29 สิงหาคม 2554 20:40 น.

นิทานเซ็น ตอน พระบ้าผู้เผาแตงกลางป่าเขา

กระบี่ใบไม้

เรื่องราวในใต้หล้าล้วนทุกข์เข็ญ
ไม่สดชื่นรื่นเย็นเหมือนบนเขา
เอนกายลงใต้กอหวายพอบรรเทา
เก็บก้อนหินใกล้ตัวเข้ามาหนุนนอน

ไม่อยากเป็น...มหาราชา
ทั้งอำมาตย์และเสนายศกระฉ่อน
ชีวิตข้า...เกิดและตาย ไม่อาทร
หรือหวั่นเกรงความทุกข์ร้อน...การเปลี่ยนแปลง


..................................................


ฮ่องเต้ ถังเต๋อจง ดำริว่า
ใครจารึกถ้อยวาจาบนผาแกร่ง
เหล่ามหาเสนาท่านจงแจกแจง
หาคำตอบมาแสดงข้ารู้ที...

สิ้นสุดเสียงสีหนารถประกาศก้อง
มีผู้คนรับสนองอย่างอึงมี่
ณ บริเวณเทือกผาใหญ่แสนไกลนี้
พระบ้าหนึ่งซ่อนวิถีอยู่กลางดง


..................................................


ราชโองการมาถึงเจ้า...คุกเข่ารับ
เห็นพระบ้าแกล้งนั่งหลับเลอะเลือนหลง
เก็บขี้วัวเผาผลแตงจัดแจงลง
ควันโขมงโฉงเฉงส่งน้ำมูกย้อย

ท่านอาจารย์น้ำมูกท่าน...นั้นรินไหล
อย่ามายุ่งแตงเผาไฟกำลังอร่อย...
น้ำมูกของชาวโลกนี้ที่รอคอย
ยังมีอยู่มิใช่น้อยเช็ดอย่างไร?

กินแตงนี้ขณะที่ยังร้อนร้อน
สามโลกมีเพียงจิตซ่อนเพลิงเผาไหม้
ธรรมทั้งหลายอาศัยรู้อยู่ภายใน
สูงล้ำ-ต่ำใต้....อย่าแยกมัน


..................................................


ฮ่องเต้ทรงตรัสเอาไว้ ในใต้หล้า 
เป็นบุญของแผ่นดินข้าและผองท่าน
ผู้เผาแตง,ถ่านแดงร้อนหย่อนม่านควัน
เพื่อชี้ทางสว่างนั้น...ให้ฉุกคิด				
29 สิงหาคม 2554 20:34 น.

ลำนำจอมยุทธ์ ตอน วาระสุดท้ายของจอมมาร

กระบี่ใบไม้

จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า
ถูกมัดด้วยเชือกแน่นหน้าติดเสาหิน
เหล่าผู้กล้าฝ่ายธรรมมะทั้งแผ่นดิน
มีดวงจินต์แสนองอาจพิฆาตอธรรม

ฮ้า...ไฮ้...ท่านผู้ยิ่งใหญ่ในแว่นแคว้น
มองดูแล้วตกอับแสนจนหน้าขำ
กำเกวียนหมุนเวียนหนอ...เคยก่อกรรม
หลายชีวิตแตกดับจำแลกชีวิต

ทุกชีวิตที่เสียไปในใต้หล้า
ถูกแผ้วถางทางมรรคาด้วยโลหิต
หวังหลายสิ่งท่านทำไปคงได้คิด
ท่านอาจคงรู้สึกผิดที่จิตเลว

จอมมารพลันหัวเราะร่าบอก ...ฮ้า...ไฮ้
ท่านมากล่าวธรรมอำไพ...ถ้อยห่าเหว
ข้าไม่เคยปะหน้าตนด้วยคำเปลว
ที่ชั่วช้าเลวเกวล้วนยอมรับ

ข้ากระทำสิ่งใดในโลกนี้
สมใจแล้วในฤดีไม่หวนกลับ
ท่านชนะ - ความชั่วใด...เชิญกดทับ
...นับ...เป็นการกระทำข้าหาเป็นไร

ท่านแอบวางยาพิษข้าจับข้าแล้ว
คงสมเป็นผู้กล้าแกล้วอันยิ่งใหญ่
ธรรมมะย่อมชนะอธรรมจนหนำใจ
ก่อนข้าตายขอฝากไว้กับโลกา

...ผู้กล้าหาญ...เที่ยงแท้จริง...อันยิ่งใหญ่...
...คือผู้ตี...แผ่หัวใจ...ต่อดินฟ้า...
...อย่าเป็นผู้...ยอมสยบ...โดยหลบตา...
...และ...อย่า...เป็น...วิญญูชนนี้...ที่จอมปลอม!!!				
24 สิงหาคม 2554 20:33 น.

สาวน้อยทอผ้า

กระบี่ใบไม้

เมฆเหลือง, กำแพงเมือง, ป้อมปราการ

ฝูงกาบินผ่าน

ร่ำร้อง กึกก้อง ไม้ไกว

ทอกี่แพรพราว ปวดร้าวทรวงใน

...แม่หญิงส่งใจ...

ปักผ้าจากริมชายแดน


คิดถึง บึ่งฟ้า เหว่ว้าระทม

เมฆลอยตามลม ลอยผ่านถึงในแว่นแคว้น

หน้าต่างรำพัน ทอฝัน เมืองแมน

ถึงคนต่างแดน

โศกเศร้า เปลี่ยวเหงาวิญญา


หูกทอ ผ้าไหว หัวใจ ครวญคร่ำ

คำรักหมื่นคำ ล่องไกล แสนไกล...สุดฟ้า

ห้องเปลี่ยว ลำพัง ซ่อนหวังนานา

สาวน้อยทอผ้า

น้ำตา พร่างพรม ผุดพราว








ดัดแปลงจาก ฝูงกาเพรียกหาราตรี ลิขิตประพันธ์โดย มหากวี หลี่ไป๋
ขอบคุณ คุณฝนเดือน จากเวบ www.oknation.net/blog/fontree/category/li-bai_poem				
15 สิงหาคม 2554 14:35 น.

ภวาลัย (เข้ารอบสุดท้ายรางวัลพานแว่นฟ้า 2554)

กระบี่ใบไม้

๑๑๘ - สรรพสิทธิ์  
ก่อนไตรรงค์เคยสถิตอยู่ที่นี่
เหนือบริเวณของแผ่นผา เป้ยตาดี 
คงเหลือเพียง...เวลานี้...แค่ฐานธง...

.................................................

ศีรศิขเรศวร อันควรค่า
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูผาซึ่งงามระหงส์
เพชรมงกุฎแห่งพนาผู้อ่าองค์
ภวาลัยของเผ่าพงศ์...เจ้าวรมัน


เสียงปืนใหญ่ดังร้าวเลื่อนสะเทือนฟ้า
เทวราชแห่งราชาผู้ครองสวรรค์
ท่านคงทอดพระเนตรมาจากหน้าบัน
เจริญ-เสื่อม,เกิด-ดับ นั้นมิผันแปร

ท่ามกลางเสียงของกลองศึกระทึก - พราก -
ล้านเศษซากกองก่ายกันดุจร่างแห
อดีตกาลผันผ่านไป...ไทย-ขะแมร์
ไม่เคยเรียนรู้ธาตุแท้แห่งสงคราม

เบื้องหลังโคอุศุภราช...ท่านอาจเห็น
สายเลือดไทยไหลกระเซ็นมิอาจห้าม
ฤาหยดเลือดกัมพูชาไม่ไหลตาม?
เซ่นเหล็กในฝรั่งทรามผู้เคยชนะ

เขาผู้เคยก่อความหลังอีกฝั่งโลก
คงหัวเราะจนฟันโยกอยู่ทุกขณะ
ทุกครั้งที่เสียงปืนดัง ณ ฝั่งปะทะ
ที่ไหลนองปริ่มแก้มชะคือน้ำตา

.................................................


๑๑๘ - สรรพสิทธิ์ 
ธงไตรรงค์เคยสถิตเบื้องแผ่นผา
แต่ไม่ว่าธงไทยหรือกัมพูชา
ต่างก็คลุม...ศพทหารกล้า...เทียมเท่ากัน








บทขยายความเพิ่มเติม

ภวาลัย เป็นบริเวณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกษัตริย์ชัยวรมันที่ 2 ได้ทรงกำหนดเขตบริเวณนี้ขึ้นเพื่อทรงมอบแก่เจ้าเมืองที่ครองพื้นที่ในแถบนั้น ซึ่งอยู่ในตระกูล "พระนางกัมพูชาลักษมี" พระมเหสีของพระองค์เอง 
๑๑๘  สรรพสิทธิ   รอยสักในพระหัตย์ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ณ ชะง่อนผา เป้ยตาดี ปัจจุบันได้ถูกกะเทาะออกไปแล้ว
เป้ยตาดี เป้ย เป็นภาษาเขมร แปลว่า ชะง่อนผาหรือโพงผา ตามตำนานเล่าว่ามีพระภิกษุชรารูปหนึ่งชื่อ "ดี" จาริกมาปลูกเพิงพำนักอยู่ที่นี่จนมรณภาพไป ชาวบ้านจึงเรียกลานหินนี้ว่า "เป้ยตาดี" หากมองมายังข้างล่างของผาจะมองเห็นตัวปราสาทพระวิหารเหมือนวิมานสวรรค์ลอยอยู่บนฟากฟ้า
ศีรศิขเรศวร นามของปราสาทพระวิหารตามที่ปรากฏในศิลาจารึกเป็นภาษาสันสกฤตแปลว่า ภูเขาแห่งพระอิศวร
โคอุศุภราช พระราชพาหนะแห่งองค์พระศิวะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระบี่ใบไม้