าถังแล้วนะครับ    Dawik Mulbery  (D.M) Wine ผมเขียนไว้ที่ถังทุกใบแล้วครับ  ไวน์หม่อนรสวิเศษจากหุบเขาภูพาน เป็นไงครับ พอจะติดหูติดปากไหมครับ  dawik   ก็ ไข่เขียดไงครับ  -ภาษาของผมเอง
	ไวน์ของผมคงไม่ถึงแสน   แต่จะเป็นไวน์ที่คนกล่าวขวัญถึงไปทุกอนุทวีป-มันแปลว่าอะไรล่ะไข่เขียด   รสของไวน์ราคาแสนผมนึกไม่ออก   แต่ถ้าเป็น Dawik Mulbery Wine ต้องวิเศษแบบเจือรสหวานของยิ้มที่เต็มไมตรี  -นั่นแหละ ๆ ที่จะเป็นสิ่งที่คนกล่าวขวัญกันถึงไปไกลๆ
	ผมน็อคยีสต์เมื่อรสของไวน์ได้ตามนึก   นี่ถ้ามีคนที่จริงใจต่อกันมาชิมและติคงได้รสที่ผมหวังไว้ล่ะ  ผมขอพ่อเก็บถังไวน์หม่อนไว้ที่โรงนาที่ปลูกขึ้นมิดชิดในส่วนลึกของสวน  คงมีไม่กี่คนครับที่รู้ว่าผมกำลังบ่มไวน์หม่อนที่รสวิเศษแสนวิเศษ-บางอย่างที่พิเศษเราคงสงวนไว้สำหรับใครบางคนที่วิเศษมั้งครับ
	
ผมหยุดงานไวน์ชุดแรกไว้ที่ 20 ถัง  เพื่อไปสอบเก็บหน่วยกิจสุดท้ายและฝึกงาน   ไปไกลนะครับถึงภาคเหนือตอนล่างโน่นแน่ะ