10 สิงหาคม 2555 14:31 น.

ยอมรับ ไม่ทำร้ายผู้มีพระคุณ คนทำร้ายผู้มีพระคุณ คือ คนเนรคุณ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น

ทรายกะทะเล

ตั้งแต่เกิดมา ก็อยากจะ เป็นคนกตัญญู บ้าง โอกาส หาได้ ยากนัก แต่เมื่อโอกาสมา ควร ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อไป ก็จะรักพ่อแม่ทุกวันและที่ผ่านมา ก็รักพ่อแม่อยู่ในใจมากที่สุดอยู่แล้ว
กฎแห่งกรรม ตอนที่ ๑ กฎกรรมของคนเนรคุณ
27/02/2012 12:04 am
K T aluminiumธรรมะ, บทความno comments ๑.กฎกรรมของคนเนรคุณ
     พระคุณของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเกิดกาย ทั้งยังรับภาระหน้าที่เลี้ยงดูลูกน้อยกลอยใจจนเติบใหญ่นั้น ท่านว่าเทียบได้กับแสงดวงอาทิตย์ที่ให้ความสว่างในกลางวันหรือแสงจันทร์ที่ให้ความสว่างแจ้งตอนคืนเดือนหงาย ซึ่งปกติชนทั้งหลายย่อมมองเห็นได้ด้วยตาของตน แต่มีคนเจ้ากรรมบางรายที่ไม่อาจเห็นได้นั่นคือ คนตาบอด!

       คนตาบอด ไม่เห็นแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ได้ ฉันใด คนใจบอด ก็มองไม่เห็นคุณบิดามารดาที่มีต่อบุตรธิดา ฉันนั้น

     ที่จริง คนอื่นแค่ให้เงินใช้ ให้ข้าวเรากิน เรายังนับถือยกย่องว่าเขาเป็นคนดี แต่พ่อแม่เป็นผู้ให้สิ่งที่ใครอื่นให้ไม่ได้นั่นคือ ชีวิต ใครคิดเนรคุณท่าน ต้องประสบผลกรรมอย่างเลวร้าย ขนาดว่าพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายผู้มีฤทธิ์มาก ยังต้องชดใช้ผลกรรมที่เคยทำ ดังเรื่องราวต่อไปนี้

แผนพิฆาตพระพุทธศาสนา

     สมัยที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ ประทับ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร พวกเดียรถีย์ นักบวชนอกศาสนาปรึกษากันถึงเรื่องประชาชนหันมานับถือพระพุทธศาสนามากขึ้นทำให้พวกเขาเสื่อมลาภสักการะ

     ได้รับคำตอบว่า ที่เป็นเช่นนี้น เพราะพระเถระรูปหนึ่งชื่อมหาโมคคัลลานะ สามารถเดินทางไปถึงเทวโลก ถามพวกเทวดาว่าทำกรรมใดถึงได้มาเกิดในเทวโลก แล้วจึงกลับมาบอกพวกมนุษย์ว่า เหล่าเทวดาพากันทำกรรมอย่างนี้ จึงได้บังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอย่างนี้ แล้วยังเดินทางไปนรก ถามเหล่าสัตว์นรกถึงกรรมที่ทำอันเป็นเหตุให้มาเกิดในนรก แล้วกลับมาบอกพวกมนุษย์ ถ้าเราฆ่าพระเถระนั้นได้ ลาภสักการะก็จะเกิดแก่พวกเราแทน จากนั้นก็ได้พากันรวบรวมเงินทอง เพื่อเป็นค่าจ้างแก่พวกโจรให้ฆ่าพระมหาโมคคัลลานะ

พระมหาโมคคัลลานะ รับกรรมเก่า

     พวกโจรรับเงินค่าจ้างแล้ว มุ่งหน้าไปสู่ป่ากาฬสิลา ล้อมกุฏิของท่านไว้ พระเถระทราบว่าพวกโจรล้อมกุฏิ จึงแสดงฤทธิ์หายตัวออกไปทางช่องลูกกุญแจ ครั้งที่สอง พระเถระเหาะหนีออกไปทางหลังคา ครั้งที่สาม พระเถระทราบว่า ผลกรรมเก่าที่เคยทำมาแต่อดีตชาติตามทันแล้วจึงไม่ได้หลบเลี่ยง พวกโจรจับพระเถระทุบตีท่านจนร่างแหลกเหลวโยนเหวี่ยงเข้าหลังพุ่มไม้แล้วหนีไป

     พระเถระคิดว่าเราเข้าเฝ้าพระศาสดาก่อนแล้วจึงนิพพาน จึงประสานร่างให้คืนด้วยพลังฌานสมาบัติ เหาะไปเข้าเฝ้ากราบทูลขอนิพพาน เมื่อได้รับพระพุทธานุญาตแล้วจึงไปสู่ป่ากาฬสิลานิพพานในที่นั้น



กรรมสนองกรรม

     ข่าวการนิพพานของพระมหาโมคคัลลานะได้กระฉ่อนไปทั่วชมพูทวีปว่าท่านถูกโจรฆ่า ในที่สุดพระเจ้าอชาตศัตรูได้ส่งสายลับตามจับผู้ลงมือพร้อมผู้บงการได้ทั้งสิ้น ทรงรับสั่งจับโจรพร้อมด้วยเดียรถีย์ประมาณ ๕๐๐ คน ลงโทษโดยฝังร่างลงดินจนถึงสะดือแล้วใช้ฟางกลบ ให้ประหารด้วยการใช้ไฟเผาจนไหม้ ให้ใช้ไถเหล็กไถจนตัวขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้สาสมแก่ความผิดที่ได้กระทำไว้

     ภิกษุสนทนากันในธรรมสภาว่า พระโมคคัลลานะนิพพานไม่เหมาะสมแก่ฐานะ ช่างน่าสังเวยจริง?

     พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสว่า โมคคัลานะนิพพานไม่เหมาะสำหรับชาตินี้ แต่ในอดีตชาติ เธอเคยทำบาปกรรมที่เลวร้ายสมกับการถูกทำร้ายจนนิพพานแล้ว จากนั้นจึงทรงนำเรื่องในอดีตชาติของพระเถระมาแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้

บุพกรรมของพระมหาโมคคัลลานะ

     แม่ผัว ลูกสะใภ้ มีเรื่องเล่าไว้ในตำนาน

     ในอดีตกาลยาวไกล มีบุรุษชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งทำหน้าที่ทุกอย่าง เลี้ยงดูพ่อแม่ผู้แก่ชรามีตาบอดทั้งสองข้าง โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือรำคาญเบื่อหน่ายเลย วันหนึ่ง พ่อแม่พูดกับลูกว่า ลูกเอ๋ย พ่อแม่มีแต่แก่เฒ่าเห็นเจ้าทำงานคนเดียว เดี๋ยวจะหาหญิงสาวมาเป็นภรรยา จะได้ช่วยกันทำมาหากิน ครั้นลูกชายได้ฟังก็ร้องห้ามว่า ไม่ต้องหามาหรอกครับ ผมไม่แน่ใจว่าหญิงที่มาเป็นสะใภ้จะรักท่านเหมือนผมหรือไม่ ผมขอเลี้ยงดูจนกว่าพ่อกับแม่จะสิ้นชีวิต แม้พ่อแม่อ้อนวอนหลายครั้งก็ปฏิเสธเรื่อยไป แต่พ่อแม่ก็ติดต่อหญิงมาให้จนได้

     หญิงสะใภ้นั้น แรก ๆ ก็ปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่ของเขาดี จากนั้นไม่นานก็นึกรำคาญคนแก่ ไม่ต้องการอยู่ร่วม จึงหาเรื่องต่าง ๆ นานาว่า ขี้บ่นจู้จี้ ช่วยตัวเองไม่ได้ เพื่อยุสามีให้นำพ่อแม่ไปไว้ที่อื่น แต่สามีก็ไม่เชื่อ

     หลงเมียจนลืมพ่อแม่เรื่องจริงแท้แม้ในปัจจุบัน

     ต่อมาเวลาสามีออกไปทำงานนอกบ้าน เธอก็แกล้งนำเศษขยะเข้ามาโปรย สิ่งของเครื่องใช้วางไว้เกะกะ ตลอดจนเศษอาหารเที่ยววางให้เกลื่อนไปทั้งบ้าน คร้นสามีกลับบ้านถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็กล่าวว่า ผลงานพ่อแม่พี่นะสิ ทำที่อยู่ให้สกปรกรกรุงรัง ฉันเห็นทีจะอยู่ร่วมกับแกทั้งสองไม่ได้แล้ว หญิงสะใภ้บ่นเช่นนี้ทุกครั้งที่สามีกลับจากทำงานนอกบ้าน ในที่สุดบุรุษผู้มีบุญเคยทำไว้มาก แต่เพราะลมปากของภรรยาชั่ว ทำให้ตัวต้องแตกกับพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าจนได้ จึงรับปากกับภรรยาว่า เดี๋ยวพี่จะจัดการกับแกทั้งสองคนเอง

     ต่อมาวันหนึ่ง ลูกชายให้พ่อแม่รับประทานอาหารแล้ว กล่าวออกอุบายว่า พ่อแม่ครับ วันนี้ ญาติที่อยู่อีกบ้านหนึ่ง อยากพบท่านทั้งสอง ให้ลูกพาไปพบด้วย เมื่อพ่อแม่ตกลงจึงได้พาขึ้นเกวียนออกเดินทางไป ครั้นถึงกลางป่าแห่งหนึ่ง จึงบอกว่า พ่อครับ ถือเชือกไว้แทนผมหน่อย แถวนี้มีโจรมาก ผมขอลงไปดูลาดเลาก่อน ว่าแล้วก็ลงจากเกวียนไป

     ความรักพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่ แม้ตัวตายยังห่วงลูก

        ฝ่ายลูกชายพอลงจากเกวียนไม่นานก็ได้เปลี่ยนเสียงทำทีเป็นพวกโจรดักซุ่มปล้นฆ่า กระโดดขึ้นมาบนเกวียน แล้วทุบตีพ่อแม่ผู้ตาบอดสนิท ซึ่งไม่คิดขอชีวิตแม้คำเดียว แต่มีใจเฉลียวถึงความปลอดภัยของบุตรชายจึงร้องเตือนไปว่า ลูกเอ๋ย พ่อแม่แก่แล้ว โจรจะฆ่าตายก็ช่างมัน แต่เจ้าอายุยังน้อย รีบหนีไปเถิดลูก ไม่ต้องห่วงพ่อแม่

     คำพูดพ่อแม่ที่เปล่งออกมาด้วยความรัก ห่วงลูกยิ่งกว่าชีวิตของตนเพียงนี้ ยังไม่สามารถกลับใจของลูกชายให้เป็นคนดีได้เลย กลับทำให้เขาต้องทำมาตุฆาต ปิตุฆาต ทุบตีพ่อและแม่ทั้งสองจนสิ้นชีวิต แล้วทิ้งร่างของท่านไว้ในป่าดงแห่งนั้นแล้วกลับบ้านไป

     บาปกรรมที่น่าเศร้าสลดได้เกิดขึ้นกับบุรุษท่านนี้ แม้จะเคยสร้างบุญบารมีมากมายก็ตาม ด้วยบาปกรรมนี้เองทำให้ต้องถูกเผาไหม้ในนรกหลายแสนปี คงเหลือเศษผลกรรมบางส่วนทำให้ต้องถูกทุบตีจนเสียชีวิตร่างแหลกเหลวนานถึงหนึ่งร้อยชาติ ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็นพระมหาโมคคัลลานะ แม้บรรลุพระอรหัตผล ยังไม่พ้นผลกรรมตามสนอง
อาญาสวรรค์ บทลงทัณฑ์คนเนรคุณ

     ดังนั้น คนที่ทำร้ายท่านผู้ไม่คิดร้ายตอบ ย่อมประสบกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ที่เรียกว่า อาญาสวรรค์ ๑๐ อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วแต่ความรุนแรงของกรรมที่ทำนั้น คือ

๑)     ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัสในชีวิต

๒)     เสียทรัพย์ยากจนตั้งตัวไม่ได้

๓)     เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง

๔)     เสียสติหรือเป็นบ้า

๕)     ประกอบอาชีพใด ๆ ไม่มีความเจริญก้าวหน้า

๖)     ถูกใส่ความให้เสื่อมเสีย

๗)     เป็นคนไร้ญาติขาดมิตรสหาย

๘)     ถูกคนร้ายปล้นจี้ หรือถูกโกงให้ย่อยยับ

๙)     ทรัพย์ที่มีถูกไฟไหม้

๑๐)   เกิดชาติใดเป็นคนอายุสั้นพลันตาย เป็นต้น


บุคคลสำคัญที่ควรยึดมั่นกตัญญู

     จะเห็นว่า ผลกรรมของคนอกตัญญูนั้น ช่างน่ากลัวนัก ทำอย่างไรจักพ้นกรรมนี้ พระเดชพระคุณพระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน) วัดประยุรวงศาวาส ท่านชี้แนะไว้ว่า





« กลับหน้าแรก
ดูเรื่องทั้งหมด »


Counter :399Pageviews

 

Tags: กฎแห่งกรรม เนรคุณ

  
About the autho				
8 กรกฎาคม 2555 14:59 น.

บางที .....ก็ไม่เห็นอยาก อยู่ในโลกนี้เลย....

ทรายกะทะเล

อ่านบทความ ของคนคนนึง แล้วรู้สึกว่า ตัวเราเองก็เป็ฯเหมือนกัน จึงขอ อนุญาติ นำมาถ่ายทอดให้คนอื่นฟังว่า ทำไม???? มันเป็นแบบนี้...

ทำดีไม่ได้ดี  
 
 ครั้งหนึ่งผมไปดูหนังสือในร้านหนังสือใหญ่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งใจกลางเมือง เมื่อเสร็จแล้วก็นั่งพักที่ม้านั่งหน้าร้าน สายตาเหลือบเห็นกระเป๋าสตางค์หนังใบหนึ่งวางอยู่ เชื่อว่าเจ้าของคงเผลอทำมันหล่น

ผมเปิดกระเป๋าเพื่อหาบัตรประชาชนหรือนามบัตรของเจ้าของ ก็พบนามบัตรที่แสดงว่าเจ้าของกระเป๋าเป็นชายต่างชาติมาทำงานในเมืองไทย ผมโทรศัพท์หาเขาทันที ไม่เกินสิบนาทีชายคนนี้ก็ปรากฏตัว หลังจากรับกระเป๋าคืนแล้ว สิ่งแรกที่เขากระทำไม่ใช่กล่าวคำขอบคุณหรือยิ้มให้ แต่รีบตรวจดูกระเป๋าสตางค์ว่าเงินทองและเอกสารอยู่ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งว่าก็ว่าเถอะ ออกจะเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพเท่าใดนัก

ว่าตามตรรกะ หากคนที่พบกระเป๋าเงินคิดจะเม้มมัน ก็ไม่มีทางโทรศัพท์ไปหาเขา! บางทีเขาอาจอยู่เมืองไทยนานจนพอรู้ว่าโอกาสจะได้กระเป๋าเงินคืนค่อนข้างยาก หรือเพราะเขากำลังเครียดที่ทำเงินหาย มองในแง่ดีก็คือ เขาไม่ได้แจ้งความว่าผมขโมยกระเป๋าเงินของเขา!

เป็นประสบการณ์ที่แปลกระคนหงุดหงิดเมื่อพบปฏิกิริยาแบบนี้ มิใช่เพราะผมอยากได้รางวัลหรือคำประกาศเกียรติคุณ แต่อย่างน้อยรอยยิ้มหรือคำขอบคุณคำเดียวก็น่าจะทำให้โลกสดใสขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความหงุดหงิดก็ดำรงอยู่แค่แวบสั้นๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอประสบการณ์ ทำดีไม่ได้ดี บางครั้งเสียเวลาส่วนตัวเสนอตัวช่วยงานคนอื่น แต่ถูกต่อว่าทำไม่ดีพอ บางครั้งช่วยเหลือคนอื่นแล้วถูกหาว่าทำให้เรื่องแย่ลง บางครั้งสละที่นั่งให้ผู้โดยสารสตรีแล้วถูกปฏิเสธอย่างไม่แยแส ฯลฯ

แต่หากเราใช้ประสบการณ์ไม่ดีครั้งหนึ่งมากำหนดพฤติกรรมและนิสัยของเราในอนาคต ลดการกระทำความดีลง ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับเรายอมให้พฤติกรรมของคนอื่นมากำหนดวิถีชีวิตของเรา แทนที่จะใช้เรื่องดีงามหรือเป้าหมายที่ดีกำหนดเส้นทางชีวิตของตนเอง

โชคดีที่ในชีวิต ผมไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้บ่อยนัก เจอเรื่องดีมากกว่าเรื่องไม่ดี หลายครั้งที่ทำเรื่องดีเล็กๆ แล้วได้รับคำขอบคุณมากมาย ก็ให้รู้สึกว่า ถูกแล้วที่เราไม่ปล่อยให้เรื่องไม่ดีมาบดบังจริยธรรมของตัวเอง หรือทำให้เลิกคิดทำเรื่องดีๆ




ชีวิตของคนบางคนเจอแต่เรื่องแย่ ถูกเอาเปรียบ ถูกโกง จนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ไว้ใจคนอื่นไปตลอดชีวิต และไม่ค่อยเชื่อใจเวลาเจอคนอื่นทำเรื่องดีๆ ให้เขา

จะโทษคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ เพราะเป็นการง่ายมากในสังคมปัจจุบันที่สร้างนิสัยมองโลกในแง่ร้าย มองไปรอบตัวเรา ดูข่าวหนังสือพิมพ์ทุกวันเห็นแต่เรื่องร้ายๆ คนทำเรื่องเลวร้ายต่อกัน เอาเปรียบกัน

คนขับแท็กซี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 บ้านที่เขาเช่าจมน้ำ ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่เจ้าของบ้านก็ยังคงคิดค่าเช่าเต็มราคา อีกทั้งเก็บเงินชดเชยที่ทางการมอบให้ผู้อยู่อาศัยซึ่งเดือดร้อนจากน้ำท่วม

ทุกวันเราได้ยินข่าวคนโกงกินสารพัด โกงเรื่องธุรกิจ โกงเด็ก โกงคนแก่ โกงแม้แต่พระ ฯลฯ จนทำให้เราเริ่มสูญเสียศรัทธาในความดีของมนุษย์ ในที่สุดก็กลายเป็นสังคมแบบ ตัว Who ตัว It

นอกจากนี้ความเชื่อผิดๆ หรือความหมั่นไส้ก็ทำให้คนท้อใจไม่อยากทำเรื่องดี เช่น ทำดีแล้วถูกหาว่าสร้างภาพ หรือดัดจริต เป็นต้น จึงเกิดทัศนคติและค่านิยมว่า ถ้าทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม จึงไม่น่าแปลกใจที่เราหาคนอยากทำเรื่องดีๆ น้อยลง

ธุระไม่ใช่

ที่น่ากลัวก็คือ หากปัจเจกคิดอย่างนี้ เราก็ได้สังคมแบบนี้ จนมีคำกล่าวว่า สังคมเสื่อมลงเพราะคนดีท้อแท้
    



วัฒนธรรมการทำดีเพื่อหวังบุญในชาติหน้า แม้จะทำให้มี คนดี ในสังคมมากขึ้น แต่ก็เป็นสังคมที่ยืนหยัดด้วยรากฝอย ไม่ใช่รากแก้ว ทำอะไรก็ต้องมีรางวัลล่อใจ

ถามว่าทำเรื่องดีๆ โดยไม่หวังผลไปทำไม?

มองในมุมของประโยชน์ของปัจเจก การทำดีโดยไม่คาดหวังรางวัลทำให้ใจเราเป็นอิสระขึ้น สามารถปลดปล่อยตัวเองจากการยึดติดรูปต่างๆ ลดความเห็นแก่ตัวลง มันส่งผลให้คลื่นสมองนิ่งขึ้น มีความสุขขึ้น

นี่คือประโยชน์โดยตรงต่อปัจเจก

ส่วนประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมนั้นยิ่งใหญ่กว่า น้ำใสบริสุทธิ์แต่ละหยดที่ใส่ในแอ่งน้ำเสียหากมีมากพอ และยาวนานพอ น้ำในแอ่งก็สะอาดขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ มันทำให้คนอื่นอยากทำเรื่องดีๆ ด้วย

เราสามารถเปลี่ยนทัศนคติและค่านิยมเก่าๆ ได้ เราทำเรื่องดีๆ เพราะเรามีค่าพอที่จะทำและเจอเรื่องดีๆ เรื่องสวยงาม เรื่องสร้างสรรค์

เราเป็นคนมีค่า!

และอะไรจะมีค่าไปกว่าการรู้ว่าตนเองมีค่า!
    

วินทร์ เลียววาริณ

www.winbookclub.com				
4 มิถุนายน 2555 19:55 น.

คำคม....อ่านแล้วมีสติ

ทรายกะทะเล

บ่อยครั้งวิธีที่ดีที่สุด ที่จะชนะคือ 
การลืมที่จะนับแต้ม 

จงฟังความรู้สึก 
ของผู้พูด..ไม่ใช่คำพูด 

คุณภาพยังคงเป็นที่จดจำกันได้นาน 
หลังจากที่ลืมราคากันไปแล้ว 

ก่อนพายุจะมาทะเลมักจะสงบ 

จุดที่ต่ำสุดของชีวิต 
ที่ทุกคนมีโอกาสประสบ 
เป็นได้ทั้งจุดจบ 
และบทเรียนที่ดี 


จงใส่คำชมไว้ทั้งก่อน 
และหลังคำติเตียน 


มี 2 สองวิธีในการแสดงพละกำลังของคนเรา 
อย่างนึงคือ กดลง และอีกอย่างคือ ดึงขึ้น 

ความรัก ไม่ใช่การประเคนของให้กัน 
แต่ความรัก คือการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน 
และรักไม่ใช่การโอ้อวด 
หากแต่รักคือการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน 

คนไม่ดี 
คอยแต่โฆษณาความชั่วของคนอื่น 
เพราะเขาไม่รู้จักความดี 

คนจะเชิญชวนให้ท่านติ 
ทั้ง ๆ ที่โดยจริงแล้ว 
เขาต้องการคำชม 

ทุกหนึ่งนาทีที่คุณใช้ไปในการวางแผน 
จะประหยัดเวลาได้อย่างน้อยสามนาทีในการปฎิบัติตามแผน 

ไม่มีใครไปถึงดวงดาวได้โดย 
ปราศจากมือที่เปื้อนโคลน 


คนฉลาดเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น 
คนโง่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง 

เราน่าจะเปลี่ยนปัญหากันได้ 
เพราะเรามักจะแก้ปัญหา 
ของผู้อื่นได้ 

การให้อภัยง่ายกว่า 
การขออนุญาตมากมาย 

ความเหงาเป็นเพื่อนแท้ 
อ่อนแอเป็นเพื่อนเก่า 
ความเงียบก็เพื่อนเรา 
ใจบางเบาคือเพื่อนตาย 

ผู้คนส่วนใหญ่มีความสุข 
กับความต่ำต้อยของมิตรสหาย 

ความโศรกเศร้า 
สามารถเยียวยาตัวเองได้โดยลำพัง 
แต่การจะได้รับความเบิกบานอย่างเต็มเปี่ยม 
จำเป็นต้องมีใครสักคนมาแบ่งปัน 

การที่เรา"เคยพ่ายแพ้" 
ซักวันหนึ่งมันจะกลายเป็น 
สิ่งที่มีค่ามหาศาลต่อเรา.. 

ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น 

มิตรภาพที่เกิดขึ้นบนเส้นทางธุรกิจ 
ย่อมดีกว่าธุรกิจที่เกิดบนเส้นทางมิตรภาพ 

คนที่ไม่ค่อยฉลาด 
ถ้าปิดปากไว้ 
จะหลอกคนได้อีกมาก 

คนโง่..เลือกคนที่ตนรัก 
คนฉลาดเลือกคนที่รักตน 


ก่อนเซ็นชื่อในเอกสารใด ๆ 
พึงจำไว้ว่า ข้อความตัวโต ๆ นั้น 
คือผลประโยชน์ที่เขาจะให้เรา 
แต่ที่พิมพ์ไว้ตัวเล็ก ๆ นั่น 
คือสิ่งที่เราจะต้องเสีย 


เหลือทางถอยไว้ให้กับคนอื่น 
เท่ากับเหลือทางถอยไว้ให้กับตัวเอง 

เราไม่สามารถปรับทิศทางลมได้ 
แต่เราสามารถปรับใบเรือได้ 


คนที่คิดถึงความสำเร็จในวันข้างหน้า 
ต้องเป็นคนที่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองในวันนี้ 

เป็นคนใช่ต้องได้ความสำเร็จเสมอไป 
เป็นคนบางครั้งการก้าวไป 
สำคัญกว่าการก้าวถึง 

การแข่งขันเป็นกลไกของตลาด 
แต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของผลกำไร 

คนเราเจ็บปวดครั้งแรก 
พอที่จะโทษคนอื่นได้ 
แต่เจ็บปวดครั้งที่สอง 
มีแต่ต้องโทษตัวเอง 


อยู่คนเดียวจงระวังความคิด 
อยู่กับมิตรจงระวังคำพูด 

ถ้าอยากที่จะเป็นคนฉลาด 
ต้องหัดเป็นผู้ฟังที่ดีเสียก่อน 

ตึกยังรู้พัง 
สตางค์ยังรู้หมด 
แต่ไมตรีอันสวยสด 
ไม่มีหมดเหมือนสตางค์ 

บางสิ่งของชีวิตไม่จำเป็นต้องจำ 
ถ้ามันทำให้เจ็บ 
แต่บางสิ่งก็ควรจะเก็บ 
ถ้ามันเป็นความเจ็บที่น่าจำ 




คนโง่มักแสดงตนให้ผู้อื่นเห็น 
ว่าตนเป็นผู้ฉลาดเสมอ 

คนโกหกเก่งมักเป็นคนพูดคล่อง 


ในการเริ่มต้นทุกครั้ง 
จงคิดถึงจุดจบด้วย 

ความรักไม่ใช่งานเลี้ยง 
ฉะนั้นอย่าได้มีวันเลิกลา 

ความรู้ สอนให้ถ่อมตน 
แต่ความโง่เขลา สอนให้เย่อหยิ่ง 


ผู้ชนะไม่เคยท้อถอย 
ผู้ท้อถอยไม่เคยชนะ 

ถ้าคุณปล่อย ให้ความโลภพองตัว 
ความซื่อสัตย์ จะสั่นคลอน 

เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ 
คนโง่ ด้วยการโต้เถียง 


คนโง่คิดถึงพรุ่งนี้ 
แต่คนฉลาดจะใช้คืนนี้ 
ให้เป็นประโยชน์ 

อย่าถือดีกับคนที่นอบน้อม 
อย่านอบน้อมกับคนที่ถือดี 

จงใช้แผนการณ์ ที่คู่ต่อสู้คิดว่า 
เราหลงกลเขา แล้วเขาจะได้ใจ 
และเสียรู้เรา ในที่สุด 


ไม่มีคำว่าแพ้หากว่าเราได้เริ่ม 
ไม่มีคำว่าอยู่ที่เดิมหากเราได้ค้นหา 
ไม่มีคำว่าเป็นที่หนึ่งหากยังต้องพึ่งพา 
ไม่มีคำว่าดีกว่าหากว่าเราไม่ตั้งใจ 


ชีวิตในบางครั้ง 
ความอยุติธรรมก็คล้ายเป็นเรื่องถูกต้อง 
ความเจ็บปวดก็คล้ายเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง 
ความเสียเปรียบก็อาจถูกยัดเยียดให้ 
ความพ่ายแพ้ก็อาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน 
คนที่เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับเอาไว้ได้ 
เพื่อที่จะกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมา 


เงินไม่ได้สร้างมิตรแท้มากเท่าศัตรูจริง 

พบ...เพื่อ...ลา 
มา...เพื่อ...จาก 
รัก...เพื่อ...พราก 
จาก...เพื่อ...จำ 

นกที่ตื่นแต่เช้า 
ย่อมจับหนอนได้ก่อน 

ความรักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอร์ 
ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได้ 
ก็ต่อเมื่อแต่ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่"ใช่"สำหรับตัวมันเอง 

ความรักเปรียบเสมือนเม็ดทราย 
ยิ่งบีบแรงทรายก็ยิ่งไหลออกจากมือเร็วขึ้น 

ไม่ว่าดอกไม้จะช่อใหญ่ซักแค่ไหน 
ก็ไม่สำคัญมากไปกว่า 
ข้อความในการ์ดใบเล็กๆ 

คนบางคน 
ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม 
แต่เขากลับไม่เคยได้มันมา 
เพราะไม่รู้จักการไขว่คว้า 

เลื่อนตัวเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง 

รอยรั่วนิดเดียว 
อาจจะทำให้เรือใหญ่จมได้ 

ความดีเป็นการลงทุนเพียงอย่างเดียว 
ที่ไม่เคยทำให้ใครล้มละลาย 

ดูคนที่การกระทำ 
ดูผู้นำดูที่การเสียสละ 

จะดูคนจงดูที่คำถามของเขา 
ไม่ใช่ดูที่คำตอบ 

คนที่รู้จักจุดหมายปลายทางของตนเอง 
คือคนที่เดินทางไปได้ไกลที่สุด 

ความรู้ความฉลาดเปรียบได้กับชุดชั้นใน 
ทุกคนควรสวมใส่แต่ไม่ควรโอ้อวด 


บ่อยครั้งที่เราไม่มีเวลาสำหรับมิตร 
แต่กลับทุ่มเวลาทั้งชีวิตให้แก่ศัตรู 

เมื่อมีข้อพิพาทกับคนที่คุณรัก 
จงจัดการกับสถานการณ์ขณะนั้น 
อย่าขุดคุ้ยอดีต 

หนึ่งก้าวที่ยาวไกล 
อาจหวั่นไหวและล้มลง 
หนึ่งก้าวที่มั่นคง 
แม้จะสั้นแต่มั่นใจ 

ชนะด้วยอาวุธจะสิ้นสุดด้วยความแค้น 


ถ้าจะแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น 
ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้ 
ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องให้หนำใจ 
แต่ขอให้ ได้อะไรจากน้ำตา 

เมื่อคิดจะเดินไปข้างหน้า 
โปรดอย่าหันมองกลับหลังอย่างเสียดาย 

พึงชนะผู้น้อยด้วยการให้ 
พึงชนะผู้ใหญ่ด้วยความอ่อนโยน 


อย่าทำ... ในสิ่งที่ไม่มีสิทธิ์ 
อย่าคิด... ในสิ่งที่ไม่มีค่า 
อย่ารอ... ในสิ่งที่ไม่มีมา 
อย่าไขว่คว้า...ในสิ่งที่ไม่มีจริง 

ความฉลาดไม่ใช่ความรู้ 


ความมืดทั้งโลกก็ดับแสงเทียนเล่มหนึ่งไม่ได้ 

คุณไม่สามารถจะตั้งตัวเป็นอริ 
และโน้มน้าวในเวลาเดียวกันได้ 

ไม่มีคำแนะนำของใครที่ไร้ค่าไปเสียหมด 
แม้แต่นาฬิกาตายมันยังตรงเวลาถึงวันละ 2 ครั้ง 

หากคุณให้ในสิ่งที่คุณไม่ต้องการ 
มันก็ไม่ใช่การให้ 

คนจำนวนมากต้องจนอย่างแท้จริง 
อันเนื่องมาจากความกระวนกระวายนักหนา 
ที่จะไม่ให้ใคร ๆ มามองว่าพวกเขายากจน 

มือที่ช่วยเหลือน่าเคารพบูชา 
มากกว่าปากที่สวดมนต์ 

หากคุณพูดความจริง 
คุณไม่จำเป็นต้องจดจำอะไรเลย 

วิธีดูคนที่ได้ผลคือ 
ดูวิธีปฎิบัติต่อคนที่ 
เขาไม่มีผลประโยชน์ด้วย 

คนเราบางครั้งชอบแสวงหา 
ที่แต่งงานแปลกๆทั้งในน้ำ บนท้องฟ้า 
แต่สุดท้ายก็ต้องมาหย่ากันบนพื้นดิน 

จงจำไว้ว่า ลักษณะนิสัยของคุณ 
เป็นตัวกำหนดโชคชะตาของตัวคุณเอง 


มักพูดกันว่า กาลเวลาเปลี่ยนทุกสิ่ง 
แต่จริง ๆ แล้วคุณต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตัวเอง 

ผมไม่ได้ทำลายศัตรูของผมไปดอกหรือ 
เมื่อผมทำให้พวกเขากลายเป็นมิตรของผม 

ในการทำให้ได้รับความเชื่อถือ 
คุณต้องรู้จักให้เกียรติ และให้ความเคารพ 
อีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน 
เขาจึงจะเกิดความเชื่อถือในตัวคุณ 

อย่ากลัวเงา เพราะเงา 
หมายความว่ามีแสงสว่าง 
ส่องอยู่ใกล้ ๆ สักแห่ง 




ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็น 
เหมือนกับเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร 
แต่มหาสมุทร คงจะมีน้ำน้อยลง 
ถ้าขาดหยดนั้นไป 

จุดที่ต่ำสุดของชีวิต 
ที่ทุกคนมีโอกาสประสบ 
เป็นได้ทั้งจุดจบ 
และบทเรียนที่ดี 

"ขีดความสามารถ" 
เริ่มต้นด้วยสิ่งที่เป็นไปได้ 
เพียงเริ่มต้นที่ก้าวแรก 
ข้อจำกัดย่อมมีอยู่เสมอ 
คุณไม่อาจทำเกินกว่าที่คุณสามารถทำได้ 
ถ้าคุณพยายามทำมากเกินไป 
คุณก็จะทำอะไรไม่ได้เลย 


ในวันที่คุณไม่มีความสุข 
ขออย่ามัวคิดจะหาความสุข 
มาให้ตัวเองได้อย่างไร 
แต่จงแบ่งปันความสุขให้แก่คนอื่น 
การแบ่งปันความสุขออกไปนั่นแหละ 
จะทำให้คุณได้รับความสุขกลับมา 
อย่างแน่นอน 



....น้ำที่ใสที่สุด จะไม่มีปลา...คนที่ถี่ถ้วนสุดขีด จะขาดคนสนิท.....



จงลืมบุญคุณที่เราทำ แต่จงจำบุญคุณที่เขาให้ไว้



คนไม่ดี มักสนใจความไม่ดีของคนอื่น
คนดี มักสนใจความดีของคนอื่น
พอเขาชั่ว ก็ติเตียน
พอเขาดี ก็ริษยา
พอเขาตกต่ำ ก็เหยียบย่ำ
คนเช่นนี้ หาความสุขได้ยาก 


ชื่อเสียงเหมือนไอน้ำ ความดังคืออุบัติเหตุ และเงินมีปีก



คุณธรรมของผู้ยิ่งใหญ่
ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้ 
ให้กำเนิด โดยมิอ้างเป็นเจ้าของ 
บำรุงเลี้ยง โดยมิถือเป็นบุญคุณ 
เกื้อกูล โดยมิก้าวก่าย 
ไม่นำความยิ่งใหญ่ ไปแทรกแซงขู่เข็ญบังคับใคร 

เมื่อได้รับการเทิดทูน ท่านไม่ทะนงตน 
เมื่อได้รับการทักท้วง ท่านไม่ท้อแท้ 
เมื่อกิจการงานอันยิ่งใหญ่สำเร็จลง 
ท่านถอนตัวจากไป.!!!!!				
4 มิถุนายน 2555 19:34 น.

ชินชา..............

ทรายกะทะเล

ความชินชา.......
เหนี่ยวรั้งเธอไว้ก็เท่านั้น
ในเมื่อฉันไร้ค่าไร้ความหมาย
ยิ่งดึงยิ่งรั้งเธอเท่าใด
ก็เหมือนเธอนั้นไกล...ออกไปทุกที
ฉันเหนื่อยกับการต้องดิ้นรน
และไม่อยากฝืนทนอยู่อย่างนี้
หยุดดึงและเหนี่ยวรั้งเธอเสียที
ฉันชินแล้ว...กับการที่...ไม่มีใคร				
27 มีนาคม 2555 20:05 น.

ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน........

ทรายกะทะเล

แม้นผิดพลาดคลาดไปจากความหวัง

ไม่สมดังเจตจำนงที่คงหมาย

จะขออยู่สู้ต่อไปไม่ขอคลาย

ถ้าไม่ตายคงต้องสมอารมณ์ปอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทรายกะทะเล
Lovings  ทรายกะทะเล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทรายกะทะเล
Lovings  ทรายกะทะเล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟทรายกะทะเล
Lovings  ทรายกะทะเล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงทรายกะทะเล