18 พฤศจิกายน 2551 01:36 น.

ใต้ร่มเงา

ณ.คลองฉวาง

ลมโชยโบยซัดพัดคืนเหน็บหนาว
คิดถึงร่มเงาหลังคาพักกาย
ในคืนที่ห่างร่มเงามาไกล
หอมกลิ่นดอกไม้สองริมข้างทาง
หอมดอกราตรีส่งกลิ่นโรยริน
ละอองท้องถิ่นพัดมาที่นี่
ลมหนาวพัดมาคิดถึงทุกที
อีกไม่กีปีฉันจะกลับไป
    ในคืนลมหนาวปล่อยใจลอยล่อง
เสียงนกนั้นร้องขับกล่อมดวงดาว
โอ้ดาวดวงไหนจะรู้ไหมเล่า
ว่าคืนลมหนาวนั้นแสนยาวนาน
   ลมหนาวปีนี้พัดมาอีกหน
กี่ปีที่ทนสู้กับชะตา
ลมหนาวช่วยพัดบอกดาวอีกครา
ว่าวันนี้หนาเหนื่อยล้าเหลือเกิน				
8 พฤศจิกายน 2551 09:20 น.

สาวเมืองตรัง

ณ.คลองฉวาง

สาวเมืองตรังน้องชั่งงามสาวแดนสะตอ
ตาคมผมยาวจริงหนอแม่สาวสะตอจังหวัดตรัง
ลูกหลานพระยารัษฎานุประดิษฐ์ช่างน่ารักจัง
หลงรักสาวเมืองตรังสาวเมืองตรังลูกสาวสวนยาง
     บ้านน้องเปิดร้านน้ำชาพี่นี้หนามานั่งกินทุกวัน
น้ำชาร้านน้องก็หวาน แต่หวานไม่เท่าหน้าเธอ
อยากอยู่จัง อยากอยู่เมืองตรังจริงๆนะเออ
อยู่กับเธอ  พี่จะฝึกทำหมูหย่างเมืองตรัง
     เค้กกาแฟรสชาติดีแท้ถูกลิ้นเสียจัง
อยากอยู่ด้วยจังน้องสาวเมืองตรังจะรังเกียจไหม
พี่นี้มาจากแดนไกลกรีดยางพอได้แต่ชงน้ำชาไม่เป็น
ที่พูดออกมาไม่ใช่ปากหวานหรือคิดลวงเล่น
จะพิสูจน์ให้เห็นว่าพี่นี้เป็นนี้เป็นอย่างไร
     ถ้าพอเธอดุ ถือลูกซองมาพีคงหลีกภัย
แต่หลงรักเธอด้วยใจแม่สาวหน้าใสลูกสาวเมืองตรัง
หากได้อยู่ที่นี่พี่จะทำดีกับเธอทุกอย่าง
อยากบอกว่าชอบเธอจังแม่สาวเมืองตรังลูกสาวสวนยาง				
8 พฤศจิกายน 2551 01:38 น.

สดายุ

ณ.คลองฉวาง

เสียงวิหกนกร้องดังสดุดี
สองปักษาผู้มีฤทธิยิ่งใหญ่
ไม่เคยมีเลยแม้ผู้ใด
เอาขนะข้าได้ในไตรภูมิ

ผู้มีเดชจากอำนาจพรสยมภูมี
มีฤทธีกึกก้องโลกทั้งสาม
วันหนึ่งสหายรักให้มาตาม
ช่วยไปรบรักษาเมืองให้ที

พระยาปักษาด้วยความรักในสหาย
ก็เลยตอบด้วยใจที่หนักแน่น
เพื่อนเดือดร้อนเหนื่อยยากลำบากแสน
มีหรือที่เราไม่ชวยกัน

จึงนำตัวมาต่อสู้พยายักษ์
ด้วยความรักเพื่อนผองด้วยแน่วแน่
ความทนงใจไม่มีใครจะชนะได้แน่แท้
เพราะข้าได้รับพรพระภูมี

จึงเอยปากขึ้นมาว่า โหวย โหวย
เจ้ายักษ์เอ๋ยสามโลกไม่มีใครฆ่าข้าได้
นอกจากของจากมือผู้ิ่ยิ่งใหญ่
พยายักษ์ ฟังได้จึงคิดตาม

เพราะด้วยปากพรั้งพลาดในคราวนี้
พยาปักษีชะตาจึงขาดสิ้น
ธรรมรงษ์ขว้างใสปีกโบยบิน
ลงแดดิ้น ร่วงกอง ปฐพี

นี่เป็นเรื่องเล่ากันเป็นตำนาน
ให้กล่าวขานถึึงคนที่เย้อหยิ่ง
ปากพาตายเห็นได้มีอยู่จริง
ถึงคราวนิ่ง นิ่งเฉยได้ ถึงจะดี				
7 พฤศจิกายน 2551 19:49 น.

กระท่อมกลางนา

ณ.คลองฉวาง

ตั่งเด่นเป็นสง่าปฎิมากรรม
กลางท้องทุ่งนากว้างใหญ่
เต็มไปด้วยรวงข้าวสีทอง
มองเห็นไกลสุดลูกหูลูกตา
เป็นกระท่อมกลางนาหลังน้อย
ที่คอยให้คนได้หลบแดดร้อน
ตอนเช้าจนอาทิตย์อัสดง
คงยังเป็นที่พักพิงกาย
  เนิ่นนานเท่าไหร่ที่กระท่อมหลังนี้
เป็นที่พักพิงแดดร้อนระอุ
จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึง
จึงเต็มไปด้วยร่องรอยของความผุพัง
ริ้วรอยแห่งกาลเวลา
แต่มันก็ยังทรงคุณค่า
กลางท้องนาแห่งนี้ไปอีกนาน				
7 พฤศจิกายน 2551 19:32 น.

พูดไม่หมด

ณ.คลองฉวาง

ไม่รู้ทำไมพูดไม่หมด
เหมือนหวาดกลัวอะไรหรือใครอยู่
หากได้พูดความจริงให้คนได้รู้
ก็ช่วยให้อะไรกระจ่างชัด

ไม่รู้ทำไมพูดไม่ได้
บ้านเมืองนั้นเสียหายยังนิ่งอยู่
หรือขี้ขลาดตาขาวกลัวเขารู้
ว่าตัวของคุณนั้นคิดอย่างไร

 ไม่รู้ทำไม่พูดกลับกลอก
ลิ้นปลิ้นปลอกลื่นล้ำช่างลื่นไหล
สัจจะมีถือไม่ได้ พูดทำไม
หิวกระหายหรือไง ช่วยตอบที

ไม่รู้ทำไมพูดความเท็จ
หน้าอเน็นอนาถหนอคนไทย
เขาปั่นหัวเหมือนเขาปั่นเส้นด้าย
เราก็เชื่ออยู่เรื่อยไปเพียงข้างเดียว

ไม่รู้ทำไมพูดประจบ
ใดรพูดถึง...พูดไม่ได้
ชูมือหราโวยวายดูวุนวาย
อนาถใจจริงๆ ....((เห้อ....(ถอนหายใจแรงๆ)) บ้านของเรา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณ.คลองฉวาง
Lovings  ณ.คลองฉวาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณ.คลองฉวาง
Lovings  ณ.คลองฉวาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณ.คลองฉวาง
Lovings  ณ.คลองฉวาง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงณ.คลองฉวาง