6 พฤษภาคม 2552 21:21 น.
				
												
				
								ลมแปรแขมร์เลอ
		
					
				
จึงรอนรอน   จรหายหยุดฉายแสง-
-สว่างกลางคืน   คืนพาจันทราแรง-       
-รักสีแสง   แสงนวลยวลให้ยล-
-ยินเสียงใจ   ใจรับกับจันทร์ส่อง-         
-สว่างเรืองรอง    รองผ่านพาลไปสน-
-ใจหลงจันทร์   จันทร์เหงาเศร้าระคน-    
-เราก็รน   รนหาทิวาลวง-
-หลอกคนเหงา   เหงางมโถมกลับซ้ำ-     
-เติมความช้ำ      ช้ำให้ตกในห้วง-
-หาวแห่งรัก     รักรอนจรกับดวง-   
-ดาวหล่นร่วง   ร่วงใจไร้คำลา-
-ก่อนใจร้าว    ร้าวลึกถึงผนึกหนัก-     
-หน่วงด้วยรัก   รักรุมสุมหนักหนา-
-แน่นสุมอก   อกซ้นจนหมองมา-       
-เลยจำลา   ลาฟ้าจำลาไกล...
...แบบว่า				
			 
			
				6 พฤษภาคม 2552 18:16 น.
				
												
				
								ลมแปรแขมร์เลอ
		
					
				
ยอดรักจงมองที่โค้งขอบฟ้า
โอบลงมา..พรมลาจูบ..ลูบไล้
คือจูบฉันเมื่อคราจำลาไกล
เคยเคลียไคล้ไม่หายสวาทขาดลา
ยามลมหนาวพัดผ่านซ่านละมุล
สายลมอุ่นแห่งรักฝากมาหา
ลมซื่อตรงคงมั่นจนวันลา
รู้ไว้ว่ารักใคร...ไม่เท่าฉัน
คืนวันที่หมุนเปลี่ยนเวียนไป
แต่ว่าใจไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
ซื่อตรง จงรักจนนิรันดร์
หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย
จรจำจากทั้งที่ใจยังพันผูก
ความรักถูกปิดกั้นพลันใจหาย
เร่งคืนวันโอบรับ..กลับเคียงกาย
รักไม่รู้หน่าย....วันตายนั่นแหละวันลืม
...แบบว่า				
			 
			
				6 พฤษภาคม 2552 08:14 น.
				
												
				
								ลมแปรแขมร์เลอ
		
					
				
ถ้าหากในใจของฉันไม่มีเขา
รักของเราจะมั่นแน่ไม่แปรผัน
แต่รักที่จริงใจไม่อาจจะแบ่งปัน
สันพันธ์ฉันท์ชู้สาวเคล้าเปปน
ต้องหยุดดวงใจเธอไว้ก่อนจะสาย
ไม่อาจทำลายทำร้ายให้สับสน
จึงได้แจ้งแถลงไขใช่เล่ห์กล
อย่าทุกข์ทนปวดร้าวเคล้าน้ำตา
เปลี่ยนความรู้สึกแบบนั้นจะได้ไหม
โปรดเปลี่ยนไปจากไฟที่ปรารถนา
เป็นเพื่อนและพี่ชายที่เมตตา
รักมีค่าเช่นกันสัมพันธ์เรา
ไม่อยากให้เธอช้ำไปมากว่านี้
ด้วยรักนี้อยู่ไปได้แต่เศร้า
เปลี่ยนความรักเสียวันนี้ให้บางเบา
เปลี่ยนความเศร้าเป็นผูกพันกันตลอดไป..
....แบบว่า				
			 
			
				5 พฤษภาคม 2552 09:40 น.
				
												
				
								ลมแปรแขมร์เลอ
		
					
				
อำเภอเมืองสุรินทร์ถิ่นช้างสาร
ปราสาทฐานพระอินทร์เนาว์เป็นเสาหลัก
กาบเชิงทอดยาวชมพนมดงรัก
สุดจะหักใจหลงดงลำดวน
โนนนารายณ์หมายชมสนมน้อง
จอมพระมองเมียงหมายใจโหยหวน
จึงหวลคิดถึงสำโรงทาบทราบเนื้อนวล
ศรีณรงค์ชวนเจ้าไปไกลฤดี
ท่าตูมบานยามนี้ที่สังขะ
ไม่ลดละไปง้อเจ้าเร้าศักดิ์ศรี
แม้อยู่ไกลสุดพ้นชุมพลบุรี
ริมมูลนทีรัตนบุรีจะไปตาม
สุดบัวเชดเขตแดนแคว้นป่าเขา
เจ้าอาจเนาว์สักแห่งใดในสยาม
ศรีขรภูมิที่ซ่อนเงาเจ้านงราม
หรือเขตคามเขวาสินรินทร์ถิ่นแขมร์เลอ
จึงสีซอคลอเคล้า"เฮา"เจ้าอยู่
ให้รับรู้ว่าหนุ่มแขมร์ยังแคร์เสมอ
หากนิมิตมิผิดไปคงได้เจอ
จะพาเธอไปไหว้พระยาสุรินทร์ภักดี..
....แบบว่าเอาชื่ออำเภอมาแต่งครับ				
			 
			
				2 พฤษภาคม 2552 09:50 น.
				
												
				
								ลมแปรแขมร์เลอ
		
					
				
จันทร์เจ้าเอยเคยอ้อนผ่อนจันทร์เจ้า
ในคืนเหงาจันทร์ยิ้ม...อิ่มใดหนอ
อิ่มความเศร้าที่คนเหงาเฝ้าพะนอ
หรือยิ้มล้อต่อความในของใครกัน...(ลมแปร ฯ)
เคยอ้อนต่อจันทราคราเหงาหนัก
ว่าสุดหักใจฝืนคืนคิมหันต์
ขอหวังไปไกลสุดหยุดรำพัน
เห็นหน้าจันทร์ยิ่งทวีเหงาเศร้าปลดปลง..(จอมปราชญ์ ฯ)
ยากจะเอ่ยเผยขอต่อจันทร์เจ้า
ด้วยสิ้นเงาสวาทใดให้ไหลหลง
ยาสิ้นสวาทไม่บรรเทาให้เบาลง
เหงายังคงพรมซาบ...อาบดวงแด...(จะไม่เด็ด)
จึงจำลาพระจันทร์วันข้างขึ้น
หวังสักตื่นฝืนไกลไร้ดวงแข
หวังให้ใจจัดกระบวนไม่ปรวนแปร
เห็นเนื้อแท้ของความเหงาที่เข้าคลุม..(จอมปราชญ์ ฯ)
ขอลาก่อนลาทีสุดที่รัก
ไม่นานนักความปวดร้าวที่เข้าสุม
ความอ่อนแอจะแพ้พ่ายไร้สุมทุม
เหงาปกคลุมจะสลาย..กลายเป็นลม.. (ลมแปร ฯ)
...BABWA