27 สิงหาคม 2546 23:59 น.

ซุกกอดความรักที่ไม่เคยต้องคอย

ปากกาเวทมนตร์

ในวันที่หัวใจโอนเอนอ่อนไหว 
หากแม่อยู่ใกล้ๆ ลูงคงไม่ต้องร้องไห้แบบนี้ 
อ้างว้าง อ่อนแอ ท้อแท้ ทรมาน ในทุกวินาที 
หากแม่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ ลูกคงอบอุ่นทันที ที่เดียวดาย 

ในวันเหงาอย่างนี้คิดถึงแม่ 
อยากระบายความอ่อนแอ ความอ่อนไหว 
อยากให้แม่รับฟัง ให้กำลังใจ 
ความเหนื่อยล้า คงหายไป ไม่เหลือรอย 

อยากกลับบ้านไปนอนหนุนตักอุ่น 
ซึมซับไอละมุนให้ใจลูกหายท้อถอย 
อยากกลับไปพิงพัก.... 
ซุกกอดความรักที่ลูกไม่เคยต้องคอย 
หุ้มห่มความห่วงหาให้หัวใจลูกดวงน้อย-น้อย 
ได้รับการเยียวยาจนใจค่อย-ค่อย........หายดี 
				
24 สิงหาคม 2546 21:39 น.

นี่ที่ไหน...ที่ใต้เงาจันทร์

ปากกาเวทมนตร์

ในฝันที่มีแต่หยดน้ำตา 
ฉันมองเห็นแววแห่งความห่วงหาอยู่ในนั้น 
มองเห็นแววตา..ที่เหมือนดังว่า..ส่งยิ้มให้กัน 
มองเห็น..แสงจันทร์...ในคืนที่มัน..มืดมน... 

เหมือนใครสักคน..จ้องมองฉันอยู่ 
และเหมือนทุกอณู...จะมีเขาอยู่ทุกแห่งหน 
เขาคือใครนะ...ครั้งหนึ่ง...เอ่ยถามหัวใจตน 
เพราะเมื่อพอเหลียวหา..กลับไม่พบใครสักคน..ใต้เงา 

ภาวนาต่อแสงจันทร์ภายใต้ความมืดสนิท 
ขอเพียงครั้งในชีวิต...ให้ฉันได้พบกับเขา 
พลันเมื่อลืมตาตื่น.....เหมือนปาฏิหารย์เกิดม่านบางเบา 
แล้วฉันก็ได้พบกับเขา......เพียงเสี้ยว...ใต้แสงเงา 
และแล้วความว่างเปล่า....ก็พราก...ให้จากลา

ณ ใต้เงาจันทร์ 
ฉันมองเห็นฝันอยู่ตรงหน้า 
เมื่อเธอยื่นมือสัมผัส ฉันสบกับแววตา 
รู้สึกเหมือนดังว่า..ต้องคาถา..หรือไร 

ในคืนมืด สงัด 
ได้ยินชัด เสียงเต้น ที่สั่นไหว 
คล้ายๆ เสียงสุดท้ายของลมหายใจ 
ที่กำลังจะหมดไป..พร้อมกับความเงียบงัน 

เห็นไหม..แววตาของฉัน 
อ้อนวอนต่อพระจันทร์..อย่าเคลื่อนคล้อยไปไหน 
กลัวเหลือเกิน..หากตะวันโผล่พ้นเส้นฟ้าใกล 
แล้วความฝันคงดับสลาย...คล้ายๆ ฉันจะหยุดหายใจ... 
ไปเสียจริง----จริง 
				
24 สิงหาคม 2546 21:12 น.

เมื่อรักกันไม่ได้ก้อไม่รัก

ปากกาเวทมนตร์

อยากลบรอยเท้าเปื้อนพื้นเรือนหอ 

ลบภาพคู่เคียงคลอกันต่อหน้า 

ยิ่งอยากลบยิ่งกระจ่างไม่ร้างลา 

เห็นตำตาตาจึงจำไว้ตำใจ 



เมื่อรักกันไม่ได้ก้อไม่รัก 

ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน 

ไม่รักกูก้อก้อจักไม่รักใคร 

เอ๊ะ!! น้ำตา กูไหลทำไมฤา
				
22 สิงหาคม 2546 20:46 น.

เพราะความห่างไกล

ปากกาเวทมนตร์

กี่วันกี่เดือนกี่ปี 
กี่ความเหงาที่มีจึงจะหมดไป 
ความรักโรยแรงอ่อนแสงลงแล้วหรือไร 
ไม่เคยเข้าใจไม่เคยทำให้ได้รู้สึกดี 

เพราะมีความห่างไกลเป็นศัตรูตัวร้าย 
คอยจ้องทำลายความผูกพันที่ล้นปรี่ 
ระยะทางอาจเปลี่ยนใจเธอได้ในบางที 
และความเหงาที่มีคงเพิ่มขึ้นทุกนาทีถ้าแพ้มัน 

ฉันคงไม่อาจทำสิ่งใดได้ 
นอกจากใช้หัวใจคอยสังเกตความไหวหวั่น 
ถึงความเปลี่ยนแปลงในทุกเวลาที่เราห่างกัน 
ว่าจะยังคงมีฉันอยู่ตรงนั้นรึเปล่า...ในใจเธอ 				
22 สิงหาคม 2546 19:41 น.

อะไรอะไรก้อเกิดขึ้นได้ : อย่าตายก้อแล้วกัน

ปากกาเวทมนตร์

Prepare for Ditching!!!!!!!!!!!!! 
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนักบินบอกให้เตรียมพร้อมรับการลงฉุกเฉินบนพื้นน้ำ 
ให้ตายเถอะเมื่อยังหลับสบาย ๆ อยู่เลย ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์กำลังจะตก 
ซวยแล้ว!!!! แงเอ้ย ตาผมมองเพื่อนที่ขึ้น ฮ. มาด้วยกัน 
พริบตานั้นไม่ทันแม้จะเอาของมีคมออกจากตัว ผมมองพวกดินสอปากกาที่พกไว้เต็มประเป๋าเสื้อ 
ซวย!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 
ผมรีบเก็บคอ-งอเข่า รอฟังคำสั่งของนักบินต่อไป 
โครม!!!!!!!!! เสียงเครื่องกระแทกน้ำทะเลอย่างรุนแรง ผมยังมีสติจนสุดแรงเหวี่ยงของเครื่อง 
ผมยังรอคำสั่งของนักบินให้สละเครื่องอยู่ 

ทำไมท้องฟ้ามันครื้มนักวะ ผมหันมองออกไปนอกหน้าต่าง บ้าชิบ!!!! เครื่องจมนี่หว่า 
ผมหันไปมองเพื่อน ๆ ที่นั่งเครื่องมาด้วยกัน สายตาผมรีบหันไปทางนักบินเพื่อจะถามคำสั่งต่อไป 
เฮ้ย!!!! ทำไมมันสลบกันหมดเลยวะ น้ำทะเลค่อย ๆ เข้ามาใน ฮ. ผมจำได้ไม่ลืม พอน้ำเริ่มท่วมหัวต้องกลั้นหายใจ ให้นับ 1 ถึง 7 
หนึ่งพันหนึ่ง หนึ่งพันสองไม่นับแล้วเว้ย เพื่อนยังสลบอยู่เลยผมรอจนเครื่องจมมิดลำและรอให้น้ำท่วมทั้งลำ เพราะถ้ารีบปลดเข็มขัด ร่างกายที่มีอ๊อกซิเจนในตัวจะพาลทำให้ตัวลอยไม่ได้ออกไปไหน ผมรีบไปปลดเข็มขัดเพื่อนทันที เปิดประตูแล้วผลักร่างที่ไร้สติของ เปา เพื่อนผมออกไปนอกเครื่องแล้วดึงชูชีพให้มันลอยขึ้นไป 

มนุษย์ปกติกลั้นหายใจได้นาน 49 วินาทีหรือมากกว่านั้น แต่อารามตกใจ ที่หัวใจผมมันเต้นไหวอย่างดังก้องในอก ใจนึงโลเลที่จะช่วยนักบิน อีกใจจึงกลัวเอาตัวไม่รอด แต่จนแล้วจนรอดมนุษยธรรมในหัวใจที่พอมีน้อยนิดก้อไปลากมันออกมา นักบินไม่ได้ใส่ชูชีพไว้ ผมต้องปลดชูชีพผมแล้วผูกกับข้อมือนักบินไว้ แล้วกระตุกชูชีพให้ ผมกลั้นหายใจแทบไม่ไหว แล้วยังหลงน้ำอีกต่างหาก ผมเริ่มหมดสติแล้วให้ตายเถอะ 

ว่ากันว่าคนที่เป็นลูกทะเลคือคนที่ได้ใช้ชีวิตในทะเลมาแทบทั้งชีวิต ผมเองก้อเป็นลูกทะเล ตั้งแต่เกิดมาก้อเห็นทะเล เรียนก้อติดทะเล บ้านก้อติดทะเล ทำงานยังกลางทะเล นี่จะตายในทะเลด้วยรึนี่ ผมรู้สึกได้ถึงสายป่านของชีวิต ในใจพร่ำถาม แฟนเราจะเป็นยังงัยน้า เพื่อน ๆ เราล่ะงานล่ะสารพัดสารเพ สายป่านนั้นก้อยังยืดออกไปเรื่อย ๆ แต่ก่อนที่จะขาดห้วงนั้น พลันผมเห็นหน้าพ่อกับแม่ขึ้นมาทันใด ใครจะดูแลพ่อแลผมกันเล่า พระพุทธเจ้าที่ทรงเมตตาให้สายป่านนั้นค่อย ๆ กลับมา ไอ้การที่จะเป็นลูกทะเลมันง่ายนิดเดียว แต่ไอ้การจะเป็นเฒ่าทะเลในวัยแค่นี้สิมันยากนักต้องรอดให้ได้ ไม่ขอตายภายใต้อ้อมกอดทะเลวันนี้แน่ ๆ ข้าจะเอาชนะทะเลให้ได้ พ่อแม่เป็นพรหมของลูกจริง ๆ ได้โปรดให้ชีวิตลูกอีกครั้งเถอะ 

ผมเริ่มมีสติภายใต้ความเย็นของน้ำทะเลระคนไปด้วยคลื่นที่กระหน่ำซัด พระเจ้า!!! กูต้องรอด ผมเผลอพูดออกมาจากปาก อากาศที่ออกมานั้นทำให้ผมรู้ทิศทาง ผมว่ายตามอากาศนั้นขึ้นมา เพราะถ้าว่ายเร็วกว่าอากาศ จะทำให้ปอดฉีกขาดได้ 

เหนือน้ำท่ามกลางความมืดมิด ผมไม่มีชูชีพด้วย ผมถอดกางเกงออกมา มัดขากางเกงทั้งสองข้าง ตีอากาศเข้าไปเพื่อทำชูชีพฉุกเฉิน ผมมองหาเพื่อนที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ สายตาผมเหลือบไปเห็นแพยางที่ลอยขึ้นจึงรีบเข้าไปกระตุกเชือกให้มันกางเอง บ้าชิบ!! ดันคว่ำอีก 
ผมต้องออกแรงพลิกแพยางนั้นให้หงายขึ้นมา เครื่องช่วยชีวิต เครื่องส่งสัญญาณ น้ำ ยาแก้เมาเรือ ทุกอย่างจมไปพร้อมกับการคว่ำเมื่อกี้ ซวยชิบ! ผมปีนขึ้นแพยางมองหาเพื่อนอีกครั้งเห็นชูชีพอันนึงใกล้ ๆ แต่ไม่มีคน เฮ้ย เมื่อกี้ผูกข้อมือนักบินมานี่หว่า ผมรีบกระโดดลงน้ำไปดึงนักบินขึ้นมา มันจมไปกี่นาทีแล้ววะ ปกติขาดอากาศได้แค่ 3-5 นาทีนี่หว่า ผมรีบผายปอดโดยเร็ว ผายปอด 2 ครั้ง ปั้มหัวใจ 15 ครั้ง ทำนานมาก นานจนที่อยากจะปล่อยให้คนคนนึงตายตรงหน้า กว่าที่นักบินจะมีชีพจรขึ้นมาผมจะตายแทนให้ได้ เพื่อนผมล่ะ? เพื่อนผมอีกคนอยู่ที่ไหน ท่ามกลางความมืดได้ยินเพียงเสียงคลื่น ผมจะไปมองเห็นใคร น้ำตาผมแทบไหลออกมา 

คนเราขาดอาหารได้ 40 วันแต่ขาดน้ำได้แค่ 2-3 วันเท่านั้น น้ำทะเลที่ยังคงรสเค็มในปากทำให้ผมไม่กล้าแม้คิดจะกินมัน ผมหิวน้ำ หิวมากจนต้องเด็ดกระดุมเสื้อมาอมเล่นให้น้ำลายไหลพอให้กลืนได้ชุ่มคอ 
จำได้ว่าความหิวนั้นหากจับปลาได้ก้อห้ามกิน ให้กินน้ำจากปลาเท่านั้นเพราะปลามีโปรตีนเยอะ โปรตีนใช้น้ำช่วยย่อยเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งกินปลายิ่งหิวน้ำ แล้วผมจะจับปลาได้ที่ไหนจะคิดทำไมกัน!! 

ฝนตก!!! โชคดีจริง ๆ น้ำฝนที่ตกลงมาในแพยางผมเอามือกดแพให้น้ำไหลมารวมกันแล้วดื่มแก้กระหาย พอความกระหายน้ำหายไป คราวเคราะห์ร้ายก้อมาเยือน ผมต้องวิดน้ำออกจากแพยางเพื่อไม่ให้เราหนาวเพราะน้ำท่วมแพยาง คลื่นจากลมฝนเริ่มทำให้ผมออกอาการ ขู่ฉลาม คือผมให้อาหารปลาฉลามอย่างไม่เกรงกลัวสัตว์ร้ายจากอ้วกของผม 
น้ำตาผมไหลเพราะร่างกายพยายามขับอะไรก้อได้ให้ออกมา ผมอ้วกจนแสบท้องปวดตาไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นอนรอการช่วยเหลือเท่านั้น แพยางไม่มีสมอทะเล ไม่มีสักอย่าง ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ผมกับคนเจ็บ 

วันที่ 4 ที่ผมลอยอยู่กลางทะเลนั้น ผมมีความคิดที่อยากฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นความทรมานจากแดดที่หนาวเหน็บ ผมพยายามพูดเพื่อไม่ให้หลับ แต่คนที่ผมพูดด้วยกลับเป็นร่างที่เคยเป็นคนเจ็บเท่านั้น บัดนี้เพื่อนผมคนเดียวกลางเวิ้งน้ำกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณซะแล้ว ความหิวกระหาย ความท้อแท้สิ้นหวัง หรือว่าสวรรค์ชัง นรกเมิน ผมจึงไม่ตายสักที 

ผมอยากปลดปล่อยความทุกข์นั้นจึงหยิบปากกาที่หน้าอกขึ้นมาหรี่ตามองใต้ดวงอาทิตย์ ครุ่นคิดถึงความตาย ผมร้องไห้พร้อมแหกปากตะโกนลั่นอย่างไม่เป็นภาษามนุษย์ มือขว้างปากกานั้น เพื่อหมายมอบให้ทะเลแทนชีวิตของผม ไกลสุดสายตาเสียงแว่วของระฆัง ผมเห็นเสาเรือ ผมยิ้มแล้วหลับตาลงอย่างเปี่ยมสุข 

--------------------------------------------------------------------

ตื่น ตื่น ตื่น!!! นี่นาย!!! ตื่นได้แล้ว ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาตามเสียงนั้น 
เปิดเทอม ม.ต้น วันแรกก้อนอนหลับเลยนะ ไม่อายวิทยากรรับเชิญบ้างรึงัย เรื่องที่เค้าเล่าสนุกแบบนี้นี้ยังจะหลับลงอีก เดี๋ยวตามมาที่ห้องพักครู 

สนุกสิ สนุกจนเอาไปฝันมันซะเลย ผมคิดอย่างนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ 
โตขึ้น เธออยากเป็นอะไร วิทยากรรับเชิญที่มาสอนเรื่องการดำรงชีพกลางทะเลเดินเข้ามาถามผม 
ผมตอบอย่างไม่คิดทันที 
ผมอยากเป็นนักบินอวกาศครับ วิทยากรพยักหน้าแล้วก้อเดินไปพูดต่อหน้าห้อง 
พอเลิกชั่วโมงผมก้อเดินออกจากห้องจะกลับบ้าน ก้อคาบนี้มันคาบเรียนสุดท้ายของวันนี้แล้วนี่นา 
ผมได้ยินเสียงเดิมนั้นแว่วมา 

แล้วเธอไปทำอะไรที่กลางทะเลล่ะ 

เฮ้ย!!!!!! 
ผมสะดุ้งตื่นจากความหนาวเหน็บนั้นขึ้นทันที..... 

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปากกาเวทมนตร์
Lovings  ปากกาเวทมนตร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปากกาเวทมนตร์
Lovings  ปากกาเวทมนตร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปากกาเวทมนตร์
Lovings  ปากกาเวทมนตร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปากกาเวทมนตร์