6 พฤศจิกายน 2549 09:38 น.

ปลัดบ้านนอก

ป.ยุทธ

รถเครื่องถูกขับเคลื่อนไปตามถนนสายลูกรังท่ามกลางสายหมอกที่เกาะกลุ่มเป็นทิวขาวบางเบาปกคลุมไปทั่วบริเวณ 

 ตะวันโผล่สาดแสงส่องขับไล่สายหมอกนั้น จนจางหายไปทีละนิด..  ทีละน้อย  ตามทุ่งนาข้างทางบัดนี้เหลือแต่ตอซังข้าว สลับกับดอกหญ้าสีขาว-เหลืองเปล่งประกายแต่งแต้มเป็นสีสัน

	ข้าพเจ้าพยายามถนอมรถเครื่องของทางราชการโดยการเลี้ยวหลบหลุมอันขรุขระบนท้องถนน  ตามสภาพถนนที่ถูกน้ำท่วมขัง และกัดเซาะตั้งแต่หน้าฝนที่ผ่านมา   

แทบทุกๆ ปีที่งบประมาณถูกจัดสรรลงไปซ่อมปรับปรุง  แต่เมื่อถึงคราหน้าฝนก็เหมือนเดิมอีกเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ   จนกว่ารัฐบาลมีงบประมาณก้อนโตลงมาสร้างถนนสายนี้เป็นลาดยาง      

	รถยนต์  รถเครื่องที่แซงและสวนทางกันไปมา   จะเป็นครูบ้าง  เจ้าหน้าที่อนามัยตำบลบ้าง   พวกเขากำลังเดินทางไปทำงาน  ข้าราชการเหล่านี้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการพัฒนาท้องถิ่นชนบทตามอำนาจหน้าที่ของตน  แต่จะมีใครบ้างเท่านั้นที่มาด้วยอุดมการณ์ หรือว่ามาด้วยความจำใจอย่างเลือกไม่ได้    

	 รถจอดหน้าที่ทำการ อบต. แล้ว..  ข้าพเจ้าเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงาน      

	ปลัดมาทำงานแต่เช้าเชียวนะครับวันนี้ ภารโรงทักขณะมือถือไม้กวาดพร้อมที่รองรับขยะ      

	ผมมีรายงานด่วนจะส่งอำเภอน่ะ  ตอบพลางนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนหันไปทอดสายตาเหม่อมองทิวเขาที่ตระหง่านเป็นทิวแถวนอกหน้าต่าง      

	ข้าพเจ้าอดนึกถึงเพื่อน ๆ  ที่จบด้านรัฐศาสตร์เหมือนกันไม่ได้  พวกเขาทำงานกับบริษัทเอกชนเงินเดือนหลายหมื่นบาท  อยู่ในวงการไฮโซ  ดูช่างต่างกันชนิดหน้ามือกับหลังมือ   เพราะสถานที่ที่ตัวเองทำงานก็อยู่ในชนบท  เงินเดือนหรือก็ไม่กี่พันบาท   

 หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาชวนไปทำงานด้วย แต่ข้าพเจ้าก็ปฏิเสธไป  อาจเป็นเพราะว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองจึงมองไปว่าการทำงานเช่นนั้นเป็นทาสรับใช้นายทุนและคิดว่าตัวเองเหมาะสำหรับที่อย่างนี้มากกว่า    จึงพึงพอใจในความเป็นอยู่  ตลอดจนอุดมการณ์และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ชาวบ้านได้อยู่ดีกินดี  มีรายได้  ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคม      

	 ชาวบ้านยากจนทั้ง ๆ  ที่พวกเขาขยันขันแข็ง  ทำไร่  ทำนา  แต่โครงสร้างของสังคม  การกระจายรายได้ที่ยังไม่เป็นธรรม  ตลอดจนราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำต่างหากล่ะ  ที่ทำให้พวกเขายากจนอยู่ทุกวันนี้      

	สองปีที่อยู่ที่นี่ได้เสนองบประมาณให้ชาวบ้านได้พัฒนาในหลาย ๆ  ด้าน  ไม่ว่าจะเป็นด้านกลุ่มอาชีพ  การเกษตรครบวงจรตามพระราชดำรัส  การจัดตั้งกองทุนสหกรณ์ร้านค้าโดยมีเงินปันผลคืนกำไร  การขุดลอกลำห้วย  และก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำเพื่อให้หน้าแล้งมีน้ำทำการเกษตร  ส่วนด้านเยาวชนได้ส่งเสริมการใช้เวลาว่างเล่นกีฬาไม่หันเข้าหายาเสพติด  โดยจัดการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดทุก ๆ  ปี  จนโครงการเหล่านี้ล้วนประสบผลสำเร็จได้รับความนิยมชมชอบจากชาวบ้านในตำบล 

	 ทุกวันนี้ชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากขึ้นมาก็ด้วยความร่วมแรง  ร่วมใจของพวกเขาเอง  ดูเหมือนว่าชาวบ้านทุกคนจึงมีความผูกพันกับข้าพเจ้าและไม่อยากให้ย้ายไปไหน 

	การปฏิบัติหน้าที่ของข้าพเจ้าจึงตรงไปตรงมา  เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาวบ้าน  และบวกกับนิสัยที่ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ       

	เดือนที่ผ่านมา วันนั้นข้าพเจ้ายังจำได้ดี  มีผู้รับเหมามาขอรับงานพร้อมเสนอผลประโยชน์ให้      

	ผมขออนุญาตไม่รับนะครับ  เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน  ส่วนงานใครเสนอราคาต่ำสุดเราก็เอาคนนั้นแหละครับ  เพื่อประหยัดงบประมาณของทางราชการ  หากเราทราบว่ามีการฮั้วประมูลกันทางเราก็จะประกาศยกเลิกทันที   ข้าพเจ้าปฏิเสธไปอย่างนิ่มนวล 

	อีกครั้งที่ผู้รับเหมารายหนึ่งขอเบิกเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างถนน  แต่การตรวจรับงานยังไม่ได้ตามแบบ  ข้าพเจ้าจึงปฏิเสธที่จะจ่าย   

	 คุณปลัดงานขาดนิดขาดหน่อยอนุโลมกันบ้าง  เอางี้ผมให้  5  เปอร์เซ็นต์เลย       

	 เท่าไหร่ก็รับไม่ได้หรอกครับ  เอาเป็นว่าทำงานเพิ่มเติมให้ได้ตามแบบ ผมจะเบิกให้ทันที   ข้าพเจ้าพยายามประนีประนอม      

	 ผมไม่เชื่อหรอกว่าปลัดไม่ต้องการเงิน  ทุกคนทำงานก็เพื่อเงินทั้งนั้นแหละ  รับไปเถอะ หรือว่ามันน้อยไป  งั้นผมให้เพิ่มเป็น  7  เปอร์เซ็นต์  ผู้รับเหมายังง้อไม่เลิก      

	 ขอโทษนะครับ  ผมนัดประชุมชาวบ้านไว้   ขอตัวก่อน   ข้าพเจ้าเลี่ยงหนีไม่อยากต่อล้อต่อเถียง      

	ความจริงแล้วเงินใคร ๆ  ก็อยากได้เหมือนผู้รับเหมาว่า  แต่การได้มาโดยทุจริตอาจทำให้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัย  และถูกไล่ออกจากราชการได้         

	ครั้งล่าสุด   เรื่องค่อนข้างรุนแรง  เมื่อมีงบประมาณถ่ายโอนลงมาสร้างถนนลาดยาง  10  ล้านบาทผ่านพื้นที่ อบต. ที่รับผิดชอบ   ข้าพเจ้าถูกแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างร่วมกับคณะกรรมการจากจังหวัด  เมื่อไปตรวจรับงานจ้างโครงการกลับไม่ได้ตามแบบ  ผู้รับเหมาราดยางผิวถนนน้อยกว่าความเป็นจริงทำให้มองเห็นก้อนหินโผล่ผิวจราจรขรุขระ  ข้าพเจ้าจึงไม่เซ็นให้      

 	ท่านปลัดต้องเห็นใจทางผมนะครับ ต้องจ่ายหลายด่านหมดไปไม่น้อย  ถ้าทำตามแบบขาดทุนแน่  เห็นใจทางผมด้วย  ผู้รับเหมาชี้แจง 

	ถ้าทำตามที่คุณขอก็เท่ากับว่าผมทุจริตต่อหน้าที่  ข้าพเจ้าพยายามทำความเข้าใจ

	นี่ไม่ใช่ว่าผมจะให้ปลัดเซ็นให้ฟรี ๆ นะครับ  ผมเคลียอยู่แล้ว  หรือว่าปลัดไม่เชื่อใจ   ถ้างั้นผมเขียนเช็คเงินสดให้เดี๋ยวนี้เลยก็ได้  พูดจบผู้รับเหมาดึงเอาสมุดเช็คออกมา      

	ไม่คุณเข้าใจผิดไม่ใช่ยังงั้น  คุณทำงานเพิ่มเติมให้ดูดีกว่านี้ผมก็เซ็นให้   แค่นี้เอง   ผู้รับเหมากลับไปอย่างอารมณ์เสีย      

 	โครงการนี้เป็นของนักการเมืองระดับประเทศเชียวนา..  เซ็นให้เขาก็สิ้นเรื่อง  อย่าเรื่องมากเลยเดี๋ยวเดือดร้อน  เจ้าหน้าที่ทางอำเภอแนะนำเมื่อข้าพเจ้านำเรื่องเข้าปรึกษา      

 	   นายอำเภอเรียกตัวข้าพเจ้าเข้าไปพบในวันต่อมา      

	ปลัด  ผู้รับเหมามาร้องเรียนกับผมว่าคุณเรียกเงินค่าเซ็นตรวจรับงานกับเขาจริงไหม  นายอำเภอถามเมื่อข้าพเจ้านั่งลงต่อหน้า 

 	ไม่จริงครับท่าน  เขาต่างหากที่เสนอให้ผม  แต่ผมไม่รับ  ข้าพเจ้าชี้แจง      

 	ไม่รู้ล่ะนะ  เห็นเขามาร้องเรียนดีที่ไม่มีหลักฐาน  และเขาบอกว่าไม่เอาเรื่อง  ไม่เช่นนั้นปลัดถูกตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรง  ถึงขั้นออกจากราชการเชียวนะ  นายอำเภอเว้นระยะก่อนพูดต่อ      
	โครงการนี้ไม่ธรรมดาแล้ว  ถึงขั้นเจ้านายจากจังหวัดโทรมาให้ผมช่วยดูให้  เอาเป็นว่าผมฝากปลัดอีกทีก็แล้วกัน  อะไรถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ให้ผ่าน ๆ ไปเถอะ      

 	ครับท่าน .  แต่นี้มัน..  ข้าพเจ้าพยายามจะอธิบาย  แต่ถูกตัดบท      

	ผมเข้าใจว่าปลัดหนักใจ  แต่ก็พิจารณาดูก็แล้วกัน  ขอโทษนะ  ผมมีงานด่วนต้องทำ  ข้าพเจ้าเดินออกจากห้องนายอำเภออย่างสับสนมึนงง      

 	อย่าตรงมากนักเดี๋ยวชนตอ  นะเว้ย      

 	เราก็ต้องฟังเจ้านายเขาด้วย      

	เรามันผู้น้อยเสียงไม่ดังหรอกเพื่อน  แต่ยังไง ๆ  ก็ระวังตัวด้วยนะ  พวกเราเป็นห่วง  เพื่อน ๆ เตือนเมื่อพบปะกันในวันประชุมอำเภอ      
********************
       
	หลังเลิกงานข้าพเจ้าขี่รถกลับบ้านอย่างเนิบช้า พลางครุ่นคิดเรื่องเมื่อช่วงกลางวัน  ผู้รับเหมามาขอร้องให้เซ็นตรวจรับงานเป็นครั้งที่สองหลังจากเว้นระยะสาม  สี่วัน      

 	ผมต้องขอโทษจริง ๆ  ครับ  ถ้ายังไม่ลงยางเพิ่ม...ผมคงเซ็นตรวจรับให้ไม่ได้   ข้าพเจ้ายังยืนยันแน่วแน่  

 	ถ้าปลัดไม่เซ็นระวังจะเดือดร้อน   อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน   ผู้รับเหมาข่มขู่ก่อนออกไปอย่างหุนหัน    

ใกล้ถึงสะพาน  ข้าพเจ้าเพ่งมองรถเครื่องที่จอดอยู่บริเวณเชิงสะพานหลานคัน มีวัยรุ่น 4  5  คน จับกลุ่มกันอยู่

 	จอดก่อนพี่จอดก่อน  หนึ่งในกลุ่มโบกมือเรียก 
ข้าพเจ้าจอดรถ..แล้วถามออกไป
	มีอะไรให้ช่วยไหมครับ    

	พี่เป็นปลัด..  อบต.นี้ใช่ไหม  วัยรุ่นคนเดิมถามสีหน้าขึงขัง      

	ใช่ครับ  ข้าพเจ้าตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร      

	สิ้นเสียงตอบหนึ่งในกลุ่มกระโดดถีบข้าพเจ้ากระเด็นตกจากรถ  ส่วนรถคว่ำไม่เป็นท่า  แต่ก็รีบลุกขึ้นอย่างตกใจ   ยังไม่ได้ถามสาเหตุ   เท้าของอีกคนหวดที่กลางหลังจนเซถลาไปข้างหน้า และแล้วสติของข้าพเจ้าต้องดับวูบเมื่อมีของแข็ง ๆ  มากระทบที่ท้ายทอย      
    
 	แสงจากหลอดไฟส่องสว่างไปทั่วห้อง  แต่ข้าพเจ้าดูช่างเลือนลาง  จึงพยายามกวาดสายตาไปรอบๆ  พร้อมขยับกาย  แต่รู้สึกปวดระบมตามตัว      

 	หัวหน้าฟื้นแล้ว  โอ๊ะอย่าค่ะ  อย่าเพิ่งขยับตัวนะคะ  เสียงใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  เตียงร้องบอก  ข้าพเจ้าหันไปตามเสียงนั้น      

	อ้าว...นงคราญเหรอ หัวหน้าเป็นอะไรนี่    

	  หัวหน้าถูกคนทำร้าย  โชคดีที่ครูสุชาติกำลังจะกลับบ้านมาพบเข้า  พวกมันจึงหนีไป  และพาหัวหน้าส่งโรงพยาบาลนี่แหละ  รู้ไหมคะว่าหัวหน้าสลบไปทั้งคืนเชียว  นงคราญเล่าเรื่องราวให้ฟัง      

	นึกประมวลเหตุการณ์  ใครกันที่ทำร้าย  คงมีผู้อยู่เบื้องหลังวัยรุ่นกลุ่มนี้   ข้าพเจ้าได้แต่นึกถึงผู้รับเหมารายนั้น 

	แล้วเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ  ข้าพเจ้าหันไปทางเธอ      

	เอ่อ...ก็พร้อมๆ กับพาหัวหน้ามาส่งล่ะค่ะ      

	แสดงว่าเธอเฝ้าหัวหน้าทั้งคืนเลยนะสิ  เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มอย่างเต็มใจ  ข้าพเจ้ามองเธออย่างขอบคุณ   เธอเอียงอายหลบสายตา        

	นงคราญเธอเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ข้าพเจ้าชื่นชอบคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยใจคอ  ความขยันในหน้าที่การงาน และอีกอย่างที่ถูกใจคือใบหน้าใสๆ รับกับเส้นผมที่ยาวสลวยของเธอ    จนทำให้เผลอแอบมองเธอบ่อยครั้งเมื่ออยู่ที่ทำงาน   ใบหน้าของเธอทำให้สดชื่นหายเหนื่อยได้เช่นกันในบางครั้ง   ชีวิตหนุ่มโสดอย่างข้าพเจ้าหมกมุ่นอยู่กับงานตลอดจนไม่มีเวลามองสาว ๆ  ที่ไหน  คิดแล้วอดที่จะเห็นใจเธอไม่ได้ที่คอยเฝ้าดูแลยามเจ็บป่วยเช่นนี้      

 	เสียงเคาะประตูพร้อมเปิดออก  ผู้ที่ก้าวเข้ามาคือเพื่อน ๆ  ปลัด  4 - 5  คน   

	เป็นไงบ้างเพื่อน  วันนี้พวกเรามาเยี่ยมพร้อมมีหนังสือราชการด่วนมาให้  คนหนึ่งพูดขึ้น      

	ขอบใจหนังสืออะไรเหรอ  ข้าพเจ้าถามอย่างสงสัยและอยากรู้      

	ไม่รู้สิ   ทางจังหวัดฝากมาให้    เพื่อนพูดพลางยื่นให้      

	เพื่อน ๆ  กลับไปแล้วข้าพเจ้านอนนิ่ง  ความคิดสับสน  นี่หรือคือ  รางวัลตอบแทนสำหรับการทำงานอย่างตรงไปตรงมา  ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้  แม้แต่ชีวิตก็จะเอาไม่รอด  คิดไปคิดมาน้ำตาเอ่อซึมอย่างไม่รู้ตัว  และต้องแกล้งหลับก่อนที่นงคราญจะเห็นความอ่อนแอ ความขี้แยของลูกผู้ชายอกสามศอก
      
	รถสองแถวโดยสารจอดหน้าที่ทำการ  อบต.  ข้าพเจ้าก้าวขึ้นพร้อมกระเป๋าใบใหญ่  ก่อนรถจะเคลื่อนข้าพเจ้าโบกมืออำลาชาวบ้านและลูกน้องที่มายืนส่ง  แล้วทอดสายตาไปที่นงคราญ  เธอโบกมือให้พร้อมรอยยิ้มที่แสนเศร้า  พลันน้ำตาของเธอก็พรั่งพรูลงอาบแก้มใสๆ    เธอเดินเข้ามาหาจนได้ยินเสียงสะอื้น แล้วอ้าปากจะเอ่ยวาจา   แต่แล้ว..  รถก็ค่อยๆ เคลื่อนไป  เธอเดินกึ่งวิ่งตามมา จนเส้นผมของเธอพลิ้วไหว
	หัวหน้าคะ...กลับมาเยี่ยมพวกเราด้วยนะคะ...  เธอพูดกึ่งตะโกน
ภาพนั้นค่อยๆ  ห่างออกไป  ห่างออกไป  จนเลือนหายไปกับฝุ่นลูกรังที่ฟุ้งกระจาย   ข้าพเจ้ารู้ตัวว่าปวดร้าว    นึกถึงหนังสือที่ได้รับ  ใช่ แม้ว่าทางการจะมีคำสั่งย้ายไปจาก  อบต.  แห่งนี้  แต่เชื่อเถอะคำสั่งนั้นไม่สามารถย้ายใจของข้าพเจ้าไปจากที่แห่งนี้ได้หรอก  ก้อนอะไรบางอย่างมากระจุกที่ลำคอต้องกลืนน้ำลายขับไล่อย่างยากเย็น  แล้วกระพริบตาสกัดกั้นน้ำตาอันหวงแหนของลูกผู้ชายไม่ให้มันไหลออกมา แต่...จนแล้วจนรอด..มันยังดื้อดึงออกมาจนได้..


@@@@@@@@@@@				
2 พฤศจิกายน 2549 12:06 น.

เรื่องเล่า...ในวงเหล้า

ป.ยุทธ

เรื่องเล่าในวงเหล้า
  
	สายลมหนาวพัดหอบเอาความหนาวเหน็บมาเยือนในตอนเย็นหลังเลิกงานวันนี้ ข้าพเจ้ายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนเดินออกมายืนเด่นที่หน้าสำนักงาน  แล้วหันไปทางภารโรงที่กำลังเก็บจอบในสนามหญ้า 
	  ข้าพเจ้าเรียกภารโรงเข้ามาหาแล้วยื่นแบงก์ห้าร้อยให้ พลางสั่งซื้อเหล้าพร้อมกับแกล้ม

	ลุงมา...ทองพูนดื่มเหล้าด้วยกันนะวันนี้  ข้าพเจ้าหันไปทางพนักงานประจำรถขนขยะ

	ครับปลัด  โอ้วันนี้มีลาภปากอีกแล้ว ลุงมาพูดพลางยิ้มท่าทางดีใจ  

	เดือนละครั้งสองครั้งที่ข้าพเจ้ามักจะหาโอกาสดื่มหลังเลิกงานอย่างนี้   

	เหล้าพร้อมกับแกล้มถูกยกมาวางที่ม้าหินอ่อนหลังสำนักงาน 

สายลมหนาวยังพัดดังหวีดหวิวทุกระยะ  ต้นข้าวที่ออกรวงเหลืองอร่ามตามผืนนาริมรั้วโอนเอนอ่อนไหวไปตามแรงลมรอการเก็บเกี่ยว ชาวนาต่างทยอยกันกลับสู่บ้านเรือนของตนเมื่อความมืดเริ่มคืบคลานกลืนแสงสว่างสู่เวลาย่ำค่ำ    

	เอ้า...ดื่มลุงดื่มเป็นไงทำงานเหนื่อยไหม ข้าพเจ้าชี้มือไปที่แก้วเหล้า  แกยกขึ้นดื่มเหมือนกระหาย  

	ไม่หรอกครับปลัด.. งานในไร่ในนาหนักกว่านี้เยอะ ลุงมาตอบหลังถอนแก้วออกจากปาก  

	ทุกคนตักกับแกล้มเข้าปากคนละทีสองทีพร้อมจิบเหล้าทำให้การดื่มวันนี้มีรสชาติยิ่งขึ้น  

	ปลัดครับ..  ผมขออนุญาตถามเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่ง   

	ได้สิลุง ข้าพเจ้าพูดแบบกันเอง  

	ปลัดไม่มีคุณนายหรือครับผมไม่เห็นมาอยู่ด้วยเลย ลุงมาถามแบบพาซื่อ  

	ยังสิครับถามได้ คนขี้เหร่อย่างผมใครจะมาเอา ข้าพเจ้าพูดพลางหัวเราะ ก่อนพูดต่อ
ถ้ามีผมก็ต้องเอามาอยู่ด้วยสิ ผมชี้มือไปที่บ้านพักที่อยู่ถัดไป  

	แล้วลุงล่ะบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ไหนหรือว่าเป็นคนที่นี่โดยกำเนิด ข้าพเจ้าถามเรื่องส่วนตัวแกบ้าง  

	ผมย้ายมาจากจังหวัด......เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แกเอ่ยชื่อจังหวัดหนึ่งของภาคอีสาน  

	แล้วไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะลุงข้าพเจ้าถามเรื่อยเปื่อยแบบไม่ค่อยใสใจนัก  

	ที่จริงแล้วเรื่องของผมมันยาว แกหยุดถอนหายใจ  

	ยาวแค่ไหนก็ไม่เป็นไรนี่ลุงเหล้าตั้งกลมกว่าจะหมด ค่อยๆ เล่าสู่กันฟังก็ได้ข้าพเจ้าประชดประชันพร้อมทำเป็นคะยั้นคะยออยากฟัง  

	เอาเป็นว่าผมดื่มถูกคอกับปลัดผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน  

	อืม... ข้าพเจ้าพยักหน้า  

	สมัยเป็นหนุ่มก่อนที่จะแต่งงานกับยายสีเมียคนที่สองของผมแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ลุงมายกแก้วเหล้าก่อนพูดต่อ 
ช่วงนั้นผมมักจะไปมาหาสู่กับญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่ฟากแม่น้ำโขงฝั่งโน้น เหตุการณ์ครั้งนั้นผมยังจำได้ดีไม่มีวันลืม ลุงมาทำสีหน้าเคร่งขรึม  

	เป็นไงลุง  ข้าพเจ้าถาม

	วันนั้นผมข้ามฝั่งไปเยี่ยมญาติเช่นครั้งก่อนๆ ช่วงนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองของเขายังสงบร่มเย็น สัตว์ป่าชุกชุมของป่ามากมายหลายอย่าง แกเว้นระยะ 
แต่ละวันญาติมักจะพาผมไปล่าสัตว์ ได้เก้ง กวาง มาทำอาหารกินกัน หากเหลือเราก็จะทำเป็นเนื้อแห้งเก็บไว้กินในวันข้างหน้า  

	ล่าสัตว์ก็สนุกดีนี่ครับ ทำไมลุงต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้น ข้าพเจ้าขัดคอเล่นๆ

	ครับ...ฟังต่อ  ผมอยู่ครั้งนี้นานกว่าทุกครั้งจนลืมว่าตัวเองเป็นคนไทย และแล้ววันหนึ่งทางการมาเกณฑ์คนไปเป็นทหารผมก็โดนเกณฑ์ไปด้วย ผมไม่กล้าบอกว่าเป็นคนไทยกลัวโดนข้อหาหลบหนีเข้าเมือง แต่สมัยนั้นประเทศเขาก็ไม่มีใครมีบัตรประชาชนเลยนะ  ผมจึงเลยตามเลย จนถูกฝึกเป็นทหารอยู่ประจำกองร้อยอารักขาท่านเจ้าแขวง  

	น่าสนุกนะครับทหารประเทศนั้น ข้าพเจ้าเริ่มสนุกไปกับการเล่าเรื่องของแก  

	แรกๆ ไม่ค่อยสนุกนักหรอก แต่บังเอิญวันนั้นทหารที่เป็นหัวหน้าสั่งให้ผมนำหนังสือไปเสนอท่านเจ้าแขวงที่จวน แต่พอผมย่างก้าวเข้ารั้วเท่านั้นหมาที่แกเลี้ยงไว้สี่-ห้าตัวก็โดดรุมกัดผมแบบไม่ได้ตั้งตัว กว่าจะมีคนมาไล่ออก ผมต้องลงไปนอนคลุกฝุ่นน่วมทั้งตัว แต่แปลกที่ว่าผมไม่มีแผลเลยสักแห่งทั้งๆ ที่โดนรุดกัดขนาดนั้น ท่านเจ้าแขวงรู้เข้าเลยทึ่งในตัวผมจึงเอาผมไปเป็นทหารรับใช้ที่จวนของแก พร้อมเลื่อนยศให้ผมเป็นนายสิบ ลุงมาหยุดพูดยกแก้วจิบ  

	ทำไมหมากัดลุงไม่เข้าล่ะ มีของดีอะไรเหรอ ข้าพเจ้าสงสัย  

	อาจเป็นเพราะผมห้อยหลวงพ่อที่คอตอนนั้นก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว  
  
	เสียงลมหนาวยังพัดดังหวีดหวิวทุกระยะ แต่ความหนาวคลายลงบ้างแล้ว  อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่พวกเราดื่มเข้าไปออกฤทธิ์แล้วก็เป็นได้   

	เล่าต่อครับลุง  กำลังสนุก ข้าพเจ้าเร่ง  
	เหตุการณ์บ้านเมืองสงบได้ไม่นาน ก็ต้องมีอันเปลี่ยนแปลง ช่วงนั้นรัฐบาลมีการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองใหม่มีทหารจากประเทศทางตะวันออกมาเสริมกำลังขับไล่เข่นฆ่าและจับชาวบ้านไปกักขังหรือพวกเขาเรียกว่าสัมมนา บ้านเมืองเกิดระส่ำระส่าย เจ้าแขวงถูกเรียกตัวเข้าเมืองหลวงแล้วหายตัวไป ชาวบ้านหลายครอบครัวอพยพหนีเข้าไทยกันจ้าละหวั่น ลุงมาเว้นระยะ  

	   ผมกับทหารกลุ่มหนึ่งคิดจะปักหลักสู้  แต่ปืนใหญ่ยิงถล่มค่ายเราทุกระยะ พวกเรามีแต่ปืนเล็กเท่านั้นจึงไม่มีโอกาสต่อสู้กันจะจะ  และแล้ว...ใกล้รุ่งของวันนั้นเองค่ายเราถูกยิงถล่มหนัก  รถถังข้าศึกหลายคันบุกยิงทำลายค่ายเรายับเยินทุกคนหนีเอาตัวรอด  ผมกระโดดข้ามรั้วค่ายวิ่งหนีเหมือนกัน  ลุงมาหยุดยกแก้วขึ้นดื่มก่อนเล่าต่อ  

 	ผมวิ่งไปตามถนนในตัวเมืองที่มีสภาพไม่ต่างจากหมู่บ้านในเมืองเราเท่าใดนัก  หมายมุ่งหน้ากลับบ้านเกิด  ลูกปืนใหญ่ตกแต่ละครั้งดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว  ผมวิ่งมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีสภาพเป็นตึกเจ้าของบ้านมีพ่อ  แม่  ลูกสาว  และหลานชายตัวเล็กอีกคนพากันวิ่งออกมาจากบ้านพร้อมห่อสัมภาระ  พวกเขาเห็นผมรู้ว่าเป็นทหารเลยว่าจ้างให้ช่วยพาหนีเข้าไทย  โดยจะให้ทองจำนวนหนึ่งเป็นรางวัล  ผมตอบตกลงให้พวกเขาตามมา  ตอนนั้นผมไม่ได้คิดหรอกว่าจะยุ่งยากลำบากในภายหน้า   คิดแต่เพียงว่าอยากได้ทองเป็นทุนตั้งตัวเมื่อถึงเมืองไทยเท่านั้น  ผู้เป็นพ่อขอให้ช่วยอุ้มหลานชายของแก  เพราะตามลำพังตัวแกกับเมียก็เดินลำบากอยู่แล้วส่วนลูกสาวร่างบอบบางเกินไป  ผมเอาหลานแกเกาะด้านหลังแล้วเอาผ้าขาวม้ารัดเอาไว้อีกทีหนึ่ง  ผมดูก็รู้ว่าครอบครัวนี้มีเชื้อสายจีน  อาชีพค้าขาย  ฐานะดี    เวลานั้นชาวบ้านวิ่งหนีกันขวักไขว่  รถจิ๊บติดปืนกลหลายคันแล่นตรวจการณ์ไปมาตามถนนพร้อมเสียงปืนกลดังรัวเป็นระยะ ๆ  ผมพาพวกเขาวิ่งหลบไปทางสวนหลังบ้าน  

 	ลูกสาวแกสวยไหมลุง  ข้าพเจ้าขัดขึ้นด้วยความอยากรู้ตามประสาหนุ่มๆ  แกพยักหน้าเนิบ ๆ  แล้วทำหน้าเศร้าขึ้นอีก  ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าสงสัยและคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ  นา ๆ  

 	ผมขอเสื้อผ้าจากพ่อเธอใส่แทนชุดทหารเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตา  การหนีของเราช้ามากเพราะผู้เป็นพ่อกับแม่ไม่เคยลำบาก  เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล้วได้แต่บ่นว่าเหนื่อยไปไม่ไหว  และในที่สุดสองผัวก็ชุบซิบกันก่อนที่บอกให้ผมพาลูกสาวกับหลานชายแกหนีล่วงหน้าไปก่อน  แต่ลูกสาวแกไม่ยอมท่าเดียว  ได้แต่ร้องไห้กอดพ่อ  กับแม่ไว้แน่น  ผมส่ายหน้าเห็นใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้  เพราะแม้แต่ตัวเองยังจะเอาไม่รอด  เรานั่งพักครู่ใหญ่ ๆ  มีชาวบ้านมาสมทบอีกสาม-สี่คนผมสังเกตเห็นแต่ละคนมีห่อผ้าสัมภาระ  แต่เมื่อผมมองห่อผ้าพวกเขา  เขาจะกอดไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะแย่งเอา  ผมคิดว่าต้องเป็นห่อทรัพย์สินเงินทองแน่ ๆ  ลุงมายกเหล้าขึ้นจิบก่อนเล่าต่อ  

 	  พวกเราเดินทางต่อ  เสียงลูกปืนใหญ่ตกดังเป็นระยะ ๆ  และแล้วเสียงปืนกลก็ดังขึ้นเป็นชุด ๆ  ผมมองเห็นทหารข้าศึกวิ่งเข้ามา  ด้วยสัญชาตญาณผมดึงเอาแขนลูกสาวแกกระโดดหลบลงท่องร่องแล้ววิ่งหนี  เด็กที่อยู่บนหลังกอดคอผมไว้แน่น  เธอร้องเรียกหาพ่อแม่ตลอดเวลา  พอโผล่หน้าขึ้นแอบดูเห็นพ่อแม่ของเธอกลับกลุ่มชาวบ้านนอนจมกองเลือด  เธอร้องไห้  ผมเอามือปิดปากไว้พลางส่ายหน้าว่าพวกมันจะได้ยินเดี๋ยวหนีไม่รอด  พวกเขาไปดีแล้ว  หมดทุกข์แล้ว  ลุงมาพักดื่มเหล้าเหมือนกระหาย  

 	ลุงไม่มีปืนเหรอถึงไม่สู้  ข้าพเจ้าถามก่อนยื่นแก้วเปล่าที่แกยกจนหมดให้ภารโรงรินใหม่  แกทำหน้าย่นขมวดคิ้วเข้าหากัน  
 	ค่ายเราแตกทุกคนหนีเอาตัวรอดไม่มีใครกล้าถือมาด้วยหรอกครับ  เราต้องหนีแบบชาวบ้าน  จากนั้นผมพาเธอกับหลานเดินไปตามป่าเขามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก  แต่การเดินทางของเราล่าช้าเพราะต้องคอยหลบหลีกพวกทหารขาศึกที่ตามล่า  ทีแรกผมยังงงอยู่ว่าพวกเขาล่าชาวบ้านทำไม  

 	นั่นนะสิลุง มันตามล่าทำไมแค่ชาวบ้านอพยพ  ข้าพเจ้าสอดขึ้นด้วยความอยากรู้  

 	ผมมารู้ทีหลังว่าทหารพวกนั้นมันตามปล้นทองที่ชาวบ้านถือมา  

 	อืม  ข้าพเจ้าพยักหน้า  

 ต่อครับลุง  ผมเร่งเร้าเมื่อเห็นแกเงียบไป  

 	เราต่างอ่อนหล้ากับการเดินทาง  เย็นนั้นเราพักข้างลำธารหลานเธอร้องไห้หิว  เธอแกะห่อผ้าเอาเนื้อแห้งยื่นให้ผม  บอกให้ผมก่อไฟย่างกิน  ตอนนั้นผมเริ่มจะสังเกตใบหน้าเธอชัด ๆ  หลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่แทนตัวเก่าที่มอมแมม  เธอผิวขาว  นัยน์ตาชั้นเดียว    ผมถามว่าหลานเธอคนนี้เป็นลูกใคร  เธอเล่าให้ฟังว่าเป็นลูกพี่สาวที่ตายไปแล้ว  ส่วนพ่อของเด็กหนีไปเอาเมียใหม่  ค่ำคืนนั้น  ท่ามกลางแสงจากกองไฟเธอสวยมาก  สวยถูกใจผม  เสียงปืนใหญ่และปืนเล็กดังแว่วอยู่ไกล ๆ  ผมดับกองไฟกลัวเป็นที่สังเกต  แล้วบอกให้เธอนอน  คืนนั้นผมยอมรับว่าผมอดใจไม่ได้  ผมไม่ต่างจากไอ้หื่นกามดีๆนี่เอง  แรก ๆ  เธอขัดขืน  แต่ปากผมพร่ำบ่นว่ารักเธอชอบเธอและจะพาเธอไปอยู่ด้วยที่บ้านเกิด ในที่สุดเธอก็ยอมตกเป็นเมียผม  เธอบอกว่าอย่าทิ้งเธอกับหลาน ไปไหนเอาไปด้วยเพราะเธอยอมเป็นเมียผมแล้ว  ในห่อผ้ามีทองจำนวนหนึ่งพอที่จะตั้งหลักปักฐานได้เมื่อถึงเมืองไทย  ลุงมาจุดบุหรี่สูบพ่นควันขณะระบายลมหายใจก่อนที่จะเล่าต่อ  

 	ใช่  สถานการณ์เช่นนั้นเธอต้องหาที่พึ่ง  เช้ามืดวันนั้นผมพาเธอเดินทางต่อผมเอาหลานเธอที่ยังไม่ตื่นไว้บนหลังแล้วเอาผ้าขาวม้ารัดไว้ตามเดิม  ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปตามป่าเขา  ผมบอกเธอว่าถ้าเดินทางได้ราบรื่นอย่างนี้พรุ่งนี้ตอนบ่าย ๆ  หรือเย็นๆน่าจะถึงเขตชายแดนไทย  และแล้ว...เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้น  ลุงมาตีหน้าเศร้าอีกพร้อมส่ายหน้าไปมาช้า ๆ  อย่างซึมเศร้า

 	มันเกิดอะไรขึ้นครับลุง  ข้าพเจ้าเร่งถามด้วยความอยากรู้แกยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วก่อนยื่นให้ผู้รินราวกับว่ายังไม่พอเพียงกับความหิวโหย  

 	บ่ายวันนั้นพวกเราหยุดพักใต้ร่มไม้  ผมยอมรับว่าเหนื่อยมาก  ลำคอแห้งเป็นผง  เปลวแดดแผดแสงร้อนระอุ  พวกเรานั่งพักยาวจนเย็น  ขณะกำลังเคลิ้มหลับ ทันใดนั้นเสียงคนร้องตะโกนพร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งใกล้เข้ามา  ผมสะดุ้งตื่นอุ้มเด็กพร้อมดึงแขนเธอออกวิ่ง เสียงปืนดังตามหลังเป็นชุดๆ  หลานเธอร้องไห้จ้า ทีแรกผมนึกว่าแกตกใจกลัว แต่พอวิ่งมาได้สักพักมีความรู้สึกว่าขาผมเปียกชุ่ม  พอเหลือบลงไปมอง  เลือดสด ๆ  ไหลอาบขาผม  พร้อมหยดเป็นรายทาง  ผมมองหาที่มาของเลือด  ขาของเด็กถูกยิงเป็นแผลเหวอะหวะเลือดไหลทะลัก  แกร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด  ผมฉีกเอาผ้าขาวม้าพันแผลเอาไว้  เธอได้แต่ร้องไห้สงสารหลาน  ผมพาเธอวิ่งต่อพักใหญ่ๆ เลือดเด็กยังไหลไม่หยุด  เวลานั้นแกแน่นิ่งไปคาดว่าสลบเพราะเสียเลือดมาก  ผมเอาหูแนบที่ตรงอก  หัวใจเต้นช้า ๆ  และเสียงหายใจรวยริน  ผมมองหน้าเธอขอความคิดเห็น  เวลานั้นไม่รู้ว่าผีห่าซาตานที่ไหนมาดลใจผม  และแล้วผมบอกเธอว่าถ้าขืนเป็นอย่างนี้เราไม่รอดแน่  ทิ้งเด็กเถอะเพราะถึงยังไงแกก็คงไม่รอด เธอตกใจร้องว่าไม่ ทิ้งไม่ได้  เธอรักหลานเธอมาก   ลุงมาหยุดเล่าก่อนยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าขบกรามแน่นจนเห็นโหนกแก้มเป็นสันและเส้นเลือดที่ลำคอปูดโปน  เมื่อแกเอามือออก  ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาแกเอ่อซึม  
 	และแล้วสันดานดิบของทาสแท้มนุษย์ที่จะเอาตัวรอดก็ฉายแววออกมา  ผมยื่นหลานให้เธอพร้อมบอกว่าไม่เอาแล้วค่าจ้าง ก่อนวิ่งหลบหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวอย่างน่าละอายและขี้ขลาดที่สุด  เสียงของเธอร้องตามหลังอย่างน่าสงสาร  เสียงนั้นยังแว่วในโสตประสาทผมเท่าทุกวันนี้ว่า  อย่าทิ้งฉันไป  คอยด้วย  อย่าทิ้งฉันไป  ฮือๆ จากนั้นชั่วอึดใจผมได้ยินแต่เสียงปืนดังขึ้นเป็นชุด ๆ  ผมกระโดดหลบ  และวิ่งส่ายไปมาหลบวิถีกระสุน  นานนับชั่วโมงจนมืดค่ำ  ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นไปหลบบนต้นไม้  เวลานั้นตามเนื้อตามตัวผมถลอกไปหมด  ผมนั่งอยู่บนต้นไม้ทั้งคืน  เห็นทหารพวกนั้นลาดตระเวนผ่านมา  หัวใจผมเต้นแรง  ผมหวนคิดถึงการกระทำของตัวเอง  ยอมรับว่าเสียใจมาก  ผมภาวนาให้เธอรอดปลอดภัยที่เถอะ  ผมจะได้กลับไปรับเธอ ขอโทษเธอ  เช้ามืดวันนั้นผมตัดสินใจกลับไปหาเธออีกครั้ง  ผมเดินหาจุดที่ทิ้งเธออยู่นานจนสาย  และเมื่อมาถึงผมต้องตะลึงเข่าทรุด  เธอกับหลาน  ลุงมายกเหล้าดื่มอย่างกระหาย  ก่อนยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อซึม  ทุกคนนิ่งเงียบพลอยเศร้าไปกับแก  

	 เธอกับหลานนอนกอดกันร่างพรุน  เลือดที่สาดกระเซ็นตามกอหญ้าแห้งเกรอะกรัง  ห่อผ้าสัมภาระถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย  ผมนั่งลงคุกเข่าปากพร่ำบ่นขอโทษเธอ  เวลานั้นน้ำตาไหลอาบแก้มไม่รู้ตัว  ผมนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน   นาน โดยที่ผมไม่กลัวตายอีกแล้ว  และอยากให้ทหารพวกนั้นกลับมาฆ่าผมอีกคนเสียด้วยซ้ำ   เสียงลุงมาสั่นเครือ   

	 ผมหาฝืนมาทับร่างเธอกับหลานกองใหญ่  แล้วจุดไฟเผาร่างทั้งสอง  ผมมองดูเปลวไฟครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินทางไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซ  โดยไม่กลัวอะไรอีกแล้ว  ผมเดินใจเหม่อลอยเหมือนคนบ้าตลอดทั้งคืนโดยไม่พัก  จนรุ่งเช้าจึงเข้าเขตแดนไทยและกลับบ้านเกิด  ต่อมาผมบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เธอ  เพราะถึงยังไงเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียผม   
  
	คืนนั้นข้าพเจ้าทิ้งตัวลงนอน  เวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่ตาไม่ยอมหลับ  มันช่างต่างจากการดื่มครั้งก่อน ๆ ที่หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย  แต่ครานี้ไม่  เปลือกตาปิดลงครั้งคราใด  เห็นแต่หญิงสาวหน้าตาหมวยพร้อมเด็กชายตัวเล็ก  ร้องครวญครางโหยหวนอย่างเจ็บปวด  เมื่อโดนกระสุนปืนเจาะร่าง  ข้าพเจ้าเอามือก่ายหน้าผากคิดถึงเรื่องเล่าของลุงมาแล้ว ได้แต่สงสารเธอกับหลาน ....สงสารกระทั่งเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของสงคราม.๐๐๐  
  
&  &  &  &  &  &  &				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป.ยุทธ
Lovings  ป.ยุทธ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป.ยุทธ
Lovings  ป.ยุทธ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป.ยุทธ
Lovings  ป.ยุทธ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงป.ยุทธ